ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter17 : เดทที่แสนหวาน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.82K
      2
      12 ส.ค. 53

     

    Chapter17  :  เดทที่แสนหวาน 

     

     

     

     

     

     

                    “จะออกไปไหนแต่เช้า เสียงงัวเงียของเพื่อนรักร้องถามทั้งที่ตายังลืมไม่ได้เต็มที่ ทงแฮหันไปยิ้มบางๆให้กับอึนฮยอกขณะที่กำลังหยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย

     

                    ไปธุระนิดหน่อย

     

                    จะหยุดงานอีกแล้วเหรอ อึนฮยอกลุกขึ้นจากเตียงเดินมาหาทงแฮที่วันนี้แต่งตัวดูดีเต็มยศอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แถมช่วงนี้ทงแฮก็ไม่ค่อยได้เข้าบริษัท และหลังจากกลับมาจากมกโพก็ดูเหมือนเพื่อนเขาจะมีพฤติกรรมแปลกๆไป อย่างกับว่ามีอะไรปิดบังเขาอยู่

     

                    แค่วันนี้แหละ ฉันต้องไปแล้วนะ แล้วเจอกันตอนเย็น ยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มให้เพื่อนรักอีกครั้งแล้วเดินออกไปจากห้องโดยที่อึนฮยอกไม่สามารถถามหรือรั้งอะไรไว้ได้ทัน

     

                    ธุระอะไรของเขา พึมพำขึ้นมาเบาๆอย่างคิดไม่ตก แต่ก็ไม่ได้คิดจะตามทงแฮไปแต่อย่างไร ไม่รู้ว่าทงแฮลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้ที่บริษัทกำลังแย่แค่ไหน หรือว่าธุระนี่มันสำคัญมากกว่าเรื่องของบริษัท

     

                    คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ อึนฮยอกแหงนหน้ามองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าจึงเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำอย่างไม่เร่งรีบนัก เขาไม่อยากไปคาดคั้นอะไรกับทงแฮเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวเขาไม่ควรเข้าไปวุ่นวายจนเกินไป ถ้าเจ้าตัวอยากจะบอกก็คงเอ่ยปากออกมาเอง

     

     

     

                    ทงแฮลงลิฟต์มารอบุคคลที่นัดกันไว้ที่ชั้นล่างของคอนโด ไม่นานนักรถคันคุ้นตาก็แล่นมาจอดอยู่ด้านหน้า ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเดินไปขึ้นรถอย่างคุ้นเคย เพราะตอนอยู่ที่มกโพเขาได้ขึ้นรถคนนี้จนชินเสียแล้ว และวันนี้เขาก็มีนัดกับคิบอม หรือจะเรียกว่าเป็นเดทครั้งแรกก็ได้

     

                    “มีแผนหรือยังว่าอยากจะไปเที่ยวไหน คิบอมหันไปถามคนข้างๆพร้อมกับยิ้มบางๆ วันนี้เขาไม่ได้วางแผนมาล่วงหน้าว่าจะพาทงแฮไปไหน เพียงแค่ต้องพาทงแฮออกจากพื้นที่ที่ครอบครัวลีจะปฏิบัติการเท่านั้น เขาจึงให้ทงแฮเป็นคนตัดสินใจเองว่าอยากจะไปที่ไหน

     

                    ผมก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน เพราะไม่ค่อยได้เที่ยวไม่รู้ว่าที่โซลมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง ทงแฮมองออกไปนอกกระจก ถึงเขาจะอยู่ที่โซลมาได้หลายปีแล้วแต่เขาไม่เคยได้ออกไปเที่ยวไหนซักที คงเป็นเพราะงานที่เขาทำ

     

                    งั้นวันนี้ผมจะพาเที่ยวให้ทั่วเลยแล้วกัน ตอบกลับยิ้มๆก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานที่แรกที่จะพาทงแฮไป

     

                    และที่แรกที่คิบอมพาทงแฮมาก็คือโซลทาวเวอร์ หอคอยที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ทั้งหมดของกรุงโซลได้ที่นี่ คิบอมพาทงแฮไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อขึ้นไปยังบนหอคอย ทงแฮเองก็ดูท่าจะตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว

     

