คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : [SF] Cinderella Until 9.00 PM (KyuMin)
Cinderella Until 9.00 PM
(Kyuhyun + Sungmin)
“นายรู้หรือยัง!! งานเต้นรำประจำปีจะจัดขึ้นวันเสาร์ที่จะถึงนี่แล้วนะ!!” หนุ่มน้อยหน้ามนนามว่าทงเฮร้องบอกอย่างตื่นเต้นด้วยอาการเหนื่อยหอบพร้อมกับชูโปสเตอร์โฆษณางานเต้นรำที่เพิ่งไปแงะเอามาจากบอร์ดหน้าห้องฝ่ายวิชาการสดๆร้อนๆโดยไม่เกรงกลัวเลยว่าจะมีอาจารย์คนใดมาเห็นแล้วจะถูกทำโทษเอาได้ เพราะงานนี้เป็นงานที่หลายๆคนกำลังรอคอยอยู่ รวมถึงตัวเขาเองด้วย
“นายจะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา งานมันก็จัดขึ้นทุกปี ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย” ซองมินหันไปมองโปสเตอร์นั่นผ่านๆก่อนจะหันไปสนใจหนังสือที่อ่านอยู่เหมือนเดิมไม่มีท่าทีสนใจงานเต้นรำที่ว่านั่นเลยแม้แต่น้อย มันก็เป็นแค่งานเต้นรำธรรมดาๆที่ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ งานที่ให้พวกลูกคุณหนูออกมาแต่งสวยโชว์ความหรูหรากัน
“ก็เพราะนายไม่เคยไปเลยซักปีไงล่ะถึงได้บอกว่ามันไม่มีอะไรน่าสนใจ รู้มัยที่ฉันได้คบกับคิบอมก็เพราะงานนี้แหละ”
ทงเฮพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อยก่อนจะยิ้มในตอนท้ายเมื่อพูดถึงคนรักที่ตกลงปลงใจคบกันได้หนึ่งปีแล้วหลังจากที่จบงานเต้นรำประจำปีของปีที่แล้ว
“ไม่รู้เลยมั้ง” ซองมินประชดออกไปด้วยความเบื่อหน่าย เพราะทงเฮมักจะพูดถึงแฟนตัวเองอยู่บ่อยๆ แถมยังเอาแต่ยกความดีความชอบให้กับงานเต้นรำประจำปีนี้อีกด้วยที่ทำให้ได้แฟน ซึ่งซองมินไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันตรงไหน
ตอนนี้ซองมินเลยกลายเป็นคนเดียวที่ยังโสดแถมยังโดนทงเฮทิ้งไปจู๋จี๋กับแฟนหนุ่มอยู่บ่อยๆ ส่วนงานเต้นรำอะไรนั่นก็ยังไม่เคยไปซักครั้งจนตอนนี้จะเรียนจบม.ปลายอยู่แล้ว ซองมินไม่ชอบไปงานอะไรแบบนั้นเท่าไหร่นัก ถึงทงเฮจะพยายามคะยั้นคะยอเท่าไหร่ก็ตามสุดท้ายก็ลากเขาไปด้วยไม่ได้อยู่ดี ที่สำคัญค่าตัดชุดสูทไปงานมันแพงจะตาย น้ำหน้าอย่างเขาไม่มีปัญญาหาชุดดีๆไปงานได้หรอก
“เพราะฉะนั้นปีนี้นายก็ควรจะไปรู้มั้ยซองมิน ไม่งั้นนายต้องขึ้นคานแน่ๆ” ทงเฮชี้หน้าซองมินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่คนฟังนี่สิ ทำหน้าเซ็งโลกไปเรียบร้อยแล้ว
“นายก็รู้ว่าฉันไม่มีทางไปอยู่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรฉันไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวสาย” พูดจบก็เก็บหนังสือใส่กระเป๋าขึ้นสะพายก่อนจะเดินจากไปทันที ทงเฮจะเรียกรั้งไว้ก็ไม่ทันเลยได้แต่ยืนกอดอกทำหน้ายู่ไม่พอใจ ซองมินก็เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า
“ปีนี้ฉันจะลากนายไปให้ได้เลยซองมิน” บอกออกมาด้วยความมุ่งมั่น ยังไงปีนี้ทงเฮต้องหาแฟนให้เพื่อนเขาคนนี้ให้ได้
“วันนี้ที่โรงเรียนมีงานเต้นรำประจำปีไม่ใช่เหรอซองมิน” คุณลุงเจ้าของร้านอาหารเล็กๆที่ซองมินทำงานอยู่ถามขึ้นเมื่อซองมินเดินมาที่เคาน์ตอร์ ซองมินนั้นทำงานที่ร้านนี้มาได้เกือบสามปีแล้วตั้งแต่เรียนเข้าเรียนม.ปลาย และทุกๆปีซองมินก็ไม่เคยไปร่วมงานเต้นรำของโรงเรียนเลย เหตุผลที่ซองมินบอกคือไม่มีชุดใส่ไปงาน ค่าเสื้อสูทมันแพงเกินไปที่จะสามารถเช่าหรือตัดได้ ทั้งที่คุณลุงเคยเสนอจะให้เงินไปตัดชุดแต่ซองมินกลับปฏิเสธท่าเดียว
“ครับ แต่ผมไม่ไปหรอกงานแบบนั้นน่ะ มันไม่เหมาะกับผม อีกอย่าง...”
