ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน (Super Junior Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #48 : Chapter 41 : พี่สาว

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 56



    Chapter 41 : พี่สาว

     

     

                “คำถามอะไรเนี่ยไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ให้ตายสิ แทนที่เมื่อคืนฉันจะได้ไปยืมเลคเชอร์ของนายมาอ่านแต่ดันไปเจอภาพแบบนั้นซะได้ ไอ้เรื่องที่จะทำเลยลืมไปหมด จะมาอ่านตอนเช้าก็ไม่ทันแล้วด้วย ตอบออกไปไม่ได้เรื่องแบบนั้นมีหวังได้กินไข่แน่ๆ” เสียงคร่ำครวญของเรียวอุกดังน่ารำคาญตลอดทั้งวันจนซองมินอยากจะมุดดินหนี เมื่อวิชาที่ต้องใช้ไหวพริบในการตอบคำถามที่สุดแสนจะพลิกแพลงของอาจารย์สุดโหดมันออกมาในด้านลบเสียมากกว่า เนื่องจากความรู้ที่มีไม่แน่นพอ แต่แทนที่เรียวอุกจะโทษตัวเองกลับโยนความผิดให้ซองมินเสียอย่างนั้น

                “เลิกบ่นซักทีเถอะน่าเรียวอุก นายคิดว่ามายืมไปอ่านตอนห้าทุ่มแล้วมันเข้าใจมากขึ้นหรือไง” ซองมินถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากแก้ตัวและพูดอะไรให้เรียวอุกคิดได้บ้างว่าความผิดนั้นมันไม่ใช่ของเขาเลยสักนิด อีกอย่างเขายังไม่โกรธเลยที่เรียวอุกทำอะไรตามใจลากเขาไปนอนด้วยเมื่อคืนจนต้องปล่อยให้คยูฮยอนนอนที่ห้องคนเดียว

                เรียวอุกไม่ตอบอะไรกลับมาได้แต่บ่นอุบอิบเบาๆคนเดียว ถึงจะทำเป็นโทษนู้นโทษนี่แต่ยังไงเขาก็รู้ตัวว่าผิด ที่เอาแต่บ่นอยู่ทั้งวันเพราะแค่อยากระบายความไม่ได้เรื่องของตัวเองออกมาบ้างถึงมันจะทำให้คนรอบข้างเกิดอาการรำคาญก็ตามที

                เมื่อเห็นว่าซองมินชักเริ่มหงุดหงิดที่ทั้งวันเอาแต่บ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องเรียวอุกจึงพาเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะตั้งแต่เช้าเรียวอุกแทบไม่เปิดโอกาสให้ซองมินกับคยูฮยอนได้เจอกันตรงๆเลย ทั้งตอนเช้า ทั้งตอนกลางวันและตอนเย็นหลังเลิกเรียนแบบนี้ ยังโชคดีที่ซองมินบอกว่าตอนเย็นคยูฮยอนต้องอยู่ทำงานกับเพื่อนเลยกลับพร้อมกันไม่ได้ และตัวซองมินเองก็ไม่ได้คิดถือโทษโกรธอะไรมาก เข้าใจว่าที่ทำลงไปเพราะความเป็นห่วง แต่ห่วงเกินความจำเป็นแบบนี้มันก็ไม่เข้าท่าเท่าไหร่นัก

                “ไปหาอะไรกินก่อนเข้าหอมั้ย” เรียวอุกเอ่ยชวนเมื่อเดินออกมาจากตึกคณะ เย็นนี้เยซองเองก็ติดงานกลุ่มเลยไม่มารับเหมือนปกติ เป็นโชคดีของเขาที่จะได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนฝูงบ้าง

                “ไปเดินตลาดใกล้ๆ ม.เราก็ดีนะ” พูดแล้วซองมินก็นึกถึงเรื่องเมื่อวาน เดทครั้งแรกของเขากับคยูฮยอนที่ออกจะแปลกไปสักหน่อย แต่มันก็รู้สึกดีไม่เลวเลย วันนี้ลองไปเดินกับเรียวอุกให้ชินเส้นทาง วันหลังจะได้ชวนคยูฮยอนไปอีก

                “ที่นั่นน่ะเหรอ ไปสิ” พยักหน้าเห็นด้วยยกใหญ่เมื่อตลาดที่ว่าเรียวอุกเคยไปเดินเล่นอยู่บ่อยๆกับเพื่อนร่วมสาขา แต่ยังไม่เคยชวนซองมินไปเลยสักครั้ง

                ซองมินอมยิ้มรับก่อนทั้งสองจะมุ่งหน้าไปยังหน้ามหาวิทยาลัย เดินคุยเล่นกันไปจนมาถึงบริเวณม้านั่งข้างคณะวิทยาศาสตร์ สถานที่ที่พวกเขาเคยนัดมารวมตัวกันเมื่อก่อน และตอนนี้ที่ม้านั่งตัวเดิมใต้ต้นไม้ต้นเดิมมีบุคคลที่แสนคุ้นเคยนั่งอยู่ด้วยท่าทางที่เหม่อลอย

