ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cage คลังเก็บของจิปาถะส่วนตัว. บุคคลไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า!!!

    ลำดับตอนที่ #40 : [AU(?)Fic] Starry Sky

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 108
      0
      11 เม.ย. 55

    ◕Introducation◕

    ◕ปฐมบท-เปิดม่านของเรื่องราว "บทเพลงฆาตกรย่ำสนธยา"◕


        ในกาลสมัยก่อน ในยุคสมัยเอโดะ ได้มีตำนานอันน่าสพรึงเกิดขึ้น ผู้คนที่รู้เรื่องนี้ในสมัยนั้น เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่บอกให้ลูกหลานของตนเองรู้ เพราะไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ต้องมีเรื่องน่ากลัวอยู่ แต่ทว่ายังมีบางคนที่เล่าถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับรู้ แต่มีน้อยนัก...ดังนั้นในปัจจุบันนี้ จึงไม่มีใครรู้จักเรื่องนี้เลย...

        เรื่องราวมันเริ่มมาจากที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบท ห่างไกลจากตัวเมือง ผู้คนในหมู่บ้านต่างพึ่งพาอาศัยกัน ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่มีขโมยให้เห็นนัก ทุกคนในหมู่บ้านนี้ต่างเป็นมิตรกันทั้งสิ้น หมู่บ้านนี้มีชื่อหมูบ้านว่า 'หมู่บ้านอายะฮานิ' ภายในหมู่บ้านอายะฮานิมีหญิงสาวสวยสคราญอยู่ผู้หนึ่ง ร่ำลือกันว่ามีความงามของนางนั้นไม่มีใครเทียบได้ นางเป็นเด็กกำพร้า ทุกคนในหมู่บ้านจึงให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ ทั้งนางยังเป็นมิตร นิสัยดี สิ่งที่นางชอบคือการแต่งและร้องเพลง นางมีปัญาที่เฉียบแหลม เก่งกาจทั้งบู๊และบุ๋น นางจึงเป็นที่รักของผู้คนในหมู่บ้านอย่างง่ายดาย นางมีชื่อว่า...

        'โฮชิอิ'

        โฮชิอิอาศัยอยู่ในบ้านฟางหลังเล็กๆคนเดียวมาตลอด นางยืนหยัดมีชีวิตอยู่ด้วยตนเองจนปัจจุบัน ผู้คนนับถือนาง เพราะนางเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต และไม่เคยที่จะต้องก้มหัวให้ใครเพื่อความอยู่รอดของตน

        ปัจจัยต่างๆทั้งเรื่องนิสัยและหน้าตา ทำให้โฮชิอิเป็นที่หมายปองอย่างยิ่งจากบุรุษในหมู่บ้าน ที่หวังจะนำนางมาเป็นภรรยาให้ได้ แต่โฮชิอิไม่เปิดใจรับใครเลย นางอยากจะอยู่ตัวคนเดียวอย่างไร้คู่ครองมากกว่า ไม่ใช่ว่านางไม่อยากมีคนรัก แต่เพราะนางคิดว่าการมีคนรักแล้วโดนหักหลังมันน่าจะเจ็บปวดและผิดหัวง...ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะอยู่อย่างไร้คู่ครอง

        โฮชิอิใช้ชีวิตตามปกติ แต่แล้ว... ก็มีบุคคลที่ทำให้ชีวิตของนางเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!

        วันหนึ่ง ขณะที่โฮชิอิกำลังตากผ้าอยู่นั้น ได้มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งดูภายนอกแล้วน่าจะเป็นซามูไร เขามีคราบเลือดเปรอะเต็มร่างกาย โฮชิอิเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองชายหนุ่มผู้นั้นไว้ และนำเข้าบ้านของตนเพื่อไปดูอาการและช่วยรักษาบาดแผลฉกรรจ์ให้

        ไม่นาน เมื่อชายหนุ่มมีอาการดีขึ้น เขาก็แนะนำตัวเอง เขาบอกว่าเขาชื่อ...

        'คุเรียว'

        หากแต่เขาไมได้บอกว่าเป็นใครมาจากไหน คุเรียวปิดปากเงียบเรื่องนี้เสมอเวลามีคนถาม แต่ก็มีหนึ่งคนที่ไม่ซักไซ้ไล่ถามเขาให้มากความ ซึ่งก็คือโฮชิอินั่นเอง

        หลังจากนั้นเป็นต้นมา โฮชิอิก็ให้คุเรียวพักอาศัยที่บ้านของตน และคอยช่วยเหลือคุเรียวในเรื่องต่างๆ ซึ่งค่าตอบแทนก็คือคุเรียวจะต้องช่วยนางทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม และแล้วบ้านที่นางเคยอยู่เงียบๆคนเดียว ก็กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาเพราะได้เคียวคุ ชาวบ้านต่างสนับสนุนให้ทั้งคู่รักกัน แม้แรกๆจะเขินอายอยู่บ้าง แต่โฮชิอิได้ปฏิเสธไป ทั้งที่ในใจเริ่มหวั่นไหวกับคำสนับสนุนนั่นมากขึ้นเรื่อยๆ

        กาลเวลาผ่านไปราวๆสองเดือน โฮชิอิเริ่มรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตนเอง นางแทบไม่เชื่อว่าตนเองจะมีความรู้สึกนี้จนได้...'รัก'...ใช่แล้ว นางได้รักคุเรียวไปเสียแล้ว ทั้งๆที่คิดว่าตนจะอยู่อย่างไร้คู่ไปตลอดชีวิตแล้วแท้ๆ แต่เพราะโฮชิอิเป็นคนที่ซื่อตรงต่อจิตใจของตน ดังนั้นนางจึงตัดสินใจ สารภาพความในใจของนางให้คุเรียวได้รับรู้ ถึงเขาจะไม่ตอบรับก็ไม่เป็นไร เพราะนางได้ทำใจเอาไว้อยู่แล้วตั้งแต่รับรู้ความรู้สึกนี้

