ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน (Super Junior Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 : เกมส์คิง 2_100%

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 53



    Chapter7 : เกมส์คิง 2
     
     
     
     
                    “ช้านนน!! จาเปนคิง!!~”
     
                    เสียงยานคางที่แสนจะแสบแก้วหูแผดออกมาดังลั่นอย่างคนเอาแต่ใจ ทำเอาเพื่อนๆต้องยกมือขึ้นมาปิดหูกันเป็นแถบๆ คังอินคว้าตัวอีทึกไว้อีกครั้งเมื่อนางฟ้าสุดที่รักทำท่าเหมือนจะอาละวาด แต่อีทึกก็สะบัดตัวออกอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
     
                    “ช้านเปนคิง! ข้าวจายม้ายย!~ ห้ามใครขัดช้านท้างน้านนน!!!~ เอิ่ก!” อีทึกบอกออกมาด้วยเสียงยานคางแถมด้วยการเรออีกหนึ่งครั้ง ทำเอาคังอินถึงกับกุมขมับไม่คิดว่านางฟ้าของตนจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ ชินดงก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ไม่น่าบังคับให้อีทึกกินเข้าไปเลย ส่วนเพื่อนๆก็ได้แต่มองเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี
     
                    “ตาเมื่อกี้นายเป็นไปแล้วไงอีทึก นายต้องเลือกคิงคนต่อไปสิ” ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยยอมใครฮีชอลจึงพูดออกมา ทำเอาอีทึกตวัดสายตามามองทันที
     
                    “หุบปากกก~ ช้านเปนคิงงง~ ทุกคนต้องฟังช้านน~!!” บอกออกมาด้วยเสียงที่ยานคางเช่นเดิม เมื่อได้ฟังแบบนี้มีหรือคนอย่างฮีชอลจะยอม ตั้งท่าเถียงกลับทันที
     
                    “ไม่มีทาง! นายอย่าทำตัวแบบนี้สิอีทึก! ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน!”
     
                    คำพูดของฮีชอลทำให้อีทึกหันมามองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก เช่นเดียวกับฮีชอลที่ดูจะไม่ค่อยพอใจอีทึกเหมือนกัน เพราะตนเองก็อยากจะเป็นคิงบ้าง
     
                    “นายไม่เห็นหรือไงว่าอีทึกเมา อย่าไปเถียงคนเมาซะให้ยากเลย” ซีวอนทนฟังทั้งสองคนเถียงกันไม่ไหวเลยเลือกที่จะบอกห้ามฮีชอลเอาไว้ก่อน เพราะถ้าบอกอีทึกไปยังไงก็ไม่ฟังแน่
     
                    “เมาแล้วยังไงเล่า!” ฮีชอลยังคงมีท่าทีไม่พอใจเหมือนเดิม ยังไงเขาก็อยากจะเป็นคิง ถึงจะรู้ว่าอีทึกเมาอยู่ก็เถอะ
     
                    “ช้านบอกให้หุบปากงายยย!!! นายปายนั่งตากซีวอนซะ แล้วก็ห้ามพูดอารายท้างน้านนน!! นี่คือคามส่างงง!!" และแล้วคิงอีทึกก็เริ่มออกคำสั่งด้วยความรำคาญที่มีต่อฮีชอล
     
                    “อีทึก!!” ฮีชอลเรียกชื่ออีทึกดังลั่น บอกให้รู้ว่าไม่ยอมแน่ๆ
     
                    “ม่ายทามก็ปายล้างจานนนน~” พูดจบอีทึกก็คว้าเอาโซจูทั้งขวดขึ้นมากรอกใส่ปากอย่างกับว่าเป็นคนที่รักแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดยังไงยังงั้น ทั้งๆที่ตอนแรกเป็นตายยังไงก็ไม่ยอมกินมันเข้าไป
     
                    “นายอย่าโวยวายให้มากได้มั้ยฮีชอล” ซีวอนดึงฮีชอลให้มานั่งตักตัวเองเพราะเริ่มจะรำคาญขึ้นมาตงิดๆ เนื่องจากฮีชอลทำท่าจะโวยวาย ถ้าเป็นแบบนั้นคงได้ดูมวยคู่เด็ดก่อนนอนระหว่างคนบ้ากับคนเมาแน่ๆ
     
                    “ซีวอน!” หันไปถลึงตาใส่คนที่ยอมทำตามคิงขี้โกงอย่างว่าง่าย ส่วนซีวอนก็ทำหน้าดุใส่ ฮีชอลจึงทำหน้าจ๋อยทันที ทำไมถึงไม่มีใครห้ามอีทึกกันเลย
     
                    “อยากกินอารายก็บอกน้าซีวอนน~ ฮีชอลจาด้ายป้อนนาย~ แต่ถ้าฮีชอลม่ายยอม ช้านจาห้ายป้อนทางปาก~ โอเค๊! เอิ่ก!” พูดจบพร้อมทำท่าโอเคก่อนจะปล่อยเรอออกมาอีกซักนึงรอบและทรุดตัวลงนั่งข้างคังอินเหมือนเดิม
     
                    “นายไหวนะ” คังอินออกปากถามด้วยความไม่แน่ใจนัก ทำไมนางฟ้าของหมีถึงได้กลายเป็นแบบนี้!!!
     