                “ดงแฮ” เมื่อเห็นเพื่อนนั่งอยู่คนเดียวเรียวอุกเลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปทัก แต่ดูเหมือนดงแฮไม่ได้สนใจการมาของเขาเท่าไหร่ สายตาทั้งคู่เอาแต่จดจ้องอยู่ใครบางคนที่ยืนอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งห่างออกไปไม่ไกลมากนัก

                “อ้าว!” ดงแฮเพียงแค่ส่งเสียงอุทานออกมาเบาๆ เท่านั้นเมื่อเห็นซองมินกับเรียวอุกยืนอยู่ พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ดูเหนื่อยล้ามาให้

                “ทำอะไรอยู่น่ะดงแฮ ไม่กลับหอเหรอ” ซองมินถาม พลางมองตามสายตาของดงแฮไป

                “รอคิบอมอยู่น่ะ”

                “แล้วเขาทำอะไรอยู่เหรอ แล้วรู้หรือเปล่าว่านายรออยู่” เรียวอุกถามกลับ เพราะดูเหมือนคนที่ดงแฮรอกำลังจมอยู่กับโลกส่วนตัว ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจดงแฮสักเท่าไหร่

                “คุยโทรศัพท์อยู่ คิบอมไม่ได้บอกให้ฉันรอหรอก” ดงแฮบอกออกมาตามตรง ก่อนหน้านี้พวกเขากำลังเดินกลับหอพร้อมกัน พอเดินมาถึงที่นี่โทรศัพท์ของคิบอมก็ดังและเมื่อรับโทรศัพท์ก็บอกให้เขากลับหอไปก่อน ก่อนที่คิบอมจะเดินไปคุยโทรศัพท์ นี่ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว เขาเองไม่ได้อยากยุ่งหรืออยากรู้เรื่องส่วนตัวอะไรของคิบอมมากเกินไป แต่พฤติกรรมช่วงนี้มันน่าสงสัยจริงๆ เลยอดที่จะรอดูไม่ได้ และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าคิบอมรู้ตัวหรือเปล่าว่าเขายังรออยู่

                “ไม่ได้บอกให้รอก็ไม่ต้องรอหรอก ไปเดินตลาดกันมั้ย ฉันกับเรียวอุกกำลังจะไปที่นั่นกัน” ซองมินเอ่ยชวนเมื่อเห็นท่าทางของดงแฮไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เขาคิดว่าที่ช่วงนี้ดงแฮดูแปลกๆไปเพราะคิดมากเรื่องคิบอมแน่ๆ

                “ไม่ล่ะ” คนถูกชวนส่ายหน้าปฏิเสธ

                “แต่นายจะนั่งรอแบบนี้น่ะเหรอ” เรียวอุกถาม

                “ฉันกำลังจะกลับแล้วล่ะ” พูดจบดงแฮก็ลุกขึ้นจากม้านั่ง เผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา ก่อนจะหันกลับไปมองคิบอมที่ยืนหันหลังพิงต้นไม้คุยโทรศัพท์โดยไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจเลยแม้แต่นิด

                “ไม่ไปเดินด้วยกันแน่นะ” ซองมินถามซ้ำอีกรอบ ท่าทางของดงแฮที่ดูไม่ร่าเริงแบบนี้เขาไม่ชอบเลยจริงๆ

                “ไม่ล่ะ งั้นฉันกลับก่อนนะ” ส่ายหน้าปฏิเสธอีกรอบก่อนดงแฮจะเดินจากไป

                ในเมื่อดงแฮว่าแบบนั้นซองมินกับเรียวอุกก็คงทำอะไรไม่ได้ คงต้องมุ่งหน้าสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ตามเดิม แต่ก็ยังไม่วายหันไปมองคิบอมที่ทำตัวผิดแปลกไปและตั้งข้อสงสัยต่างๆนานา ไม่รู้ว่าเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะจบลงยังไง คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง

     

     

     

                เสียงริงโทนที่ดังขึ้นทำเอาดงแฮที่กำลังตั้งอกตั้งใจท่องบทเรียนแทบอยากจะลุกขึ้นไปหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารของคิบอมที่วางอยู่เตียงปาออกนอกระเบียงไปซะ เพราะตั้งแต่คิบอมเข้าห้องมันมาก็ดังติดต่อกันจนสมาธิที่อุตส่าห์สร้างขึ้นมาได้กระจายหายไปหมด และที่สำคัญตอนนี้เจ้าของมันดันอยู่ในห้องน้ำนี่สิ