        ทางฝ่ายคุเรียวเองก็เช่นกัน เขาได้ตกหลุมรักโฮชิอิ...ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ ที่เขาคอยเฝ้ามองนางอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะทำอะไร เขาก็จะพยายามติดตามนางไปทุกที่ หัวใจเต้นรัวทุกครั้งที่นางเข้ามาใกล้หรือส่งยิ้มให้ตน เมื่อรับรู้ใจตนเองแน่ชัดแล้ว คุเรียวก็ตัดสินใจจะสารภาพความในใจเช่นเดียวกับโฮชิอิ

        ในเวลาสายัณห์ ทั้งคู่ได้สารภาพความในใจแก่กันและกัน พร้อมทั้งแอบเกี่ยวก้อยสาบานกันไว้

        "ข้ารักเจ้า"

        "ข้าเองก็เช่นกัน"

        ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างคู่รักแบบลับๆ เพราะเหตุที่ว่าโฮชิอิยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยฐานะ คุเรียวก็ไมได้ว่าอะไรนาง เพราะเขาเองก็อยากจะลองคบกับโฮชิอิดู หากว่าทั้งคู่ไม่ใช่คู่ที่แท้จริง การเลิกราไปอาจจะไม่เจ็บปวดมากก็เป็นได้

        โฮชิอิและคุเรียวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข อยู่มาวันหนึ่ง คุเรียวได้เล่าเรื่องของตนให้โฮชิอิฟัง

        คุเรียวเล่าว่าตนเป็นซามูไรในสังกัด 'ตระกูลสึสึเมะ' ตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจปกครองบ้านเมืองได้ แต่เกิดการก่อกบฏขึ้นจากบุคคลที่ต้องการจะปฏิวัติตระกูลใหม่ ในวันที่เริ่มทำการก่อกบฏ เขาถูกทหารฝ่ายตรงข้ามรุมทำร้าย สิบต่อหนึ่ง...ทำให้เป็นเหตุที่ตนมีบาดแผลปางตาย และต้องพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่หลบหนีออกมา ตั้งใจว่าถ้าตระกูลสึสึเมะกลับเป็นเหมือนเดิม เขาจะกลับไปรับใช้อีกครั้ง

        โฮชิอิฟังเรื่องราวทั้งหมดของคุเรียวอย่างใจเย็น เมื่อฟังจบนางก็ปลอบคุเรียว ทั้งยังให้กำลังใจว่า ตระกูลที่คุเรียวรับใช้อยู่จะต้องกลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้งแน่ คุเรียวซาบซึ้งในความมีน้ำใจของคนรัก จึงเข้าสวมกอดโฮชิอิ กล่าวขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้

        เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จู่ๆก็มีทหารมาตามตัวคุเรียวไป บอกกับเขาว่าตระกูลสึสึเมะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งแล้ว และคุเรียวก็ได้รับเลือกให้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของคุณหนูของตระกูลสึสึเมะ คุเรียวฟังดังนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง กล่าวกับโอชิอิว่าตนจะขอกลับไปรับใช้ตระกูลดังเดิมตามที่เคยบอกเอาไว้ และถ้าหากฐานะที่นั่นมั่นคงเมื่อไร จะมารับโอชิอิไปอยู่ด้วยและแต่งงานกัน

        โฮชิอิยิ้มรับและบอกว่าตนจะรอวันนั้น...

        หลังจากที่คุเรียวเดินทางออกจากหมู่บ้าน โอชิอิรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีแปลกๆ นางรู้สึกหวั่นใจเรื่องคุณหนูของตระกูลสึสึเมะ เพราะได้ยินกิตติศัพท์มาว่านางมีรูปโฉมงดงามไม่แพ้หญิงใดในแผ่นดิน อาจจะงามกว่าตนด้วยซ้ำไป และกิริยายังอ่อนช้อยนุ่มนวล อ่อหวาน สุภาพ...แต่แล้วโฮชิอิก็ไล่ความคิดนี้ออกไป นางเชื่อใจคนที่นางรัก!

        คุณหนูของทางตระกูลสึสึเมะ มีนามอันแสนไพเราะว่า...

        'มิโยะ'

        ทางฝ่ายคุเรียว แม้จะสงสัยว่าเหตุใดที่คุณหนูมิโยะถึงได้เลือกตน แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดมาก...

        ทางฝ่ายคุณหนูมิโยะ เหตุที่นางเลือกคุเรียว เพราะว่านางมีใจให้คุเรียวมานานแล้ว...ดังนั้นเมื่อมีโอกาสจึงดึงให้คุเรียวมาใกล้ชิดตนเสีย เพื่อที่จะได้สนิทสนมกันมากขึ้น และอาจก้าวไปเป็นความรักได้

        คุเรียวทั้งส่งจดหมายและมาเยี่ยมเยียนโฮชิอิตลอดเวลาที่ว่างและมีโอกาส จนคุณหนูมิโยะสงสัยว่าทำไมกัน ทุกๆวันหยุด คุเรียวจะต้องออกเดินทางจากคฤหาสน์ไปเสมอ จนนางขอร้องให้คุเรียวพาไปด้วย คุเรียวตอบรับคำขอร้อง และพาคุณหนูไปหาโยชิอิ โดยที่ไม่ได้บอกว่าไปหาคนรัก เพราะคิดไว้ว่าจะแนะนำโยชิอิให้รู้จักกับคุณหนูมิโยะเมื่อไปถึง

        เมื่อถึงหมู่บ้าน คุเรียวก็ทำตามที่ตนคิดไว้ ด้วยความสงสัย คุณหนูมิโยะจึงถามคุเรียวว่าโฮชิอิเป็นใคร ทำไมถึงดูสนิทสนมกับคุเรียวนัก คำตอบของเขาทำให้นางตะลึง เพราะคุเรียวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและหนักแน่นว่าโฮชิอิเป็นคนรักของเขา

        ถึงแม้ว่าคุณหนูมิโยะจะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่นางกลับคิดที่จะ 'แย่ง' คุเรียวมาเป็นของตนให้ได้! อนิจจา ด้วยความรักบังตา...ทำให้คนต้องทำอะไรผิดๆได้จริงๆ...

