ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #57 : Part 24 : Would you marry me? ภาค 2 The End

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 52



                Part 24 : Would you marry me?
     
     
     
     
    อีกแค่เพียงวันเดียวเท่านั้นงานหมั้นของคยูฮยอนกับซองมินก็จะถูกจัดขึ้น สถานที่นั้นฮีชอลเป็นคนเลือกแล้วมันก็ไม่ธรรมดาเลย โซลทาวเวอร์ เป็นที่สาธารณะซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่จะจัดงานที่นี่ได้ ครอบครัวลีกับครอบครัวโจเลยทุ่มงบเต็มที่เพื่อจองสถานที่ส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของที่นี่สองวันเต็มๆ
     
                    บริเวณที่จัดงานหมั้นตอนนี้ดูวุ่นวายเล็กๆสำหรับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ผู้ที่มีส่วนร่วมในงานตอนนี้กำลังช่วยกันเลือกคอนเซ็ปของงาน และตกลงกันได้ว่าจะจัดแบบเรียบง่าย และเชิญเฉพาะแขกที่รู้จักกันเท่านั้น โดยผู้ชายจะใส่ชุดสูทสีขาว ผู้หญิงใส่เดรสสีชมพูอ่อน ถึงจะดูเรียบง่ายแต่ก็มีความหรูหรา
     
                    ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนี้บ้านตระกูลโจดูเงียบจนผิดปกติ เพราะคุณโจ คุณนายโจ รวมไปถึงเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านหลายคนถูกเกณฑ์ไปช่วยดูแลและจัดการเรื่องงานหมั้นที่จะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้กันหมด
     
                    “ทำไมวันนี้บ้านเงียบจัง คนหายไปไหนกันหมด”    ซองมินเดินลงมาชั้นล่าง ใช้สายตากวาดมองไปทั่วบ้านด้วยความแปลกใจ ตอนนี้ในบ้านเหลือแค่เพียป้าแม่บ้านคนสนิทของคยูฮยอนกับแม่บ้านอีกสองสามคนเท่านั้น
     
                    “คนอื่นไปช่วยงานคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายข้างนอกน่ะคะ”    คุณป้าแม่บ้านตอบคำถามของซองมินแล้วยิ้มให้ ที่เธอไม่ไปช่วยงานกับคนอื่นๆเพราะเธอสนิทกับคยูฮยอนมากที่สุด คุณโจจึงสั่งให้เธอช่วยอยู่ดูแลที่บ้าน และคอยตอบคำถามต่างๆของซองมินไปในตัวด้วย
     
                    “ครับ”    ซองมินพยักหน้าแล้วยิ้มตอบไปให้ก่อนจะเดินไปนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่น เขาไม่ได้สงสัยเลยว่าทำไมอยู่ๆถึงต้องเกณฑ์คนที่บ้านออกไปช่วยงาน ทั้งที่จะมีงานอะไรที่ไหนก็ๆไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
     
    ป่านนี้คนที่บ้านซองมินก็คงกำลังวุ่นอยู่กับการจัดงานหมั้นอยู่เหมือนกัน เพราะสถานที่ที่ฮีชอลเลือกให้นั้นไม่ธรรมดาเลย ส่วนคยูฮยอนนั้งยังไม่ตื่นจากที่นอนด้วยซ้ำ เพราะเมื่อมัวแต่เล่นเกมจนดึกดื่นลืมเวลานอนไป เขาก็อุตส่าห์รีบคุยกับฮีชอล แต่คยูฮยอนกลับหายออกไปตั้งสามชั่วโมง
     
     
     
                    และแล้ววันที่ซองมินกับคยูฮยอนรอคอยก็มาถึง ต่างคนก็ต่างรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในวันนี้ คยูฮยอนตื่นแต่เช้าโดยไม่ต้องรอให้ซองมินปลุกอย่างทุกๆวัน เขากะว่าวันนี้เขาจะเป็นคนปลุกซองมินบ้างแต่พอเขากลับเข้ามาในห้องกลับเห็นซองมินแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมยังน่ารักมากซะด้วย ทั้งที่ก่อนที่เขาจะลงไปข้างล่างนั้นซองมินยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ
     
                    “แต่งตัวซะหล่อเลยนะ ฉันตกใจมากเลยที่ตื่นมาไม่เจอนาย นึกว่านายหายไปไหนซะอีก”    ซองมินพูดไปก็ยิ้มไปพลางมองคยูฮยอนตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้คยูฮยอนดูดีมากจริงๆ
     
                    “ฉันกะว่าจะชวนนายไปเที่ยวน่ะ วันนี้กะว่าจะเป็นคนปลุกซักหน่อย”    คยูฮยอนพูดไปก็ยิ้มไปเหมือนกัน เลยรู้สึกว่าวันนี้พวกเขาดูเขินๆกันยังไงก็ไม่รู้
     
                    “ฉันก็กะว่าจะชวนนายไปเที่ยวเหมือนกัน”
     