                    ชอบมั้ย มองวิวจากตรงนี้สวยมากๆเลย คิบอมเอ่ยถามเมื่อทั้งสองขึ้นมาถึงด้านบนเรียบร้อยแล้ว ทงแฮมองวิวด้านนอกก่อนจะกลับมาพยักหน้าถี่ๆให้

     

                    ชอบสิ ตอบด้วยอาการดีใจเหมือนเด็กๆ จนคิบอมไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือมือปืนของโจกรุ๊ปจริงๆ

     

                    แต่ถ้ามาตอนกลางคืนจะสวยยิ่งกว่านี้อีกนะ ลำแขนแข็งแรงถูกยกขึ้นวางบนไหล่บางก่อนจะกระชับดึงทงแฮในเข้ามาใกล้เล็กน้อย คนโดนกระทำได้แต่มองตามก่อนจะแอบยิ้มออกมาบางๆ และหันไปสนใจวิวด้านนอกต่อ โดยไม่มีท่าทีขัดขืนอะไร

     

                    สายลมเย็นที่พัดปะทะใบหน้าทำให้ทั้งสองรู้สึกดีเป็นอย่างมาก ยืนชมวิวอยู่ด้านบนกันได้ซักพักทงแฮก็ชวนคิบอมลงมาด้านล่างเพื่อไปหาข้าวเช้าทาน

     

                    คิบอมพาทงแฮมายังร้านอาหารใกล้ๆกับโซลทาวเวอร์ เมนูอาหารมากมายถูกสั่งมาเสิร์ฟตามความชอบของทั้งสองคนโดยมื้อนี้คิบอมเป็นคนเลี้ยงเอง บทสนทนาบนโต๊ะอาหารเป็นเรื่องราวทั่วๆไปที่เกิดขึ้นในสังคมบ้านเมือง คิบอมเองก็คิดอยากจะถามลองเชิงทงแฮเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่แต่ก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะยังไงซะตอนนี้โจกรุ๊ปก็รู้ความจริงเกี่ยวกับครอบครัวลีแล้ว ทงแฮเองก็คงรู้เรื่องนี้ไม่มากก็น้อย

     

                    กินเสร็จแล้วเราไปพระราชวังเคียงฮุยกุงกันมั้ย ระหว่างที่รอของหวานมาเสิร์ฟคิบอมก็เสนอชื่อสถานที่เที่ยวต่อไป ซึ่งทงแฮก็พยักหน้ารับ

     

                    ผมให้คิบอมเป็นไกด์นำเที่ยวเลยวันนี้ เอ่ยพร้อมกับยิ้มสดใสทำให้คิบอมอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

     

                    โอเคครับ ตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ทั้งสองจะลงมือทานของหวานน่าตาแสนอร่อยที่วางอยู่ตรงหน้า

     

                    ท่าทางของคิบอมในตอนนี้ดูผ่อนคลายและสบายเป็นอย่างมาก คงเพราะไม่ต้องมากังวลเรื่องแผนว่าเป็นไปในทางใดแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น หรือที่จริงแล้วอาจจะเป็นเพราะเขาลืมไปแล้วว่านี่เป็นเพียงแผนการที่ต้องทำเท่านั้น

     

     

     

     

     

     

                    ตั้งแต่เช้าที่ฮีชอลตามมาจับตาดูคยูฮยอนที่มหาวิทยาลัย ที่จริงเขาคิดว่าหน้าที่นี้ควรเป็นของเรียวอุกมากกว่า เพราะยังไงซะสองคนนี้ก็เรียนอยู่ที่เดียวกัน แต่ถ้าจะให้เรียวอุกมาทำงานแบบนี้มันก็คงไม่เหมาะ คนตัวเล็กเลยต้องหยุดเรียนเพื่อเฝ้าเยซองอยู่ที่บ้าน ส่วนซองมินนั้นไปดักรออึนฮยอกที่บริษัทเรียบร้อยแล้ว

     

                    เมื่อได้เวลาเลิกเรียนรถของคยูฮยอนก็เลี้ยวออกจากมหาวิทยาลัย ฮีชอลจึงขับตามไปโดยเว้นระยะห่างพอสมควร เพราะวันนี้เขาไม่รู้ว่าคยูฮยอนจะไปที่ไหน จะกลับบ้าน ไปที่บ่อนหรือที่บริษัท แต่ตัวเลือกหลังน่าจะเป็นไปได้ที่สุดเพราะวันนี้มีการประชุมกับหุ้นส่วนรายใหญ่ ผู้บริหารรุ่นต่อไปอย่างคยูฮยอนคงต้องเข้าร่วมประชุมด้วย

