ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Diary CM01/02

    ลำดับตอนที่ #10 : [ฤดูกาลที่ 6] เวทีพรีเมียร์ลีคปีที่ 2 ครั้งแรกกับเวที UCL

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 58


    ครั้งแรกกับเวที UCL - ฤดูกาล 2006/2007


     
    จะคว้าแชมป์ UCL 
    นี่คงเป็นเป้าหมายที่ต้องการแน่นอน แต่ไม่ใช่เป้าใหญ่กับปีแรกแน่ๆ หลักจากที่เปิดฤดูกาลมา แล้วแพ้ทั้งปาร์ม่า ทั้งมิลาน แบบลุ้นเสมอยังยาก
     
    ขณะที่บอลถ้วยเองก็ดูท่าหวังยาก แม้แต่ลีคคัพที่คิดว่าน่าจะได้ลุ้นก็ตกตั้งแต่แข่งรอบ 3 และแพ้โบลตันคาบ้านแบบทรงเกมไม่ได้เหนือกว่าเลย
    เลยเหลือแค่ UCL ที่เปิดตัวแย่สุดๆ กับ FA Cup ที่ผ่านรอบ 4 ไปเยือนลิเวอร์พูลนั่นล่ะ
     
    แต่ไม่น่าเชื่อว่าไปๆมาๆ พอเล่นไปถึงท้ายฤดูกาลมันกลับกลายเป็นว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ
    ถ้าปีก่อนทีมมีลุ้น 3 แชมป์ กับพรีเมียร์ลีค ยูฟ่าคัพ และลีคคัพ ก่อนที่จะจบลงด้วยสองแชมป์หลังล่ะก็... คว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปอย่างเท่
     
    ปีนี้เองตอนช่วงท้ายก็เดจาวูครับ ลุ้น 3 แชมป์ แบบใหญ่ๆทั้งนั้นตั้งแต่ พรีเมียร์ลีค FA Cup และ UCL
    พรีเมียร์ก็ผ่านไปกับตอนก่อน
     
    คราวนี้ก็มาเน้นที่บอลถ้วยกันดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น และผลเป็นเช่นไร 
     
    เริ่มจาก FA Cup ก่อนเล บอลถ้วนน็อคเอ้าท์แพ้ตกรอบ เป็นอะไรที่รู้สึกว่าได้ยากมากๆ เพราะจับฉลากทีไรก็ชอบไปเจอทีมใหญ่นอกบ้านทุกที
    อย่างปีก่อนก็ไปแพ้เชลซี 3-5 ในบ้านเชลซี 
     
    ปีนี้เปิดมาเหมือนจะดี เจอ Hull ในบ้าน
    แต่ฟอร์มไม่ได้ดีอย่างที่คิด 
    ชนะ 3-2 แบบที่ว่าต้องบ่นว่า อะไรฟะ... ยิงไป 8 ได้แค่ 3 อีกฝ่ายยิง 2 เข้า 2
    แต่ก็นั่นล่ะ ประตูยังไม่นิ่งก็ทำใจไป

     
    รอดมาได้ก็นึกว่าจะได้โชคอะไรบ้าง แต่ก็ไม่เลยสักนิด พอจับฉลากมา ต้องไปเจอลิเวอร์พูลถึงถิ่นแอนฟิลด์...
    จัดทีมสู้แบบไม่มีอะไรจะเสีย แต่ก็ยังเน้นโรเตชั่นนะ แต่ไปๆมาๆ นักเตะก็ฮึดสู้ของเขาแล้วเอาชนะมาได้แบบงงๆเลย
     
    โดนยิงนำก่อนด้วย แต่พลิกแซงซะงั้น ถูกตีเสมอ ก็มีปล่อยของท้ายเกมอีก ทรงเกมสูสีแต่ชนะมาได้ด้วยลูกฮึดแท้ๆ

     
    ผ่านมาได้แบบหืดขึ้นคอ การจับฉลากก็ยังปราณีให้พักหายใจหายคออยู่บ้าง เมื่อได้แข่งในบ้านกับแบล็กเบิร์น
    ผลก็ออกมาเบาๆ 2-0 โดยประตูของเอลแบร์เจ้าเก่ากับเฮนเดอร์สัน โดยที่รูปเกมไว้ใจได้

     
    ผ่านมาได้ก็มีหลายทีมที่อยากไปเจอ เพราะงานจะได้เบาๆ
    ที่เล็งๆอยากเจอไว้ก็เช่น เชฟเว้นส์ ฟูลแล่ม ซิตี้กับโบลตันก็พอไหว

