ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #54 : Part 22 : วันซวยแห่งชาติ ภาค2

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 52





    Part 22 : วันซวยแห่งชาติ
     
     
     
     
    “เป็นอะไรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้”    ดงเฮเห็นคิบอมนั่งทำงานไปก็ยิ้มไปเลยอดจะสงสัยไม่ได้ว่าแฟนตัวเองเป็นอะไร จึงเอ่ยถามดู เพราะคิบอมดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
     
                    “ดีใจที่ด๊องยอมหมั้นกับผมไง ไม่เหมือนคยูกับพี่ซองมิน”    คิบอมละสายตาจากงานหันมาคุยกับดงเฮที่นั่งอยู่บนตียง ดีนะที่คู่เขากับดงเฮไม่มีปัญหา ตอนนี้ดงเฮยอมตกลงหมั้นกับเขาแล้ว และผ่านฝ่ายผู้ใหญ่ของดงเฮแล้วด้วย รอแค่พ่อกับแม่ของเขากลับมาจากต่างประเทศเท่านั้น
     
                    “คยูฮยอนกับซองมินจะหมั้นกันเหรอ ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ”    ดงเฮตาโตที่ได้ยิน ซองมินไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้เลย ไม่รู้ว่าเรียวอุกจะรู้เรื่องหรือเปล่า
     
                    “ผมว่าคงไม่มีใครรู้หรอก คยูมันมาปรึกษาวันนี้ ดูมันคงจะเครียดเหมือนกันนะ”
     
                    “แล้วทำไมซองมินถึงไม่ยอมหมั้นล่ะ”
     
                    “พี่ซองมินบอกว่ายังเด็กเกินไป แล้วเป็นผู้ชายกันทั้งคู่”    คิบอมบอกเหตุผลที่คยูฮยอนบอกมา จริงๆเขาก็รู้สึกสงสารเพื่อนเหมือนกัน
     
                    “ผู้ชายเขาก็หมั้นกันได้เหมือนกันแหละเนอะ”    ดงเฮพูดแล้วยิ้มหวานให้คิบอม เขาคงต้องไปอบรมเพื่อนคนนี้ใหม่ซะแล้ว คิดอะไรไม่เข้าท่าเลยจริงๆ ไม่ยอมหมั้นแบบนี้คยูฮยอนก็น่าสงสารแย่
     
                    “ครับ วันนี้ฮยอกแจแนะนำวิธีให้คยูไป คิดว่ามันคงเอาไปใช้แล้วล่ะ แต่ไม่รู้จะสำเร็จหรือเปล่า”
     
                    “แล้วฮยอกแจแนะนำวิธีไหนไปเหรอ”    เมื่อได้ยินว่าเป็นฮยอกแจที่แนะนำ เลยทำให้ดงเฮยิ่งกระตือรือร้นที่จะอยากรู้ขึ้นมา
     
                    “ก็แนะนำให้ทำอะไรที่มันโรแมนติก เพราะคยูฮยอนไม่ใช่คนโรแมนติกเท่าไหร่ ฮยอกแจมันบอกว่าพวกเคะจะชอบแบบนั้น”
     
                    “ก็จริงนะ แต่ฮยอกแจพูดเหมือนตัวเองเป็นเคะอย่างนั้นแหละ”    ดงเฮพูดไปก็ยิ้มไป สงสัยฮยอกแจคงจะกลายเป็นเคะคนใหม่ในแก๊งซะแล้วล่ะ
     
                    “ก็ตอนนี้มันเป็นเคะไปแล้วนี่นา”    พูดจบทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
     
                    “บอมทำงานต่อเถอะ”    ดงเฮเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือ แล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี แบบนี้ต้องโทรไปบอกทุกๆคนให้ช่วยจัดการ ซองมินจอมเล่นตัว
     
                    “อย่าบอกพี่ซองมินนะ”    คิบอมเตือนก่อนที่ดงเฮจะเดินออกไปจากห้อง
     
                    “รู้แล้วล่ะน่า”    แล้วดงเฮก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับกดโทรออกหาเรียวอุก
     
                    แล้วเรื่องการหมั้นของคยูฮยอนกับซองมินก็ถูกแพร่กระจายโดยคิบอมถึงดงเฮ ดงเฮถึงเรียวอุก เรียวอุกถึงลีทึก และลีทึกถึงฮีชอล โดยเป็นอันรู้กันว่าเรื่องนี้ห้ามซองมินรู้เด็ดขาด และมีการเรียกรวมตัวเหล่าสมาชิกแก๊งหน้าหวานในวันพรุ่งนี้ตอนเย็น
     
     
     
                    ท้องฟ้าเวลานี้มืดลงมากแล้ว ไฟข้างทางถูกเปิดเป็นแนวยาวตามทางเดินและถนน คยูฮยอนขับรถมาตามทางเรื่อยๆ เขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ตอนนี้ซองมินไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมาซักคำ คงเพราะยังโกรธอยู่ แล้วตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกทำอะไรไม่ถูก คงต้องรอให้ซองมินอารมณ์เย็นลงก่อน
     