                    “หึๆ หวายยยย~” หัวเราะในลำคอสองสามที ก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบออกมา พร้อมกับคว้าโซจูอีกขวดมาแนบไว้ที่รักแร้
     
                    คังอินรวมไปถึงเพื่อนๆทั้งห้องต่างมองมาที่อีทึกอย่างไม่ค่อยแน่ใจกับคำตอบที่เจ้าตัวตอบออกมานัก ต่างรู้สึกหวั่นๆไปตามๆกันว่ารายต่อไปจะเป็นใคร และคนที่ถูกมองว่าเป็นคนผิดคงหนีไม่พ้นชินดงอย่างแน่นอน เพราะดันสั่งให้อีทึกกินโซจู จนนางฟ้าต้องกลับกลายเป็นปีศาจแบบนี้
     
                    “นายป้อนไอ้นั่นให้ฉันหน่อยดิ” ซีวอนชี้ไปที่หมูสไลด์ที่เรียวอุกเอาลงไปย่าง ไหนๆอีทึกก็ออกคำสั่งมาแล้วก็ใช่ยัยขี้โวยวายนี่ให้เป็นประโยชน์หน่อย เพราะเขาเองก็ขยับไปไหนไม่ค่อยถนัดนัก
     
                    “อยากกินก็หยิบเองสิ!” ฮีชอลหันมาตอกกลับก่อนจะหันกลับไปปั้นหน้าบึ้งอย่างเดิม
     
                    “อีทึกบอกว่าห้ามนายพูดไม่ได้ยินหรือไง อีกอย่างฉันอยากกินอะไรนายก็ต้องเป็นคนป้อน”
     
                    “แต่...”
     
                    “หรืออยากล้างจานก็เลือกเอา” ฮีชอลที่ทำท่าจะเถียงเงียบไปในทันทีที่ซีวอนพูดถึงบทลงโทษเมื่อขัดคำสั่งคิง เลยต้องจำใจทำตามที่ซีวอนสั่งอย่างช่วยไม่ได้
     
                    ฮีชอลคืบหมูสไลด์ไปจ่อปากซีวอนด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงสุดๆ แต่คุณชายชเวกลับส่ายหน้าแล้วเบ้ปากไปที่น้ำจิ้ม
     
                    “จิ้มน้ำจิ้มก่อนสิ หรือนายจะห่อผักให้ฉันด้วยก็ได้นะ” ซีวอนบอกพร้อมกับยิ้มน้อยๆ แอบรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก
     
                    “เรื่องมากจริง” สบถออกมาเบาๆแต่ก็ไม่พ้นหูซีวอนอยู่ดี
     
                    “บอกแล้วไงว่าห้ามพูด”
     
                    “หึ่ย!” ทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจก่อนจะเอาหมูไปจิ้มน้ำจิ้มแล้วยัดใส่ปากซีวอนไปซะ
     
                    พอกลืนสิ่งที่ฮีชอลเพิ่งป้อนลงคอไปซีวอนก็หัวเราะออกมาเบาๆ เห็นท่าทางฮีชอลเป็นแบบนี้มันน่าแกล้งซะจริงๆ
     
     
                    “ฉันชอบนายสองคนจัง คยู ซองมิน” อยู่ๆอีทึกก็พูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปซักพัก ถ้าเพียงแค่พูดธรรมดาคนโดนพาดพิงจะไม่รู้สึกขนลุกเลยซักนิด แต่นี่มันพ่วงรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้วางใจมาด้วย
     
                    อีทึกยกโซจูขึ้นดื่มอีกครั้งจนมันเอ่อล้นออกมานอกริมฝีปากก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดอย่างลวกๆ สายตาที่ฉ่ำเยิ้มนั้นจ้องมองไปที่คยูฮยอนกับซองมินเขม็ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่คนมองเห็นแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
     
                    “นายสองโคนนี่น่าร๊ากจางเลยเนอะ! เหมือนแฟนกานเลย~” พูดไปก็หัวเราะไปอย่างมีความสุข อีทึกยกนิ้วชี้ทั้งสองข้างขึ้นมาทำสัญลักษณ์ว่าคู่กัน พูดไปแล้วก็ยิ้มเขินเองซะอย่างนั้น
     