                    “เราใจตรงกันเลย”    คยูฮยอนหัวเราะออกมาเบาๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเขินอยู่จริงๆ คงเพราะวันนี้เขาต้องเซอร์ไพรส์ซองมินต่อหน้าทุกๆคน และคนอย่างเขาก็ไม่เคยทำอะไรที่มันโรแมนติกเท่าไหร่นัก พอนึกถึงว่าเขาจะต้องทำแบบนั้นมันเลยรู้สึกเขินขึ้นมา
     
                    “ลงไปกินข้าวกัน”    ซองมินออกมาปากชวนแล้วจูงมือคยูฮยอนลงไปยังห้องอาหารที่แม่ครัวได้เตรียมอาหารไว้เรียบร้อย
     
                    มื้อเช้านี้ดูซองมินกับคยูฮยอนจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ พูดคุยหยอกล้อกันดูมีความสุข เวลาที่ใช้ในการทานมื้อเช้าครั้งนี้เลยยาวนานกว่าทุกๆครั้ง ผลัดกันตักนู้นตักนี่ให้กันจนดูวุ่นวาย เสียงหัวเราะที่ฟังดูมีความสุขจึงขึ้นเป็นระยะ
     
                    “นายจะพาฉันไปเที่ยวไหนเหรอคยู”    คุยกันมาก็ตั้งหลายเรื่อง แต่กลับไม่มีใครถามว่าอยากจะไปเที่ยวไหนกันซักที จนซองมินนึกขึ้นได้เลยถามออกมา
     
                    “แล้วนายอยากจะไปที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”    คยูฮยอนถามกลับ เขามีที่ที่จะต้องพาซองมินไปอยู่แล้วแต่คงต้องรอช่วงเย็นๆ เพราะงานหมั้นของเขาจะถูกจัดขึ้นในช่วงเย็น ซึ่งช่วงนั้นโซลทาวเวอร์จะเปิดไฟไปทั่วทำให้มันดูสวยงามมาก
     
                    “ตอนเย็นฉันอยากไปที่โซลทาวเวอร์ ส่วนช่วงสายเราไปเดทกันนะ”    ซองมินตอบกลับมาแล้วยิ้มหวาน ถ้าเขาต้องขอหมั้นคยูฮยอนจริงๆ เขาจะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
     
                    “เริ่มจากไปดูหนังก่อน ถ้าไปโซลทาวเวอร์เราก็ไปหาซื้อกุญแจสวยๆ กัน”    คยูฮยอนคิดวางแผนในสมองไว้เรียบร้อย โชคดีมากที่ซองมินอยากไปโซลทาวเวอร์วันนี้ ถึงมันจะดูบังเอิญไปหน่อยก็เถอะ
     
                    “อืม”    ซองมินพยักหน้าแล้วยิ้มเหมือนเดิม ที่โซลทาวเวอร์ จะมีประเพณีอย่างนึงที่คู่รัก หรือเพื่อนรักกัน จะเอากุญแจ เขียนชื่อแล้วมาแขวนล็อกไว้ที่ราวระเบียงด้านล่างตึก เป็นนัยว่าจะได้ล๊อกความรักไว้ ให้อยู่คู่กันตลอดไป แล้วโยนลูกกุญแจทิ้งลงมาด้านล่าง เขาเองอยากจะทำแบบนี้มานานแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปที่นั่นซักที
     
                    หลังจากตกลงกันได้ซองมินกับคยูฮยอนก็เริ่มรับประทานอาหารต่อ จากอาหารมื้อเช้าก็เกือบจะกลายเป็นอาหารมื้อเที่ยงไปเสียแล้ว กว่าทั้งสองจะได้ออกมาจากบ้าน ก็ปาเข้าเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า
     
                    คยูฮยอนกับซองมินมาที่โรงหนังของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง หนังที่ดูนั้นซองมินเป็นคนเลือก เป็นการ์ตูนอะนิเมชั่นเรื่องใหม่ที่กำลังดังอยู่ในขณะนี้ สำหรับคยูฮยอนนั้นอยากจะดูหนังแนวแฟนซีมากกว่า แต่วันนี้กลับไม่แย้งอะไรออกมาเลยซักคำ เพราะอยากตามใจซองมินให้เต็มที่
     
                    อีกเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าหนังจะเริ่มฉาย ซองมินเลยชวนคยูฮยอนไปหาของหวานกินระหว่างที่รอเวลา ทั้งที่เพิ่งกินข้าวเช้าออกมาจากบ้าน หลังจากหนังฉายจบประมาณสี่โมงเย็น คยูฮยอนกับซองมินจึงไปเดินหาซื้อกุญแจกันต่อ เพราะเวลาที่ฮีชอลได้นัดไว้คือตอนหกโมงเย็น
     
                    คยูฮยอนกับซองมินใช้เวลาเลือกกุญแจกันอยู่นานกว่าจะได้อย่างที่ต้องการ กุญแจของซองมินเป็นสีชมพูอ่อน ส่วนของคยูฮยอนนั้นเป็นสีเขียวใบตอง เมื่อได้ของครบตามที่ต้องการแล้วทั้งสองก็กลับไปที่รถเพื่อไปยังโซลทาวเวอร์ แต่ระหว่างทางที่กำลังเดินไปลานจอดรถนั้นได้ผ่านหน้าร้านเครื่องเพชร จำพวกสร้อยหรือแหวน คยูฮยอนจึงหยุดเดินแล้วมองเข้าไปในร้าน
     