        ฝ่ายโฮชิอิ เมื่อนางเห็นคุณหนูมิโยะ ก็รู้สึกแปลกๆ บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่รู้สึกเหมือนมีบรรยากาศไม่ค่อยดีออกมาจากสตรีนางนี้ ถึงแม้ว่าคุณหนูมิโยะจะแสดงท่าทางเป็นมิตรและยิ้มให้บ่อยๆก็ตาม แต่โฮชิอิก็ปัดความคิดนั้นทิ้ง คิดว่าตนเองคงคิดมากจนเกินไป เมื่อถึงเวลาที่คุเรียวต้องกลับ โฮชิอิก็รู้สึกใจไม่ดีอีกครั้ง...สังหรณ์ว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ แต่นางไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร

        หลังจากนั้นมา ดูเหมือนว่าลางสังหรณ์ของโฮชิอิจะเป็นจริง ตั้งแต่ที่มาเยี่ยมครั้งนั้นก็ไม่ติดต่อหรือไม่มาหานางเลยสักครั้ง แต่เพราะโอชิอิมักจะคิดในแง่ดีเสมอ จึงปลอบตนเองว่า คุเรียวคงจะยุ่งอยู่กับงานทางตระกูล

        แต่สิ่งที่นางหวั่นไว้ในลึกๆจิตใจก้เป็นจริง ในเมื่อมีสายข่าวของหมู่บ้านประกาศให้ได้ยินทั่วว่า คุเรียวตัดสินใจจะแต่งงานกับคุณหนูมิโยะ!!!

        ข่าวนั้นสร้างความเสียใจให้โฮชิอิเป็นอย่างมาก นางเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านตลอด ข้าวปลาอาหารก็ไม่แตะต้อง จนร่างกายซูบเซียว ซีดผอมลงเรื่อยๆ จนหมดความงาม นางเอาแต่ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ไม่มีใครรู้สาเหตุว่าทำไม เพราะว่าตั้งแต่ตอนนั้นที่รักกับคุเรียว นางก็ยังไม่ได้บอกใครว่านางกับคุเรียวมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

        จู่ๆก็มีความคิดเข้ามาในสมองของนาง...

       
        โลกอันมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด
        ท่านเป็นผู้ชายคนแรกที่ปล่อยมือทิ้งข้าไป
        ในห้วงคำนึงที่ข้าเคยคิดว่าสามารถทำทุกสิ่งอย่างได้เพื่อท่าน
        ตราบเท่าที่มีท่านเคียงข้างข้า แม้ร่างกายข้าจะแหลกสลาย ข้าก็ไม่คิดจะเหลียวแล...

        ข้าตัดสินใจแล้ว...

        หลังจากนั้น โฮชิอิก็กลับมาดูแลสุขภาพตามเดิม ทำให้นางกลับมางดงามอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน นางได้ประดิษฐ์หน้ากากรูปใบหน้ายักษ์ขึ้น เตรียมมีดสีเงินวาวและกำยานไปหนึ่งตลับ แผนการทุกอย่างอยู่ในสมองของนางทั้งหมดแล้ว และก่อนวันแต่งงานของคุเรียวกับคุณหนูมิโยะหนึ่งวัน นางจะไปอวยพรทั้งสองแน่นอน!

        เมื่อถึงเวลานั้น ในยามราตรี คืนก่อนวันแต่งงานของคุเรียวกับคุณหนูมิโยะหนึ่งวัน โฮชิอิเดินทางมาถึงคฤหาสน์พอดีเหมาะเจาะ นางสวมหน้ากากยักษ์ที่ประดิษฐ์ขึ้น ซ่อนมีดสีเงินไว้ที่โอบิด้านหลัง เปิดตลับกำยาน ซึ่งในนั้นมียาสลบ! เหล่ายามที่คอยเฝ้าประตูต่างพากันหลับไหลไปอย่างรวดเร็ว กว่าจะตื่นก็คงเช้า...โฮชิอิยิ้มพึงใจกับผลงานของตัวเอง ก่อนจะปิดตลับกำยาน และย่างกรายเข้าไปในคฤหาสน์

        โฮชิอิดักซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ เมื่อเห็นคนรับใช้ของคฤหาสน์จึงพุ่งเข้าไปจับตัวและเค้นถามว่าเรือนไหนที่คุเรียวกับคุณหนูมิโยะอยู่ เมื่อได้ข้อมูลแล้วนางจึงเปิดตลับกำยานอีกครั้ง คนรับใช้จึงสลบไสล จมอยู่ในห้วงนิทรา แล้วโฮชิอิก็เดินตามหาเรือนที่คนใช้บอก ใช้เวลาไม่นาน นางก็หาเจอ...

        โฮชิอิค่อยๆแง้มประตูเข้าไป เพื่อดูบุคคลที่อยู่ในห้องบนเรือน

        ข้อมูลไม่ผิด!!

        แล้วโฮชิอิก็เปิดประตูให้อ้ากว้าง...เป็นจังหวะพอดีกับที่ห่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้าคำรามอย่างน่ากลัว นางรู้สึกยินดีกับ 'ของขวัญ' ที่ฟ้ามอบให้นางมาเพื่ออวยพรคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาวโดยเฉพาะกิจ!

        โยชิอิกล่าวสวัสดียามดึกด้วยเสียงที่ดังพอประมาณให้บุคคลในห้องทั้งสองได้ยิน ทั้งคุเรียวและคุณหนูมิโยะต่างก็สะดุ้งตื่นพร้อมกันทั้งคู่ มองบุคคลแปลกหน้าที่สวมหน้ากากยักษ์ที่เข้ามาในห้องด้วยความตื่นตระหนก โฮชิอิแค่นหัวเราะ และค่อยๆปลดหน้ากากออก...