     

                   

     

                    ด้านซองมินนั้นมาซุ่มดูอยู่ที่บริษัทตั้งแต่อึนฮยอกเดินทางมาถึง แต่เขายังไม่เห็นฮยอนจินเข้าบริษัท อาจจะเป็นเพราะฮยอนจินเข้าบริษัทตั้งแต่เช้าก่อนที่เขาจะมาถึงหรืออาจจะเข้าทางประตูอื่นที่มันปลอดภัยกว่าประตูด้านหน้าบริษัทที่อาจจะโดนลอบทำร้ายได้ง่ายๆ

     

                    อีกหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็จะได้เวลาเริ่มประชุมแต่ซองมินกลับยังไม่เห็นวี่แววของฮยอนจินเลยแม้แต่น้อย ครั้นจะบุกเข้าไปในบริษัทก็คงทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะการคุ้มกันของโจกรุ๊ปนั้นแน่นหนามาก

     

                    และในขณะที่ซองมินกำลังครุ่นคิดหาวิธีเข้าไปในบริษัทอยู่นั้น นายตำรวจหนุ่มเจ้าของคดีความที่ฮยอนจินก่อเอาไว้ก็โผล่มาพอดีพร้อมกับนายตำรวจร่างท้วมคู่หูอีกหนึ่งคน จากที่ซองมินจะคิดเรื่องวิธีเข้าไปในบริษัทจึงต้องมาจับตาดูฮันคยองแทน ที่ฮันคยองมาที่นี่แบบนี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ

     

     

     

                    ผมมาตามหมายค้น ฮันคยองเดินเดินเข้าไปหาเหล่าการ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูพร้อมกับยื่นหมายค้นให้ดู แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมืออย่างที่คิด

     

                    คงค้นตอนนี้ไม่ได้หรอกครับคุณตำรวจ วันนี้มีประชุมใหญ่ที่บริษัทห้ามคนนอกเข้าเด็ดขาด การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นเสียงเรียบ สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจที่เห็นตำรวจอย่างฮันคยองมาที่นี่

     

                    กรุณาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ ชินดงพูดข่มเสียงต่ำ ทุกครั้งมาที่นี่เขาไม่เคยได้รับความร่วมมือกลับไปเลยซักครั้ง บางทีคงต้องใช้ไม้แข็งกันบ้างแล้ว

     

                    ก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้เข้าไม่ได้ เสียงอันเย็บเฉียบดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของมือปืนอันดับหนึ่งของโจกรุ๊ปในขณะนี้  

     

                    อึนฮยอกออกมายืนประจันหน้ากับฮันคยอง สีหน้าและสายตาช่างดูเย็นชาไม่ต่างจากที่ฮันคยองเคยเจอในตอกแรก แต่มันกลับต่างจากอึนฮยอกคนที่เขาเคยช่วยเอาไว้ ตอนนี้เขาคงเอาเรื่องบุญคุณมาพูดทวงให้อึนฮยอกยอมให้เข้าไปไม่ได้สินะ

     

                    แต่ผมมีหมายค้น ฮันคยองยังคงยืนยันหลักฐานที่ตนเองมีและพยายามจะเข้าไปให้ได้

     

                    งั้นเหรอ แสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะดึงหมายค้นจากมือของฮันคยองมาแล้วฉีกมันทิ้งตรงนั้นก่อนจะโยนมันลงพื้นอย่างไม่ใยดี ฮันคยองกับชินดงไก้แต่ยืนอึ้งกับการกระทำของอึนฮยอก ช่างไม่กลัวคุกกลัวตารางเลยจริงๆ แต่มันก็สมควรอยู่หรอก ไม่อย่างนั้นคนๆนี้คงไม่มาเป็นมือปืนแบบนี้

     

                    แค่นี้ก็ไม่มีแล้ว

     

                    นี่คุณ!...