                    “ฉันจะรอวันที่นายยอมหมั้นนะ”    คยูฮยอนมองในร้านก่อนจะหันไปยิ้มให้ซองมิน พอเห็นแหวนเลยทำให้เขาอยากจะพูดอะไรออกมาเพื่อให้เหมือนกับว่าเขายังรอซองมินอยู่ แต่ถึงยังไงเย็นนี้ซองมินก็ต้องหมั้นกับเขาอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าซองมินจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ก็ตามเถอะ
     
                    ซองมินไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพียงแค่อมยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น วันนี้แล้วล่ะคยูฮยอน เขาคงไม่ใจร้ายปล่อยให้คนที่รักรอนานไปกว่านี้ วันนี้แล้วที่เราจะได้แลกแหวนกัน
                   
     
     
                    ภายในงานหมั้นระหว่างคยูฮยอนกับซองมินตอนนี้ทุกอย่างได้เตรียมการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่เพียงรอคนสำคัญของงานมาถึงเท่านั้น ซุ้มดอกกุหลาบสีขาวแดงถูกตั้งไว้หน้างาน และถือว่าตรงนั้นคือจุดศูนย์กลางของงานด้วย งานถูกจัดขึ้นในส่วนเล็กๆของโซลทาวเวอร์เท่านั้น เพราะในที่สาธารณะแบบนี้ทำอะไรให้ใหญ่โตเกินไปมันก็ดูไม่ค่อยดี
     
     
                    “คงใกล้จะมากันแล้วสินะ”    คุณนายลียกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู อีกเพียงสิบห้านาทีเท่านั้นก็จะถึงเวลาหกโมงเย็น ที่ฮีชอลได้นัดกับคยูฮยอนและซองมินไว้ เธออยากจะรู้มากว่าถ้าคยูฮยอนกับซองมินรู้ว่าทั้งสองครอบ
    ครัวร่วมมือกันจัดงานนี้ขึ้นมาโดยทั้งหมดเป็นแผนของฮีชอล ลูกชายทั้งสองของเธอจะทำหน้ายังไง
     
                    “ผมว่าน่าจะมาแล้วล่ะครับ”    คุณโจพูดขึ้นเมื่อเห็นรถของคยูฮยอนเลี้ยวเข้ามา เมื่อเห็นว่าคนสำคัญมาถึงแล้วทุกคนต่างแยกย้ายไปยืนในที่ของตัวเอง คู่รักประจำแก๊งยืนอยู่ด้วยกันเป็นคู่ๆ รวมไปถึงฮันคยองกับ
    ฮยอกแจด้วย ที่โดนฮีชอลโทรตามให้มาร่วมงาน
                   
                    คยูฮยอนลงจากรถเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ซองมิน ยื่นมือไปให้ซองมินจับเหมือนกำลังกำลังเชิญเจ้าหญิงออกจากราชรถ ซองมินอมยิ้มจนแก้มปริก่อนจะยื่นมือไปให้คยูฮยอน แล้วทั้งสองก็ตรงเดินไปยังสถานที่จัดงานด้วยกัน ทั้งที่ไม่ได้นัดแนะกันไว้ด้วยซ้ำว่าจะไปส่วนไหนของโซลทาวเวอร์
     
                    เมื่อเดินใกล้เข้าไปยังสถานที่จัดงานคยูฮยอนกับซองมินก็หันมายิ้มให้กัน ซึ่งต่างคนต่างคิดว่าจะสร้างความประหลาดใจให้อีกคน แต่ผลที่ได้กลับคือรอยยิ้มที่หวังว่าจะได้เห็นสีหน้าที่แสดงความตกใจของอีกคน
     
                    “สำหรับนายซองมิน”    คยูฮยอนยิ้มกว้างและมองเข้าไปภายในงานที่มีทุกคนรอรับด้วยรอยยิ้มอยู่แล้ว ตอนนี้เขาทั้งสองคนยืนอยู่ที่หน้างานเรียบร้อยแล้ว
     
                    “สำหรับฉันเหรอ”    ซองมินขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อคยูฮยอนพูดออกมาแบบนี้ นี่มันเป็นงานหมั้นที่เขาจัดเพื่อคยูฮยอน แต่ทำไมคยูฮยอนถึงได้พูดว่างานนี้สำหรับเขา
     
                    “นี่เป็นงานหมั้นของเรานะซองมิน”    คยูฮยอนยังคงพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูแปลกใจของซองมิน
     
                    “งานหมั้นนี้สำหรับนายต่างหากล่ะคยูฮยอน นายพูดอย่างกับว่ารู้ว่าฉันจะจัดงานนี้ขึ้นมาอย่างนั้นแหละ”    ซองมินยืนกอดอก คิ้วยังคงไม่คลายปมออก พลางมองเข้าไปในงาน ทุกคนส่งยิ้มกลับมาให้เขาและหนึ่งในนั้นก็คือฮีชอลที่กำลังหัวเราะอยู่
     