“เรื่องชุดน่ะฉันช่วยเธอได้นะ” คุณลุงเจ้าของร้านขัดขึ้นอย่างรู้ทัน เพราะรู้ว่าฐานะทางบ้านของซองมินไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพียงแค่ครอบครัวส่งให้เรียนโรงเรียนดีมีระดับขนาดนี้ได้ซองมินก็ถือเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิตแล้ว
“ครับ” ยิ้มรับแหยๆเมื่อโดนรู้ทันก่อนจะยกออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งไว้ไปเสิร์ฟ
เมื่อได้คำตอบจากซองมินแบบนี้คุณลุงเจ้าของร้านได้เลยได้แต่ส่ายหน้าอย่าปลงๆ ทั้งที่เขาอยากให้ซองมินได้ใช้ชีวิตม.ปลายอย่างเต็มที่และมีความสุข ไม่ต้องมาทนลำบากทำงานตัวเป็นเกลียวแบบนี้ แต่ถ้าเจ้าตัวเขาปฏิเสธที่จะไปคนนอกอย่างเขาคงจะขัดอะไรไม่ได้
“สวะ...” ซองมินหันไปหวังจะทักทายลูกค้าใหม่แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าลูกค้าที่เพิ่งเปิดประตูร้านเข้ามานั้นเป็นเพื่อนตัวดีของเขานี่เอง
“ทงเฮนายมาที่นี่ทำไมกัน ไม่รีบไปงานหรือไง มันจะเริ่มแล้วไม่ใช่เหรอ” ซองมินรัวคำถามใส่เป็นชุดพร้อมกับหันไปมองนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว
“ไปแน่! แต่นายต้องไปกับฉันด้วย!” ทงเฮยิ้มกริ่มขณะพูด
“อนุญาตให้เพื่อนผมหยุดงานหนึ่งวันนะครับ ขอบคุณมากครับ” แล้วทงเฮก็จัดการพูดเองเออเองขออนุญาตเสร็จสรรพโดยไม่ต้องรอคำตอบจากคุณลุงเจ้าของร้าน เพราะรู้ๆกันอยู่แล้วว่าคุณลุงเขาอยากให้ซองมินไปงานของโรงเรียนขนาดไหน
“อะไรของนายเนี่ย!” ซองมินออกอาการโวยวายเมื่อทงเฮเข้ามาจับตัวเอาไว้ แต่ดูท่าแล้วแรงของเพื่อนตัวเล็กคนนี้จะทานความถึกของซองมินไม่ไหว ทงเฮเลยต้องเรียกคนขับรถมาช่วยลากซองมินไปขึ้นรถสุดหรูที่จอดรออยู่หน้าร้าน ท่ามกลางความแตกตื่นของผู้คน
“ไม่มีอะไรครับ เชิญทานต่อได้เลย ทานให้อร่อยนะครับ”
ทงเฮพูดพร้อมกับแจกรอยยิ้มไปทั่วร้านระหว่างที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อไม่ให้คนในร้านแตกตื่นหนีออกไปหมดจนทำให้คุณต้องเสียลูกค้าไป
“ขอให้สนุกนะ” คุณลุงเจ้าของร้านตะโกนตามหลังไป หวังว่าปีนี้ซองมินจะได้มีความสุขกับการเป็นเด็กนักเรียนม.ปลาย ปีสุดท้ายเสียที
เมื่อจับซองมินเข้ามาภายในรถได้สำเร็จคุณเพื่อนสุดแทบก็จัดการรื้อข้าวของเสื้อผ้าออกมาและเอามาทาบกับตัวซองมินเป็นการใหญ่ เพราะกลัวจะจับเพื่อนแต่งตัวไปไม่ทันงานเริ่ม ส่วนคนที่อยู่ๆโดนลากขึ้นรถมาก็ได้แต่โวยวาย
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ไป!!” ซองมินโวยวายลั่น ดีดดิ้นไปมาอย่างไม่ยอม
“อย่าร้องเหมือนจะโดนข่มขืนสิซองมิน ฉันแค่อยากให้นายไปสนุกด้วยกันก็แค่นั้นเอง ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของเราแล้วนะที่จะได้เรียนที่นี่น่ะ” ทงเฮล็อกแขนซองมินจากด้านหลังและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถึงพวกเขาจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาที่โรงเรียน แต่กลับไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหนด้วยกันนัก เพราะซองมินมักจะปฏิเสธและทุ่มเวลาให้กับการทำงานซะมากกว่า
“ก็งานพวกนี่มันเหมาะกับฉันซะที่ไหน” ซองมินเถียงกลับพร้อมกับออกแรงดิ้นเล็กน้อย
“ยังไม่เคยไปแล้วรู้ได้ยังไงว่ามันไม่เหมาะ มันก็แค่งานโรงเรียนนะซองมินไม่ใช้งานสังคมหรูๆซักหน่อย และที่สำคัญนายเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้ก็สมควรจะไป ฉันไม่ชอบเลยที่นายชอบมองว่าตัวเองต้อยต่ำเนี่ย!” ร่ายออกมายาวเหยียดเมื่อซองมินยังคงดื้อดึงไม่ยอมไปงานด้วยกันดีๆ นี่แหละนะเพื่อนเขา ทำตัวเป็นซินเดเรลล่าต้องรอให้นางฟ้าอย่างทงเฮคนนี้เข้ามาช่วย
“ก็มันจริงหนิ”
“ยังจะมาเถียงอีก!” ดุใส่เสียงดัง ทำเอาซองมินเงียบกริบ
“ทีนี้ก็อยู่เฉยๆ เดี๋ยวพวกฉันจะจัดการเอง” ทงเฮปล่อยมือที่ล็อกแขนซองมินออกเปลี่ยนมาทำการแปลงโฉมเพื่อนที่สุดแสนจะน่ารักแต่ชอบทำตัวเหมือนตัวเองไม่มีค่าแทน
ผ่านไปราวๆยี่สิบนาทีรถคันหรูของคุณหนูทงเฮก็มาจอดหน้าหอประชุมใหญ่ของโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน
“เสร็จเรียบร้อย! นายนี่ดูดีจริงๆเลยซองมิน” ทงเฮวางมือจากการจัดองค์ทรงเครื่องให้ซองมิน และเขาก็เพิ่งรู้ว่าเวลาซองมินแต่งตัวแล้วมันดูดีจนแทบไม่อยากจะละสายตาไปไหนเลย ทั้งที่ตอนไม่แต่งอะไรก็ดูน่ารักอยู่แล้ว แต่นี่ถ้าเดินเข้าไปในงานมีหวังต้องมีคนจับตามองเพียบแน่ๆ ดีไม่ดีอาจจะมีหลายคนที่เข้ามาขอเต้นรำด้วยซะด้วยซ้ำ
“เชิญครับคุณหนู” คนขับรถเปิดประตูรถออกก่อนจะผายมือไปด้านหน้าอย่างสุภาพ
ทงเฮลงจากรถกวาดสายตามองชะเง้อมองเข้าไปภายในงานแล้วยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น แต่ซองมินกลับทำท่าทางอิดออดไม่ยอมลง เดือดร้อนเพื่อนอย่างทงเฮอีกคราที่ต้องจัดการช่วยลากลงมาจากรถ