                    “เฮ้อ!”    ซองมินถอนหายใจหนักๆออกมา เอนหลังพิงเบาะรถด้วยความเหนื่อยอ่อน แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นดอกกุหลาบช่อใหญ่วางอยู่ที่เบาะหลัง เขาไม่ได้สังเกตว่ามันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จำได้ว่าตอนที่ออกมาจากบ้านมันยังไม่มี
     
                    “ดอกไม้ใคร”    ซองมินถามออกไปห้วนๆ ตอนนี้เขายังเคืองคยูฮยอนอยู่แต่ก็ไม่มากเท่าตอนที่อยู่ในร้าน อากาศเย็นๆภายในรถบวกกับบรรยากาศข้างทางมันช่วยทำให้เขาใจเย็นลงบ้างแล้ว แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันมีมากกว่าถึงได้ถามออกไป
     
                    “ของนายนั่นแหละ ฉันซื้อมาให้นาย”    คยูฮยอนหันมาตอบเสียงเรียบๆ ฟังจากน้ำเสียงซองมินแล้วยังโกรธเขาอยู่แน่ๆเขาเองก็ไม่อยากจะคุยกันด้วยอารมณ์แบบนี้เท่าไหร่นัก
     
                    “ให้ทำไม เนื่องในโอกาสอะไร”    ดูเหมือนซองมินจะมีท่าทีที่อยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้นมา คยูฮยอนซื้อดอกไม้ให้เขา ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ แต่ไม่ต้องให้เดาก็รู้ว่าเนื่องในโอกาสอะไร เขาแค่แสร้งถามไปอย่างนั้นเอง
     
                    “เนื่องในโอกาส....ฉัน...”
     
                    “อ้า! ท้องฟ้าตรงนี้สวยจัง ลงไปดูดาวกันเถอะ จอดรถข้างหน้านี้เลยนะ”    ยังไม่ทันที่คยูฮยอนจะได้ตอบอะไร ซองมินก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน เพราะซองมินดันหันไปเห็นท้องฟ้าด้านนอกที่มีดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าสวยงามมาก เลยร้องบอกให้คยูฮยอนจอดรถข้างทางจะได้ลงไปดูดาวด้วยกัน
     
                    “อืม”    คยูฮยอนไม่อยากจะขัดใจอะไรเลยจอดรถตามที่ซองมินบอก และเมื่อเขาทำตามก็ดูเหมือนซองมินจะอารมณ์ดีขึ้น
     
                    ซองมินนั่งลงกับพื้นหญ้าตามด้วยคยูฮยอนที่นั่งลงข้างๆ ที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ว่าง เป็นเนินเขาเล็กๆ ไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่านไปผ่านมามากนัก มันเป็นทางลัดเส้นทางหนึ่งที่สามารถไปถึงบ้านของคยูฮยอนได้
     
                    ซองมินนอนราบลงกับพื้น ดวงตากลมโตกำลังจ้องมองไปยังดวงดาวนับร้อยนับพันดวงบนท้องฟ้าด้วยความเพลิดเพลิน เมื่อคยูฮยอนเห็นว่าซองมินยิ้มออกมาแล้ว จึงล้มตัวลงนอนบ้าง ก่อนจะสอดแขนไปให้ซองมินได้หนุนไว้ ซึ่งซองมินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับกระแซะเข้าหาคยูฮยอนซะอีก
     
                    ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงของมันไป สายตาของคยูฮยอนก็เอาแต่จดจ้องอยู่ที่ดวงดาวพวกนั้น ส่วนลำแขนที่ให้ซองมินหนุนก็กระชับเข้าหาตัวเรื่อยๆ ซองมินเองก็เหลือบมองคยูฮยอนเป็นระยะ เพราะเขาอุตส่าห์นำทางและเปิดทางให้คยูฮยอนได้ทำอะไรที่มันโรแมนติกเช่นการนอนดูดาวด้วยกันแบบนี้ แต่คนอย่างคยูฮยอนจะทำโรแมนติกเหมือนกับคนอื่นๆได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
     
                    “นายรู้มั้ยว่าตอนแรกฉันไม่ชอบหน้าดงเฮมากๆเลย”    คยูฮยอนเห็นว่าบรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความเงียบมานานเลยเริ่มบทสนทนาขึ้น
     
                    “จริงเหรอ ทำไมล่ะ”
     
                    “ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจมาสอบเข้าที่นี่ คิบอมได้เจอกับดงเฮแล้วก็เกิดชอบขึ้นมา แต่ดูเหมือนดงเฮไม่ได้สนใจคิบอมเลย คิบอมมันก็เอาแต่มองอย่างเดียวไม่กล้าเข้าไปคุยเข้าไปทัก นายก็รู้ใช่มั้ยว่าดงเฮมีนิสัยยังไง”    คยูฮยอนเว้นช่วงให้ซองมินได้มีส่วนร่วมในการพูดคุยบ้าง เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่เป็นเพื่อนดงเฮอย่างซองมินจะพูดเกี่ยวกับนิสัยเพื่อนยังไง
     