     
    แต่พอจับฉลากแล้ว... แทบอุทานแรงๆว่า พ่อง...
    เจอ นิวคาสเซิ่ล ที่ เซนส์เจมส์ปาร์ค... นิวที่กำลังแย่งแชมป์กันอยู่นั่นล่ะ...
    เกลียดรายการนี้ก็เพราะดวงนี่ล่ะมีอย่างที่ไหนจับทีมดิวิชัน 1 เจอกัน แล้วเอาพรีเมียร์ชนกันเอง
     
    แต่มาถึงนี่แล้วก็ต้องแข่งนั่นล่ะ การจัดทีมก็เอาชุดใหญ่มาแต่โรเตชั่นบางตำแหน่ง 
    เจอกันก็สู้กันยิบตานี่แหล่ะ ผลจบที่เสมอแบบเกือบแพ้ด้วยซ้ำ ยิงได้ท้ายเกม

     
    10 วันจากนั้นนัดรีเพลย์ก็จัดขึ้นที่บ้านของ Northwich ความได้เปรียบก็กลับคืนสู่เราบ้านล่ะ
    และผลก็ขอจัดหนักสักทีเหอะ...
    จริงๆทรงเกมไม่ได้ขาดอะไร แต่ Roman ฟอร์มเข้าฝักพอดี เลยแฮททริกส์ไปซะ

     
    และในนัดก่อนชิงชนะเลิศ ได้เจอกับ Man City ที่ผ่านโบลตันมาได้
    เกมเป็นไปอย่างสูสี แต่ประตูโทนของ Skalidis ก็ทำให้ทีมทะลุไปสู่รอบชิงครั้งแรกของประวัติสโมสรได้
    จริงๆก็ต้องให้เครดิท ประตู Pinheiro ด้วยล่ะนะ ที่ต้นฤดูกาลมาฟอร์ม 5 เป็นว่าเล่น แต่ช่วงหลังนี่ 8-9 เป็นว่าเล่น
     
     
    และในรอบชิงที่เจอกับแมนยู
    เป็นอะไรที่บอกได้ว่าเสียดายสุดๆ เพราะอุตส่าห์หลุดมาถึงรอบนี้ได้ แต่ว่าตารางแข่งขันก็ชุกสุดๆ ทั้งพรีเมียร์ ทั้ง UCL 
    และที่เสียหายมากๆก็คือ การเสีย Henderson และ Giraldo ที่เป็นกลางรุกคุมจังหวะไปพร้อมๆกันในนัดกับลิเวอร์พูลก่อนหน้านี้ 
     
    นั่นคือการจัดทำต้องเป็นไปแบบไม่มีกลางธรรมชาติเหลือเลยสักคน แล้วจะเอาอะไรไปสู้ล่ะทีนี้...
    นี่เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไมต้องมีทีมขนาดใหญ่เข้าไว้
     
    ผลการอแข่งขันไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆ
    จริงๆแล้วทรงเกมดีขึ้นมากหลังจาก ซิลแวสต์ โดนไล่ออก แต่ก็นั่นล่ะ ในเมื่อไม่มีกลางคุมจังหวะ เกมเลยไม่ไหลลื่นแบบที่ควรจะเป็น หน้าพยายามแล้ว รูปเกมก็ดีกว่าด้วย แต่บุฟฟ่อนก็เหนียวเหลือเกิน ผลจึงจบที่แพ้ 0-1 ตามที่เห็น พลาดไปแบบน่าเสียดายที่สุด เพราะผ่านเรื่องยากๆมาถึงนี้แล้วแท้ๆ

     
     
     
    อย่างไรก็ดี การชิงถ้วยก็ยังไม่จบเท่านั้น เพราะยังมีรายการ UCL อีก
    รายการที่เกือบจะตกรอบแรกแล้วจริงๆ...
     