หลังจากฉุดกระชากลากถูซองมินลงมาจากรถสำเร็จ ทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาที่มองมาของเหล่านักเรียนที่มาร่วมงาน ทงเฮแจกยิ้มทักคนนู้นทีคนนี้ทีตามประสาคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศบวกกับการเป็นคนดังที่นักเรียนหลายคนต่างรู้จักเขาดี แต่กับซองมินนั้นเอาแต่มองซ้ายมองขวาอย่างไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก ปากก็บ่นขมุบขมิบเมื่อเจอสายตาหลายคู่จ้องมองมาเพราะรู้สึกไม่ชิน
“คิบอม” ทงเฮโบกมือให้กับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณด้านซ้ายของหอประชุม จากนั้นจึงลากซองมินที่ยังคงมีอาการขัดๆเขินให้เดินเข้าไปหาด้วยกัน
“อ้าว! ซองมิน ทำไมปีนี้ถึงมากับทงเฮได้ล่ะ” คิบอมร้องทักอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นซองมินยืนทำหน้าบึ้งอยู่ด้านหลังแฟนหนุ่ม เขารู้มาว่าปีนี้ทงเฮพยายามอย่างมากที่จะลากซองมินมางานให้ได้ และมันก็สำเร็จ ถึงแม้ว่าดูแล้วเจ้าตัวจะไม่ค่อยอยากมาเท่าไหร่นัก
“พูดมากน่ะคิบอม ก็เพราะแฟนนายนั่นแหละบังคับฉันมา” ซองมินว่าอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
ได้ฟังแบบนี้ทั้งทงเฮกับคิบอมก็พากันหัวเราะร่วน มันเลยยิ่งทำให้ซองมินหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่
หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธีทั้งสามคนก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อยเพื่อรอเวลาที่ประธานจะมาเปิดงาน และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อประธานเดินทางมาถึงในเวลาหนึ่งทุ่มตรง การกล่าวเปิดงานผ่านไปในเวลาอันสั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากไปกว่านี้ บริเวณกลางหอประชุมที่เคยมีนักเรียนเดินพลุกพล่านตอนนี้กลับว่างเปล่าเพื่อใช้เป็นฟลอร์สำหรับเต้นรำ บริเวณด้านข้างรอบหอประชุมมีโต๊ะอาหารปุฟเฟ่ต์มากมายหลายอย่างให้นักเรียนได้เลือกทานกันตามความพอใจ
ทงเฮนั้นขอออกไปเต้นรำกับแฟนของตัวเอง จะเหลือก็แต่ซองมินที่นั่งทำหน้าเบื่อโลกมองเพื่อนๆทั้งหลายมีความสุขกัน และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่อยากมางานเต้นรำนี้ เพราะมาแล้วต้องมานั่งแก่วอยู่คนเดียวแบบนี้ไง
“ขอโทษนะครับ....เต้นรำกับผมซักเพลงได้มั้ย” เสียงทุ้มนุ่มทักขึ้น พร้อมกับมือที่ยื่นมาตรงหน้าซองมิน รอยยิ้มบางถูกฉาบบนริมฝีปากที่ดูมีเสน่ห์นั่น อีกทั้งสายตาคมเข้มที่ดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ถ้าใครได้เห็นคงต้องหลงเสน่ห์เป็นแน่
“อ่ะ...เอ่อ...” ซองมินอ้ำอึ้งตอบอะไรไม่ถูก ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เขารู้จักดี โจคยูฮยอน ผู้ชายที่ป๊อบปูล่าที่สุดในโรงเรียนตอนนี้ แต่ไหงถึงได้มาชวนเขาเต้นรำได้ล่ะ แล้วเขาควรจะทำยังไงดี สายตาแววเจ้าเล่ห์เล็กๆที่มองมานั่นทำเอาทำอะไรไม่ถูกเสียแล้ว
“เต้นรำกับผมนะครับ” คยูฮยอนทวนคำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ยอมตอบรับขาสักที และนี่คงเป็นครั้งแรกที่มีคนอ้ำอึ้งตอนเขาขอเต้นรำ ถ้าเป็นปกติคงจะรีบตอบตกลงไปแล้ว
“ฉะ...ฉันเต้นรำไม่เป็น” ซองมินส่ายหน้ารัว เขาไม่เคยมางานแบบนี้เรื่องเต้นรำอะไรนั่นเขาเต้นไม่เป็นอยู่แล้ว ถึงจะเคยเรียนมาแต่มันก็ตั้งแต่สมัยประถม แน่นอนว่าเขาจำไม่ได้
“แปลกนะครับมางานเต้นแต่เต้นไม่เป็น” คยูฮยอนชักมือที่ยื่นมาตรงหน้าซองมินกลับ ตอนแรกที่เขาเห็นซองมินคิดว่าคนๆนี้น่ารักดีแถมยังนั่งอยู่คนเดียวเลยเข้ามาขอเต้นรำด้วย และนี่คงจะเป็นครั้งแรกเลยละมั้งที่เขาอาจจะโดนปฏิเสธ
“กะ...ก็ ฉันเต้นไม่เป็นนี่นา” ก้มหน้าก้มตาตอบ ก็คงอย่างที่คยูฮยอนว่า เขาไม่น่ามางานนี้เลยจริงๆ นี่มันเป็นงานเต้นรำแท้ๆแต่เขากับเต้นไม่เป็น
“มันไม่ยากหรอกครับ มาเถอะ” คยูฮยอนถือวิสาสะจับมือซองมินหวังจะให้เดินตามตัวเองออกไปกลางฟลอร์ ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากเต้นรำกับคนๆนี้หนักหนา ทั้งที่เจ้าตัวก็บอกแล้วว่าเต้นไม่เป็น หรือนั่นอาจจะเป็นเพราะท่าทางที่ดูเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่กระดี๊กระด๊าเหมือนคนอื่นๆ ที่ดึงดูดทำให้รู้สึกอยากเข้าหา
“อ่ะ...เอ่อ...ปล่อยเถอะครับ คนมองใหญ่แล้ว” เมื่อซองมินเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอกับสายตาที่จับจ้องมาที่เขากับคยูฮยอนก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา สายตาพวกนั้นฉายแววอิจฉาริษยาออกมาอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเกิดเขาต้องออกไปเต้นรำกับคยูฮยอนจริงๆ มีหวังอึดอัดจนอกแตกตายแน่