                    คังอินที่นั่งอยู่ข้างๆไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีแล้วตอนนี้ นางฟ้าจองซูของเขาหายไปไหนนนนน!!!~
     
                    คยูฮยอนกับซองมินชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ทำสีหน้าเหลอหลาเพราะคำพูดของอีทึกเป็นเหตุ ทำให้หน้าขาวๆของซองมินขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อกี้อีทึกก็ทำเอาทำตัวไม่ถูกไปแล้วรอบหนึ่ง คราวนี้ยังจะมาพูดว่าเหมือนแฟนกันอีก
     
                    “ช้านขอส่างห้ายนายของคนเป็นแฟนกานหนึ่งอาทิตย์~  นายต้องดูแลซองมีนดีๆน้า คายู~ฮายอน~ เอาห้ายเหมือนแฟนกานจริงๆเลย~” แล้วและคำสั่งของคิงอีทึกก็ประกาศออกมา เล่นเอาคนถูกสั่งเบิกตากว้างจนมันแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
     
                    ซองมินทำท่าจะอ้าปากเถียงแต่ก็ไม่รู้เถียงยังไง ขนาดฮีชอลยังเถียงไม่ได้ แล้วอย่างเขาจะไปเหลือเหรอ เลยได้แต่เหลือบตาไปมองคนที่นั่งนิ่งๆอยู่ข้างๆ คยูฮยอนเองก็มีสีหน้าตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็คงไม่คิดที่จะเถียงอีทึกออกไป เพราะผลจะออกมาเป็นยังไงก็คงจะรู้กันดี
     
                    “เพื่อเปนการแสดงความร๊ากกกกของนายท้างสองคนน้า~ นายต้องไปเคาะประตูห้องทุกห้องแล้วบอกว่านายส๊องคนเปนแฟนกานแล้ว~ แล้วก็หอมแก้มกานด้วย~ อิอิ” พูดจบอีทึกก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ไม่ได้ดูเลยว่าสีหน้าเหยื่อของคิงอีทึกผู้ติ๊งต๊องเป็นยังไงแล้วบ้างตอนนี้
     
                    “ไม่เอาน้า~” ซองมินร้องครางออกมาทันทีเมื่อฟังจบ ก่อนจะเหลือบไปมองคยูฮยอนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม
     
                    “หรือนายจาล้างจาน” อีทึกยกบทลงโทษมาขู่ ซองมินเลยเงียบไป ก่อนจะพยายามเถียงออกมาอีกครั้ง
     
                    “แต่....”
     
                    “พออีทึกหายเมาเดี๋ยวก็คงลืมไปเองนั่นแหละ” คยูฮยอนขัดขึ้นก่อนที่ซองมินจะได้เถียงอะไรออกมา ก็คนเมามักจะจำเรื่องที่ตัวเองพูดหรือทำไว้ไม่ได้หรอก
     
                    “ง้านเราไปป่าวปรากาศกานว่านายสองคนเปนแฟนกานแล้ววว~” อีทึกลุกขึ้นเป็นคนแรกพร้อมกับเดินตรงไปที่ประตูห้อง
     
                    “แต่นี่มันดึกแล้วนะอีทึก นักศึกษาที่เหลืออยู่ก็มีไม่เยอะด้วย เพราะส่วนใหญ่เขากลับบ้านกันหมด” เยซองที่นั่งอยู่ตรงประตูแย้งขึ้น
     
                    ได้ฟังที่เยซองพูดซองมินแทบอยากจะลุกขึ้นไปเอารองเท้าที่วางเรียงรายอยู่ยัดปากพ่อหนุ่มหน้าซาลาเปาคนนี้เสียจริงๆ คนน้อยๆแหละดีแล้ว กลับบ้านกันไปให้หมด ถ้าขืนอยู่กันครบแล้วให้ไปไล่เคาะทีห้องแล้วหอมแก้มโชว์ มีหวังต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินแน่
     
                    “ช้านไม่สน ตามมาเรวๆ” ปฏิเสธคำแนะนำของเยซองอย่างหนักแน่นก่อนจะกวักมือเรียกเพื่อนๆให้เดินตามกันออกมานอกห้อง
     
                    ซองมินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งออกเมื่อในที่สุดอีทึกก็เข้าข้างตัวเองโดยการไม่ฟังคำพูดของเยซอง ส่วนคยูฮยอนเองก็ดูจะโล่งอกขึ้นเช่นกัน
     
                    เพื่อนๆเริ่มทยอยเดินออกมาจากห้องของฮีชอลและซีวอนโดยมีคิบอมกับดงแฮเดินปิดท้าย อีทึกเดินดุ่มๆนำหน้าแบบไม่รอใคร เซไปซ้ายไปขวาบ้างตามประสาคนเมา จนคังอินทนดูไม่ไหวเลยต้องเดินเข้าไปช่วยพยุง
     