     

                    ถ้าเดินเข้ามาอีกก้าว สมองนายกระจุยแน่ คำขู่ของอึนฮยอกทำเอาฮันคยองหยุดกึก เท้าที่กำลังจะก้าวเดินต้องหยุดนิ่ง ปืนกระบอกสวยถูกยกขึ้นมาจ่อที่กลางหน้าผากในระยะประชิด อีกครั้งแล้วที่อึนฮยอกจ้อยิงฮันคยองแบบนี้

     

                    ใจเย็นๆอึนฮยอก เหมือนพระเจ้าลงมาโปรดเมื่อฮยอนจินปรากฎตัวออกมาทำให้อึนฮยอกค่อยๆลดปืนลงก่อนจะถอยออกห่างจากฮันคยอง แต่ถึงอย่างนั้นรอบตัวของฮยอนจินกลับมีเหล่าบอดี้การ์ดรายล้อมเต็มไปหมด

     

                    มีอะไรหรือครับคุณตำรวจ แกล้งถามออกไปเป็นเชิง เพราะจริงๆฮยอนจินนั้นรู้อยู่แล้วว่านายตำรวจทั้งสองมาที่นี่เพราะเรื่องอะไร

     

                    ผมมาตามหมายค้น แต่ลูกน้องคุณกลับฉีกหมายค้นผมทิ้ง คุณคิดว่าผมควรจะทำยังไงดีล่ะ ชินดงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูจะมีอารมณ์เล็กน้อย เขาไม่ใช่ฮันคยองที่จะยืนมองอยู่เฉยๆได้ในเมื่อโดนหยามกันแบบนี้ แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะฮันคยองรู้จักกับอึนฮยอกเป็นการส่วนตัวก็ได้ถึงยอมให้อึนฮยอกทำแบบนั้นโดยไม่กล้าต่อกรอะไรกลับไปมาก

     

                    แหมๆ ใจเย็นสิครับคุณตำรวจ ก็ลูกน้องผมบอกไปแล้วไม่ใช่หรือไงว่าเข้าไม่ได้ ตอนนี้ผมกำลังมีประชุมใหญ่ ผมคงอนุญาตให้คุณตำรวจทั้งสองเข้าไปด้านในไม่ได้ และการพูดคุยระหว่างผู้ต้องสงสัยกับนายตำรวจเจ้าของคดีก็เริ่มขึ้นและดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนจะเป็นการปะทะคารมกันซะมากกว่า

     

     

     

                    ออกมาซักทีนะ คนที่ซุ่มรออยู่นานดูจะดีใจไม่น้อยที่เหยื่อของตนโผล่ออกมาจากที่หลบภัยเสียที ซองมินกระตุกยิ้มร้าย กระบอกปืนถูกยกขึ้นเล็งยิงในระยะยี่สิบเมตร เวลาที่จะได้แก้แค้นมาถึงเสียที

     

     

     

                    จอดรถก่อนครับ!” เพียงอีกไม่กี่เมตรเท่านั้นรถคันหรูที่โดยสารมาจากมหาวิทยาลัยก็จะจอดเทียบท่าที่หน้าบริษัท แต่คยูฮยอนกลับสั่งให้คนขับจอดรถก่อนจะเปิดประตูลงรถไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมึนงงของคนขับและคนที่ขับตามมา

     

                    ฮีชอลแทบจะเหยียบเบรกไม่ทันเมื่ออยู่ๆรถของคยูฮยอนกลับจอดเอาเสียดื้อๆทั้งที่ใกล้จะถึงที่หมายแล้ว แถมเจ้าตัวยังวิ่งลงจากรถไปอีกต่างหาก

     

                    เฮ้ย! ซองมิน!” เมื่อมองตามคยูฮยอนไปฮีชอลก็ร้องออกมาอย่างตกใจ ช่วงขายาวๆของลูกชายคนเล็กแห่งโจกรุ๊ปจ้ำเอาอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อไปยังที่หมายให้เร็วที่สุด ที่หมาย ที่ๆซองมินกำลังเล็งยิงฮยอนจินอยู่

     

                    ปัง!