“ก็เป็นธรรมดานี่ครับ” คนที่ถูกมองจนมันกลายเป็นเรื่องปกติตอบเหมือนไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือรำคาญเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าซองมินเป็นคนที่แปลก คนส่วนใหญ่ที่รีบตอบตกลงเวลาเขาขอเต้นรำเป็นเพราะอยากให้คนมองและรู้สึกอิจฉา แต่คนๆนี้กลับไม่ใช่
“มันน่าอึดอัดจะตายไป ไม่รู้สึกรำคาญบ้างเหรอ” ซองมินถามออกไปหน้าซื่อ ซึ่งมันดูน่ารักมากสำหรับคนที่มองอยู่
คยูฮยอนส่ายหน้าเบาๆเป็นการตอบคำถาม ก็บอกแล้วว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาไปแล้ว
“ตกลงจะเต้นรำกับผมหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นตามมารยาทเขาห้ามปฏิเสธนะ” คยูฮยอนถามอีกครั้งและยกกฎของการเต้นรำมาอ้าง แต่มันก็เป็นแค่ข้ออ้างจริงๆ เพราะจริงๆแล้วถ้าเต้นไม่เป็นมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว
ซองมินเบ้ปากทันทีเมื่อฟังคยูฮยอนพูดจบ มารยาทบ้าบออะไรกันเขาไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย
“มาเถอะครับ มันไม่ยากหรอก” เพราะไม่อยากโดนคนน่ารักปฏิเสธคยูฮยอนจึงบังคับให้ซองมินออกมาเต้นรำด้วยกันจนได้
คยูฮยอนจับมือซองมินเดินออกไปกลางฟลอร์ตามทางที่ผู้คนแหวกให้เดิน เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นเป็นระลอกเมื่อหนุ่มป๊อปของโรงเรียนกับคู่เต้นรำในคืนนี้ซึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าตาน่ารักแต่กลับไม่ค่อยมีใครรู้จักออกไปยืนอยู่กลางฟลอร์ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมา
มือซ้ายของซองมินถูกจับวางไว้ที่บ่ากว้างซึ่งถูกสวมทับด้วยเนื้อผ้าสูทชั้นดี ส่วนมือขวาจับกับฝ่ามือกว้างข้างซ้ายที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก แขนข้างขวาของชายหนุ่มโอบรอบเอวของคู่เต้นรำก่อนจะดึงกระชับให้เข้ามาใกล้ ซองมินสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกดึงเข้าหาโดยไม่ได้ตั้งตัว ใบหน้าขาวใสเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ กับการกระทำของคยูฮยอนที่เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าชาตินี้จะได้คุยด้วยเสียด้วยซ้ำ
“ละ...แล้วมันต้องเริ่มยังไงเหรอ” ถามออกมาเสียงเบาหวิวด้วยความไม่รู้และกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเข้า คราวนี้ถ้าเขาเต้นผิดแล้วดันไปเหยียบเท้าคยูฮยอนเข้ามีหวังตายแน่ ยิ่งโดนเพ่งเล็งอยู่ด้วย จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีล่ะคราวนี้
“แค่ก้าวตามผมก็พอครับ มันไม่ยากหรอก” ตอบพร้อมกับยิ้มอบอุ่นไปให้เพื่อให้อีกคนได้รู้สึกสบายใจขึ้น ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าด้วยจังหวะช้าๆตามจังหวะเพลง ตามมารยาทแล้วเขาห้ามสอนระหว่างที่เต้นรำกันอยู่ แต่วันนี้คยูฮยอนขอลืมเรื่องมารยาทนั่นไปก็แล้วกัน
ซองมินก้าวเท้าตามคยูฮยอนอย่างเก้ๆกังๆ แถมยังก้มมองดูเท้าอยู่ตลอดเวลา จนคู่เต้นอย่างคยูฮยอนอดขำออกมาไม่ได้ เชื่อแล้วจริงๆว่าเต้นไม่เป็น
“นั่นซองมินกับคยูฮยอนนี่นา อย่าบอกนะว่าคยูฮยอนมาขอซองมินเต้นรำอ่ะ” ทงเฮซึ่งเต้นรำกับคิบอมอยู่เหลือบไปเห็นเพื่อนรักเต้นรำอยู่กับคยูฮยอนหนุ่มป๊อปของโรงเรียนจึงพูดออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ก็ไม่เห็นจะแปลก ปกติคยูมันก็ชวนคนอื่นเต้นไปเรื่อยอยู่แล้ว ยิ่งน่ารักๆอย่างซองมินไม่รอดมือมันหรอก” ด้วยความที่เป็นเพื่อนเรียนอยู่ห้องเดียวกัน คิบอมจึงเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติสำหรับเพื่อนของเขาคนนี้ คยูฮยอนไม่ใช่คนที่ดูเจ้าชู้ไก่กาอะไรมากมาย ไม่ได้ชอบจีบผู้หญิงหรือผู้ชายน่ารักไปเรื่อย แต่เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีหลายคนจึงชอบและหลงรักในตัวเพื่อนเขาคนนี้
“ก็แปลกที่ซองมินเป็นเพื่อนฉันไง คยูฮยอนดังใช่ย่อยซะที่ไหน สาวๆงี้ตอมกันตรึม มีคนอยากเต้นรำด้วยตั้งหลายคนแล้วทำไมถึงเป็นซองมิน”
“แล้วไม่ดีหรือไงครับ ปีที่แล้วผมก็เป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนเหมือนกัน ยังจีบทงเฮได้เลย” จริงอยู่ว่าเมื่อปีที่แล้วคิบอมเคยเป็นหนุ่มสุดป๊อปปูล่าของโรงเรียนเหมือนกัน แต่พอเขาเป็นแฟนกับทงเฮแล้ว ทุกคนในโรงเรียนจึงหันไปให้ความสนใจกับคยูฮยอนแทน เพราะเพื่อนเขาคนนี้เสน่ห์แพรวแพรวแถมยังแอบเหลี่ยมจัดนิดๆด้วย
“นี่...ถ้าคยูฮยอนมาจีบซองมินเหมือนที่คิบอมจีบฉันตอนนั้นก็ดีสิ” ทงเฮพูดไปก็ยิ้มไป นึกถึงวันที่คิบอมมาขอเต้นรำและขอเป็นแฟนแล้วก็เขิน
“ก็ไม่แน่หรอก” คิบอมยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อพูดจบ
“อะไรไม่แน่ ไม่แน่ว่าคยูฮยอนจะจีบ หรือว่าไม่จีบ”
“ไม่รู้” คิบอมส่ายหน้าไปมาแล้วยิ้มตาหยี
“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก งอนแล้ว!” ว่างพลางผละออกมาจากแฟนหนุ่ม อมลมจนแก้งป่องแล้วเดินหนีไปอย่างคนงอน ลำบากคิบอมต้องรีบตามไปง้อทั้งที่แค่อยากจะแกล้งเล่นเฉยๆเท่านั้น ไม่น่าเลย