                    ในที่สุดเหล่านักศึกษาหอสิบสามก็มารวมตัวกันอยู่ที่ชั้นหนึ่งหน้าห้อง 1311 ไฟในภายในห้องนั้นยังเปิดไฟอยู่แสดงว่าคนในห้องไม่ได้กลับบ้านและก็ยังไม่นอนเสียด้วย
     
                    อีทึกยิ้มกริ่มก่อนจะดันตัวคยูฮยอนกับซองมินให้ไปยืนอยู่ตรงหน้าประตู เหยื่อผู้โชคร้ายพากันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จนอีทึกต้องออกมาปากเร่งคยูฮยอนจึงยกมือขึ้นเคาะประตู
     
                    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
     
                    รอซักพักเจ้าของห้องจึงออกมาเปิดประตู ซองมินยิ้มแหยๆ ออกไปให้ก่อนจะกระทุ้งสีข้างคยูฮยอนให้ทำอะไรซักอย่าง
     
                    “มีอะไรเหรอครับ” เจ้าของห้องถามด้วยสีหน้าเรียบๆ พลางมองเลยไปด้านหลังของคยูฮยอนกับซองมินที่มีคนอีกกว่าสิบคนยืนอยู่ หวังว่าคงไม่ได้มารุมกระทืบเขาถึงห้องหรอกนะ
     
                    “เราสองคนเป็นแฟนกันครับ” คยูฮยอนยกมือขึ้นโอบไหล่ซองมินออกแรงดึงให้เข้ามาหาตัวเอง พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มซองมินไปหนึ่งฟอดเบาๆ กลิ่มหอมจางๆที่ติดอยู่ตรงปลายจมูกทำเอาคยูฮยอนชะงักไปซักพักก่อนจะรีบปล่อยมือที่โอบไหล่ซองมินอยู่ออก แล้วทำหน้านิ่งเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
     
                    คนโดนหอมได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ป่านนี้หน้าของเขาต้องแดงเหมือนลูกมะเขือเทศสุกแล้วแน่เลย
     
                    “ขอบคุณมากครับ” พูดจบคยูฮยอนก็ปิดประตูใส่หน้าเจ้าของห้องที่มัวแต่ยืนอึ้งไปเลย ให้ตายสิ ใครว่าคนอย่างโจคยูฮยอนไม่เขิน ถึงจะทำหน้านิ่งๆก็เถอะ แต่ตอนนี้แหละเขินแบบสุดๆ แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้
     
                    “ดีมากๆ~” อีทึกพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินนำหน้าไปยังห้องถัดไป เพื่อนๆที่เหลือมองมาที่คยูฮยอนกับซองมินแล้วก็อมยิ้มกันออกมาก่อนจะเดินตามอีทึกกับคังอินไป
     
                    “นายจะยืนอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย” คยูฮยอนถามขึ้นเสียงเรียบเมื่อเห็นว่าซองมินเอาแต่ยืนอยู่ตรงที่เดิมทั้งๆที่เพื่อนๆเดินไปกันหมดแล้ว
     
                    “อ่า~ ไปสิ!” ซองมินสะดุ้งก่อนจะตอบออกมา ยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองไว้เพราะกลัวคยูฮยอนจะเห็นว่าตอนนี้หน้าเขาแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ก่อนจะรีบเดินตามหลังคยูฮยอนไป
     
             

                                                        ---------------------------- 50% ----------------------------------

                   โชคดีที่ชั้นหนึ่งมีนักศึกษาที่พักอยู่หอเพียงสามห้องเท่านั้น ส่วนที่เหลือกลับบ้านกันหมด ดังนั้นทุกคนจึงเคลื่อนย้ายพลกันไปที่ชั้นสองต่อไป

     

                    สามห้องแรกนั้นไม่มีคนอยู่จนมาถึงห้องที่สี่ คยูฮยอนเป็นฝ่ายเคาะประตูเช่นเดิม รอมาซักพักแต่ก็ยังไม่มีคนมาเปิดประตู จนทุกคนคิดว่าไม่มีคนอยู่และกำลังจะเดินไปห้องอื่น แต่แล้วประตูห้องก็เปิดออก ทำเอาซองมินหน้าบึ้งขึ้นมาในทันที

     

                    พวกนายมีอะไร เจ้าของห้องถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียออกจะหงุดหงิดเล็กน้อยด้วยซ้ำ

     

                    ไม่เป็นไร นายไปนอนต่อเถอะ ด้วยความที่ว่าเกรงใจบวกกับไม่อยากจะมาแสดงความรักกับคยูฮยอนต่อหน้าเพื่อนร่วมหอที่แม้แต่ชื่อยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ซองมินเลยรีบไล่ให้กลับไปนอน แต่มีหรือคนอย่างอีทึกจะยอม