                    “รู้ว่านายจัดเหรอ งานนี้ฉันเป็นคนจัดต่างหากล่ะซองมิน นี่มันยังไงกัน”    คยูฮยอนชักเริ่มจะงงกับเหตุการณ์นี้เสียแล้ว เขามองเข้าไปในงานเห็นเพื่อนๆและครอบครัวส่งยิ้มมาให้ แต่เมื่อมองไปที่ฮีชอลแล้วกลับเห็นเขากำลังหัวเราะชอบใจ
     
                    “พี่ฮีชอล”    ซองมินพูดน้ำเสียงเหมือนกำลังโกรธอยู่ หน้าบึ้งๆตอนนี้มองไปที่ฮีชอลเขม็ง สุดท้ายเขากับคยูฮยอนก็โดนฮีชอลปั่นหัวเล่นจนได้ แสดงว่างานหมั้นก็เกิดจากความร่วมมือของทุกๆคนเลยล่ะสิ
     
                    “ว่าแล้วว่ามันแปลกๆ สรุปว่าโดนเซอร์ไพรส์กันทั้งคู่เลยใช่มั้ยเนี่ย”    เมื่อรู้ความจริงคยูฮยอนก็ทำได้แค่ส่ายหน้าไปมา เขาคิดว่ามันแปลกๆตั้งแต่ที่ฮีชอลโทรมาแล้ว แถมวันนี้ซองมินดันอยากมาที่โซลทาวเวอร์นี่อีก เหมือนกับว่ารู้ว่าเขาจะพามายังไงยังงั้น
     
                    “แสดงว่างานหมั้นนี้นายเป็นคนจัดใช่มั้ย”    ซองมินหันไปถามคยูฮยอนเมื่อฟังจากที่คยูฮยอนพูดแล้ว
     
                    “นายเองก็เป็นคนจัดงานหมั้นนี้เหมือนกัน”    คยูฮยอนไม่ได้ตอบคำถามแต่ถามกลับไปแทน สรุปคือเขาทั้งสองคนร่วมกันจัดงานหมั้นของตัวเองขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวเลย
     
                    “ก็ฉันคิดว่านายไม่อยากจะหมั้นกับฉันแล้วนี่นา นายทำเหมือนไม่สนใจเรื่องหมั้นแล้วอย่างนั้นแหละ”    ในที่สุดซองมินก็สารภาพออกมาก่อน ใบหน้าหวานดูเศร้าลงเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
     
                    “ใครว่าฉันไม่อยากหมั้นกับนายล่ะ ที่ฉันทำเป็นไม่สนใจเรื่องหมั้นก็เพื่อทำให้นายสนใจเรื่องหมั้นและยอมหมั้นกับฉัน และเมื่อฉันพานายมาที่นี่ฉันก็จะขอนายหมั้นต่อหน้าทุกคน ถึงนายจะไม่อยากหมั้นแค่ไหน แต่คนนิสัยอย่างนายถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วก็ต้องยอมตกลงหมั้นอย่างแน่นอน”    แล้วคยูฮยอนก็สารภาพทุกอย่างออกมาบ้าง ถึงสิ่งที่เขาพูดมันอาจจะดูเหมือนเห็นแกตัวไปหน่อย เหมือนกับเขาต้องบังคับให้ซองมินยอมหมั้น แต่เขาเชื่อว่าซองมินต้องยอมตกลงหมั้นอย่างเต็มใจ
     
                    ซองมินไม่ได้ตอบอะไรกลับมา มีเพียงแค่รอยยิ้มบางๆเท่านั้น
     
                    “ซองมิน....มะ...”
     
                    “เดี๋ยวๆๆๆ!!!!”    ยังไม่ทันที่คยูฮยอนจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เหล่าเพื่อนๆที่ยืนฟังกันอยู่ในงานก็รีบวิ่งออกมาห้ามซะก่อน ก็คยูฮยอนกำลังจะขอซองมินหมั้นแล้ว แต่ยังไม่ได้ก้าวเข้ามาในงานเลย แล้วไปขอหมั้นกันตรงนั้นใครเค้าจะไปได้ยิน แบบนี้ก็ไม่มีสักขีพยานน่ะสิ
     
                    “อย่าเพิ่งพูดนะ เข้าไปในงานก่อน พูดต่อหน้าทุกคนเลย”    ฮีชอลคนที่เจ้ากี้เจ้าการจัดการเรื่องทุกอย่างเป็นคนลากคยูฮยอนกับซองมินเข้าไปภายในงาน พร้อมกับจัดตำแหน่งการยืนให้เรียบร้อย
     
                    “ที่นี่ก็เริ่มได้”    เมื่อจัดการทุกอย่างลงตัวแล้วฮีชอลก็ออกปากสั่งทันที ฉากนี้แหละที่เขาอยากจะดูที่สุด
     
                    “ผมก็เขินเป็นนะ พี่ฮีชอล!”    ซองมินทำเสียงดังใส่กลบเกลื่อนอาการเขิน อยู่ๆถูกขอหมั้นต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้มันก็ต้องรู้สึกเขินเป็นธรรมดา ถึงคนที่มานั้นจะเป็นคนรู้จักหมดก็ตาม ถ้าเกิดให้เขาเป็นฝ่ายขอ
    คยูฮยอนเองเขาคงไม่กล้าแน่ๆ
     