“เริ่มเต้นได้แล้วหนิ มันไม่ยากเลยใช่มั้ย” หลังจากที่เต้นรำกันมาได้ซักพัก ซองมินก็เริ่มรู้สึกคุ้นเคยและจับจังหวะการก้าวเท้าได้ จึงไม่ต้องก้มลงไปมองเท้าอยู่ตลอดเวลาเหมือนอย่างเมื่อสักครู่
“อืม” ซองมินพยักหน้ารับพลางตอบงึมงำในลำคอ คนที่เคยมองดูคู่ของเขากับคยูฮยอนตอนนี้ต่างก็มีคู่เต้นรำกันไปหมดแล้ว ตอนนี้เขาจึงไม่ต้องมาทนกับสายตาพวกนั้นอีก มันให้ความรู้สึกสบายใจกว่ากันเยอะเลย
“หิวหรือยัง” คยูฮยอนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“นิดหน่อย”
“งั้นจบเพลงนี้แล้วเราไปหาอะไรทานกัน”
ซองมินพยักหน้ารับแล้วเต้นกับคยูฮยอนต่อไปจนจบเพลง จากนั้นหนุ่มป๊อปของโรงเรียนก็พาคู่เต้นรำในคืนนี้ไปยังโต๊ะอาหารปุฟเฟ่ต์ที่จัดเรียงรายไว้อยู่
“อันนี้อร่อยนะ อันนี้ก็เหมือนกัน” ปากพูดไปส่วนมือก็หยิบใส่จาน จนตอนนี้จานของคยูฮยอนมีแต่อาหารเต็มไปหมด ต่างกับซองมินที่ไม่รู้จะเลือกทานอะไรดี เพราะอาหารที่เขาเคยกินมีแค่ไม่กี่อย่าง
“เอาจานผมไปแล้วกันนะ” คยูฮยอนยื่นจานของตัวเองให้ซองมินก่อนจะแย่งจานของซองมินมาหยิบนู้นหยิบนี้ใส่จนเกือบเต็มจาน
ซองมินมองคยูฮยอนหยิบนู้นหยิบนี้ใส่จานบ้างก็จิ้มเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ มองตามแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะเป็นมุมแบบน่ารักๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปกติเวลาที่เขาเห็นคยูฮยอนที่โรงเรียนจะดูนิ่งขรึมซะมากกว่า แบบว่ามันให้ความรู้สึกเท่มากกว่าน่ารัก
“กินสิ” คยูฮยอนหยิบขนมชิ้นหนึ่งมาจ่อที่ปากซองมิน
คนถูกป้อนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาอย่างระแวง เพราะกลัวพวกแฟนคลับหรือพวกที่หลงใหลคลั่งไคล้คยูฮยอนอิจฉาแล้วอาจจะโดนเล่นงานเอาตอนหลังได้
“อ้ำ” คยูฮยอนทำเสียงพร้อมกับยื่นขนมเข้ามาใกล้ปากซองมินอีก ทำเอาคนถูกป้อนหน้าแดงยกใหญ่จนต้องรีบกินมันเข้าไปซะ ก่อนที่จะโดนคนอื่นๆมองไปมากกว่านี้
“อร่อยมั้ย” เอ่ยถามเมื่อซองมินกลิ่นมันลงคอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อืม” ก้มหน้าก้มตาตอบเบาๆ
“งั้นถ้าเราทานเสร็จแล้วไปเต้นกันต่อนะ”
“จะเต้นอีกเหรอ” ซองมินร้องถามออกมาเสียงหลงเมื่อคยูฮยอนชวนเต้นอีกรอบ สงสัยวันนี้เขาต้องอยู่กับคยูฮยอนทั้งงานเป็นแน่ แล้วเพื่อนเขาหายหัวกันไปไหนหมดล่ะเนี่ย
“อืม” คยูฮยอนตอบรับยิ้มๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเต้นกับซองมินอีก สงสัยอยากจะกอดอยากจะใกล้ชิด อยากสัมผัสอีกก็เป็นได้ หน้าตาหวานน่ารัก นิสัยขี้อายถ่อมเนื้อถ่อมตัว กับหุ่นที่ไม่ผอมแห้งแต่นุ่มนิ่มน่ากอด อยู่ด้วยแล้วมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“ก็ได้” ซองมินตอบรับอย่างว่าง่าย ไหนๆเพื่อนก็หายไปหมดแล้ว อยู่กับคยูฮยอนก็ได้
“ดูสิ ออกไปเต้นด้วยกันอีกแล้ว” ทงเฮชี้ไปยังคู่ซองมินกับคยูฮยอนที่เพิ่งเดินจูงมือกันไปเต้นรำอีกรอบให้คิบอมดู
“ปกติคยูฮยอนมันจะเปลี่ยนคู่ตลอดทั้งงานเลยไม่ใช่เหรอ น้อยนะที่จะเห็นเป็นคนเดียวกันต่อกันหลายเพลงแบบนี้” คิบอมพูดตามที่เขาเคยเห็นมาในทุกๆปี เพราะไม่ว่าจะใช่งานของโรงเรียนหรือไม่คยูฮยอนก็ไม่เคยเต้นคู่ซ้ำกันเลย
“แสดงว่าคยูฮยอนสนใจซองมินแล้วใช่มั้ย” ถามอย่างมีความหวัง ถ้าเป็นแบบนั้นจริง งานเต้นรำนี้ก็อาจจะเป็นงานสละโสดของซองมินเหมือนอย่างทงเฮเองก็ได้
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ตอบพลางยักไหล่แล้วส่ายหน้า คนอย่างคยูฮยอนเดาความคิดยากจะตายไป ถ้าเจ้าตัวไม่พูดออกมาตรงๆก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้
“เหรอ” ดูสีหน้าทงเฮจ๋อยลงไปนิดเมื่อคิบอมให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้
“ก็คงต้องดูต่อไป” คิบอมเสริม แล้วทั้งสองคนก็คอยจับตามองซองมินกับคยูฮยอนต่อไป แทนที่จะได้เต้นรำกับคู่ของตัวเองกลับต้องมาคอยจับตาดูคู่อื่นซะอย่างนั้น
การเต้นรำในเพลงที่ถัดมาดูจะราบรื่นกว่าเพลงแรกๆมาก ซองมินยิ้มตลอดเวลาที่ก้าวเดินไปในแต่ละจังหวะ เช่นเดียวกับคยูฮยอนถึงแม้จะไม่ได้ยิ้มกว้างอะไรมากมายแต่สีหน้านั้นดูมีความสุขอยู่ไม่น้อย มุมปากคอยยกยิ้มอยู่น้อยๆตลอดเวลา รอยยิ้มแบบนี้แหละที่ทำให้ใครต่อใครหลงใหลคยูฮยอนหนักหนา
ติ้งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
เสียงของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่ด้านตรงกลางเวทีของหอประชุมดังขึ้นทำให้ทุกสายตาต้องหันไปมอง หลายคู่หยุดเต้นรวมไปคู่ของซองมินกับคยูฮยอนด้วย เพราะนาฬิกาเรือนนี้จะดังตอนเวลาเที่ยงวันกับเที่ยงคืน แต่นี่มันเร็วเกินไปที่จะเป็นเวลาเที่ยงคืนได้จึงทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจอย่างมาก