    มันเกิดอะไรขึ้นมาดูกัน
     
    ก่อนอื่นคงต้องย้อนไปสักนิดว่า Northwich จับฉลากรอบคัดเลือกรอบ 3 เจอกับ Sparta Prague แล้วเอาชนะมาได้ด้วยประตูรวม 3-1
    ซึ่งพอจับฉลากประกบทีมแล้วก็ได้ไปอยู่ในบล็อค E ต้องเจอกับทีม Milan  Rangers และ Eth.Asteras
     
    ถามว่ายากไหม ก็บอกได้ว่ายาก และคิดเลยว่าสงสัยต้องไปวัดกับ Ranger แล้วว่าใครจะได้เข้ารอบต่อไป
     
    และก็ยากดังที่ว่าคือนัดแรกก็แพ้มิลานไป 0-3 ตามที่ว่ามาข้างต้นแล้ว ตกไปที่ 4 ทันตาเห็นเลย

     
    ในนัดที่ 2 ต้องไปเยือน Eth.Asteras นัดนี้ต้องพยายามให้หนัก 3 แต้มกู้ชีพสำคัญมากสุดๆ
    ด้วยสภาพทีมที่แตกต่าง และใบแดงของทีมเหย้าแต่ต้นเกมก็ทำให้ความได้เปรียบกลับมาทางนี้แบบเต็มวงสวิง
    ยิงได้แค่ 2 ลูก แต่ก็เกินพอสำหรับ 3 แต้ม และขยับขึ้นมาที่ 3
     
    แล้วนัดต่อมาเปิดบ้านตัวเองก็ได้ Skalidis และ Brennan ซัดคนละลูกให้ทีมชนะ 2-0 
    เท่ากับว่า 3 นัดได้มา 6 แต้มล่ะ ขึ้นที่ 2 ได้สักที

     
    แต่นัดที่จะเป็นจุดเปลี่ยนจริงๆก็คือนัดหน้า ซึ่งต้องไปเยือน Rangers นี่เอง
    Roman กับ Jacobsen ก็ช่วยยิงและเซฟ ให้ทีมได้ 3 แต้มสำคัญทิ้งห่างมาสำเร็จ

     
    แล้วนัดต่อมาก็ตามคาดคือไปเยือนมิลานแล้วแพ้ 
    แพ้ไม่มาก 0-1 ส่วนเรนเจอร์ชนะ แต้มเลยเป็น มิลาน 15 นอร์ทวิช 9 เรนเจอร์ 6 เหมือนจะทัน แต่ดูจากผลงานตอนเจอกันที่เราชนะทั้งเหย้าและเยือนแล้วก็ไม่ต้องกังวลล่ะ
     
    นัดสุดท้ายของรอบนี้ก็เปิดบ้านรับ Eth.Asteras และชนะถล่มไป 5-0 เข้ารอบในอันดับ 2 แบบสมควรแล้ว
    เปิดตัวไม่สวย แต่กลับมาแบบพระเอกได้ล่ะนะ
     
     
    แต่เข้าที่ 2 นี่มีโอกาสไปเจอที่ 1 ของสายอื่นเหลือเกิน ผ่านมาได้ก็สบายใจไม่ได้...
    แล้วพอประกบคู่แล้วก็แทบจุกกันเลยทีเดียวเมื่อต้องเจอ  Barcelona  Atalanta และ Lille...
     
    นัดนี้ก็ต้องตั้งเป้าไว้พอตัวก่อนว่าอันดับ 2 เช่นเคย และพยายามเก็บแต้มจาก Atalanta  และ Lille ซึ่งเป็นทีมระดับใกล้เคียงกันหน่อย
     
    นัดแรกรอบ 2 เจอ Atalanta บ้านตัวเอง
    คงต้องบอกเลยว่าโชคจริงๆในนัดนี้ เพราะอีกฝ่ายเจอใบแดงถึง 2 ใบ และประตูจุดโทษจากใบแดงนั้นก็เป็นประตูโทนและ 3 แต้มเสียด้วยสิ

     
    นัดต่อมาไปเยือน Lille ก็โชคอีกเช่นกันที่ประตูของทีมเจ้าถิ่นเจ็บตั้งแต่นาที 15 แล้วนาทีที่ 80 กลางทีมเราถูกดึงล้มในเขตโทษ 
    Skalidis ก็ยิงจุดโทษให้ทีมชนะต่อเนื่องกัน
     
    2 นัด 2 ประตู 2 จุดโทษ... 6 แต้ม
    ไม่สวยก็ไม่ว่ากัน เน้นผลก็แล้วกัน ดีกว่าเล่นดีแล้วไม่ชนะ
     
    นัดที่ 3 เปิดบ้านรับบาซ่า
    ในที่สุดก็ได้เจอทีมใหญ่จนได้ ซึ่งบอกตามตรงว่ายังรู้สึกไม่สู้ดีกับนัดมิลานอยู่เลย กลัวว่าทีมจะแกว่ง
    แต่ว่าตอนนี้ทีมเหมือนระบบเข้าที่แล้ว จากที่ไม่น่าสู้ได้ พอเล่นไปแล้วกลับทำได้ดี ทรงเกมเสมอที่ 50:50 แต่โอกาสทำประตูเรา 10 บาซ่า 4 เท่านั้น
    และสกอร์ที่ออกมาก็เป็น 2-1
    คีย์แมนจริงๆคือแผงหลังนี่ล่ะ แน่นจนบาซ่าทำอะไรไม่สะดวก เกมรุกก็รอสวนดีๆ
     