                    “ทีตอนที่พี่บอกให้นายเป็นคนขอคยูฮยอนหมั้นเองนายยังตอบตกลงเลย ทีแบบนี้มาทำเขิน”    แล้วฮีชอลขุดคุ้ยเรื่องเก่ามาแซวซองมินจนได้
     
                    “เลิกเถียงกันได้แล้ว ฮีชอลนายก็อย่าไปแซวน้องสิ”    ลีทึกรีบห้ามไว้ก่อนที่ฮีชอลกับซองมินจะเถียงกันไปไกลมากกว่านี้ วันนี้เป็นวันดีของซองมิน ต้องให้ความสำคัญกับคนสำคัญของงานหน่อย
     
                    “นี่แหวนจ๊ะ”    คุณนายทั้งสองของตระกูลลีกับตระกูลโจเดินเข้าไปหาลูกชายของตัวเองและยื่นแหวนให้คยูฮยอนกับซองมิน
     
                    แหวนของคยูฮยอนที่จะให้ซองมินนั้นเป็นแหวนทองเรียบๆ ไม่มีลวดลายใดๆ ส่วนแหวนของซองมินที่จะแลกกับคยูฮยอนก็มีลักษณะเดียวกัน แต่เป็นแหวนเงิน
     
                    ตอนนี้บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงรถราหรือเสียงพูดคุยของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในงานต่างกำลังจดจ่ออยู่คนสำคัญของงานในค่ำคืนนี้
     
                    “หมั้นกับฉันนะซองมิน”    คยูฮยอนคุกเข่าลงต่อหน้าซองมิน มือข้างซ้ายยื่นไปตรงหน้า ส่วนมือข้างขวาถือแหวนเอาไว้ สายตาที่ดูมุ่งมั่นนั้นทำเอาซองมินใจเต้นไม่เป็นส่ำ ตลอดเวลาที่คบกันคยูฮยอนซองมินไม่เคยรู้สึกว่าขาดอะไรเลยจริงๆ
     
                    ซองมินยืนมองคยูฮยอนอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาเลย จนเหล่าพ่อแม่และครอบครัวเริ่มจะอยู่ไม่เป็นสุข เพราะกลัวจะซองมินเปลี่ยนใจไม่ยอมรับหมั้นคยูฮยอนอีก
     
                    “อยู่กับฉันตลอดไปนะคยู”    ซองมินยื่นมือข้างไปซ้ายไปให้คยูฮยอนสวมแหวน แล้วอมยิ้มอย่างมีความสุข มื่อคยูฮยอนค่อยๆดันแหวนใส่เข้าไปในนิ้วนางของเขา
     
                    “ฉันจะไม่มีวันทิ้งนายไปไหนเด็ดขาด”    คยูฮยอนประทับริมฝีปากลงบนหลังมือของซองมินก่อนจะยืนขึ้น ทั้งคู่หันมายิ้มให้กันจนคนที่ยืนมองชักจะเริ่มอิจฉา
     
                    ซองมินจับมือของคยูฮยอนขึ้นมาแล้วทำการสวมแหวนให้คยูฮยอน แหวนเงินถูกใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของคยูฮยอนทีละนิด หลังจากแลกแหวนกันเสร็จซองมินก็อมยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะเขย่งตัวไปจูบที่ปากของคยูฮยอนเบาๆ โดยลืมไปเลยที่นี่มันที่สาธารณะ และมีครอบครัวกับเพื่อนๆที่กำลังมองดูอยู่
     
                    “วิ๊ดวิ๊ว!! ฮู้ว! หวานไปแล้ว!!”    เมื่อเห็นฉากสวีทตรงหน้าเมื่อก็ร้องแซวกันยกใหญ่ ทั้งที่ซองมินบอกว่าเขินแต่กลับเป็นฝ่ายเข้าไปจูบคยูฮยอนซะอย่างนั้น
     
                    เหมือนว่าซองมินเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป คนหน้าหวานเลยรีบปิดหน้าแดงๆของตัวเองทันที ส่วนคยูฮยอนก็เอาแต่หัวเราะชอบใจอย่างเดียว
     
                    “อยากหมั้นบ้างๆ”    ดงเฮพูดออกมาเหมือนเด็กที่อยากได้ของเล่น แต่หน้าตากลับยิ้มเหมือนแค่อยากจะแซวเพื่อนเล่นซะมากกว่า ยิ่งเห็นคยูฮยอนกับซองมินได้หมั้นกันแล้ว เขาอยากให้พ่อกับแม่ของคิบอมกลับมาจากอเมริกาเร็วๆ จะได้หมั้นบ้าง
     
                    “ฉันก็อยากมีความสุขแบบนี้บ้างอ่ะคังอิน”    ลีทึกหันไปทำท่าออดอ้อนใส่คังอิน เห็นน้องแล้วอิจฉา ตัดหน้าหมั้นก่อนเขาไปซะแล้ว
     
                    “เยเย่รีบทำให้พ่ออุกกี้ยอมรับเร็วๆสิ อุกกี้ก็อยากหมั้นเหมือนกันนะ”    เรียวอุกก็หันไปอ้อนเยซองกับเขาบ้าง เหมือนกับว่าอาการอยากหมั้นเป็นโรคติดต่อของเหล่าแก๊งหน้าหวานไปเสียแล้ว
     