                    “ดงเฮน่ะไม่ชอบอะไรที่ซ้ำซากจำเจ ก็เลยมักจะเปลี่ยนคนควงบ่อยๆ แต่พอมาคบกับคิบอมก็เลิกนิสัยแบบนั้นแล้วนี่”    ซองมินรู้ดีว่านิสัยดงเฮเป็นยังไงก่อนที่จะคบกับคิบอม แต่เขาไม่เข้าใจว่าคยูฮยอนจะมาพูดเรื่องนี้กับเขาทำไม ทั้งที่เขากำลังให้โอกาสทำอะไรที่มันโรแมนติกอยู่แท้ๆ
     
     
                    “ก็ใช่ที่ดงเฮเลิกนิสัยแบบนั้นแล้ว แต่ตอนนั้นฉันรับนิสัยดงเฮไม่ได้จริงๆ ฉันกลัวว่าคิบอมมันจะเจ็บเพราะความรัก เพราะคิบอมมันไม่เคยรักใครมาก่อน ก็เลยตัดสินใจมาสอบเข้าที่นี่ตามคิบอม”    คยูฮยอนเว้นช่วงแล้วหันไปยิ้มให้ซองมิน
     
                    “แต่สุดท้ายฉันก็ห้ามความรักที่คิบอมมีต่อดงเฮไม่ได้ แล้วดงเฮก็ทำให้ฉันรู้ว่าดงเฮรักคิบอมจริงๆ”
     
                    “ดงเฮน่ะเวลารักใครก็รักจริงนะ”    ซองมินช่วยพูดสนับสนุนเพื่อนตัวเอง ดงเฮน่ะไม่ใช่คนเลวเพียงแค่ชอบคนง่ายเท่านั้นเอง แต่นิสัยแบบนั้นมันกลับเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอคิบอม
     
                    “คิบอมมาบอกฉันว่ามันจะหมั้นกับดงเฮหลังจากที่พ่อกับแม่มันกลับมาจากต่างประเทศ”    คยูฮยอนบอกจุดประสงค์ออกมาแล้วว่าจริงๆเขาต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ เมื่อเล่าจบก็หันไปมองซองมินแล้วยิ้มให้
     
                    “อืม ดงเฮก็บอกฉันเหมือนกัน”    ซองมินยิ้มตอบกลับมา จริงๆเขาก็เริ่มจะใจอ่อนเรื่องหมั้นบ้างแล้ว แต่ในความรู้สึกมันก็ยังไม่อยากหมั้นอยู่ดี เขาคงจะทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ ถ้าต้องหมั้นจริงๆ
     
                    “ซองมิน รอฉันแป๊บนึงนะ”    พูดจบคยูฮยอนก็ลุกขึ้นเดินไปที่รถแล้วหยิบดอกกุหลาบช่อใหญ่ที่เตรียมจะให้ซองมินไว้ออกมา
     
                    “เอ๋! ฝนตกแล้วล่ะ!”    ซองมินร้องออกมาแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาคยูฮยอนที่รถ เมื่อกี้ท้องฟ้ามันครึมเล็กน้อย แต่ไม่คิดว่าฝนจะตกเร็วขนาดนี้
     
                    “ฝนตก”    คยูฮยอนเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงระห้อย พอเขากำลังจะขอซองมินหมั้นอย่างจริงจัง ฝนก็ดันตกลงมาไม่ดูเวร่ำเวลา ไม่รู้วันนี้มันวันอะไรกัน
     
                    “กลับบ้านกัน”    ซองมินเปิดประตูขึ้นรถทันทีที่พูดจบ เหลือแต่เพียงคยูฮยอนที่ยืนคอตกอยู่นอกรถ จนซองมินต้องเคาะกระจกเรียก
     
                    คยูฮยอนวางช่อดอกไม้ไว้ที่หลังรถเหมือนเดิมก่อนจะเดินขึ้นรถ ท่าทางของคยูฮยอนตอนนี้เหมือนคนที่หมดอะไรตายอยาก เขาแทบไม่อยากคิดจะทำอะไรแล้วตอนนี้
     
                    “ฉันจะหลับนะ”    ซองมินหันไปมองช่อดอกไม้ที่หลังรถแวบนึงก่อนจะพูดออกมา ตอนนี้เขารู้สึกเห็นใจและสงสารคยูฮยอนมากเลยทีเดียว แล้วมันก็เริ่มทำให้เขาใจอ่อนแล้วด้วย
     
     
     
                    ซองมินเอนหัวพิงกับเบาะรถแล้วหลับตาลง วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยไม่น้อย แต่คิดว่าคยูฮยอนคงจะเหนื่อยกว่าเป็นสองเท่า ซองมินคิดเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วหลับไป แต่มันกลับรู้สึกเหมือนแค่กึ่งหลับกึ่งตื่นเท่านั้น พอได้ยินเสียงของคยูฮยอนพูดก็ตื่นขึ้นมาทันทีแต่ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น
     
                    “วันนี้มันวันซวยแห่งชาติหรือไง!!”    คยูฮยอนมองจนแน่ใจว่าซองมินหลับไปแล้วจึงบ่นแบบใส่อารมณ์ออกมา วันนี้มันคงเป็นวันซวยแห่งชาติจริงๆ หรือไงถึงทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่าง
     
                    ซองมินที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของคยูฮยอนได้ยินเข้าก็แอบขำเล็กน้อยแต่ก็ยังทำแกล้งเป็นหลับอยู่ วันนี้คยูฮยอนคงจะเหนื่อยมากจริงๆนั่นแหละ
     