     

                    เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ บุคคลที่กำลังพูดคุยกันอยู่ต่างวิ่งแตกกระจายไปคนละทิศละทางเพื่อหาที่หลบ ความชุลมุนเกิดขึ้นในทันทีทันใด

     

                    ฮันคยองคว้าเอาข้อมือของอึนฮยอกไว้แล้วพาจึงมาหลบ บอดี้การ์ดที่ถูกจ้างมาด้วยเงินจำนวนมากเข้ามาคุ้มกันฮยอนจินทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันฮีชอลก็รีบวิ่งลงมาจากรถ เหนี่ยวไกปืนยิงอยู่สองสามนัดเพื่อหมายจะปลิดชีวิตของคนที่ขึ้นชื่อว่าศัตรู แต่ฮยอนจินกลับหายเข้าไปในบริษัทอย่างรวดเร็ว กระสุนของซองมินเมื่อกี้นั้นมันพลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย เพราะหากไม่มีใครบางคนมาขัดขวางแผนการคราวนี้ก็คงเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี

     

                    ปล่อย!” ประกาศเสียงกร้าวในลำคออย่างเจ็บแค้นใจ ซองมินตวัดสายตามองบุคคลที่เข้ามาขัดขวางแล้วออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากแรงกอดรัด มือทั้งสองข้างที่ถือปืนอยู่ถูกมือแข็งแกร่งของอีกคนจับแล้วขืนแรงไว้แน่นจนไม่สามารถขยับไปมาได้ดั่งใจ แผ่นหลังบางแนบชิดกับอกแกร่ง ลมหายใจที่เหนื่อยหอบเป่ารดต้นหูอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับคำพูดและน้ำเสียงของคยูฮยอนที่ดูโกรธไม่แพ้กัน

     

                    มาดักยิงพ่อคนอื่นต่อหน้าต่อตาแบบนี้คิดว่าจะปล่อยไปง่ายๆหรือไง!” ออกแรงกระชากจนซองมินต้องยอมปล่อยมือออกจากปืนที่ขืนแรงจับเอาไว้ เมื่อได้โอกาสคยูฮยอนจึงผลักร่างที่เล็กกว่าจนหลังกระแทกกำแพงแล้วใช้สองมือคร่อมเอาไว้

     

                    ใบหน้าหวานยามที่แผ่นหลังนั้นกระแทกกำแพงจนเกิดเสียงนั้นแสดงความเจ็บปวดออกมาเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่มีเสียงร้องใดๆ ดวงตากลมโตตวัดสายตามองคนที่ยืนคร่อมตัวเองอยู่อย่างขุ่นเคืองไม่ต่างกับสายตาของอีกคนนัก

     

                    หาให้เจอว่าใครเป็นคนยิง เสียงโหวกเหวกโวยวายเริ่มดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเหตุการณ์กลับสู่ปกติ ลูกน้องของโจกรุ๊ปต่างวิ่งวุ่นกันทั่วพื้นที่ของบริษัทเพื่อหาร่องรอยของผู้ที่ลงมือกระทำการอุกอาจในครั้งนี้

     

                    คยูฮยอนหันไปมองเหล่าลูกน้องที่กำลังวิ่งตรงมาทางเขาจึงตัดสินใจกระชากข้อมือซองมินไปที่รถของตนที่จอดทิ้งไว้อยู่ตรงริมถนน ซึ่งบัดดี้คนขับรถกลับหายตัวไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่กระสุนนัดแรกดังขึ้น

     

                    คุณคยูฮยอน อึนฮยอกที่เห็นคยูฮยอนลากซองมินไปที่รถจึงลุกขึ้นวิ่งเพื่อตามไป แต่ฮันคยองกลับรั้งข้อมือเอาไว้

     

                    จะไปไหน เอ่ยถามเสียงเครียดพลางขมวดคิ้วมุ่น

     

                    ไปตามเจ้านาย ตอบสั้นๆ โดยไม่อ้อมค้อมหรือกวนประสาทคุณตำรวจคู่แค้นกันในคราวนี้ อึนฮยอกออกแรงบิดข้อมือเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนปล่อย แต่ฮันคยองกลับยังไม่ยอมปล่อย สายตากวาดมองไปรอบบริเวณ ก่อนจะพบกับรถของคยูฮยอนที่กำลังเคลื่อนออกไป และผู้ต้องสงสัยอีกคน

     

                    คุณฮีชอล ฮันคยองพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อเห็นฮีชอลกำลังจะขึ้นรถขับออกไปโดยมือข้างหนึ่งถือปืนไว้ด้วย แล้วคนๆนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้

     

                    ปล่อย!” สั่งเสียงเข้มเมื่อฮันคยองไม่ยอมปล่อยให้ไปเสียที พร้อมกับทำท่าจะยกปืนขึ้นมายิง