“นี่มันเพิ่งจะสามทุ่มเองนะ” คยูฮยอนบ่นพึมพำเมื่อยกนาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมาดู
เมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดพลาดแบบนี้ขึ้นเหล่าคณะกรรกมารนักเรียนจึงต้องรีบไปดูเป็นการใหญ่และก็พบว่านาฬิกาเรือนนี้เดินผิดเวลา อาจจะเป็นเพราะความยาวนานในการใช้งานของมันและไม่ได้รับการดูแลซ่อมแซมอย่างที่ควร
และเมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติคู่เต้นรำจึงกลับมาวาดลวดลายบนฟลอร์กันตามเดิม คยูฮยอนจับมือซองมินเพื่อจะเต้นต่อ แต่เสียงที่ทักขึ้นทำให้เขาต้องชะงักและปล่อยมือซองมินลง
“พี่คยูฮยอน” เสียงหวานใสของหญิงสาวที่ทักขึ้นทำให้คยูฮยอนผละออกจากซองมินหันไปสนใจหญิงสาวคนนั้นทันทีก่อนจะเริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อซองมินเห็นดังนั้นจากรอยยิ้มที่เคยฉาบอยู่บนใบหน้าก็หายไปในพริบตา ก่อนจะค่อยๆเดินห่างออกมาอย่างช้าๆโดยที่คยูฮยอนไม่ทันได้สังเกตเห็น ซองมินเดินไปหลบที่มุมหนึ่งของงาน ไม่นานนักเพื่อนๆที่เห็นเหตุการณ์ก็ตามมาหา
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะซองมิน” ทงเฮเอ่ยถามขึ้นเป็นคนแรก สีหน้าของซองมินตอนนี้นั้นดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“พวกนายหายไปไหนกันมา ทำไมทิ้งฉันไว้คนเดียว” ซองมินไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับตั้งคำถามกลับไปแทน
ได้ฟังแบบนี้ทงเฮกับคิบอมก็เงียบกริบ ทั้งที่ในใจอยากจะเถียงกลับว่า ‘ก็เพราะนายอยู่กับคยูฮยอนถึงไม่ได้เข้าไปหา’ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เลยเลือกจะเงียบไว้ดีกว่า
“เมื่อกี้นายเต้นอยู่กับคยูฮยอนใช่มั้ย” หลังจากเงียบกันไปซักพักทงเฮจึงถามต่อ เพราะเห็นว่าเงียบไปก็คงไม่มีประโยชน์ สู้ถามไปเลยตรงๆจะดีกว่า
“อืม” ซองมินพยักหน้ารับ เพราะคงปิดบังไม่ได้อยู่แล้วคนเขาเห็นกันทั้งงาน
“แล้วทำไมเดินออกมาแบบนี้เล่า มันเสียมารยาทนะ” บอกเพื่อนอีกครั้งยกมือขึ้นแตะไหล่เบาๆอย่างปลอบใจ ถึงจะเห็นอยู่ว่าเป็นคยูฮยอนเป็นฝ่ายที่ผละออกไปก่อนก็เถอะ
“แล้วนายไม่เห็นหรือไงเล่าว่าเขายืนคุยกับคนอื่นอยู่” ซองมินบอกเสียงเรียบพลางจ้องมองไปยังคนทั้งคู่ที่ยังคงคุยเล่นกันอยู่ สงสัยคยูฮยอนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว หรืออาจจะรู้แต่ไม่ได้สนใจ
“มีกระดาษกับปากกามั้ย” อยู่ๆทงเฮก็ถามขึ้นพลางมองหาสิ่งที่ถามหาเป็นการใหญ่
“จะเอาไปทำอะไร” คิบอมเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ส่วนมือก็ล้วงๆคลำๆหาสิ่งที่แฟนต้องการ
“ก็จดเบอร์ซองมินไปให้คยูฮยอนไง...นายไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วคยูฮยอนน่ะแอบสนใจนายอยู่ ไม่งั้นไม่มาขอเต้นรำหรอก” ตอบคำถามเสร็จก็หันไปพูดกับซองมิน เพราะเขาเชื่อว่าคยูฮยอนต้องสนใจซองมินอยู่แน่ๆ ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าผู้หญิงที่เข้ามาหาคยูฮยอนนั้นเป็นใคร แต่คงไม่ใช่แฟน
“จะบ้าหรือไงทงเฮ! สนใจบ้าบออะไรกัน แล้วจะให้เอาเบอร์ไปให้ผู้ชายเนี่ยนะ ฉันไม่เอาหรอก” ซองมินส่ายหน้าปฏิเสธเป็นการใหญ่ คิดว่าคยูฮยอนจะสนใจเขาจริงๆน่ะเหรอ ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว แล้วจะให้เอาเบอร์ไปให้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ขนาดชื่อเขาคยูฮยอนยังไม่ได้ถามเลย
“งั้นคิบอมจัดการ! ล็อกตัวซองมินให้หน่อย”
สิ้นคำสั่งคิบอมก็เข้าไปล็อกตัวซองมินทันที ส่วนทงเฮนั้นก้มลงไปด้างล่างจับขาซองมินเอาไว้ และพยายามจะถอดรองเท้าของซองมินออก
“ทำบ้าอะไรของพวกนายเนี่ย!!” ซองมินร้องโวยวายแต่ไม่ได้เสียงดังมากนักเพราะกลัวว่าคนอื่นจะหันมามอง แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนรักตัวแสบกับคุณแฟนของเพื่นอจะไม่ได้สนใจเลย
“นายเคยอ่านเรื่องซินเดเรลล่ามั้ยล่ะ ทิ้งรองเท้าแก้วไว้ไงแล้วเจ้าชายจะได้ตามหา” ทงเฮตอบและยังคงไม่เลิกพยายามที่จะถอดรองเท้าซองมินให้ได้
“พวกนายบ้าไปแล้วหรือไงเนี่ย....นายก็เป็นไปกับเค้าด้วยเหรอเนี่ยคิบอม ห้ามแฟนนายหน่อยสิ” เมื่อห้ามเจ้าเพื่อนรักไม่ได้ซองมินเลยหวังจะหันไปพึ่งแฟนเพื่อนแทน แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเลย หนักไปกว่านั้นคิบอมกลับหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น
“ได้แล้ว!” ทงเฮร้องออกมาอย่างดีใจพร้อมกับชูร้องเท้าข้างขวาของซองมินที่เพิ่งถอดมาได้สดๆร้อนๆขึ้น แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเท้าของซองมินก็สะบัดไปมาเพื่อพยายามดิ้นให้หลุด แต่เท้าเจ้ากรรมดันเหวี่ยงไปโดนรองเท้าของตัวเองที่ทงเฮถืออยู่ลอยละลิ่วไปไปในอากาศและตกแหมะตรงหน้าของคยูฮยอนพอดิบพอดี