     
     
                    “ทำไมไม่ติดซักทีเนี่ย แบตหมดไปหลายรอบแล้วนะ”    ฮยอกแจทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยอาการเมื่อยบวกกับเซ็งเต็มที่ เพราะเขาหมั่นโทรหาฮันคยองตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน โทรจนแบตเตอรี่หมดก็ยังไม่ติด เปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์บ้านโทรจนชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือเต็มก็ยังไม่ติด ทำแบบนี้มากว่าสองรอบแล้วแต่ก็ยังโทรหาฮันคยองไม่ติด จนเวลาตอนนี้ล่วงเลยมาถึงตีสองกว่าแล้ว
     
                    “ฉันจะไม่สนใจนายแล้วนะ”    นับครั้งไม่ถ้วนเลยก็ว่าได้ที่ฮยอกแจพูดคำนี้ออกมา แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่ปากว่าซักครั้ง เพราะมือของเขาก็ยังคงกดโทรออกหาฮันคยองอยู่
     
                    “เป็นอะไรหรือเปล่านะ”    ฮยอกแจพูดกับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ยิ่งติดต่อไม่ได้แบบนี้เขากลับยิ่งรู้สึกเป็นห่วงฮันคยองมากๆ ทั้งที่ฮันคยองไม่ได้มารับแค่วันเดียวเท่านั้น หรือบางทีมันอาจจะเป็นความเคยตัวไปแล้วก็เป็นได้
     
                    “ฉันจะไม่สนใจนายแล้วนะ”    ฮยอกแจพูดคำนี้ออกมาอีกครั้งแล้วดวงตาก็ค่อยๆปิดลง หลายชั่วโมงที่เขาเอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือเลยทำให้ปวดตาเป็นธรรมดา บวกกับอาการอ่อนเพลีย ทั้งข้าวเที่ยงและข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน ฮยอกแจเลยหลับไปทั้งที่มือยังถือโทรศัพท์มือถืออยู่แบบนี้
     
                   
     
                    เช้าวันนี้ดูคยูฮยอนอารมณ์ไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไหร่นัก เข้ามาถึงในห้องก็ตรงไปนั่งที่โต๊ะประจำของตัวเองทันที คิบอมกับฮยอกแจที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆกันก็ไม่ได้เอ่ยทักอะไรออกไป
     
                    “เมื่อวานได้เอาคำแนะนำของฮยอกแจไปใช้มั้ย”    คิบอมหันไปถามคยูฮยอนด้วยความตื่นเต้นแต่ดูเหมือนเพื่อนรักจะไม่ตื่นเต้นด้วยซักนิด หน้าบูดบึ้งขนาดหนักเลยทีเดียวเมื่อเขาถามเรื่องนี้
     
                    “อืม”    คยูฮยอนพยักหน้าเบาๆ แล้วไม่พูดอะไรออกมาอีก เขากำลังแค้นที่เมื่อวานพระเจ้าเล่นตลกกับเขา ทำให้เขาทำตามแผนไม่สำเร็จ
     
                    “แล้วเป็นไงบ้าง”    คิบอมยังคงถามต่อถึงดูแล้วคยูฮยอนจะไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่ก็ตาม ก็ในเมื่อเขาอยากรู้นี่
     
                    “สำเร็จอะไรล่ะ ซวยทั้งวันล่ะสิไม่ว่า ทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่าง ตั้งแต่ขึ้นชิงช้าสวรรค์ เล่นสเกต ดินเนอร์ ยันไปถึงดูดาวฝนก็ยังตกลงมาอีก ธรรมชาติกลั่นแกล้งฉันชัดๆ”    คยูฮยอนบ่นออกมายาวเหยียด ตอนแรกก็ไม่ค่อยอยากเล่าเท่าไหร่ แต่พอคิบอมถามก็อยากจะระบายออกมาบ้าง
     
                    “เอาน่า! ครั้งนี้ไม่สำเร็จเอาไว้ครั้งหน้าก็ได้ จริงมั้ยฮยอกแจ”   คิบอมหันไปขอความเห็นจากฮยอกแจแต่ก็ได้กลับมาแค่การพยักหน้าเบาๆเท่านั้น วันนี้ฮยอกแจแปลกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ดูเหมือนคนไม่สบายยังไงยังงั้น
                    “เป็นอะไรหรือเปล่า”    คยูฮยอนเอ่ยปากถาม เพราะวันนี้ฮยอกแจดูซึมๆไป
     
                    ฮยอกแจส่ายหน้ากลับมาให้แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะเหมือนเป็นการบอกว่าไม่อยากจะคุยด้วย คยูฮยอนกับคิบอมเลยได้แต่มองหน้ากัน เพราะต่างคนต่างไม่มีใครรู้ว่าฮยอกแจเป็นอะไร
     
                    เมื่อคืนนี้หลังจากที่หลับไปตอนตีสองฮยอกแจก็ตื่นขึ้นมาโทรหาฮันคยองอีกครั้งแต่สุดท้ายผลมันก็เหมือนเดิม สรุปคือตอนนี้ฮยอกแจเป็นโรคคิดถึงฮันคยองขึ้นสมองนั่นเอง อยู่ด้วยกันทุกวันพอไม่ได้เจอ ไม่ได้โทรหาเลยเหมือนชีวิตขาดอะไรไปซักอย่าง
     