     

                    ชินดงตามฮีชอลไปที เมื่อโดนขู่ฮันคยองจึงรีบหันไปสั่งชินดงก่อนจะวิ่งพาอึนฮยอกไปที่รถแล้วขับตามคยูฮยอนกับซองมินไป

     

                    หลังจากได้รับคำสั่งชินดงก็รีบวิ่งไปที่รถของบริษัทโจกรุ๊ปคันหนึ่งที่จอดไว้อยู่ ระยะที่ตามฮีชอลไปนั้นค่อนข้างห่างพอสมควร และเหมือนว่าคนโดนตามจะรู้ตัว จึงเร่งความเร็วขึ้นไปอีก จนในที่สุด

     

                    เอี๊ยด!

     

                    ชินดงเหยียบเบรกกะทันหันเมื่ออยู่ๆก็มีรถคันหนึ่งขับปาดหน้าจนแทบจะเกิดการปะทะกัน สายตาของนายตำรวจหนุ่มมองเลยไปยังรถของฮีชอลที่เริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วจึงขับออกไปอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างสูง ถ้าไม่ติดว่าตามฮีชอลอยู่เขาคงลงไปจับไอ้คนที่ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือนั่นแล้ว

     

     

     

     

     

                    อีกด้านหนึ่งซองมินถูกคยูฮยอนใช้เนคไทด์มัดมือทั้งสองข้างไว้โดยให้นั่งอยู่เบาะหลัง ส่วนเจ้าตัวก็ขับรถอีกออกมาด้วยความเร็วที่ค่อนสูง สายตาจ้องมองที่กระจกหลังอยู่ตลอดเวลา เงาสะท้อนในกระจกบ่งบอกให้รู้ว่ามีคนกำลังตามมา และคนๆนั้นเป็นตำรวจ

     

                    “เร็วกว่านี้ไม่ได้หรือไง อึนฮยอกออกปากเร่งน้ำเสียงเครียด คิ้วขมวดจ้องมองไปยังรถที่อยู่ด้านหน้าตลอดเวลา หากแต่ไม่แสดงท่าทางรีบร้อนอะไรมากมาย เพียงแค่นั่งมองเฉยๆเท่านั้น เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคยูฮยอนต้องพาซองมินหนีไป แล้วใครกันแน่ที่เป็นคนยิง

     

                    มิดแล้ว ตอบกลับมาด้วยท่าทางที่รีบร้อนไม่แพ้กัน

     

                    อึนฮยอกพ่นลมหายใจออกมาอย่างขัดใจก่อนจะหันไปมองทางรอบๆ ที่มีถนนหลายสายตัดผ่านไปมา ทำให้ถนนเส้นนี้ดูค่อนข้างจะสับสน และด้านข้างที่มีต้นไม้มากกว่าบ้านของผู้คนจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนใช้ถนนเส้นนี้กันมากนัก ส่วนใหญ่จะใช้เป็นทางผ่านเท่านั้น แต่เพราะอึนฮยอกเคยถูกส่งมาทำงานแถวนี้บ่อยๆจึงรู้ดีว่าถนนเส้นไหนจะทะลุทางไหน

     

                    เลี้ยวขวาข้างหน้า

     

                    ฮันคยองหักเลี้ยวตามที่อึนฮยอกบอกโดยไม่ถามอะไรกลับมา ขับตรงไปตามถนนเส้นยาวที่ไม่รู้ว่าจะไปโผล่ที่ตรงไหน

     

                    จอดขวางตรงแยกข้างหน้า สั่งการอีกครั้งเมื่อรถใกล้ถึงที่หมาย ฮันคยองชะลอความเร็วก่อนจะเหยียบเบรกขวางหน้ารถอีกคนไว้อย่างพอดิบพอดี เสียงเบรกดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว กลิ่นเหม็นไหม้ของล้อรถที่เสียดสีกับพื้นถนนส่งกลิ่นฟุ้ง

     

                    อึนฮยอกเดินลงจากรถตรงไปยังรถของคยูฮยอนด้วยท่าทางที่เอาเรื่อง ประตูรถด้านหลังถูกเปิดออก ปืนที่เหน็บอยู่ที่ขอบกางเกงถูกหยิบออกมาใช้งานอีกครั้ง กระบอกปืนสีดำขลับจ่อยิงในระยะประชิด หากแต่คนที่กำลังตกเป็นรองกลับไม่ได้ดูหวาดกลัวเลยซักนิด