     
    แต่ความอัศจรรย์ยังไม่จบเท่านี้
    เพราะนัดต่อมาที่ต้องไปยังคัมป์นู ที่คิดว่ายังไงก็เสียแต้มแน่ๆ แต่แล้วผลกลับออกมาตรงข้าม...
    ทรงเกมก็ยังสูสี 50:50 แต่ทีมเราสร้างโอกาสมากกว่า โดยยิงเข้ากรอบ 11 ครั้ง ขณะที่บาซ่าทำได้แค่ 5 และโอกาสที่ได้มา 11 ครั้งนั้น ก็ถูก Skalidis ใช้ครึ่งหนึ่งแปรเป็นชัยชนะที่เรียกได้ว่าล้มยักษ์ได้เลย
    5-1 ได้ยินไม่ผิดครับ... ผมเองก็ยังทึ่งกับผลนัดนี้เลย
    บาซ่าทีมที่เป็นอันดับ 1 ของลีคสเปนเชียว

     
    เท่ากับว่านาทีนี้ 4 นัด 12 แต้มเข้าให้แล้ว โอกาสเข้ารอบสูงจนไม่น่าพลิก และแน่นอนว่าต้องเข้าฐานะอันดับ 1 ด้วย
     
    ในอีก 2 นัดที่เหลือจึงไม่กดดันอะไรมาก และจัดตัวโรเตชันได้
    ผลก็คือไปเยือนอตาลันต้าแล้วเสมอ 2-2 จากนั้นเปิดบ้านพบลีลล์ ชนะ 5-0 ด้วยแฮททริกส์ Brennan 
     
     
    6 นัดชนะ 5 เสมอ 1 ได้มา 16 แต้มเข้าฐานะอันดับ 1 ผลงานน่าทึ่งมาก
     
     
    ในที่สุด 2 อันดับจาก 8 สายก็ได้มาประกบคู่เหย้าเยือน แพ้คัดออกล่ะ โดยผลการประกบคู่ก็คือ
    Northwich Vics. เจอ Betis
    Barcelona เจอ Roma
    Dortmund เจอ Milan 
    Arsenal เจอ Man Utd.
     
    ไม่ว่าเจอทีมไหนก็หนักทั้งนั้น...
     
    สำหรับเราแล้วเจอ Betis คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะปีที่แล้วก็เพิ่งเจอกันมาใน ยูฟ่ารอบ 4 และจบด้วยสกอร์รวม 4-1
    แต่ปีที่แล้วได้จุดโทษกับโดนแบนเลยทำให้ผ่านมาเหมือนง่ายๆ ปีนี้คงไม่ใช่...
     
    นัดแรกที่เปิดบ้านมาก็รุกใส่แบบเต็มที่ ยิงไป 11 เข้ากรอบ 8 ส่วนเบติสไม่ได้ยิงเลยสักลูกเดียว...
    ก็ได้จุดโทษมาทำให้ได้ประตูสำคัญนี่แล
    ไม่รู้จะว่ายังไงกับฟอร์มครึ่งกลางๆดี จะว่าเรายิงไม่คม หรือยังไง พับสนามขนาดนี้ทีมเบติสก็ไม่ได้คะแนนอะไรมากมายอย่างที่ควรจะเป็น

     
    ในนัดที่สองที่ต้องไปเยือนถึงสเปนนั้น เกมนี้กรรมการโหดมาก แจกใบแดงว่อน 3 ใบเลย และเป็นทีมเราเสียด้วยที่โดนไปถึง 2
    โดนยิงนำไปก่อนด้วย ดีนาทีที่ 54 เหมือนจะทะเลาะกันเลยทำให้ต่างฝ่ายต่างโดน ก็วัดกันที่เกมรุกล่ะ แล้ว Elber ก็ยิงประตูตีเสมอได้ในนาทีที่ 84 ทำให้ชนะด้วยประตูรวม 2-1 เข้ารอบไปแบบดูไม่จืดนัก...
     