     
     
                    “นายมองหน้าฉันอีกแล้วนะ”    ซองมินหันไปดุเรียวอุก เพราะวันนี้เรียวอุกเอาแต่มองหน้าเขาแล้วยิ้ม ถามอะไรก็ไม่ตอบ ยิ้มอยู่ได้คนเดียวอย่างกับคนบ้า
     
                    “หน้าฉันมีอะไรติดหรือไงมองอยู่ได้”
     
                    “เปล่าหรอก....จริงสิ! วันนี้พี่ๆนัดเจอที่ร้านซูชิหลังเลิกเรียนนะ”    เรียวอุกพูดไปก็ยิ้มไป เขาไม่ได้บ้าที่มองหน้าซองมินแล้วยิ้มแบบนี้ แค่รู้สึกมีความสุขแทนเท่านั้น จะได้หมั้นทั้งทีกลับไม่ยอมหมั้นเพื่อนเขาคงประสาทไปแล้วแน่ๆ
     
                    “เย็นนี้เหรอ มีอะไรหรือเปล่า”
     
                    “พี่ๆเขาคิดถึงน่ะ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง”    เรียวอุกยังคงพูดไปยิ้มไปเหมือนเดิม ดูมีความสุขมากๆ
     
                    “อืม....แล้วนายน่ะเมื่อไหร่จะเลิกมองหน้าฉันแล้วยิ้มซักทีเนี่ย”    ซองมินพยักหน้าเล็กน้อยเป็นอันเข้าใจ แต่สุดท้ายก็บ่นเรียวอุกออกมาอีกรอบ โทษฐานที่มองหน้าเขาแล้วยิ้มจนทำให้เขารู้สึกไม่ดี
     
     
     
                    หลังเลิกเรียนเหล่าสมาชิกจากแก๊งหน้าหวานก็ตรงไปยังร้านซูชิที่พี่ๆได้นัดไว้ทันที คิบอมกับคยูฮยอนนั้นต้องอยู่ทำเวร ส่วนเรียวอุกก็มารอเวลาที่เยซองจะมารับที่ร้าน
     
                    “นายสองคนนี่ยังไง”    วันนี้ทั้งซองมินเอาแต่บ่นเพื่อนๆของเขา ทั้งดงเฮและเรียวอุกต่างมีปฏิกิริยาเดียวกันคือมองหน้าเขาแล้วอมยิ้ม จนมันทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากๆ เพราะถามใครก็ไม่มีใครตอบ
     
                    ดงเฮกับเรียวอุกหันไปมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มอีกครั้ง ซองมินมีเรื่องที่หน้าดีใจขนาดนี้ไม่ยอมบอกเพื่อนต้องแกล้งให้เข็ด แถมยังเล่นตัวไม่ยอมตกลงหมั้นอีกต่างหาก
     
                    เมื่อไม่มีใครตอบคำถามซองมินก็ทำเป็นไม่สนใจมันซะ ทั้งสามคนเดินเข้าไปในร้านที่มีลีทึกนั่งรออยู่แล้ว ส่วนฮีชอลนั้นยังมาไม่ถึง
     
                    “พี่คิดถึงพวกเราจังเลย”    เมื่อน้องๆนั่งลงประจำที่กันที่เรียบร้อยแล้วลีทึกจึงเอ่ยคำทักทาย พร้อมกับทำสายตาแปลกๆบวกกับรอยยิ้มที่มีลักษณะเหมือนกับดงเฮและเรียวอุกไปให้ซองมิน
     
                    “คิดถึงอะไรกันล่ะครับ เพิ่งเจอกันไม่กี่วันนี้เอง”    ดงเฮพูด
     
                    “นั้นสินะ แต่พี่คิดถึงนายจังเลยซองมิน”    พูดจบลีทึกก็หัวเราะออกมาเบาๆ
     
                    “ผมก็คิดถึงพี่ครับ”    ซองมินตอบกลับมายิ้มๆ วันนี้เขารู้สึกว่าทุกคนดูแปลกไปกันหมด
     
                    “อีกเดี๋ยวฮีชอลก็คงจะมาถึงแล้วล่ะ”    ลีทึกบอก แล้วทุกคนก็ยิ้มออกมา เว้นก็แต่ซองมินเท่านั้น ก็จะให้เขายิ้มออกได้ยังไง ในเมื่อทุกคนมองมาที่เขาแล้วยิ้มแบบเดียวกันหมด จนตอนนี้รู้สึกอึดอัดมากๆ
     
                    “พวกนายเป็นอะไรกันเนี่ย พี่ทึกด้วย”    เมื่อความอดทนหมดซองมินจึงถามออกไปด้วยสีบึ้งๆ แต่คำตอบที่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม
     
                    “เปล่านี่”    ลีทึกตอบแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น
     
                    ในเมื่อทุกคนไม่ตอบซองมินก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งฟังเรื่องที่ลีทึกพูดอยู่ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่มหาวิทยาลัย แต่เวลาผ่านไปไม่นานมากนักฮีชอลก็มาถึง และก็ตรงเข้ามากอดซองมินทันที
     