                “คิบอมโทรศัพท์! รีบๆออกมาได้แล้ว!” ดงแฮละสายตาจากหนังสือหันไปมองประตูห้องน้ำที่ได้ยินเสียงน้ำดังมาเป็นระยะ เสียงแหลมๆตะโกนออกไปหวังจะให้มันกระแทกหูคิบอมบ้าง จะได้รีบออกมารับเสียที ครั้นจะให้เขารับแทนก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว

                ไม่นานนักคิบอมก็ออกมาพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่เงียบไป แต่ไม่ถึงนาทีมันก็ดังขึ้นอีกรอบ คนที่กำลังโดนโทรตามจึงรีบเดินไปรับมัน

                “ครับๆ เข้าใจแล้ว” คิบอมตอบรับปลายสายเพียงเท่านั้นแล้ววางสายไป ใบหน้านั้นฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นกับท่าทางที่ดูมีความสุขนั้น ทุกการกระทำที่คิบอมแสดงออกมาล้วนอยู่ในสายตาของดงแฮ คนที่เคยได้รับสิ่งเหล่านั้น แล้วตอนนี้คิบอมกำลังมอบสิ่งที่ดงแฮเคยได้ให้ใครกัน

                “จะไปไหนน่ะ” หลังจากวางสายไม่นานเมื่อแต่งตัวเสร็จคิบอมกลับหยิบกระเป๋าทำท่าจะออกไปข้างนอก ดงแฮที่สมาธิในการอ่านหนังสือกระจัดกระจายหายไปหมดจึงรีบหันไปถาม นี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว จะออกไปไหนกัน

                “แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังนะ” ตอบเพียงเท่านั้นคิบอมก็ออกจากห้อง

                ดงแฮได้แต่นั่งมองบานประตูที่ปิดลง ความรู้สึกที่เหมือนถูกทอดทิ้งมันทำให้อยากจะร้องไห้ออกมา คิบอมที่เคยดูแลกันหายไปไหน คิบอมที่เคยเป็นห่วงกันหายไปไหน เดี๋ยวนี้จะทำอะไรก็ไม่เคยบอก มีอะไรที่เหมือนกำลังปิดบังกันอยู่ แถมตอนนี้ออกไปไหนยังไม่ยอมบอกกันอีก คิมคิบอมคนนั้นหายไปไหนกันนะ

                “เฮ้อ~” ดงแฮถอนหายใจหนักๆออกหวังแค่ได้ระบายสิ่งที่มันอัดอั้นออกมาได้บ้าง เมื่อท้ายที่สุดแล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ ตอนนี้คงทำได้แค่รอ ในเมื่อคิบอมบอกว่ากลับมาจะเล่าให้ฟัง เขาก็จะรอฟังมัน

     

     

     

     

                แม้ตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืนแต่ผู้คนที่เดินพลุกพล่านอยู่ในสนามบินนานาชาติแห่งนี้ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวบินต่างนำพาผู้โดยสารสู่จุดหมายปลายทาง กระเป๋าเดินทางหลายใบถูกลำเรียงส่งคืนให้แก่ผู้โดยสาร การพบกันที่น่าดีใจ และการจากลาที่น่าเศร้า ทุกๆอย่างเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้

                “ถ้าไปไม่ทันมีหวังโดนด่าแน่ๆเรา” ช่วงขาที่เคยก้าวเดินบัดดี้ได้แปลเปลี่ยนเป็นการวิ่งเมื่อเวลาที่ได้นัดไว้ใกล้เข้ามาทุกที นาฬิกาข้อมือที่สวมอยู่ถูกยกขึ้นมาดูเป็นพักๆ เพราะไม่อยากไปสายในวันที่แสนสำคัญแบบนี้

                ชายหนุ่มตัวสูงหยุดยืนหอบอยู่หน้าทางออกผู้โดยสารได้ทันเวลาพอดิบพอดี ผู้โดยสารที่บินตรงมาจากอเมริกาเริ่มทยอยเดินออกมา ดวงตาตี่เรียวกวาดมองหาบุคคลที่รอคอย การมาของคนพิเศษที่ไม่ได้เจอกันมานาน การมาของคนพิเศษที่ไม่อาจให้ใครรับรู้ได้ การกลับมาที่แสนรอคอย

                หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวเดินแหวกฝูงชนที่คลาคล่ำออกมาด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ใบหน้าเชิดขึ้น ริมฝีปากได้รูปเหยียดตรง ส้นสูงที่สวมใส่อยู่ก้าวเดินอย่างมั่นคง หากแต่ใบหน้าของเธอนั้นถูกปิดบังด้วยแว่นตากันแดดสีดำสนิทกับหมวกทรงฟักทองที่สีน้ำตาลทำให้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ไม่ถนัดนัก