     
    แล้วในรอบ 4 ทีมสุดท้ายก็เดจาวูอีก เมื่อได้เจอกับ Barcelona !!!
    อะไรกันหนักหนา ก็นึกว่าผ่านมาได้แบบโชคช่วยแล้ว ยังจะมาเจอรอบนี้อีก... 
    ส่วนอีกฟาก Dortmund ก็ชนกับ Arsenal
     
    ก็มาดูกันว่าที่ชนะ 2 นัดก่อนหน้าเพราะฟลุคหรือฝีมือ
     
    นัดแรกไปเจอที่คัมป์นูก่อน
    ก็เปิดหน้าแลกหมัดตามสไตล์ทีมจอบมุกด้วยกันทั้งคู่ และฝ่ายที่เจ็บหนนี้ก็ยังคงเป็นบาซ่า
    5-0 เลยทีเดียว... สงสัยฤดูกาลนี้จะเป็นทีมงูกับเชือกกล้วยเสียแล้วกระมัง
    5 ลูกนี่มาจากสถิติ ยิง 10 เข้ากรอบ 5 เป็นประตู 5 ด้วยนะนั่น

     
    ในนัดที่ 2 เนื่องจากมาถึงปลายฤดูกาลและต้องแข่ง FA Cup รอบชิงก็เลยโรเตชั่นนักเตะไป
    นัดนี้บาร์ซ่ามาเปิดเกมแรกเลย รูปเกมเลยเป็นรอง แต่ว่าก็ทำอะไรไม่ได้ จบที่ 0-0 ไป ทีมเราจึงทะลุไปรอบชิงแบบม้ามืดกันเลยทีเดียว
    150
    เจอกับอาร์เซน่อลในรอบชิง
     
    ทีมที่เข้ามาได้เพราะโควต้าที่ 4 และเริ่มต้นนัดแรกด้วยความพ่ายแพ้ 0-3 ร่วงไปอันดับ 4 ใครจะคาดคิดว่าจะผ่านมาถึงรอบชิงได้...
    ขอคารวะนักเตะ แผนการ ฝีมือ และโชคเป็นอย่างยิ่ง
     
     
    และแล้วในวันที่ 23 พฤษภาคม 2007 วันแห่งความทรงจำกับนัดชิง UCL สมัยแรกของ Northwich ก็เริ่มต้นขึ้นที่ Olympiastadion เมืองเบอร์ลิน โดยมีผู้ชมเกือบ 70,000 คนในสนาม
    สภาพทีมนั้น Northwich  ขาดกองกลางตัวหลักไปทั้งคู่ แต่หลังกับหน้ายังครบสมบูรณ์ เลยทำให้ต้องเน้นเกมบุกเป็นหลักเพื่อกลบจุดอ่อน
    ส่วน Arsenal ค่อนข้างสมบูรณ์ ยกเว้น Kovac ที่ติดโทษแบน
     
    โดยเมื่อ 3 วันก่อนทั้งสองทีมเพิ่งเจอกันในนัดสุดท้ายพรีเมียร์ลีค และอาร์เซน่อลก็ถูกถลุงไป 5-0 เลยทีเดียว
    ความกดดันจึงตกอยู่อาร์เซน่อลไม่น้อย
     
    แต่พอเริ่มแข่งขันแล้วก็กลายเป็นว่าต่างฝ่ายก็ต่างบุกใส่กัน
    เปอร์เซนต์ครองบอลอาร์เซน่อลเหนือกว่า ซึ่งก็ไม่แปลกสำหรับอีกด้านที่ไม่มีกลางเก็บบอลเลย
    แต่โอกาสทำประตูนั้นอาร์เซน่อลน้อยกว่าโดยยิงไป 8 เข้ากรอบ 6 ส่วนนอร์ทวิช ยิงไป 11 เข้ากรอบ 8
     
    และประตูเบิ้ลที่ได้ในช่วงอาร์เซน่อลแกว่งอยู่ โดย Skalidis เจ้าเดิมในนาทีที่ 26 และ 28 ก็ทำให้ทีม Northwich  กลายเป็นผู้ชนะและคว้าแชมป์ไปในที่สุด
    แผงหลังและประตูเองก็ควรได้รับเครดิทในเกมนี้ เพราะยันเกมรุกของอาร์เซน่อลได้อยู่หมัดเลย
     
     
    แชมป์รายการใหญ่ที่สุดในยุโรปมาพร้อมกับแชมป์ลีคสูงสุดของประเทศ 
    จะมีวันไหนอีกแล้วที่แฟนบอลจะดีใจเท่าวันนี้ และฤดูกาลนี้!!
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×