                    “นายยอมหมั้นกับคยูฮยอนแล้วใช่มั้ย”    เมื่อมาถึงฮีชอลก็ถามเข้าประเด็นทันที ก่อนที่จะย้ายตัวเองมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ
     
                    “พี่รู้เรื่องนี้ได้ไง”    ซองมินรู้สึกตกใจไม่น้อยที่ฮีชอลรู้เรื่องนี้ในเมื่อเขาไม่เคยบอกใครมาก่อน และถ้าฮีชอลรู้แล้วคนอื่นๆในแก๊งก็ต้องรู้ด้วยน่ะสิ
     
                    “ไม่ใช่พี่คนเดียวนะที่รู้ คนอื่นๆก็รู้กันหมดแล้ว”
     
                    “มิน่าล่ะ!”    เมื่อรู้ความจริงซองมินก็อุทานออกมาทันที เพราะแบบนี้นี่เองลีทึก ดงเฮและเรียวอุกถึงเอาแต่ยิ้มแปลกๆ ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ
     
                    ทุกคนในแก๊งยิ้มกว้างให้ซองมินเมื่อถูกมองด้วยสายตาเคืองๆ มันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยซักนิด กลับดูน่ารักซะมากกว่า
     
                    “แล้วทุกคนรู้ได้ยังไง”    ซองมินเริ่มสาวความต่อ ใครกันที่เป็นคนเผยแพร่เรื่องนี้ จนทุกคนรู้กันแบบนี้
     
                    “ทึกโทรมาบอกพี่”    ฮีชอลบอก
     
                    “เรียวอุกก็โทรมาบอกพี่อีกทีเหมือนกัน”    ลีทึกพูด
     
                    “ดงเฮก็โทรมาบอกฉันอีกที”    เรียวอุกพูด
     
                    “คิบอมก็มาเล่าให้ฉันฟังอีกที สรุปคือคยูฮยอนมาเล่าให้คิบอมฟัง”    สรุปโดยดงเฮ
     
                    “อืม”    ซองมินพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ ที่แท้ก็คยูฮยอนนี่เอง แต่มันก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้อยู่แล้ว ในเมื่อมีแค่เขากับคยูฮยอนเท่านั้นที่รู้เรื่องหมั้นนี้
     
                    “แล้วทำไมถึงไม่ยอมหมั้นล่ะ”    ลีทึกถาม
     
                    “เอ่อ....เรายังเด็กกันอยู่เลยนะครับ ผมว่าพวกเรายังไม่พร้อม และเราก็เป็นผู้ชายกันทั้งคู่”    ซองมินมีท่าทีอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบ ถ้าพี่ๆมากันทำนองนี้คงไม่ใครเข้าข้างเขาอย่างแน่นอน
     
                    “เหตุผลแค่นี้เองเหรอ”    ลีทึกพูด
     
                    “ฉันว่าคยูฮยอนน่ะดูแลนายได้ดีมากๆเลยนะ”    เรียวอุกพูด
     
                    “แล้วเรื่องที่นายบอกว่าเป็นผู้ชายทั้งคู่น่ะ ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย”    ปิดท้ายด้วยดงเฮ
     
                    “แต่ฉันยังไม่อยากหมั้นนี่นา”    ซองมินบอกออกมาเสียงอ่อย คงไม่มีใครเข้าข้างเขาซักคนเลยสินะ
     
                    “พี่ว่านายได้หมั้นน่ะแหละดีแล้ว ตอนนี้มีโอกาสก็หมั้นไปเถอะ”    ฮีชอลบอก
     
                    “ใช่ซองมิน พี่นะอยากหมั้นจะตาย ขนาดหนีออกมาอยู่ด้วยกันแล้วนะ แต่คังอินกลับบอกว่าไม่จำเป็น ถ้าคังอินมาขอพี่หมั้นแบบนี้เมื่อไหร่นะ พี่จะรีบตอบตกลงเลย”    แล้วลีทึกก็ระบายความในใจออกมาบ้าง คังอินน่ะไม่เคยพูดเรื่องหมั้นเลยซักครั้ง ถึงตอนนี้จะรักกันดี แต่เขาก็อยากหมั้นเหมือนกัน
     
                    “ส่วนฉันต้องรอให้พ่อกับแม่ของคิบอมกลับมาจากต่างประเทศ ฉันก็เคยบอกนายไปแล้วใช่มั้ย ผู้ชายกับผู้ชายก็หมั้นกันได้ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”    ดงเฮพูดจากประสบการณ์ของตัวเอง ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะหมั้นเร็วๆเหมือนกัน ก็แค่หมั้นไว้ยังไม่ได้แต่งซักหน่อย ไม่เห็นจะเสียหายอะไร
     
                    “ฉันเองก็ต้องรอให้พ่อกับแม่ยอมรับเยซองก่อน ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกัน ฉันว่าความรักของนายกับคยูฮยอนน่ะดีมากๆเลยนะ รักกันดี พ่อแม่ยอมรับ แถมยังจะได้หมั้นกันอีก”    เรียวอุกพูดเหมือนกับว่าอิจฉาซองมินเต็มทน แต่มันก็เรื่องจริง เขาไม่ได้ต้องการถึงขนาดต้องหมั้นกัน แค่พ่อกับแม่ยอมรับก็พอแล้ว
     