     

                    ไม่ได้!” อีทึกบอกออกมาเสียงดังอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาซองมินไหล่ตกในทันที

     

                    ขอโทษที่รบกวนนะ ฉันแค่จะบอกว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มซองมินเหมือนทั้งสามครั้งที่ผ่านมา ก่อนจะถอนออกมาแล้วรีบปิดประตูห้องเพื่อนร่วมหอไปซะ กันคำโวยวายหรือคำต่อว่าที่จะตามมาภายหลัง

     

                    ซองมินยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองไปมาเบาๆ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือว่าคยูฮยอนกดปลายจมูกลงมาที่แก้มเขาแรงขึ้นแถมยังนานขึ้นอีกด้วย อีกอย่างเหมือนกับสิ่งที่โดนแก้มเขาไม่ใช่แค่ปลายจมูกโด่งนั่น แต่เป็นริมฝีปากหยักนั่นด้วย

     

                    บ้าน่า!” ส่ายหัวไปมาอย่างแรงเมื่อชักจะเริ่มคิดอะไรฟุ้งซ่าน

     

                    เป็นอะไรของนาย คยูฮยอนหันมาถาม ซองมินเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเพื่อนๆเดินกันไปหมดแล้ว และเขาสองคนก็มักจะกลายเป็นคนที่เดินรั้งท้ายเสมอ

     

                    เปล่า!” ปฏิเสธเสียงสูง ก่อนจะเริ่มออกเดินไปยังห้องถัดไป

     

                    คยูฮยอนมองตามหลังซองมินไปซักพักก่อนจะเดินตามไป รู้สึกว่ากลิ่นหอมมันยังติดจมูกไม่ยอมจางหายไปไหนเลย แถมแก้มซองมินยังนิ่มอีกต่างหาก อยากให้เกมวันนี้จบลงเร็วๆ ไม่งั้นแก้มนิ่มๆนั่นคงต้องช้ำเพราะเขาแน่

     

                    หอพักชั้นสองมีนักศึกษาที่อยู่หอในวันหยุดเพียงสองห้องเท่านั้น ซึ่งมันทำให้อีทึกออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะผ่านมาถึงสองชั้นแล้ว เพิ่งจะได้เห็นฉากสวีทเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น จากที่ควรจะเป็นสิบแปดครั้ง

     

                    และแล้วทุกคนก็เคลื่อนพลมาถึงชั้นที่สาม ซึ่งมีนักศึกษาอยู่ที่หอถึงสี่ห้องด้วยกัน ทุกอย่างเป็นอย่างปกติเหมือนกับที่ผ่านๆมา จนมาถึงห้องสุดท้าย

     

                    คยูฮยอนเคาะประตูห้องและไม่นานเจ้าของห้องก็ออกมาเปิดประตูเพราะไฟในห้องยังคงเปิดไว้อยู่แสดงว่าคนในห้องนั้นยังไม่นอน

     

                    ขอโทษนะครับที่มารบกวน

     

                    มีอะไรกันเหรอครับ เจ้าของห้องคนแรกถามด้วยสีหน้าสงสัย เพราะจำนวนคนที่ยืนอยู่หน้าห้องทำให้อดแปลกใจไม่ได้

     

                    เราสองคนเป็นแฟนกันครับ พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มซองมินเหมือนเดิม แต่จากที่ใช้แค่ปลายจมูกตอนนี้กลับกลายเป็นริมฝีปากไปแล้วที่ใช้สัมผัส แถมตำแหน่งที่โดนมันกลับเขยิบเข้ามาใกล้ริมฝีปากสีชมพูนั่นเรื่อยๆ จนซองมินถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่ก็ดิ้นหรือขัดขืนอะไรไม่ได้ ซักพักคยูฮยอนจึงผละออกมา

     

                    โอ้โห! โชว์กันอย่างนี้เลย เจ้าของห้องอีกคนร้องขึ้นหน้าตาตื่น เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน

     

                    ซองมินได้ยิ้มแหยๆกลับไปให้แล้วเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเพราะไม่อยากให้คนจำหน้าได้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี ยืนทำกันจะๆตรงนี้แบบนี้ใครจำไม่ได้ก็บ้าแล้ว

     

                    นายหอมคยูฮยอนกลับบ้างสิซองมิน~ แบบนี้มันไม่แฟร์~” อีทึกโผลงออกมาเสียงดัง พร้อมกับส่ายนิ้วชี้และส่ายหน้าไปมาเป็นท่าที่ใช้ประกอบคำพูด

     

                    หา!” ซองมินหันกลับไปถลึงตาใส่อีทึก แค่ให้คยูฮยอนทำเขาฝ่ายเดียวก็เขินจะแย่แล้ว นี่ยังจะให้เขาทำกลับอีกงั้นเหรอ