                “ฮีบอน” เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกเบาๆ เรียกสติจากหญิงสาวให้หยุดการก้าวเดินได้ทันที ใบหน้าที่เชิดขึ้นตลอดเวลาหันไปตามเสียงเรียกและพบกับรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานาน

                “คิบอม! ให้ตายสิ สอนกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกฉันว่าพี่น่ะห๊ะ!” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าฮีบอนตรงเข้าไปล็อกคอน้องชายสุดแสบที่เจอกันทั้งทีแต่ไม่ให้ความเคารพแท้เลยแม้แต่น้อย

                “เดี๋ยวสิ ผมหายใจไม่ออก” คิบอมพยายามดึงแขนของฮีบอนออกแต่มันค่อนข้างจะลำบากสักหน่อย เพราะนอกจากพี่สาวคนนี้จะสูงพอตัวอยู่แล้วตอนนี้ก็ใส่ร้องเท้าส้นสูงอยู่ด้วยเลยทำให้ส่วนสูงนั้นพอๆกับเลย แถมพี่คนนี้ยังบ้าพลังอยู่พอสมควร

                “แต่ก็นะ คิดถึงนายจังเลยคิบอม” อยู่ๆฮีบอนก็ยอมปล่อยแขนออกแต่โดยดีแล้วเปลี่ยนมากอดคิบอมแทน ความคิดถึงของพี่น้องที่ไม่ได้พบหน้ากันมาแสนนาน การกอดก็เป็นสิ่งหนึ่งที่พอจะคลายความคิดถึงนั้นลงได้

                “ทำแบบนี้ถ้ามีนักข่าวมาเห็นจะทำไงเล่า” คิบอมออกมาปากดุอย่างเอือมระอากับนิสัยของพี่สาวที่ไม่ค่อยเกรงใจใครแม้อยู่ในที่สาธารณะ พลางพยายามดันตัวฮีบอมออกแต่พี่สาวจอมเอาแต่ใจกลับเข้ามาหอมแก้มเขาเสียอย่างนั้น

                ฮีบอนนั้นเป็นนางแบบชื่อดังของเกาหลี และได้ไปสร้างในวงการนางแบบนายแบบระดับโลกเมื่อหกปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเธอได้เข้าพิธีแต่งงานกับนักเขียนบทภาพยนตร์และปักหลักอาศัยอยู่ที่อเมริกา  การกลับมาที่บ้านเกิดในครั้งนี้นั้นมีเพียงคนในครอบครัวของเธอกับผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้นที่รู้เพราะเธอต้องการความเป็นส่วนตัว ซึ่งเธอได้กำชับเรื่องนี้กับคิบอม น้องชายเพียงคนเดียวของเธอว่าห้ามปริปากบอกใครเช่นกันถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม

                “ไปกันเถอะ” ฮีบอนไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของคิบอมมากนักก่อนจะควงแขนน้องชายของตนออกไปจากสนามบิน

                “ทำตัวเด่นแบบนี้เดี๋ยวนักข่าวก็มาเห็นเข้าหรอก” คิบอมออกปากเตือนอีกครั้ง แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม

                “ไม่มีใครรู้หรอกน่า ไม่ได้บอกใครซักหน่อย นี่ พาฉันไปเที่ยวหน่อยสิ ไม่ได้กลับมาเกาหลีตั้งนาน” ฮีบอนโบกมือไปมากลางอากาศแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

                “ดึกขนาดนี้แล้วจะไปเที่ยวไหนล่ะครับ” คนเป็นน้องตอบรับอย่างเหนื่อยใจแต่ใบหน้าก็ยังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้ม ก็พี่สาวเขาเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

                “ไปดื่มก็ได้ นะๆ”

                “เดี๋ยวหอผมก็ปิดก่อนพอดีน่ะสิ” พูดแล้วก็พาลให้คิบอมนึกถึงคนที่อยู่ที่ห้อง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ จะนอนหรือยัง หรือยังรอเขาอยู่ ไม่รู้ว่าจะงอนเขาอีกหรือเปล่า

                “ก็ไม่ต้องกลับสิ ไปกับฉันหน่อยนะ อุตส่าห์กลับมาหาทั้งที” ฮีบอนทำท่าทางอ้อนๆ เพราะเธอรู้ดีว่าคิบอมแพ้ลูกอ้อนแค่ไหน แต่ถึงจะพยายามขัดเธอยังไงสุดท้ายคิบอมก็ต้องยอมเธออยู่ดี มันเป็นสัจธรรมที่คิบอมไม่เคยชนะเธอได้เลยสักครั้ง

                “ก็ได้ๆ” ตอบรับอย่างโดยดีเพราะถึงยังไงเขาก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้