                    “นั่นสิเนอะ พี่อยากหมั้นจริงๆนะ”    ลีทึกยังคงพูดต่อถึงความต้องการของตัวเอง
     
                    “ผมก็อยากให้พ่อกับแม่ยอมรับเหมือนกัน”    เรียวอุกก็มีอาการไม่ต่างจากลีทึกนัก
     
                    “อย่าคิดมาเลยน่า เดี๋ยวพี่ก็ได้หมั้น แล้วพ่อแม่นายก็จะยอมรับเยซองเอง”    ดงเฮปลอบลีทึกกับเรียวอุก แล้วก็ดูเหมือนว่าทุกคนที่คุยกันจะไม่ได้สนใจซองมินเลย จะเว้นก็แต่ฮีชอลที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ
     
     
     
                    “พี่ฮยอกแจ”    แทมินที่เพิ่งเดินออกมาเห็นฮยอกแจยืนอยู่ที่หน้าโรงเรียนเลยร้องทัก
     
                    ฮยอกแจไม่ได้ทักอะไรตอบกลับไปเพียงแค่ยิ้มบางๆให้เท่านั้น วันนี้เขาแทบจะไม่มีแรงทำอะไรเลย ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน และนี้ก็ออกมายืนรอฮันคยองได้ซักพักแล้วแต่ฮันคยองก็ยังไม่มาซักที โทรไปหาก็ยังไม่ติดเหมือนเดิม
     
                    “พี่ฮันไม่มารับเหรอฮะ”    แทมินยังคงถามต่อพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักๆที่ส่งมาให้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าแทมินจะมีความสุขขึ้นมาก
     
    ฮยอกแจเพียงแค่ยิ้มไปให้เหมือนเดิม ซักพักมินโฮก็เดินออกมาจากโรงเรียนแล้วเดินไปยืนข้างๆแทมิน กระเป๋าของแทมินนั้นอยู่ที่มินโฮ ท่าทางของมินโฮนั้นดูเอาใจใส่แทมินอย่างมาก จัดนู้นจัดนี่ดูความเรียบร้อยให้ แทมินเองก็ยิ้มหวานให้ตลอดเวลา ดูต่างจากแทมินที่ร้ายกาจอย่างสิ้นเชิง
     
    “น้องแทมินกับมินโฮดูเข้ากันดีจังเลยนะครับ”    ฮยอกแจบอกเสียงเหนื่อยๆ แล้วยิ้มบางๆไปให้ ท่าทางของทั้งสองคนตอนนี้เหมือนคู่รักกันจริงๆ
     
    “ฮะ”    แทมินยิ้มเขิน ทั้งที่เมื่อวานเขายังโกรธมินโฮมากๆอยู่เลย แต่หลังจากที่ได้ขอโทษทุกคนไปเขาก็รู้สึกผิดไม่น้อย และน้ำตามันก็มักจะไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา ก็มีแต่มินโฮเท่านั้นที่ช่วยดูแลเขา เมื่อวานนี้มินโฮก็ขอคบเขาต่อหน้าทุกคนที่บ้าน และสารภาพทุกอย่างว่าทำอะไรเขาไปบ้าง ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่ามินโฮเป็นสุภาพบุรุษ
     
    “คบกันแล้วเหรอ น่าอิจฉาจังเลยนะ รู้อย่างนี้พี่จีบแทมินแบบจริงจังตั้งแต่แรกก็ดี”    พูดจบฮยอกแจก็หัวเราะแห้งๆออกมา ที่จริงเขาพูดประชดตัวเองไปอย่างนั้นเอง
     
    “พี่ฮยอกแจจีบแทมินไม่ได้หรอกฮะ เพราะเราเหมือนกัน แล้วเราก็ต้องการคนดูแลเหมือนกัน”   แทมินอยากจะสื่อความหมายว่าเขากับฮยอกแจนั้นเป็นเคะเหมือนกัน และต้องการคนที่ดูแลเอาใจใส่ แต่ไม่รู้ว่าฮยอกแจจะเข้าใจตรงกันมั้ย แต่ที่แน่ๆดูเหมือนมินโฮจะเข้าใจผิดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
     
    “อยากให้พี่ฮันคยองดูแลเหรอ”    มินโฮถามออกมาเสียงเรียบ ตอนนี้มินโฮเข้าใจว่าการที่ต้องการคนดูแลเหมือนกันคือฮันคยอง ถึงจะคบกันแล้วและผู้ใหญ่รับรู้ แต่แทมินก็ชอบฮันคยองมาก่อน
     
    “เปล่าซักหน่อย ตอนนี้ฉันคุยกับพี่ฮยอกแจอยู่นะ”    แทมินว่าเสียงงอนๆแล้วก็หันมายิ้มให้ฮยอกแจ ส่วนมินโฮค่อยไปเคลียกัน รู้สึกว่าพอคบกันแล้วมินโฮชักจะหวงเขามากขึ้นทุกที
     
    “เราเหมือนกัน แทมินจะบอกว่าพี่เป็นเคะอย่างนั้นเหรอ”    ฮยอกแจขำเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของมินโฮก่อนลองถามออกไป เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าแทมินจะสื่ออะไร
     