     

                    ไม่ต้องหา~ ทามเลย~” บอกพร้อมกับยิ้มหน้าระรื่น

     

                    ซองมินเงยหน้าขึ้นไปมองคยูฮยอนแล้วใบหน้ามันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ ชักเริ่มรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

     

                    นายก้มลงมาหน่อยสิ กระตุกแขนเสื้อคนตัวสูงกว่าหงิกๆให้ก้มหน้าลงมา

     

                    คยูฮยอนยอมก้มลงไปแต่โดยดีโดยไม่พูดอะไร ซองมินจึงรีบเข้าไปหอมแล้วผละออกมา แต่ดูเหมือนมันจะผิดตำแหน่งไปหน่อย เพราะความรีบร้อนเลยทำให้มันโดนที่มุมปากของคยูฮยอนแทนที่จะโดนแก้ม

     

                    ฮ่าๆๆ เจ๋ง!” เจ้าของห้องอีกคนร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

     

                    ปัง!

     

                    คยูฮยอนปิดประตูห้องนี้อย่างแรง ทำเอาซองมินรวมไปถึงเพื่อนๆคนอื่นๆสะดุ้งไปตามๆกัน เพราะคิดว่าคยูฮยอนคงจะโกรธแน่ๆ

     

                    อย่าใส่อารมณ์สิคยู~ มานก็แค่เกมมมมม~” พูดจบอีทึกก็เดินนำไปยังชั้นต่อไป ตามด้วยเพื่อนๆทั้งหลายที่เดินตามกันไป

     

                    นายโกรธฉันเหรอ ซองมินถามขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าคยูฮยอนจะมาโกรธเขาเรื่องอะไร เขาไม่ชอบเลยเวลาคยูฮยอนทำท่าเหมือนจะโกรธ มันน่ากลัว

     

                    เปล่า ตอบเพียงแค่นั้นแล้วก็เดินต่อไปโดยไม่พูดอะไรอีก ที่จริงเขาไม่ชอบเจ้าของห้องคนนั้นต่างหาก เพราะเสียงหัวเราะบวกกับหน้าตาที่ดูตื่นเต้นนั่นทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูก

     

                    ชั้นสี่เป็นชั้นที่พวกเขาพักอยู่ ดังนั้นจึงผ่านชั้นนี้ไปเพราะไม่มีนักศึกษาคนใดพักอยู่เลยนอกจากพวกเขาเอง และแล้วก็มาถึงชั้นห้าซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของหอ และดูเหมือนว่าชั้นนี้จะเงียบผิดปกติ หรือว่าชั้นนี้นักศึกษากลับบ้านกันหมด

     

                    คยูฮยอนไล่เคาะทุกห้องแต่ไม่มีคนอยู่เลยซักห้องจนมาถึงห้องสุดท้ายซึ่งตรงกับทางลงพอดี ยืนรออยู่หน้าห้องซักพักเจ้าของห้องทั้งสองก็ออกมาเปิดประตู

     

                    ขอโทษที่มารบกวนนะครับ

     

                    มีอะไรกันเหรอครับ เป็นคำถามที่ทุกๆห้องมักจะถามออกมาแบบนี้

     

                    เราสองคนเป็นแฟนกันครับ คยูฮยอนโอบเอวซองมินไว้ก่อนจะก้มลงไปใกล้ใบหน้าหวานนั้นเรื่อยๆ

     

    ซองมินหลับตาปี๋เมื่อริมฝีปากของคยูฮยอนแตะลงเบาๆ ที่แก้มนุ่มนิ่ม แต่แล้วอยู่ๆริมฝีปากนั่นกลับเลื่อนมาประทับที่มุมปากสีชมพูแทน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจกับการกระทำของรูมเมท แต่เท่านั้นยังไม่พอ คยูฮยอนเลื่อนริมฝีปากไปยังริมฝีปากบางก่อนจะกดน้ำหนักลงไปเบาๆ

     

                    เมื่อริมฝีปากโดนปิดสนิทซองมินจึงหลับตาแน่น รู้สึกตัวเกร็งไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากหนาขยับดูดเม้มเบาๆ มือที่โอบรอบเอวนั้นกระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม ลิ้นหนากำลังจะทำการรุกรานเพื่อเข้าไปภายในโพรงปากที่มันช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน

     

                    ผมทราบแล้วคร๊าบบบบ!!!” เจ้าของห้องร้องออกมาดังลั่น ทำเอาทั้งสองคนผละออกจากกันแทบไม่ทัน สีหน้าของเจ้าของห้องตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าอึ้งกับการกระทำตรงหน้า ใบหน้าแดงก่ำนั่นไม่รู้เพราะว่าโกรธหรือเขินแทนกันแน่