                “งั้นไปกันเลย” เมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ตั้งใจฮีบอนจึงร้องออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่ทั้งสองจะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายใหม่โดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด มันได้เกิดขึ้นแล้ว

     

     

     

                ไฟในห้องถูกปิดลงไปนานแล้วแต่คนที่อยู่ภายในห้องกลับหลับไม่ลงเลยแม้แต่น้อย การรอคอยที่ไม่รู้จะจบลงเมื่อไหร่ทำให้รู้สึกทรมานใจอย่างบอกไม่ถูก การที่ไม่รู้อะไรเลยยิ่งทำให้ความคิดต่างๆมันออกมาในแง่ลบ ทั้งไม่เข้าใจ ทั้งเป็นห่วง แต่ก็ทำได้แค่รอ

                ดงแฮลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิดไฟที่ผนังห้องเมื่อพยายามข่มตานอนเท่าไหร่ก็หลับไม่ลงเสียที ทั้งที่เวลาตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งแล้วแต่คิบอมก็ยังไม่กลับมา โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ความเป็นห่วงที่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับคิบอมบ้างมันทำให้ใจเขาไม่ยอมสงบ

                “เมื่อไหร่จะกลับมานะ” ดงแฮพึมพำขึ้นเบาๆ พลางเดินไปนั่งลงบนเตียงของคิบอม ดึงหมอนมากอดเอาไว้เพราะรู้สึกว่ากำลังใจที่มีมันหดหายไปทุกที พลันหยาดน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลรินลงมา

                เสียงสะอื้นไห้ดังออกมาไม่หยุดเช่นเดียวกับน้ำสายที่หลั่งรินลงมาไม่ขาดสายเมื่อความรู้สึกทั้งหมดที่มีมันเกินที่คนๆ หนึ่งจะแบกรับเอาไว้ได้ ดงแฮกอดหมอนเอาไว้แน่นพยายามปาดน้ำตาออก สายตาที่เริ่มพล่าเลือนกวาดมองทุกอย่างบริเวณหัวเตียงของคิบอมเผื่อว่ามันจะเป็นเบาะแสอะไรให้ได้บ้าง

                และแล้วสายตาของดงแฮก็พบเข้ากับกระดาษโน้ตแผ่นนึงที่ติดเอาไว้ตรงผนังเหนือตัวเตียง พลันน้ำตาที่เคยมีกลับหยุดไหลเหมือนน้ำที่ถูกปิดเมื่อข้อความทั้งหมดไหลเข้าสู่โสตประสาทการรับรู้ในสมอง

                รับฮีบอนที่สนามบิน วันที่ xx เวลาสี่ทุ่มครึ่ง

                ความเป็นห่วงที่มีละลายหายไปเหลือเพียงความขุ่นเขืองใจกับข้อความในกระโน้ตแผ่นนี้ เรื่องที่ไม่น่าจะบอกกันได้ คอบอมกลับทำให้เป็นความลับ แค่บอกกันว่าไปไหนกลับไม่ยอมบอกทั้งที่เขาก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไร แล้วยังชื่อของคนที่ต้องออกไปรับเวลาดึกดื่นป่านนี้แถมยังไม่ยอมกลับมาทั้งที่บอกว่าจะกลับมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง นี่เห็นความเป็นห่วงของเขาเป็นเรื่องตลกหรือยังไงกัน

                “คิมคิบอมบ้าที่สุด!!!

     

     

     

                สีหน้าหม่อนหมอง ใต้ตาที่ดำคล้ำ กับการรับเช้าวันใหม่ดูไม่เข้ากันเท่าไหร่นัก แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้ดงแฮนอนได้ไม่เต็ม จิตใจมัววกวนคิดแต่เรื่องของใครบางที่แม้กระทั่งเช้าแล้วยังไม่กลับมาเสียที

                ดงแฮเดินออกจากหอด้วยท่าทางที่ดูเหนื่อยล้า ขาแต่ละข้างขยับเดินอย่างเชื่องช้าจนสุดท้ายแล้วการเคลื่อนไหวก็หยุดนิ่งในที่สุด เมื่อใครคนหนึ่งที่รอคอยมาทั้งคืนได้กลับ คิบอมที่กลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม กำลังส่งเสียงทักทายและโบกมือให้โดยที่เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย

                “จะไปเรียนแล้วเหรอดงแฮ” คิบอมออกปากทักเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ แต่ในใจเขารู้ดีว่าตอนนี้สถานการณ์มันกำลังย่ำแย่ขนาดไหน

                ไร้เสียงตอบรับกลับมาเมื่อดงแฮทำเพียงแต่ปลายตามองก่อนจะเดินออกไปทำเหมือนกับว่าคำพูดของคิบอมนั้นเป็นแค่เสียงนกเสียงกาที่แสนน่ารำคาญ