     
    “ใช่ฮะ”
     
    “ทำไมล่ะ”
     
    “เพราะพี่รักพี่ฮันคยองไงฮะ”    แทมินตอบแล้วยิ้มหวาน เขาคิดว่าฮันคยองกับฮยอกแจก็เหมาะสมกันดี และบางทีเขาก็มองข้ามคนใกล้ตัวไป
     
    “นายคิดอย่างนั้นเหรอ”    เมื่อได้ฟังฮยอกแจก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ แต่เขาก็ยังเคืองฮันคยองอยู่ที่ไม่ยอมติดมาเลย ไม่บอกว่าหายไปไหน หรือเป็นอะไรไป บางทีเขาอาจจะรักฮันคอยงเข้าแล้วจริงๆ
     
    “ก็ผมเห็นอย่างนั้นนี่นา แล้ววันนี้พี่ฮันคยองไม่มารับเหรอฮะ”    แทมินทำท่าเหมือนกำลังมองหาอะไรซักอย่าง เพราะปกติแล้วฮันคยองต้องเข้ามารับฮยอกแจถึงในโรงเรียน แต่วันนี้ผิดเวลามานานแล้วก็ยังไม่เห็นฮัน
    คยอง
     
    “วันนี้เขาคงไม่มาหรอก งั้นพี่กลับก่อนนะ”    ฮยอกแจหันไปยิ้มเจือนๆให้แทมิน กำลังจะเดินไปยังป้ายรถประจำทาง แต่แทมินเรียกไว้ซะก่อน
     
    “ให้ผมไปส่งนะฮะพี่ฮยอกแจ ดูท่าทางพี่เหมือนเหนื่อย เกิดเป็นลมไปจะแย่เอานะฮะ”    แทมินมองท่าทางของฮยอกแจแล้วดูเหมือนที่ไม่มีเรี่ยวแรงเอาซะเลย ทั้งท่าทางการเดินก็เหมือนคนที่ไร้วิญญาณ
     
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ”    ฮยอกแจหันมาปฏิเสธ เขาคงต้องหัดกลับบ้านเองให้เคยชิน บางทีฮันคยองอาจจะไม่อยากติดต่อกับเขาอีกก็เป็นได้
     
    “ไปด้วยกันเถอะนะฮะ ลุงคนขับรถมาพอดีเลย”    แทมินเดินไปจับฮยอกแจไว้ก่อนจะลากขึ้นรถไปด้วยกัน ท่าทางของฮยอกแจเป็นแบบนี้เขาคงปล่อยให้กลับบ้านคนเดียวไม่ได้หรอก
     
    เมื่อฮยอกแจขึ้นรถมาด้วยแทมินก็เริ่มชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย ส่วนมินโฮถูกไล่ไปนั่งหน้ากับลุงคนขับรถ ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงบ้านของฮยอกแจ หลังจากที่ร่ำลากันแล้วฮยอกแจก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้นมาก เดินขึ้นห้องตัวเองเพื่อมุ่งมั่นโทรหาฮันคยองเหมือนอย่างเมื่อวาน แถมครั้งนี้ยังเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อส่งอีเมลควบคู่กันไปด้วย
     
    แต่สุดท้ายผลมันก็ยังออกมาเหมือนเดิม ฮยอกแจโทรจนแบตเตอรี่หมดแล้วชาร์ตใหม่อยู่สองสามรอบสลับกับการใช้โทรศัพท์บ้านโทร และส่งอีเมลไปด้วย แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเลย ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องทำถึงขนาดนี้ เพียงแค่ฮันคยองหายไปจากชีวิตแค่สองวันเท่านั้น แล้วถ้าฮันคยองหายไปจากชีวิตเขาตลอดไปเขาจะอยู่ได้เหรอ
     
    ตอนนี้เวลาเกือบตีสามแล้ว ฮยอกแจเปิดหน้าต่างอินเตอร์เน็ตขึ้นมา เว็บกูเกิลที่ถูกตั้งเป็นหน้าแรกแสดงอยู่หน้าจอ ฮยอกแจค่อยๆพิมพ์ข้อความลงไปทีละตัว ตอนนี้เขาหมดหนทางจะติดต่อฮันคยองแล้วจริงๆ
     
    ‘ฮันคยอง นายอยู่ที่ไหน’


                                                                          ------------------------------------------------------
    kr...Tak
    อันยองจ้าทุกคน กลับมาแล้วนะ
    มาอัพตอนล่าสุดให้เรียบร้อย
    ช่วงนี้กำลังเครียดกับข่าวพี่คังอยู่
    แถมเรื่องบัตรคอนอีก ไรเตอร์จะบ้าตาย

    ตอนนี้กี้ถือว่าซวยซ้ำซายซ้อนเลยแหละ
    ก่อนจะสบายก็ต้องเจออุปสรรคก่อนนะลูก
    คนที่รอลุ้นคู่ฮันฮยอก อีกนิดนึงนะ


    อย่าลืมเชื่อใจพี่หมีคัง และอยู่ใกล้ๆเค้าและซุปเปอร์จูเนียร์ต่อไปนะทุกคน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×