     

                    แกใช่มั้ยที่เป็นคนยิง อย่าหวังเลยว่าวันนี้จะรอดกลับไป ขู่เสียงเย็นในลำคอ ปืนที่จ่ออยู่นั้นสั่นระริกด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างสับสน โกรธ โมโห อยากจะฆ่าให้ตายซะ จะได้หยุดสร้างเรื่องเสียที หากแต่ความรู้สึกลึกๆกลับรู้สึกสงสาร หากว่าเจ้านายของเขาไม่สร้างเรื่องก่อน เรื่องแบบนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้น ที่สำคัญถ้าเขาฆ่าซองมินแล้วคยูฮยอนจะรู้สึกเช่นไร เขารู้ดีว่าเจ้านายเขาแคร์ความรู้สึกของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูนี่แค่ไหน

     

                    ถ้าใช้แล้วจะทำไม ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวความตายที่รออยู่ตรงหน้า ซองมินแสยะยิ้มน้อยๆ ยั่วอารมณ์ของอีกฝ่าย

     

                    อย่าครับพี่อึนฮยอก!” คยูฮยอนลงมาจากรถสีหน้าตื่นพลางปัดปืนที่อึนฮยอกถืออยู่ให้หันไปทางอื่น แน่นอนว่าอึนฮยอกคงไม่ยอมทำตามคำพูดง่ายๆ

     

                    แต่มันจะฆ่าพ่อของคุณ เถียงกลับเสียงดัง ใช้ปืนชี้หน้าคนที่เกือบจะลงมือฆ่าเจ้านายตัวเองด้วยความเคียดแค้น

     

                    แต่เขายังไม่ได้ฆ่า เงียบไปซักพักก่อนจะตอบเสียงเบาเพราะเถียงคำพูดของอึนอยอกไม่ถูก หากเขาช่วยซองมินก็เท่ากับคนอกตัญญู แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่โกรธที่ซองมินทำแบบนี้ เขาโกรธมาก มากถึงมากที่สุด แต่กลับทำอะไรไม่ได้

     

                    หรือว่าคุณคยูฮยอนต้องรอให้มันฆ่าพ่อของคุณก่อนคุณถึงจะเข้าใจ ฆ่ามันซะตอนนี้เรื่องมันจะได้จบ โวยวายใส่เจ้านายเสียงดังก่อนจะหันไปหาซองมินทำท่าจะยิงอีกครั้ง

     

                    หยุดได้แล้วคุณ ฮันคยองเข้ามาล็อกตัวอึนฮยอกที่กำลังโวยวายเอาไว้ ดึงปืนที่อึนฮยอกกำลังจะจ่อยิงซองมินมาถือไว้เสียเอง ถึงเขาจะยังไม่รู้รายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ แต่คิดว่าใช้ปากคุยกันน่าจะดีกว่าใช้ปืนคุยกัน               

     

                    ขอโทษนะครับพี่ เรื่องซองมินผมจะจัดการเอง ฝากดูแลพ่อผมด้วย แล้วอย่าตามผมมา คยูฮยอนใช้โอกาสที่ฮันคยองเข้ามาล็อกตัวอึนฮยอกไว้ปิดประตูรถด้านซองมิน ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขายังไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ ถ้าหลบไปที่ไหนซักทีเรื่องมันอาจจะดีขึ้นก็เป็นได้

     

                    คุณคยูฮยอน!” อึนฮยอกสะบัดตัวจนหลุด วิ่งตามรถของคยูฮยอนไปแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยซักนิด กว่าฮันคยองจะยอมปล่อยคยูฮยอนก็ขับรถออกไปไกลเสียแล้ว

     

                    โธ่เว้ย!” สบถออกมาด้วยความโมโห ขาจ้ำเดินไปที่รถหวังจะตามไปให้ทัน

     

                    จะไปไหน ฮันคยองเดินมาจับประตูรถที่อึนฮยอกเปิดไว้เพื่อจะขึ้นไป แต่คำถามนี้กลับเพิ่มอารมณ์ความโมโหให้มือปืนเลือดเย็นเข้าไปอีก