        เมื่อคุเรียวกับคุณหนูมิโยะได้เห็นใบหน้าที่ซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากยักษ์นั้น ก็ตระหนกตกใจขึ้นเป็นเท่าตัว โฮชิอิยิ้มจางๆ ซึ่งมันเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น!

        นางนึกถึงคำพูดหนึ่งที่ยืนยันและตอกย้ำความแค้นของตนเอง ในตอนนั้น...

        หลังจากที่ได้รับข่าวไม่กี่วัน คุเรียวก็มาหานาง และบอกลา...คำที่นางไม่อยากได้ยิน!!!

        "อย่าได้มาเจอกันอีกเลย"
        "ไม่นะ..."
        "ลาก่อน"

        ถ้อยคำสั้นๆแต่เชือดเฉือนใจผู้ที่ได้รับฟังเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นคุเรียวก็เดินกลับไปอย่างไร้เยื่อใย เรื่องราวหลังจากนั้น ทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้ว...

    กลับมาที่ปัจจุบัน โฮชิอิกล่าวอวยพรให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว ทั้งคู่ดูเหมือนจะวางใจ คิดว่าโฮชิอิคงจะไม่ทำอะไร แค่มาอวยพรให้พวกเขาเฉยๆเท่านั้น แต่ที่ไม่เข้าใจ ว่าเพราะเหตุใดนางถึงมาตอนกลางคืน? แต่ทุกอย่างกระจ่างชัดเมื่อนางกล่าวจบ โฮชิอิหยิบมีดสีเงินวาวแสงเป็นประกายสะท้อนกับสายฝนและแสงจันทร์อยู่ด้านหลังของนาง ไม่ทันให้ผู้ใดได้ตั้งตัวทัน โฮชิอิพุ่งเข้าไปหาคุณหนูมิโยะ กดคมมีดลงบนผิวคออันอ่อนนุ่ม และปาดคอหอยของคุณหนูมิโยะ!!!

        เลือดสดๆสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้าและร่างกายของโฮชิอิ...นางจ้องมองภาพคุณหนูมิโยะที่ตะลึงพรึงเพริด ดวงตาเบิกกว้าง และล้มลงไปทั้งอย่างนั้น เลือดไหลเจิ่งนองไปทั่วบริเวณอย่างเย็นชาและไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่ได้สังหารคน!

        คุเรียวร้องเสียงหลง เมื่อเห็นว่าที่ภรรยาของตนสิ้นชีพไปต่อหน้าต่อตาด้วยฝีมือของคนรักเก่า เขาอุ้มประคอมร่างไร้วิญญาณของคุณหนูมิโยะขึ้นมา พร่ำเรียกแต่ชื่อของคุณหนูมิโยะ เหมือนจะหวังให้นางฟื้นขึ้นมา คุเรียวสะอื้น หยาดน้ำตาใสๆไหลรินลงมาช้าๆ ก่อนจะนำมือขึ้นมา ค่อยๆปิดดวงตาที่เบิกกว้างของคุณหนูมิโยะ

        ไร้คำพูดใดๆจากริมฝีปากของโฮชิอิ นางนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น จ้องภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่สมเพชและ...อิจฉา...

        โฮชิอิก้มหน้าลงเล็กน้อย พึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเอง ก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเข้าไปหาคุเรียว ฝ่ายหลังร้องตะโกนให้คนอื่นช่วย แต่มันไร้ประโยชน์...ในคืนที่ฝนฟ้าพิโรธเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดจะได้ยินเสียงร้องของเขาหรอก

        "ท่านจะเป็นของของข้า ตราบนี้จนชั่วนิจนิรันดร์"

        เมื่อกล่าวจบ นางก็เดินมาจนประชิดตัวคุเรียวแล้ว โฮชิอิเสือกมีดตรงไปที่หัวใจของคุเรียว นางปักค้างไว้อยู่อย่างนั้น และคุเรียวก็ขยับปากเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง แต่โฮชิอิไม่อาจเข้าใจได้แล้วในตอนนี้ นางไม่อยากใช้วิชาอ่านริมฝีปากให้ต้องรับรู้ว่าคุเรียวกำลังจะบอกอะไรนาง โฮชิอิกัดฟัน จ้องมองคุเรียว คนรักเก่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและเจ็บปวด แล้วนางก็กระชากมีดออกจากตำแหน่งหัวใจ เลือดของคุเรียวพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ สิ้นชีพในทันที แต่ดวงตาทั้งสองกลับหลับพริ้ม เหมือนแค่ว่าเขากำลังนอนอยู่

        โฮชิอิก้าวเข้าไปประคองร่างไร้วิญญาณของคนรักมากอด ปาดเลือดของเขามาทาที่ริมฝีปากของตนเอง พลัน หยาดน้ำใสๆก็ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง นางเอ่ยประโยคหนึ่งกับคนรัก

        "ข้ารักท่าน"

        หลังจากนั้น โฮชิอิก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหล่าคนใช้ที่จะมาปลุกคู่บ่าวสาวของวันกลับต้องกรีดร้องอย่างหวาดผวา เพราะคู่บ่าวสาวของวันนี้ได้กลายเป็นศพไปเสียแล้ว ข้างๆศพของคุเรียวมีกระดาษที่เขียนบทเพลงอยู่ เป็นบทเพลงที่ถ้าหากได้อ่านแล้ว ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความแค้น ความเจ็บปวดของเจ้าของเพลงนี้ได้ดี แต่บทเพลงนั้นไร้ชื่อ ผู้คนจึงพากันตั้งชื่อบทเพลงนั้นว่า

        "Yuuyami  no Ya Me uta (บทเพลงฆาตกรย่ำสนธยา)"