                เมื่อผลออกมาเป็นอย่างที่คิด คิบอมทำเพียงแค่ถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าหอไปโดยหลีกเลี่ยงความคิดที่จะตามดงแฮไปตอนนี้ เพราะขนาดเขาทักออกไปดีๆ ยังไม่คิดจะปริปากพูดอะไรสักคำ คงต้องรอให้อารมณ์เย็นลงกว่านี้คงพูดคุยกันด้วยเหตุผลได้มากกว่า

     

     

               

                เวลาที่ผ่านไปมักทำให้ใจของคนเปลี่ยนตาม รวมไปถึงอารมณ์ที่เคยพุ่งสูงกลับค่อยๆลดลงทีละนิด ดงแฮนั่งถอนหายใจเป็นว่าเล่นตลอดคาบเรียนช่วงเช้า เมื่อนึกถึงการกระทำของตัวเองที่ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ที่ทำเมินเฉยใส่คิบอมไปแบบนั้น เพราะถ้าหากยอมคุยกันดีๆ ก็คงไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจอยู่แบบนี้ แต่ก็อย่างว่า อารมณ์มักชอบนำเหตุผลอยู่เสมอ

                พอถึงเวลาพักกลางวันเหล่านักศึกษาที่หมดพละกำลังในการเรียนต่างมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารหรือร้านค้าต่างเพื่อหาของมาประทังท้องไส้ที่เริ่มร้องประท้วงกันยกใหญ่ ดงแฮเองก็เดินลงมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ในคณะที่วันนี้ตั้งใจว่าจะไปทานข้าวด้วย

                แต่แล้วความตั้งใจมีก็ได้พลังทลายเมื่อคนที่เคยมารับไปทานข้าวเที่ยงด้วยพร้อมกันยังทำตัวปกติเหมือนอย่างเคย แถมยังรอยยิ้มบางๆ ที่ส่งมาให้เหมือนทุกครั้ง

                ดงแฮทำเป็นไม่สนใจคนที่มารอรับอีกครั้ง ไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองตรงๆ เพราะความขุ่นเคืองในใจมันยังมีอยู่ล้นอกถึงแม้ความโกรธมันจะลดลงไปมากแล้วก็ตาม และถึงแม้ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าน่าจะพูดคุยกันดีๆ แต่พอเอาเข้าจริง เขาก็ทำมันไม่ได้อยู่ดี

                “ดงแฮ” เมื่อเห็นว่าดงแฮยังมีท่าทีไม่ต่างจากตอนเช้าคิบอมจึงตัดสินใจเข้าไปรั้งข้อมือเอาไว้  เพราะถ้ายังเอาแต่เดินหนีกันแบบนี้ วันนี้ยังไม่มีทางคุยกันรู้เรื่อง

                ถึงจะถูกรั้งเอาไว้แต่ดงแฮก็ยังคงนิ่งไม่ยอมพูดจา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความบึ้งตึงเสมองไปทางอื่น

                “ขอโทษนะที่ผิดสัญญา” คิบอมเอ่ยขึ้นซึ่งมันก็ทำให้ดงแฮหันมาสนใจในที่สุด เมื่อคืนเข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่กลับมานอนหอ แต่เพราะมันเลี่ยงไม่ได้ และเขาเองก็ไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

                “เมื่อคืนไปไหนมา ไหนบอกจะกลับมาเล่าให้ฟัง” ดงแฮถามออกมาเสียงเบาหวิว น้ำเสียงที่ทำให้คิบอมรู้ใจสั่นแปลกๆ น้ำเสียงที่ทำให้เขารู้สึกถึงความรู้สึกหลายๆ อย่างของดงแฮที่ถูกระบายออกมา ทั้งเคือง ทั้งน้อยใจ ทั้งเป็นห่วง ทั้งกลัว

                “ไปนอนที่บ้านมา ไปกินข้าวกันนะ แล้วจะเล่าให้ฟังทุกอย่างเลย” คิบอมเลื่อนมือไปกุมมือดงแฮเอาไว้ก่อนจะยิ้มเพื่อเป็นการปลอบใจ ในเมื่อสัญญาไว้แล้วว่าจะเล่าเขาก็ต้องเล่า ถึงจะโดนกำชับไว้แค่ไหนก็เถอะ แต่จะให้อยู่ในความรู้สึกที่ดูอึดอัดแบบนี้กับดงแฮเขาก็ไม่ทนไม่ไหวเหมือนกัน

                ยังไงซะดงแฮก็ไม่เคยงอนคิบอมได้นานอยู่ดีๆ จึงยอมพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย ก่อนจะกุมมือเดินไปด้วยกัน

                “คิบอม” ดงแฮเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปยังโรงอาหาร มีอยู่คำถามหนึ่งที่ยังคาใจดงแฮอย่างมาก ถึงแม้อีกไม่กี่นาทีหน้านี้คิบอมก็จะเล่าให้เขาฟังแล้ว แต่ถ้าเขาจะถามออกไปตอนนี้คิบอมจะยอมตอบหรือเปล่า

                คนถูกเรียกหันมายิ้มให้เพื่อรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ

                “ฉันอยากรู้ว่า...”