“เวรแล้วไง” ซองมินหน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นสภาพรองเท้าที่ทงเฮเป็นคนให้ยืมวางแอ้งแม้งอยู่ และคยูฮยอนก็กำลังจะหยิบมันขึ้นมา
“โป๊ะเชะ!” ทงเฮหันไปแท็กมือกับคิบอมอย่างถูกอกถูกใจ นี่แหละซินเดเรลล่าตามแบบฉบับของเขาถึงมันจะดูผิดแผนแปลกประหลาดไปหน่อยก็เถอะ
“อยากจะบ้าตาย” ซองมินยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังป๊าบ และเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนกำลังมองหาเจ้าของรองเท้านั้นก็รีบวิ่งออกไปจากหอประชุมทันที ใครจะไปอยู่ได้ล่ะ อายจนจะอยากจะมุดดินหนีแล้วตอนนี้ และยิ่งถ้าเกิดคยูฮยอนรู้ว่ารองเท้านั่นเป็นของเขาล่ะก็ เขาจะทำยังไงดี คงต้องเอาปี๊ปคลุมหัวเดินมาโรงเรียนแล้วล่ะ
“อ้าว!ซองมิน..งั้นฉันไปก่อนนะคิบอม” ทงเฮจะร้องเรียกซองมินไว้ก็เหมือนจะไม่ทันเสียแล้วเลยต้องรีบบอกลาคิบอมแล้วรีบวิ่งตามออกไป เพราะเขาเป็นคนไปรับซองมินมาจะให้ทิ้งให้เพื่อนหนีกลับไปคนเดียวแบบนี้มันจะดูไม่ดี ที่สำคัญซองมินใส่รองเท้าแค่ข้างเดียวแล้วจะกลับยังไง
“น่าสนใจว่าจะเป็นยังไงต่อไป” คิบอมพูดแล้วยกยิ้มอย่างนึกสนุก อยากรู้จริงๆว่าคยูฮยอนจะทำยังไงกับรองเท้าข้างนั้น
“นางซินที่ไหนมาทิ้งรองเท้าไว้ให้ล่ะคะเนี่ย” หญิงสาวที่เข้ามาทักคยูฮยอนเอ่ยแซว บนใบหน้าสวยหวานฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่ดูขี้เล่นและเป็นกันเอง
“แล้วพี่จะไปรู้เหรอว่าเป็นใคร” คยูฮยอนตอบกลับไปพลางมองหาเจ้าของรองเท้าที่ไม่ปรากฏตัวมาทวงรองเท้าคืนซักที มีรองเท้าแค่ข้างเดียวแล้วคืนนี้จะกลับบ้านยังไงล่ะ
“งั้นก็เก็บไว้เลยสิค่ะ พอจบงานก็ออกตามหา จะได้เจอเนื้อคู่กับเขาซักที” หญิงสาวยังคงไม่เลิกแซว พูดจบก็หัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ
“พอเลยแทยอน กลับไปหาทิฟฟานี่ได้แล้วไป” เมื่อโดนแซวมากๆเข้าคยูฮยอนเลยออกปากไล่ ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แซวแบบนี้คงโดนไม่ใช่น้อยแน่
“ทำเป็นพูดไป แล้วคู่เต้นรำพี่หายไปเนี่ยสนใจบ้างหรือเปล่าล่ะคะ” แทยอนจีบปากจีบคอพูด พอเธอเข้ามาทักคยูฮยอนก็หันมาคุยกับเธอจนปล่อยให้คู่เต้นรำเดินหนีไป แถมยังไม่เรียกหรือรั้งไว้อีก แบบนี้มันใช่ได้ที่ไหน
คยูฮยอนได้แต่เงียบเพราะไม่รู้จะเถียงออกไปยังไง มันก็จริงอย่างที่แทยอนพูด เขารู้อยู่ว่าคู่เต้นรำเขาเดินหนีไปตอนไหน เพียงแต่ไม่ได้คิดจะเรียกไว้ก็เท่านั้นเอง แถมที่สำคัญเขายังไม่ได้ถามชื่อคนๆนั้นเลย
“ช่างมันเถอะ ฉันไปก่อนนะคะพี่” แทยอนโบกมือให้เล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
“เฮ้อ~” คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่กับคำพูดของแทยอนเมื่อกี้นี้ก่อนจะยกรองเท้าของใครก็ไม่รู้ที่หล่นมาอยู่ตรงหน้าเขาขึ้นมาดู พลางเงยหน้ากวาดสายตามองหาคู่เต้นรำที่ป่านนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้อีกเช่นกัน คิดแล้วก็ได้แต่นึกโทษตัวเองที่ไม่ยอมเรียกรั้งเอาไว้แต่แรก แล้วจะไปหาเขาคนนั้นเจอได้ที่ไหนกันนะ ตอนอยู่โรงเรียนก็ไม่เคยเห็นเสียด้วย แถมยังรองเท้าข้างนี้อีก แล้วเขาควรจะทำยังไงกับมันดี
“เฮ้อ~”
“เป็นอะไรหรือเปล่าซองมิน วันนี้ลุงเห็นถอนหายใจตั้งหลายรอบแล้วนะ” คุณลุงเจ้าของร้านถามเมื่อซองมินยกถาดอาหารเข้ามาหลังเคาน์เตอร์ รู้สึกว่าตั้งแต่กลับมาจากงานเต้นรำของโรงเรียนซองมินก็ชอบถอนหายใจแบบนี้บ่อยๆ ถามทีไรก็ไม่ยอมตอบ ไม่รู้เกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นหรือเปล่า
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก” บอกปฏิเสธก่อนจะยิ้มบางๆกลับไปให้ เพราะไม่อยากให้คุณลุงเป็นห่วง และความจริงแล้วมันก็ไม่มีได้เรื่องที่น่าเป็นห่วงเลย
“แล้วงานเต้นรำล่ะเป็นยังไงบ้าง สนุกมั้ย เมื่อวานลุงก็ลืมถาม”
“เฮ้อ~” ได้ฟังคำถามนี้ซองมินก็ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ช่างเป็นคำถามที่แทงใจดำเสียจริงๆ วันนี้ทั้งวันที่โรงเรียนเขาเจอคยูฮยอนที่ไหนเป็นอันต้องหลบหน้าตลอด ทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าคยูฮยอนจะรู้หรือเปล่าว่ารองเท้าข้างนั้นเป็นของเขา แถมคยูฮยอนจะเอารองเท้านั่นไปทำอะไรเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หรืออาจจะทิ้งไปแล้วเสียด้วยซ้ำ แต่เขาไม่อยากจะเจอหน้าคยูฮยอนตอนนี้จริงๆ มันยังทำใจไม่ได้ เลยกลายเป็นคนจิตตกชอบถอนหายใจไปเสียแล้ว
“ไม่สนุกเหรอ” เห็นท่าทางของซองมินเป็นแบบนี้คุณลุงเจ้าของร้านเลยเดาได้ไม่ยาก เรื่องที่ทำให้ซองมินต้องถอนหายใจบ่อยๆแบบนี้ต้องเป็นเรื่องงานเต้นรำแน่ๆ
“ก็สนุกดีครับ” ซองมินตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆ
“มีปัญหาอะไรก็บอกลุงได้นะซองมิน”