    ◕Chapter 1◕

    ◕At first sign when we are MET◕

    อ๋อ! งั้นก็เริ่มแบบเป็นคำพูดตอนเสมัยเด็กๆสิคะ แบบประมาณว่า "สึคิโกะ ไว้พรุ่งนี้มาเล่นด้วยกันอีกนะ! อย่าลืมสัญญาล่ะ"แล้วก็แยกย้ายกลับบ้านไปแต่พออีกวันมาถึงนางเอกกลับไม่ได้ไปทั้งๆที่เป็นคนสัญญาเพาะต้องไปเรียนต่อแต่พ่อแม่ของนางเอกบอกกับพ่อแม่สึคิโกะไว้แล้ว แต่นางเอกกับสึคิโกะก็ยังรอวันที่จะกลับมาเล่นด้วยกันอีกครั้ง ที่นี้ก็มาที่ตอนโตพอนางเอกมาเจอสึคิโกะก็เหมือนกับ..ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเลยชวนคุยไปคุยมาๆแต่จังหวะนั้นพระเอกดันมาหาสึคิโกะพอดี แล้วก็ ให้ตอนที่โยมาเห็นนางเอกก็รักเลยสิคะ แต่นางเอกของเราเกิดอาการหวั่นไหวแต่ยังไม่รู้ว่ารัก..อะไรแบบนี้น่ะค่ะ!

        "สึคิโกะ...สึคิโกะ...!"
        "หืม?"
        "ไว้พรุ่งนี้ เรามาเล่นด้วยกันอีกนะ!"
        "อื้ม!"
        "สัญญานะ..."
        "อืม ฉันสัญญา"


        "ขอโทษนะจ้ะ วันนี้ลูกชายของน้าคงมาเล่นด้วยไม่ได้แล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้วน่ะจ้ะ"
        "ขอโทษนะ สึคิโกะ..."
        "ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ"
        "ฮึก...ขอโทษ...ฉันขอโทษนะ..."
        "อึก...อย่าร้องไห้สิ...เอาอย่างนี้ไหม ไว้ถ้าเราเจอกันอีก เรามาเล่นด้วยกันอีกครั้ง...นะ?"
        "อือ..."
        "สัญญานะ?"
        "ฉันสัญญา เราจะต้องได้พบกันอีกครั้ง แล้ววันนั้น เราจะมาเล่นด้วยกัน!"
        เด็กหญิงสองคนกล่าวสัญญาพร้อมเกี่ยวก้อยให้สัญญากัน สัญญาว่าหากได้พบกันอีก จะมาเล่นด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง แล้ววันนั้นก็มาถึง...หลังจากที่หายไปเพื่อเรียนต่อนานหลายปี เด็กหญิงผู้ให้สัญญาก็กลับมาหาเด็กหญิงที่รอคอยการกลับมาของเธออีกครั้ง แต่การมาของเธอครั้งนี้ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง!!!


        ณ โรงเรียนเซย์งาสึ...

        ห้องชั้นปี 3 สาขาดาราศาสตร์

        กิ๊ง ก่อง...กิ๊ง ก่อง...

        "เอ้านักเรียน! นั่งประจำที่!" อาจารย์ประจำชั้นปี 3 สาขาดาราศาสตร์ ฮารุกิ นาโอชิเอ่ยอย่างร่าเริง เสียงที่พูดออกมาดังฟังชัดเหมือนปกติ นักเรียนทุกคนพากันแยกย้ายไปนั่งประจำที่ของตนเอง มีบางส่วนที่แซวปมด้อยของอาจารย์ประมาณว่า 'อ.ยังเตี้ยเหมือนเดิมเลยนะครับ' แล้วก็รีบชิ่งไปนั่นประจำที่ของตนเอง อาจารย์นาโอชิตะโกนไล่หลังนักเรียนคนนั้น ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

        "แฮ่ม พอๆ...หยุดหัวเราะได้แล้ว!" อาจารย์นาโอชิปั้นเสียงจริงจัง "วันนี้จะมีนักเรียนย้ายมาใหม่"

        แซ่ด แซ่ด...

        ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงเซ็งเซ่ ลุ้นว่านักเรียนใหม่ที่อาจารย์พูดถึงจะเป็นใคร ชายหรือหญิง นักเรียนชายในห้องส่วนใหญ่แอบวาดหวังให้เป็นสาวสวยมาอีกคน ทางฝ่ายนักเรียนหญิงเพียงหนึ่งเดียวในโรงเรียน ยาฮิสะ สึคิโกะเองก็เช่นกัน เธอก็หวังให้นักเรียนที่ย้ายมาใหม่เป็นนักเรียนหญิงเช่นเดียวกับเธอ และสึคิโกะมีลางสังหรร์บางอย่าง ที่จะบอกว่าบุคคลที่ย้ายมา น่าจะเป็นคนรู้จักของเธอ

        แต่สิ่งที่ทุกคนสงสัยก็คือ...

        มาเรียนแค่ปีเดียวก็จบ ย้ายมาทำไม???

        แต่เพราะนี่อยู่แค่ต้นเทอม ทุกคนจึงเก็บข้อสงสัยนั้นไว้ในใจ รอให้อาจารย์เรียกนักเรียนใหม่เข้ามาในห้อง

        "เอ้า! นักเรียนใหม่เข้ามาได้!!" สิ้งเสียงของอาจารย์นาโอชิ ประตูเลื่อนของห้องก็ถูกเลื่อนเปิดออก 'นักเรียนใหม่' ก้าวเข้ามาในห้อง และเดินไปหยุดอยู่ข้างๆอาจารย์นาโอชิ แล้วหมุนตัวอาประจันหน้า(?)กับนักเรียนทั้งหมดในห้อง สูดหายใจเข้าลึก เริ่มกล่าวแนะนำตัว

        "สวัสดีค่ะ" 'เธอ' ยิ้มเป็นมิตร "อายามิ สึโยอิค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" สึโยอิโค้งคำนับหนึ่งที แล้วอาจารย์นาโอชิก็พูดกับเธอ  "ที่นั่งของเธอ...ข้างๆยาฮิสะจังแล้วกันนะ เพราะเป็นผู้หญิง นั่งด้วยกันน่าจะสบายใจกว่า ส่วนโทโมเอะคุง เธอย้ายไปนั่งที่นั่งด้านหลังนั่นได้ไหม?"