                    “เราจะหมั้นกันตอนไปหนดีล่ะซีวอน ตอนนี้เลยดีมั้ย”    ฮีชอลซบลงที่ไหล่ของซีวอนพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เหมือนเป็นการพูดให้คนอื่นได้อิจฉาเขากับซีวอนอีกคู่ เพราะเรื่องหมั้นนั้นเขากับซีวอนไม่มีปัญหาเลยซักนิด เพียงแค่เขาบอกว่าอยากจะหมั้น ซีวอนก็จะจัดการให้ทันที
     
                    “ตามใจพี่เลยครับ ผมพร้อมเสมอ”    ซีวอนเองก็รับมุขฮีชอลได้ดีไม่แพ้กัน ก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งคู่ สมแล้วที่เป็นแฟนกันเข้าขากันได้ดีจริงๆ
     
                    “แล้วนายไม่อยากหมั้นเหมือนคนอื่นบ้างเหรอ ฉันก็พร้อมเสมอนะ”    ฮันคยองพูดขึ้นบ้าง ก่อนจะหันไปยิ้มให้ฮยอกแจ ถึงจะคบกันได้แค่วันเดียวก็ไม่เป็นไร เขาไม่ซีเรียส
     
                    “แต่ฉันยังไม่พร้อม อย่ามาทำตัวไวไฟนะ”    ฮยอกแจทำเสียงดุ เพิ่งตกลงคบไปได้แค่เพียงวันเดียวนั้นก็มาพูดเรื่องหมั้นซะแล้ว
     
                    “ไม่เป็นไรครับ รอได้”    ฮันคยองยังคงพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ตอนนี้เขามีความสุขจริงๆ
     
                    “พวกเราเตรียมกุญแจกันมาหรือเปล่า”    ฮีชอลตะโกนถามออกมา มาที่โซลทาวเวอร์ก็ต้องมาคล้องกุญแจกับคนรัก เหตุผลหนึ่งที่เขาเลือกที่นี่เป็นสถานที่จัดงานก็เพราะที่นี่มีประเพณีดีๆแบบนี้นี่แหละ
     
                    สิ้นเสียงของฮีชอลทุกคนก็หยิบกุญแจของตัวเองออกมาอวดมาโชว์ ซึ่งแบบหรือลวดลายกุญแจของแต่ละคนนั้นไม่ใช่ธรรมดาเลยทีเดียว
     
                    และกิจกรรมต่อไปของวันนี้ก็คือการไปคล้องกุญแจกับคู่รัก คู่รักแต่ละคู่ในแก๊งแตกต่างแยกย้ายกันไปหามุมของตัวเอง สลับกันเขียนชื่อไว้ที่แม่กุญแจ หยอกล้อกันจนน่าอิจฉา จนฝ่ายผู้ใหญ่แอบหลบไปหามุมของตัวเองบ้าง
     
                    “วาดรูปหัวใจตรงนี้ด้วยนะ”    เรียวอุกจิ้มไปที่แม่กุญแจของตัวเอง ให้เยซองเป็นคนวาดให้ จริงๆเขากะว่าจะเอาโซ่ล็อกรถจักรยานมาเลยด้วยซ้ำ เขากับเยซองจะได้รักกันอย่างยาวนานและไม่สามารถมีอะไรมาทำลายได้
     
                    “อุกกี้ก็วาดให้เยเย่บ้างสิ”    เมื่อเขียนชื่อเสร็จ เยซองก็ยื่นแม่กุญแจของเขาไปให้เรียวอุกวาดให้บ้าง ชีวิตทุกวันนี้ของเขามีความสุขที่สุดแล้ว ถึงจะยังไม่เป็นที่ยอมรับของพ่อกับแม่เรียวอุก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้ถูกกีดกัน
     
     
                    “ห้ามเก็บลูกกุญแจไว้นะ ทิ้งมันไปเลย”    คู่คิบอมกับดงเฮเป็นคู่แรกที่ล็อกกุญแจเสร็จแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นการโยนลูกกุญแจลงไปด้านล่าง แต่ดงเฮกลับเห็นคิบอมทำท่าเหมือนจะเก็บลูกกุญแจไว้เลยรีบเข้าไปแย่งลูกกุญแจไว้
     
                    “ทำไมล่ะครับ”    คิบอมทำหน้าสงสัย เมื่อโดนดงเฮแย่งลูกกุญแจไป เขาก็แค่อยากจะเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกเฉยๆเท่านั้น
     
                    “ถ้าเก็บลูกกุญแจไว้ก็เหมือนกับว่าเราจะต้องมาไขมันออกน่ะสิ นั่นหมายความว่าเราจะเลิกกันเข้าใจมั้ย ฉะนั้นต้องโยนมันทิ้งไปซะ”    พูดจบดงเฮก็โยนลูกกุญแจทิ้งลงไปข้างล่าง เขาไม่เก็บไว้ให้มันรู้สึกระคายเคืองใจ ถึงสิ่งที่เขาพูดมันจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม
     