     

                    เอ่อ...ขอโทษที่รบกวนนะครับ!!” คยูฮยอนก้มหัวขอโทษขอโพยแล้วรีบลากซองมินลงมาบันไดไปทันที ใครจะไปยืนอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องคนนี้เขาจะโกรธเอาหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆขอหนีไว้ก่อน อายเพื่อนก็อาย แถมยังเผลอทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรต่อหน้าคนที่ไม่รู้จักอีก

     

                    จารีบลงปายต่อที่ห้องกานหรืองายยย~” อีทึกร้องแซวตามลงไป ก่อนจะหัวเราะร่าเริง

     

                    พวกคุณเล่นอะไรกันนี่ เจ้าของห้องอีกคนถามขึ้น

     

                    มันเป็นแค่เกมน่ะครับ ขอโทษด้วยที่รบกวนดึกๆแบบนี้ และก็ขอบคุณมากครับที่ให้ความร่วมมือ ซีวอนเป็นคนตอบแทน เพราะถ้าขืนให้อีทึกตอบคงไม่รู้เรื่องแน่ๆ

     

                    แล้วเค้าเป็นแฟนกันจริงๆเหรอครับ เจ้าของห้องยังคงถามต่อ

     

                    เปล่าหรอกครับ พวกเราเล่นกันเฉยๆ

     

                    ครับ แต่เค้าน่ารักดีนะ...ผมขอตัวนะครับตอบรับพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยก่อนจะขอตัวเข้าห้องไป

     

                    ฉันว่าเราเลิกเล่นแล้วกลับไปล้างจานกันได้แล้ว ฮีชอลพูดขึ้น เพราะห้องตัวเองเป็นสถานที่จัด ฉะนั้นทุกคนต้องไปช่วยกันจัดการเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ไม่งั้นเขาไม่ยอมแน่ๆ

     

                    ทุกคนพยักหน้ารับตามที่ฮีชอลบอกและทยอยกันเดินลงบันไดไปโดยมีคังอินคอยประคองอีทึกเดินนำหน้าคู่กับซีวอนและฮีชอล คนอื่นๆเดินตามหลัง ส่วนซองมินกับคยูฮยอนนั้นก็หนีเข้าห้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

                    ไร้เสียงพูดจาพูดคุยกันระหว่างที่ทุกคนเดินกลับห้องของฮีชอลกับซีวอน

     

    คิบอมกับดงแฮที่เดินรั้งท้ายเมื่อเดินลงมาบันไดมาได้ก็เจอกับห้องตัวเองพอดี คิบอมดึงดงแฮให้เดินเข้าห้องไปด้วยกันอย่างเงียบๆ โดยกะว่าไม่ให้มีคนเห็น แต่ฮันคยองที่เดินอยู่ข้างหน้าตัวเองกลับหันมามองเสียอย่างนั้น แถมยังทำท่าจะร้องทักเสียด้วย

     

                    ชูว์~” คิบอมยกนิ้วชี้มาจุ๊ปากเอาไว้ ตอนนี้เขากำลังปฏิบัติภารกิจหนีการล้างจานกองโตอยู่

     

                    ฮันคยองพยักหน้ารับเข้าใจเลยปล่อยให้คิบอมกับดงแฮเข้าห้องของตัวเองไป จนเดินถึงห้องของตัวเองที่อยู่ถัดมาจึงดึงฮยอกแจไว้บ้าง แล้วพากันเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ

     

                    เสียงฝีเท้าที่เคยดังนั้นเริ่มเบาลงเรื่อยๆโดยไม่มีใครได้ทันสังเกต ยกเว้นก็แต่ชินดงที่สงสัยจึงหันหลังกลับมาดูก็พบว่าฮันคยอง ฮยอกแจ คิบอมและดงแฮได้หายตัวไปเป็นที่เรียบร้อย ชินดงจึงหยุดมองอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันกลับไปมองข้างหน้าก็พบว่าตอนนี้ได้ยืนอยู่หน้าห้องตัวเองเสียแล้ว งั้นเขาก็ขอตัวเข้านอนเลยก็แล้วกัน

     

                    เดินผ่านมาจนถึงหน้าห้องของเยซองและเรียวอุก คนตัวเล็กหันกลับไปมองด้านหลังที่ไร้เงาของเพื่อนๆก็เบิกตากว้างทันทีก่อนจะเรียกให้เยซองหันไปมอง

     

                    อะ....