        โทโมเอะ โย เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแดง มีเรดาห์บนหัวหนึ่งเส้น(?) ดวงตาสีอำพันพยักหน้ารับ ก่อนจะเก็บเครื่องเขียนลงในกระเป๋า แล้วลุกขึ้นยืน ย้ายที่นั่งไปตามที่อาจารย์นาโอชิบอก สึโยอิเดินตรงมานั่งข้างๆกับสึคิโกะ โบกมือทักทาย

        "สึคิโกะ จำฉันได้หรือเปล่าเอ่ย?"
        "สึโยะจัง!" นำเสียงของสึคิโกะเต็มไปด้วยความปิติยินดี เธอได้พบกับเพื่อนรักของเธอแล้ว! เพื่อนรักที่รอคอยมานานแสนนานว่าจะได้พบกันอีกครั้ง

        "รู้จักกันด้วยสินะ ถ้าอย่างนั้นยาฮิสะจัง รบกวนช่วยพาอายามิคุงชมโรงเรียนด้วยแล้วกันนะ" อาจารย์นาโอชิบอกกับสึคิโกะ

        "ค่ะ!"



        กิ๊ง ก่อง...กิ๊ง ก่อง...

        "เฮ! พักเที่ยงแล้ววว!!!" นักเรียนในห้องเฮลั่น ในที่สุดก็จบวิชาคณิตศาสตร์ที่แสนน่าเบื่อจนได้! อาจารย์คนนี้สอนอะไรก็ไม่รู้เรื่อง...ดังนั้นออดปล่อยพักจึงเป็นสวรรค์ของทุกคนในห้อง ที่ไม่ต้องฟังอาจารย์บ่นๆๆแถมยังสอนแบบมึนๆ น่าเบื่อๆนี่!

        "สึคิโกะ เธอพาฉันชมโรงเรียนหน่อยนะ?" สึโยอิเอ่ยขึ้น น้ำเสียงร่าเริงและกระตือรือร้น เธออยากจะชมโรงเรียนนี่ตั้งแต่เข้ามาแล้ว! โรงเรียนอะไร สวยเป็นบ้า แถมยังกว้างและบรรยากาศดีอีก!
        "มันหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะจ้ะ" สึคิโกะยิ้ม จังหวะเดียวกัน โยก็เดินเข้ามา ตามด้วยนานามิ คานาตะ เด็กหนุ่มเรือนผมสีเทาอ่อนชี้ตั้งเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวมรกตและโทสึกิ สึสึยะ เด็กหนุ่มร่างสูงที่มีเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติ นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายอ่อนโยน

        "คุณเคยรู้จักกับสึคิโกะจึงมาก่อนเหรอครับ?" สึสึยะเอ่ยปากถามสึโยอิ ฝ่ายหลังตอบไปตามตรง "ใช่ รู้จักมานานมากแล้วล่ะ เพราะบ้านเราอยู่ติดกันน่ะ อ้อ เรียกฉันว่าสึโยะก็ได้นะ!"
        "เคยรู้จักกับสึคิโกะจัง...ทำไมผมถึงไม่..." สึสึยะพูดไม่ทันจบ คานาตะก็แทรกขึ้นมาซะก่อน
        "เธอมั่วรึเปล่าน่ะ? ถ้ารู้จักสึคิโกะจริง พวกเราก็ต้องรู้จักเธอสิ?!"
        สึโยอิชักสีหน้าไม่พอใจออกมา "พวกนายก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กของสึคิโกะ?"
        "ใช่!"
        "อือ...ฉันกับสึคิโกะน่ะ ทางบ้างเรารู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นทวดของทวดของทวดของทวดแล้วก็ของทวดๆๆๆๆแล้วด้วย!!!" สึโยอิหยุดเว้นช่วง "ดังนั้นฉันกับสึคิโกะเลยรู้จักกันตั้งแต่อยู่ในท้องของคุณแม่แล้วล่ะย่ะ!"
        "เอ่อ...หยุดทั้งสองคนเลย อย่าเถียงกันเลยนะ...นะ? ฉันขอล่ะ" สึคิโกะเห็นท่าไม่ดี จึงออกตัวห้ามทัพ(?)ก่อนที่ทั้งสองจะเปิดศึกห้ำหั่นกัน(??)
        "อืม อย่าทะเลาะกันเลยนะ คานาตะ สึโยะจัง" สึสึยะมาเป็นแรงเสริม(?)ช่วยสึคิโกะห้ามทั้งคู่
        "อือ เห็นว่าสึคิโกะห้ามหรอกนะ" สึโยอิขมวดคิ้ว ยอมถอยแต่โดยดี เพราะตัวเองก็ไม่อยากจะมีเรื่องกับใครตั้งแต่วันแรกเหมือนกัน สึคิโกะถอนหายใจโล่งอก แต่ไหนแต่ไรมา สึโยอิก็ยอมเธอตลอดและออกจะว่านอนสอนง่าย(เฉพาะกับสึคิโกะ) สึโยอิเชิดหน้าใส่คานาตะนิดหนึ่ง ฝ่ายหลังกำหมัดแน่น...
        "พอเถอะ หยุดแค่นี้พอ นะ?" สึสึยะรีบห้ามอีกครั้ง
        "อ๊ะ ว่าแต่โยคุงหายไปไหนแล้วล่ะ?" สึคิโกะเอ่ยแทรก มองหาโยอย่างแปลกใจ ทำไมถึงหาไม่เจอกัน? เธอคิดในใจ
        "ฉันอยู่นี่"
       
        เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังสึคิโกะ เธอหันกลับไปมองเห็นโยยิ้มบางๆให้เธอ รู้ทันทีเลยว่าตัวเองคงโดนแกล้ง!
       