                    “ผมไม่มีวันทิ้งด๊องไปไหนหรอกน่า กังวลไปได้”    คิบอมเข้ามากอดดงเฮไว้แล้วแอบหอมแก้มหอมๆนั่นไปหนึ่งฟอดใหญ่ อยู่กับดงเฮแล้วมีความสุขมากขนาดนี้ ถ้าเขาทิ้งความสุขของตัวเองไปคงโง่เต็มที
     
     
                    “ขอให้คังอินขอผมหมั้นเร็วๆด้วยเถอะ”    ลีทึกพูดขึ้นขณะที่กำลังล็อกกุญแจไว้กับรั้ว มันเป็นเหมือนกับการขอพรจากพระเจ้า แต่จริงๆแล้วเขาอยากจะให้คังอินได้ยินซะมากกว่า ยังไงเขาก็ยังติดใจเรื่องนี้อยู่ ยอมไม่ได้หรอกที่โดนรุ่นน้องหมั้นตัดหน้าไป
     
                    คังอินลอบยิ้มเมื่อได้ยินลีทึกพูดแต่ทำเป็นไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาล็อกกุญแจของตัวเองกับลีทึกไป ไม่ได้เงยหน้าหันไปมองแฟนตัวเองเลยซักนิดว่าตอนนี้หน้าบูดไปถึงไหนแล้ว ที่โดนทำเมินใส่
                    “ถ้านายไม่ขอฉันหมั้น ฉันจะขอนายเองนะคังอิน”    ลีทึกบอกเสียงงอนๆ หน้าตาบึ้งตึงจ้องไปที่คังอินเขม็ง งานนี้เขาเองจริง
     
                    “รอฉันอีกนิดนะลีทึก ไม่นานเกินรอ ฉันจะเป็นคนขอนายเอง”    คังอินจับมือลีทึกมากุมไว้ ตอนนี้เขากำลังเก็บเงินซื้อแหวนอยู่ มันคงต้องใช้เวลาซักหน่อย เพราะเขาไม่อยากรบกวนทางบ้าน
     
                    “จริงๆนะคังอิน”    ลีทึกในวันนี้ดูเหมือนเด็กซึ่งต่างจากทุกที แต่มันก็ดูน่ารักไม่น้อยเลยที่นานๆทีลีทึกจะยอมทำตัวเป็นเคะที่น่ารักให้คังอินได้ปกป้องได้อย่างเต็มที่บ้าง
     
                    “เชื่อฉันสิ”    คังอินก้มลงไปจูบลีทึกเบาๆที่มุมปาก แล้วผละออก เขาจะเป็นสามีที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
     
     
                    คู่ซีวอนกับฮีชอลดูจะเป็นคู่ที่ไม่มีการงอนง้อหรือออดอ้อนกันมากที่สุด และดูเป็นผู้ใหญ่กว่าทุกๆคน ฮีชอลเขียนชื่อลงในกุญแจแล้วให้ซีวอนเป็นคนล็อก ซีวอนเองก็เช่นกันเขียนชื่อใส่กุญแจและให้ฮีชอลเป็นคนล็อก ถึงความรักของคนคู่นี้จะไม่ได้หวานซึ้งอะไรมากมาย แต่คบกันด้วยความเข้าใจ ใช้ภาษากายเป็นตัวสื่อความหมายแทนคำพูด
     
     
                    “นายอย่ามาเติมของฉันสิ”    ฮยอกแจตีที่มือฮันคยองเบาๆ เมื่อฮันคยองเอาปากกามาวาดที่กุญแจของเขา
     
                    “ต่อจากชื่อนายต้องเป็นรูปหัวใจแล้วมีชื่อฉันด้วยสิ แบบนี้ไง”    ฮันคยองชูกุญแจของตัวเองให้ฮยอกแจดู ต่อจากชื่อของเขาเป็นรูปหัวใจและมีชื่อของฮยอกแจตามหลัง
     
                    “เรื่องมากจริง”    ฮยอกแจบ่นเล็กน้อยแต่ก็ทำตามแต่โดยดี วาดรูปหัวใจแล้วเขียนชื่อของฮันคยองตามหลัง
     
                    คนคู่นี้หลังจากที่ตกลงคบกันแล้วฮยอกแจก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ คือไม่ได้ทำตัวเคะน่ารักจนเกินไป และมีการเถียงกันบ้างพอเป็นสีสันให้ชีวิตไม่น่าเบื่อกันไป
     
                    “เชื่อฟังง่ายๆแบบนี้สิ”    ฮันคยองพูดอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นฮยอกแจทำตามที่ตัวเองบอก ก่อนที่ทั้งสองคนจะไปเดินหามุมเหมาะๆเพื่อล็อกกุญแจด้วยกัน
     
     
                    “ตรงนี้ดีมั้ย”    ซองมินชี้ไปยังที่ว่างแถวด้านล่างของรั้วแล้วหันไปถามคยูฮยอนที่ยืนด้านหลัง เพื่อจะได้นำกุญแจไปล็อกตรงนั้น
     