     

                    ก็ตามไปสิวะ!” กระแทกเสียงใส่ ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปนั่งบนรถ แต่กลับโดนฮันคยองจึงตัวออกมา

     

                    ไม่ได้ยินหรือไงว่าเขาบอกไม่ต้องตาม ถามกลับไปหน้าซื่อๆ ยิ่งทำให้อึนฮยอกโกรธ แต่จริงๆแล้วเพียงแค่อยากจะกวนประสาทเล่นเท่านั้นแต่ดูเหมือนจะผิดที่ผิดทางไปหน่อย ความจริงแล้วฮันคยองก็อยากตามคยูฮยอนไป แต่ให้ตามในถนนเส้นนี้คงยากเพราะไม่รู้จุดมุ่งหมายของอีกฝ่ายว่าจะไปที่ใด เขาเลยเลือกที่จะพาอึนฮยอกกลับไปเค้นเอาความจริงดีกว่า

     

                    โอ้ย! ไอ้คุณตำรวจ ถ้าไม่ช่วยก็อย่ามาขวางได้มั้ย!” สุดท้ายแล้วอึนฮยอกเลยหันมาทะเลาะกับฮันคยองให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะ ไหนๆก็ตามไม่ทันแล้ว และเขาก็นึกไม่ออกด้วยว่าคยูฮยอนจะพาซองมินหนีไปไหน

     

                    ฮันคยองกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของอึนฮยอก เพราะปกติจะเห็นแต่ท่านิ่งๆเหมือนคนวางมาด แต่ตอนนี้กลับแสดงทั้งอารมณ์ ท่าทางและสีหน้าออกมาว่ากำลังโกรธมากที่สุด แถมดูเหมือนจะพูดมากขึ้นด้วย

     

                    ยิ้มอะไร!” คะตอกถามด้วยความไม่พอใจ โดยไม่ได้นึกถึงเลยว่าตัวเองแสดงอารมณ์ออกไปให้ฮันคยองเห็นมากแค่ไหน คงเป็นเพราะต่างคนต่างรู้ไส้รู้พุง รู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายกันหมดแล้วเลยไม่คิดจะปิดบัง โกรธ แค้น โมโห หงุดหงิด รำคาญ อารมณ์ที่อึนฮยอกแสดงให้ฮันคยองเห็นคงมีเพียงเท่านี้

     

                    กลับดีกว่าคุณ พูดเสร็จก็เดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโกรธหรือโมโหแค่ไหน

     

                    โว้ย!” โวยวายออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินไปขึ้นรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับแต่โดยดีเพราะทำอะไรไม่ได้ ถ้าฮันคยองกลับไปคนเดียวแล้วเขาจะกลับกับใคร จะโทรตามลูกน้องมารับบอกได้เลยว่าไม่มี เพราะพื้นที่ตรงนี้หาคลื่นได้ยากมาก

     

                    ฮันคยองหันมองคนข้างๆแล้วก็ยิ้มออกมาบางๆ คงคิดว่าเขาจะพากลับไปส่งที่บริษัทเหมือนเดิม แต่ผิดแล้ว เขาจะพาอึนฮยอกไปที่ห้องพัก ถ้าไม่ยอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับออกไป

    ------------------------------------------------


    kr...Talk
    สวัสดีทุกคน ขอโทษจริงๆที่สัญญาว่าจะอัพเมื่อวันเสาร์
    แต่เนื่องจากติดจัดเรียงหน้าหนังสือทั้งวันทั้งคืน
    เลยไม่มีเวลามาอัพ และก็ติดขายฟิคที่งานFF#2ด้วย
    หลายคนคงเจอกันในงานแล้ว
    ก็ขอบคุณมากนะจ๊ะที่มาอุดหนุน

    ตอนนี้ก็ให้คิเฮเค้าได้หวานกันนิดหน่อย
    แต่มันเป็นเพียงแค่แผน อ่านแล้วไรเตอร์ก็คิดถึงบอม
    วันนี้ก็มีข่าวบอมออกมา บวมเหมือนเดิม แต่น่ารัก น่าหยิก
    คราวหน้าจะพยายามมาอัพบ่อยๆนะ


    และที่สำคัญวันนี้เป็นวันแม่ ก็ให้ทุกคนรักแม่มากๆนะ

     

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×