                “ฮีบอนกลับมาแล้วเหรอเนี่ย”

                “ยังสวยเหมือนเดิมเลยเนอะ”

                “แต่ไอ้เด็กนี่มันใครกันวะ แล้วสามีเธอล่ะ”

                บทสนทนาของนักศึกษาสามคนที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่เรียกความสนใจจากคิบอมได้เป็นอย่างดีโดยที่ทำให้เขาลืมฟังคำพูดของดงแฮไปเสียสนิท

                เพราะไม่อยากให้ความสงสัยมันจุกอกตายเสียก่อน คิบอมเดินเข้าไปหากลุ่มนักศึกษาเหล่านั้นก่อนดึงหนังสือพิมพ์ที่คนหนึ่งในนั้นถืออยู่มาดู โดยไม่มีการบอกกล่าวหรือขออนุญาตแต่อย่างใด สร้างความงงงวยให้ทั้งคนที่ถูกแย่งของและตัวดงแฮเอง

                สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำเอาคิบอมออกอาการหงุดหงิด ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มเมื่อครู่หายไป คิ้วทั้งสองข้างนั้นขมวดเข้าหากันจนยุ่งเยิงเมื่อสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดมันดันเกิดขึ้นเสียได้

                นางแบบดังฮีบอน กลับเกาหลี โดยมีหนุ่มน้อยหน้าใสมารับถึงสนามบิน

                พากหัวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับดังที่กล่าวถึงพี่สาวของเขา แถมยังรูปแอบถ่าย ที่เขากอดกับฮีบอน และรูปที่ฮีบอนเข้ามาหอมแก้มเขา ถึงแม้ตัวเขาที่อยู่ในรูปจะเห็นหน้าไม่ชัดก็ตาม แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะมีนักข่าวอยู่ในที่แบบนั้น

                “โธ่เว้ย! ทำไมเป็นแบบนี้ว่ะ” คิบอมถบสออกมาก่อนจะฟาดหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะที่นักศึกษาทั้งสามคนนั่งอยู่

                คนสามคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรสะดุ้งตัวโหยงกับอาการหงุดหงิดของคิบอม รวมไปถึงดงแฮที่ได้แต่ยืนนิ่ง เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคิบอมเป็นอะไร

                “ขอโทษนะดงแฮ นายไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ก่อนนะ” พูดจบคิบอมก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครสักคนก่อนจะรีบวิ่งออกไปทันที

                ดงแฮได้แต่ยืนนิ่งไม่มีการตอบรับหรือปฏิเสธ สายตาทั้งมองตามแผ่นหลังของคิบอมที่ค่อยๆ ออกห่างไปเรื่อยๆ เรื่องเก่าก็ยังไม่ได้เล่าให้เขาฟัง แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะเนี่ย

                “อะไรของมันว่ะ” หนึ่งในสามคนพูดขึ้นอย่างงงๆเมื่อคิบอมออกไปแล้ว พร้อมกับหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง

                “หรือว่าเป็นแฟนคลับฮีบอนว่ะ เลยหึงซะ” อีกคนหนึ่งพูดขึ้นบ้างก่อนทั้งสามคนจะหัวเราะออกมา

                เมื่อได้ยินชื่อของคนที่กำลังสงสัยอยู่ดงแฮจึงหันไปสนใจกลุ่มนักศึกษาสามคนนั้นบ้าง หรือว่าที่คิบอมมีอาการแบบนั้นเพราะคนพวกนี้พูดถึงคนที่ชื่อฮีบอน แล้วฮีบอนนี่มันใครกันล่ะ

                “ขอโทษนะ ฉันขอดูหนังสือพิมพ์หน่อยสิ” ดงแฮเดินเข้าไปขอยืมหนังสือพิมพ์ ซึ่งคนที่ถืออยู่ก็ยอมยื่นให้แต่โดยดี

                “นายก็สนใจข่าวของฮีบอนเหมือนกันเหรอ” หนึ่งในสามคนถามขึ้น

                ดงแฮทำสีหน้างงๆ อยากจะตอบว่าสนใจ แต่เขาไม่ได้สนใจข่าว เพียงแค่อยากรู้ว่าคนที่ชื่อฮีบอนเป็นใครแล้วเกี่ยวข้องอะไรกับฮีบอนเท่านั้น