        "โยคุง นี่เพื่อนสนิทฉันเอง สึโยอิ แล้วก็สึโยะจัง นี่โย เขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-ฝรั่งเศสจ้ะ" สึคิโกะแนะนำสึโยอิกับโยให้รู้จักกัน เป็นจังหวะเดียวกันที่ทั้งสองสอดประสานสายตากันพอดี ทั้งคู่ก็เกิดความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นในอก หัวใจของสึโยอิเต้นรัว จ้องโยอย่างไม่ลดละ
       
        อะไรกัน...ทำไมถึงใจเต้นล่ะ?
       
        โยเองก็เช่นกัน วินาทีที่ได้สบตากับสึโยอิ ก็แทบหยุดหายใจ ราวกับต้องมนต์สะกดอะไรบางอย่างที่ต้องหยุดสายตาอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว แต่...ถ้าหากว่าไม่ติดที่ว่านี่คือความรู้สึกเดียวกันกับที่รู้สึกที่เขารู้สึกกับสึคิโกะ! หัวใจเต้นรัวเป็นจังหวะกลอง
       
        ไม่...เรามีสึคิโกะอยู่แล้วนะ แต่ทำไม...?!
       
        "เอ่อ สึคิโกะ คนๆนี้ก็เพื่อนสมัยเด็กเธอเหรอ?" สึโยอิเบนสายตาออกมาได้สำเร็จ
        "ใช่จ้ะ แล้วโยคุงก็เป็นแฟนฉันด้วย" สึคิโกะตอบยิ้มๆ
        แปล๊บ!
        อะไรกัน? ทำไมเราถึงรู้สึกเจ็บแถวๆหัวใจล่ะ?!!
        "แฟน?!" สึโยอิเหวอไปสักพัก "แฮ่ม...งั้นก็...ยินดีด้วยนะ! แล้วก็...ยินดีที่ได้รู้จักนะ โยคุง" สึโยอิระบายรอยยิ้มเป็นมิตรให้โย
        ตึก!
        เอาอีกแล้ว หัวใจเขาเต้นอีกแล้ว!
        "อืม...สึโยอิ" โยระบายรอยยิ้มเป็นมิตรกลับ ใบหน้าของสึโยอิแดงระเรื่อเล็กน้อย สักพักก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม บอกโยว่า "เรียกสึโยะก็ได้"
        "เฮ้ย! อเมซิ่งว่ะ!! โยยิ้มให้คนอื่นตอนแนะนำตัว!!!" จู่ๆคานาตะก็ร้องขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ทั้งตกใจและประหลาดใจ ตอนเจอกันแรกๆเขากับโยกัดกันจะตาย แถมโยยังเป็นพวกไม่ค่อยยิ้มให้กับใคร(ยกเว้นสึคิโกะ)อีกด้วย อีแบบนี้มันแปลกกันเห็นๆ!
        สึโยอิขมวดคิ้วเล็กน้อย "แปลก? ช่างเถอะ ฉันยังไม่รู้จักนายเลย นายชื่ออะไร?"
        "คานาตะ...นานามิ คานาตะ" คานาตะตอบ
        "อื้ม คานะจัง~!!"
        "เฮ้ย! ยัยบ้านี่...!!"
        "คานาตะ หยุด...ฉันชื่อโทสึกิ สึสึยะ เรียกฉันว่าสึสึยะก็ได้นะ" สึสึยะห้ามคานาตะและแนะนำตัวเองบ้าง
        "อืม สึสึยะคุง!~"
        "ทำไมมันแตกต่างกันอย่างนี้วะ..." คานาตะเริ่มหัวเสีย สึโยอิเลิกคิ้ว ตอบแบบกวนๆ
        "ไม่รู้สิ"
        "ยัย...!" คานาตะถลาตัวเข้าไปหาสึโยอิ หมายจะสั่งสอนสักหน่อย แต่สาวเจ้าไม่กลัว เลิกคิ้วขวาเป็นเชิงท้าทาย ก่อนที่สึสึยะกับโยจะมาล็อคตัวคานาตะไว้
        "พอๆๆ! เอาล่ะ เสียเวลามาพอสมควรไป ไปซื้ออาหารกลางวันกันเถอะ" สึสึยะชวน ทุกคนตอบตกลง เพราะต่างคนต่างก็เริ่มหิวไส้กิ่วแล้วเหมือนกัน...

        ณ โรงอาหาร...

        "สึโยะจัง เธออยากทานอะไรเหรอ?" สึคิโกะเอ่ยปากถามสึโยอิ ฝ่ายหลังถามกลับไปว่า "ไม่รู้สิ สึคิโกะว่าที่นี่อะไรอร่อยล่ะ?"
        "อืม...ไม่รู้สินะ เพราะปกติแล้ว..." สึคิโกะพูดไม่ทันจบ สึสึยะก็แทรกขึ้น
        "ฉันทำข้าวกล่องมาให้น่ะ แต่ว่าวันนี้ไม่รู้ว่าจะมีนักเรียนมาใหม่แล้วยังเป็นเพื่อนสนิทกับสึคิโกะอีก ก็เลย..." ไม่พอ...
        "ไม่เป็นไรหรอก สึสึยะคุง เดี๋ยวฉันไปซื้อเองก็ได้ ว่าแต่เราจะนั่งไหนดีล่ะ?"
       