                    “อืม”    คยูฮยอนพยักหน้าแล้วเดินเข้ามากอดคอซองมิน
     
                    ทั้งสองคนนั่งลงข้างๆกัน ก่อนจะนำกุญแจมาคล้องเกี่ยวกันแล้วนำไปล็อกไว้กับรั้ว คยูฮยอนจับมือซองมินไว้แล้วกดล็อกกุญแจพร้อมกัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงหันมายิ้มหวานให้กัน วันนี้เขาทั้งสองยิ้มให้กันจนนับครั้งไม่ถ้วนเลยทีเดียว
     
                    “ไปหาเพื่อนกันเถอะ”    ซองมินหันไปหาคยูฮยอน ตอนนี้หน้าของทั้งสองคนห่างกันแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น ริมฝีปากที่ดูยั่วยวนของซองมินเผยยิ้มออกมาแล้วมันก็ทำให้คยูฮยอนอดใจไม่ไหว
     
                    คยูฮยอนเลื่อนริมฝีปากไปประกบจูบซองมินโดยไม่ต้องคิดอะไรให้เสียเวลา ไม่สนใจด้วยว่าตอนนี้จะมีใครมองพวกเขาอยู่หรือเปล่า ริมฝีปากของซองมินเผยออกให้คยูฮยอนดันลิ้นเข้าไปได้อย่างง่ายดาย คยูฮยอนยกมือขึ้นกดท้ายทอยซองมินเข้าหาตัวเองและบดเบียดริมฝีปากมากขึ้น
     
                    “อะแฮ่ม!”    เสียงไอกระแอ้มดังขึ้นพร้อมกันเมื่อเหล่าสมาชิกแก๊งทุกคนเดินมาเห็นฉากสวีทของคู่หมั้นคู่นี้อีกแล้ว
     
                    “ชอบมาขัดจังหวะกันจริงเลย”    คยูฮยอนถอนริมฝีปากออกมาแล้วบ่นอย่างเสียดาย ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้โดนเพื่อนขัดตอนที่กำลังมีความสุขทุกที
     
                    “เกรงใจกันนิดนึงนี่มันที่สาธารณะ”    ลีทึกพูดขึ้น
     
                    “ทำเป็นพูดไป เมื่อกี้ผมก็เห็นพี่คังอินจูบพี่เหมือนกันนั่นแหละ”    ซองมินสวนกลับทันควัน เพราะเขาดันหันไปเห็นช่วงที่คังอินก้มลงไปจูบลีทึกพอดี ถ้ารุ่นพี่ทำได้แล้วทำไมรุ่นน้องจะทำไม่ได้
     
                    เสียงหัวเราะของเหล่าหนุ่มๆดังขึ้นอีกครั้งเมื่อซองมินพูดจบ เขาว่ากันว่ารุ่นพี่เป็นยังไงรุ่นน้องก็มักจะเป็นแบบนั้น
     
                    “เราไปโยนลูกกุญแจกันเถอะคยู”    ซองมินดึงคยูฮยอนให้ลุกขึ้น ทั้งสองมองลงไปยังด้านล่างที่มีลูกกุญแจอยู่เต็มไปหมด แล้วคนอื่นก็เดินเข้ามายืนเรียงรายตรงรั้วที่จัดไว้ให้และมองลงไปด้านล่างเช่นกัน
     
                    ซองมินกับคยูฮยอนนำลูกกุญแจมาคล้องไว้ด้วยกันก่อนจะโยนมันลงไป มือทั้งสองคนประสานกันไว้แน่นก่อนจะหันมายิ้มให้กันอีกครั้ง
     
                    เวลาคือสิ่งที่ช่วยเยียวยาทุกอย่าง วันเวลาที่เปลี่ยนไปก็เปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างไปด้วย เปลี่ยนความชังเป็นความชอบ และเปลี่ยนความชอบเป็นความรัก
     
                    “Would you marry me?”    เสียงคยูฮยอนถามขึ้นเมื่อทุกคนเงียบลง
     
    ทุกสายตาหันไปโฟกัสที่คยูฮยอนทันทีเมื่อได้ยินเพราะคู่นี้เพิ่งจะหมั้นกันได้ไม่ถึงชั่วโมง คยูฮยอนก็รุกหน้าต่อ โดยการขอแต่งงานเสียแล้ว
     
    “Yes, I do.”



      ----------------------------------------------------------

    kr...Talk

    กลับมาแล้วสำหรับตอนจบที่ทุกคนรอคอย
    สำหรับสเปเชียลที่ลงในหนังสือก็จะลงในนี้ให้เหมือนกัน 
    เพราะความรักที่เหนียวแน่นของรีดเดอร์ทุกคน

    จะปิดฉากลงแล้วสำหรับรักวุ่นๆชุลมุนยกแก๊งทั้ง 2 ภาค
    ขอขอบคุณรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนที่ติดตามผลงานของพวกเรา
    ยังไงก็ขอฝากฟิคเรื่องใหม่ทั้ง 2 เรื่องด้วยนะ รับรองสนุกไม่แพ้เรื่องนี้แน่นอน

    และที่มาอัพช้าก็เนื่องจากช่วงนี้ไรเตอร์ยุ่งมากๆ
    ติดกีฬาสีของโรงเรียนแล้วต่อด้วยคอนเสิร์ตอีก
    ส่วนใครไปคอนมาก็มาเม้า มาบอกกันได้นะ

    สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการอ่านน้า~
    เจอกันตอนสเปเชียลจ้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×