                “ก็ฮีบอนคนที่เป็นนางแบบไง” เมื่อเห็นดงแฮทำหน้างงเลยช่วยพูดขยายความให้

                “คนนี้น่ะเหรอ” ดงแฮพยักหน้าตามพร้อมกับชี้ไปที่รูปผู้หนึ่งที่ใส่แว่นซึ่งกำลังกอดกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ คนที่เขารู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างมาก

                “ใช่ๆ ดังระดับโลกเลยนะ เธอไม่ได้กลับเกาหลีมานานแล้วล่ะ แต่เธอมีสามีแล้ว และก็ไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มนี้เป็นใครถึงไปกอดกับเธอแบบนั้นน่ะ แถมยังหอมแก้มกันด้วย เนี่ยฉันกำลังจะอ่านเนื้อข่าวข้างใน ไอ้หมอนั่นที่มากับนายก็ดันเข้ามาแย่งไปซะก่อน” เพื่อทำให้ดงแฮเข้าใจมากขึ้นเลยอธิบายให้ฟังเสียยาวเยียด

                “งั้นเหรอ” ตอบรับเบาๆ และลองมองภาพของผู้หญิงกับผู้ชายที่กอดหอมกันอยู่อีกที

                ความทรงจำของเมื่อวานเริ่มไหลเข้ามาในหัวทีละนิดเมื่อดงแฮเริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่แสนจะคุ้นเคย ทั้งรูปหน้า ทรงผม อีกทั้งเสื้อผ้าของผู้ชายที่อยู่ในรูปกับนางแบบที่ชื่อฮีบอนมันเหมือนกับรูมเมทของเขาไม่มีผิด แถมยังอาการแปลกๆของคิบอมที่แสดงออกมาเมื่อกี้นี้อีก หรือว่าคนๆ นี้คือ

                “คิบอม” ดงแฮพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าผู้ชายที่อยู่ในรูปคือคิบอมอย่างแน่นอน

                ในที่สุดสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดก็กระจ่างเสียที คนที่คุยโทรศัพท์ด้วยกันทุกวันก็คงเป็นเธอคนนี้สินะ ที่ออกไปรับดึกดื่นเมื่อวานก็คือเธอคนนี้ กอดหอมกันซะขนาดนี้ถ้าจะบอกว่าความสัมพันธ์เป็นเพียงแค่เพื่อนมันก็คงไม่ใช่ แถมยังเป็นนางแบบชื่อดังระดับโลก มิน่าล่ะถึงต้องปิดบังกัน เพราะคงจะคบกันอย่างเปิดเผยไม่ได้ล่ะสินะ ถึงได้ปิดบังคนที่อยู่ในสถานะเพื่อนคนนี้มาโดยตลอด

                ดงแฮยืนนิ่งไปเมื่อสรุปทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ คิบอมมีคนสำคัญอยู่แล้ว เพราะแบบนั้นความสำคัญของเขาจึงเป็นแค่ที่สอง คิบอมสนใจเธอคนนั้นมากกว่า ยอมทำให้เธอคนนั้นมากกว่า คิบอมคงไม่เห็นเขาสำคัญอีกต่อไป

                “ขอบใจนะ” ยื่นหนังสือพิมฑ์คืนให้เจ้าของก่อนดงแฮจะหันหลังกลับ

                จุดหมายจากที่เป็นโรงอาหารบัดนี้มันถูกเปลี่ยนเป็นหอพักแทน เมื่อกำลังใจในวันนี้มันเหลือไม่มากพอที่ทำให้เขาสามารถทนนั่งเรียนเรื่องยากๆอยู่ได้ ความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้มันจุกอยู่ที่คอจนทนแทบไม่ไหว ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาควรร้องไห้เลยแม้แต่นิด เพื่อนอย่างเขาควรร้องไห้หรือไม่พอใจงั้นเหรอ ที่เพื่อนมีแฟน มันควรเป็นเรื่องที่น่ายินดีสิ

                น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้เริ่มรินไหลออกมา อีกทั้งเสียงสะอื้นก็เช่นเดียวกัน ดงแฮก้มหน้าลงกับพื้น การก้าวเดินแต่ละก้าวเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะออกวิ่งในที่สุด เขาทนไม่ได้หรอก ทนไม่ได้ที่จะเห็นคิบอมมีแฟนแล้วเห็นเขาไม่สำคัญแบบนี้ ทนไม่ได้จริงๆ







     

    kr Talk

    สวัสดีปีใหม่รีดเดอร์ทุกคนที่ยังติดตามผลงานของเราอยู่นะคะ

    วันนี้วันดีเลยถือโอกาสมาอัพฟิคที่ดองไว้เสียหน่อย

    ยังไงก็ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ

    เจอกันตอนหน้าจ้า สัญญาว่าจะไม่ลืมฟิคเรื่องนี้อย่างแน่นอน

    และก็ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามด้วยค่ะ ^^

     

    HBD LEE SUNGMIN



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×