        แล้วสายตาของเธอก็ไปพบกับโต๊ะว่างโต๊ะหนึ่งเข้า

    ‎    "นั่นไง! ตรงนั้นน่ะ ห้าคนพอดีเลย!" สึโยอิทำท่าทำทางราวกับเด็กน้อยชี้ไปทางโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากกลุ่มพวกเธอเท่าไหร่นัก
        "สึโยะจังนี่ตลอดเลยนะท่าทางแบบนั้นน่ะ ฮ่ะๆ"สึคิโกะหัวเราะน้อยๆกับท่าทางของเพื่อนสาว
        "ฉ..ฉัน ไม่ได้ทำแบบนี้ตลอดสักหน่อยนี่!" เธอรีบทำท่าทางให้เป็นปกติพร้อมกับพูดติดกันรัวๆจนเกิดประโยค(?)
        "แต่สึคิโกะพูดแบบนั้นก็แปลว่าเธอทำตลอดนั่นแหละ" คานาตะพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่แฝงไปด้วยควากวนโทสะสาวเจ้าไว้เล็กน้อยแต่พองาม(?)พร้อมทั้งเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวที่ว่างก่อนใครเพื่อน
        "เชอะ! ฉันขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับนายแล้ว! นี่แล้วพวกเธอจะยืนอยู่ทำไมล่ะ...ไปนั่งกันเถอะฉันเมื่อยแล้ว นะๆ" หญิงสาวพูดอ้อนๆพร้อมทั้งดึงแขนเพื่อนสาวไปนั่งกับตนด้วย แต่หารู้ไม่ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องเธออย่างไม่ลดละ
        "สึคิโกะนั่งนี่นะ" สึโยอิที่มานั่งนั่งตบเก้าอี้เป็นเชิงบอกให้เพื่อนเธอนั่งบริเวณเก้าอี้ข้างๆเธอ"ส่วนพวกนายสามคนจะนั่งที่ไหนก็ตามสบายเลย" เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้สองหนุ่ม...โดยละเว้นคานาตะไว้หนึ่งคนซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะเกิดอาการ 'เคือง' สาเหตุมาจากหญิงสาวข้างหน้าตนนั้นรักเพื่อนไม่เท่ากัน
        "...ยัยคนเลือกปฏิบัติ..." เสียงบ่นพึมพำมาจากบุรุษร่างสูงนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่ดูจากอารมณ์คงจะไม่จอยเสียเท่าไหร่ส่วนทางฝ่ายสึโยอิซึ่งดูเหมือนกับหูดีผิดปกติเดินเข้าไปใกล้ๆคานาตะพร้อมกับตะโกนข้างๆหูเสียงดังราวกับโทรโข่งเคลื่อนที่(?)"ได้ยินนะยะ!"
        "อ๊าก!ยัยเพี้ยนเอ๊ย! กล้าดียังไงมาตะโกนใส่หูฉัน หา!"

        แต่กระนั้นสึโยอิก็ทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจต่อล้อต่อเถีงคานาตะเหมือนตอนแรกเริ่ม เธอหันไปคุยกับโยแทน
       
        "โยคุง เธอเคยไปฝรั่งเศสรึเปล่า? เห็นว่าเป็นลูกครึ่งนี่"
        "อืม ฉันเคยอาศัยอยู่ที่นั่นก่อนจะย้ายมาที่นี่น่ะ" โยตอบยิ้มๆ น้ำเสียงอ่อนลงกว่าปกติ คนอื่นๆนอกจากสึโยอิแล้วต่างสงสัยในใจกันหมด ทำไมโยถึงดูใจดีกับสึโยอิล่ะ? ทั้งๆที่ไม่เคยจะใจดีกับใครยกเว้นสึคิโกะแท้ๆ...แปลกจริงๆ! แต่ทุกคนก็เก็บงำความคิดนั้นไว้ในใจ พยายามไม่คิดมากไปเอง
        "หวาว!" สึโยอิตาเป็นประกาย "ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวไปซื้ออาหารก่อนนะ ไว้กลับมาแล้วเล่าเรื่องที่นั่นให้ฉันฟังหน่อยนะโยคุง! ฉันอยากไปที่นั่นรองจากประเทศไทยเลยล่ะ~(โปรโมทประเทศนักเขียน?)" สึโยอิยิ้มร่าเริง ก่อนจะดึงสึคิโกะให้ลุกไปด้วยกัน เพื่อที่สึคิโกะจะได้สอนวิธีซื้ออาหารที่นี่ แล้วก็จะได้ให้สึคิโกะลองแนะนำอาหารอร่อยๆไปด้วยในตัว

        การพาเพื่อนไปซื้ออาหารดำเนินไปได้ด้วยดีแต่ สึคิโกะรู้สึกว่าเพื่อนเธอนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเสียเท่าไหร่ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึก...อึดอัด...เวลาอยู่กับสึโยอินักก็ไม่รู้ ยิ่งช่วงที่สึโยอิคุยกับโยด้วยแล้ว เธอยิ่งเริ่มรู้สึกเหมือนไม่ชอบใจบางอย่าง ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่ทำไมใจเธอถึงรู้สึกเริ่มมีอคติกับเพื่อนคนนี้ไปเสียได้..?
       
        "สึคิโกะ..สึคิโกะ!"หญิงสาวร่างเล็กตะโกนเรียกเพื่อนของตน
        "ฮ...ฮะ? มีอะไรเหรอสึโยอิ?"
        "เธอเอาแต่เหม่ออยุ่นั่นแหละ คิดอะไรอยู่น่ะ! ฉันเรียกตั้งหลายรอบแล้วนะ" สึโยอิพูดเสียงอ่อยเหมือนหมดอาลัยตายอยาก(?) ทำให้เพื่อนสาวไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี
        "ก็..คิดไปเรื่อยแหละ ว่าแต่อยากกินอะไรล่ะ แถวนั้นมีร้านอร่อยๆเยอะเลยนะ" สึคิโกะตอบด้วยน้ำเสียงที่กระปรี้กระเปร่าพร้อมชี้ไปทางร้านอาหารที่อยู่ถัดไปจากจุดที่พวกเธอยืน
        "ถ้าอย่างนั้น ก็ไปกันเล้ย~!" สึโยอิไม่รอช้า จับข้อมือของสึคิโกะ และลากเธอไปยังจุดที่สึคิโกะชี้บอกไว้ทันที สึคิโกะรู้สึกโทษตัวเองที่มีอคติกับเพื่อนสนิท เพราะดูยังไงสึโยอิก็คือสึโยอิคนเดิม ร่าเริงสดใสและไร้เดียงสา อีกทั้งสึโยอิเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้เธอไม่พอใจเลยสักนิด ทำไมถึงมีอคติไปได้นะ...?!

    [ยังไม่จบนะตัวเธอว์ XD]
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×