     

    ชูว์~....เข้าห้องกัน เรียวอุกยกมือปิดปากเยซองไว้แทบจะไม่ทัน มองซ้ายขวา ใช้ความคิดเกี่ยวกับการหายตัวไปของเพื่อนอยู่ซักพัก ก่อนจะค่อยๆพากันเดินเข้าไปในห้องและปิดประตูอย่างเบาที่สุด ถ้าเขาเดาไม่ผิดเพื่อนๆคงหนีเข้าห้องกันไปหมดแล้วแน่ๆ

     

    ในที่สุดก็มาถึงสองห้องสุดท้ายที่อยู่ด้านในสุด ท่าทางโอนเอนไปมาของอีทึกเลยทำให้คังอินขอตัวพาอีทึกเข้าไปพักผ่อนก่อน ซีวอนจึงปล่อยให้ไปเพราะคิดว่าอีทึกคงไม่ไหวจริงๆ

     

    ทำไมมันเงียบแบบนี้ล่ะ ฮีชอลพูดพร้อมกับหันหลังกลับไปมองยังทางที่เดินมาซึ่งความจริงแล้วมันควรจะมีเพื่อนๆอีกกว่าสิบคนเดินตามมา แต่นี่มันกลับมีแต่ความว่างเปล่า

     

    ทุกอย่างยังคงอยู่ในความเงียบสงัดกับแสงไฟสลัวๆเท่านั้น แต่ตอนนี้อารมณ์ฮีชอลกำลังปรี๊ดสุดๆ เหมือนปรอทที่กำลังจะแตกในเวลาอันใกล้นี่

     

    ไอ้พวกบ้า!!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!!!”

     

     

      

    หลังจากที่พากันหนีความอับอายเข้ามาในห้องพักคยูฮยอนกับซองมินก็ยังไม่ได้เอ่ยปากคุยกันเลยแม้แต่นิด ตอนนี้คยูฮยอนกำลังอาบน้ำอยู่ ส่วนซองมินก็เอาแต่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง

     

    เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับหัวใจของซองมินที่อยู่ๆมันก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมา คราวนี้เขาจะคุยกับคยูฮยอนได้อย่างปกติมั้ยล่ะเนี่ย

     

    นายไม่อาบน้ำเหรอ คยูฮยอนเอ่ยถาม

     

    ดะ...เดี๋ยวอาบ ซองมินโผล่หัวออกมาจากผ้าห่มก่อนจะตอบ แต่แล้วใบหน้ามันก็กลับร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง ให้ตายสิ ทำไมคยูฮยอนถึงไม่แต่งตัวให้มันเรียบร้อยก่อนนะ ใส่แค่ผ้าขนหนูผืนเดียวแถมยังมีน้ำเกาะอยู่ตามตัวอีกด้วย บอกจากใจซองมินเลยว่า ดูดีและเซ็กซี่อย่างมากมาย

     

    เมื่อกี้ฉันขอโทษนะ...ที่จูบนาย หันหลังให้ก่อนจะพูดออกมา ไม่รู้ทำไมเหมือนกันตอนนั้นถึงได้เปลี่ยนจากหอมแก้มเป็นจูบได้ ความรู้สึกมันพาไปโดยที่เขาห้ามมันไม่ได้เลย

     

    ไม่เป็นไร!...ฉะ...ฉันนอนแล้วนะ...ฝันดี!” ตอบกลับเสียงสูงก่อนจะรีบคลุมโปงไว้อย่างเดิม ไม่อาบมันแล้วน้ำ

     

    ฝันดี คยูฮยอนพูดขึ้นเบาๆ หันกลับไปมองซองมินที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนจะเดินไปแต่งตัว หวังว่าซองมินคงไม่คิดมากเรื่องนี้หรอกนะ



    ---------------------------------------------

    kr...Talk
    มาแล้วจ้า ไรเตอร์กลับมาอีกครั้ง
    เป็นงัยกันบ้างอีก50%ที่เหลือ
    หวานกันไหมล่ะ คยูมินเราเริ่มพลิกล็อตวุ่นวาย
    อยู่ๆก็ต้องกลายมาเป็นแฟนกัน
    อย่าว่าแต่เรื่องวุ่นเลย ไรเตอร์ก็เริ่มงง
    อยู่ๆก็เป็นแบบนี้ซะแล้ว แล้วเราควรทำงัยต่อดี
    มักเน่คยูของเราเรื่องนี้ไม่ค่อยหวานเลยเนอะ
    ทำไมน้าาาาา?

    มีความสุขกับการอ่านนะจ๊ะ
    แล้วอย่าลืมเม้น+โหวต+ป่าวประกศให้คนอื่นรู้จักฟิคเรื่องนี้

    เซงอิลซุกฮาฮัมนีดา เซงอิลซุกฮาฮัมนีดา
    ซารางฮานึน ฮันเกิงชี
    ขอให้ได้จับฮยอกกดทุกวัน
    หรือขอให้ได้จับฮีกดทุกวัน
    เอิ๊กอ๊ากตามประสา
    คิดถึงเกิงสุดตีน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×