“ครับ......มีลูกค้ามา ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” ตอบรับแล้วยิ้มบางๆก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานอย่างเดิม เขาไม่อยากทำตัวให้มันเหมือนเป็นภาระของคุณลุงเจ้าของร้านมากนัก เพราะถึงยังไงเขาก็ยังเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ใช่ลูกใช่หลานแท้ๆของคุณลุง
“นี่นายยังไม่ทิ้งรองเท้านั่นไปอีกเหรอ” คิบอมที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทักขึ้นเมื่อเห็นคยูฮยอนนั่งมองรองเท้าที่เก็บได้จากวันงานเต้นรำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารองเท้านั่นเป็นของใคร
“ก็รอเจ้าของเขามาเอาคืน”
“แล้วเจ้าของที่ไหนเขาจะมาเอาคืน นี่นายเคยอ่านเรื่องซินเดเรลล่ามั้ย เจ้าชายยังใช้รองเท้าแก้วตามหาเจ้าของมันเลย แล้วถ้านายอยากให้รองเท้านี่กลับคืนสู่เจ้าของก็ต้องตามหาไม่ใช่นั่งรอแบบนี้” คิบอมเดินเข้าไปกอดคอคยูฮยอนก่อนจะอธิบายเรื่องราวของนิทานที่ทุกคนต่างรู้จักกันดีให้คยูฮยอนฟัง งานนี้เขาช่วยทงเฮเต็มที่เลยที่อยากให้ซองมินกับคยูฮยอนเป็นแฟนกัน อีกอย่างเขาก็อยากให้คยูฮยอนมีแฟนซักที รู้สึกหมั่นไส้เวลามีสาวๆหนุ่มๆมากรี๊ดกร๊าดมัน ถ้าเกิดคยูฮยอนได้เป็นแฟนกับซองมินจริงๆ ทีนี้ล่ะความนิยมในตัวมันก็จะลดลงเหมือนเขา
“แล้วฉันจะตามหาได้ยังไง” คยูฮยอนถามกลับมาพร้อมกับทำหน้าสงสัย จะให้เขาเอารองเท้านี้ไปให้นักเรียนที่ไปงานเต้นรำใส่ทีละคนงั้นเหรอ คนที่ไปงานมีกี่ร้อยคนแล้วกว่าจะเจอไม่ชาติหน้าเลยเหรอ อีกอย่าง คนที่ใส่พอดีแล้วแอบอ้างมันก็ต้องมีอยู่แล้ว
“ฉันไม่รู้ แต่บางทีเจ้าของรองเท้าคู่นี้อาจจะเป็นคนที่นายอยากเจอก็ได้นะ” คิบอมพูดแล้วทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ พยายามพูดทุกอย่างให้เข้าทางซองมินให้หมด ก็บอกแล้วว่างานนี้ช่วยสนับสนุนทงเฮเต็มที่
“แล้วนายไปรู้ได้ไงว่าใครที่ฉันอยากเจอ” คยูฮยอนขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดของคิบอม
“ไม่รู้สิ ฉันก็แค่รู้สึกแปลกใจกับคู่เต้นรำของนายในปีนี้ก็เท่านั้นเอง......ฉันไปเข้าชมรมก่อนนะ” คิบอมยักไหล่เหมือนกับคนที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของตัวเองนัก ก่อนจะเดินไปหยิบของใต้โต๊ะและออกไปจากห้อง คราวนี้เขาเจาะจงตัวไปแล้วว่าเป็นใคร ไม่รู้ว่าคยูฮยอนจะรู้ทันคำพูดของเขาหรือเปล่า
“คู่เต้นรำงั้นเหรอ ชื่ออะไร เรียนปีไหนยังไม่รู้เลย แล้วจะไปหาเจอได้ไง....หืม... อย่าบอกนะว่าคนๆนั้นเป็นเจ้าของรองเท้าข้างนี้น่ะ” คยูฮยอนพูดทวนคำพูดของคิบอมแล้วก็เหมือนจะคิดได้ว่าคิบอมต้องการจะบอกอะไรเขากันแน่ ก่อนจะหยิบรองเท้าขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง จะว่าไปมันก็คุ้นๆเหมือนกัน เพราะตอนที่เต้นรำคู่ของเขามักจะมองเท้าตลอดทำให้เขาต้องมองตามไปด้วย แต่ถ้าเป็นคนๆนั้นจริงมันก็คงดี แต่คิบอมมันจะรู้ได้ยังไงว่ารองเท้าข้างนี้เป็นของใคร
“ถ้างานสำเร็จ ฉันจะจ่ายอีกครึ่งให้ก็แล้วกันนะ” ทงเฮยื่นเงินจำนวนหนึ่งพร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นไปให้รุ่นน้องสองคนที่อยู่ชมรมดนตรีซึ่งคยูฮยอนก็เป็นสมาชิกชมรมนี้เช่นกัน
“ไม่พลาดแน่นอนครับ” คนถูกว่าจ้างรับปากอย่างแข็งขันก่อนจะเดินเข้าไปภายในชมรม ส่วนทงเฮกับฮยอกแจนั้นคอยสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก
รุ่นน้องทั้งสองคนเดินไปนั่งลงใกล้ๆกับคยูฮยอนที่กำลังซ้อมกีตาร์อยู่ แล้วน้องคนแรกก็เริ่มบทสนทนาขึ้น
“เมื่อวันงานเต้นรำน่ะ พี่ซองมินทำรองเท้าหายล่ะ เพราะว่าเล่นกับเพื่อนแล้วมันดันหลุดกระเด็นหายไปไหนก็ไม่รู้ แถมรองเท้าคู่นั้นยืมเพื่อนมา ตอนนี้ก็ยังไม่มีไปคืนเพื่อนเลย รู้สึกรองเท้าคู่นั้นจะแพงมากด้วยสิ ราคาแสนกว่าเลยมั้ง” รุ่นน้องคนแรกพูดตามสคริปที่ทงเฮเป็นเขียนขึ้นมาแป๊ะทุกคำทุกพยางค์ รวมไปถึงสีหน้าและน้ำเสียงก็ให้ความรู้สึกสมจริงเหมือนเป็นเรื่องที่ไปเจอมาจริงๆ หรือได้ฟังมาจากปากเจ้าของเรื่องจริงๆ
“พี่ซองมินที่หน้าตาน่ารักๆ อยู่ปีสามห้องซีน่ะเหรอ แล้วพี่เขาต้องหาเงินมาใช้ค่ารองเท้าให้เพื่อนหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นคงน่าสงสารแย่เลย” รุ่นน้องอีกคนทักษะการแสดงละครนั้นดีเยี่ยมไม่ต่างจากคนแรก เพราะเพียงแค่สองประโยคนี้ก็ทำเอาคยูฮยอนที่นั่งฟังอย่างไม่ได้ตั้งใจหูผึ่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
และหลังจากนั้นบทสนทนาของรุ่นน้องทั้งสองก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องราวอื่นๆ คยูฮยอนวางกีตาร์ลงก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกจากห้องชมรมไป พอรุ่นน้องทั้งสองเห็นดังนั้นจึงเดินออกไปหาทงเฮที่ยืนรออยู่หน้าห้องโดยเว้นระยะห่างให้คยูฮยอนออกไปก่อนสักพัก
“เป็นไงบ้าง” พอเห็นหน้ารุ่นน้องทั้งสองทงเฮก็รีบถามทันที
“พวกเราพูดตามที่พี่เขียนมาให้แป๊ะๆเลยครับ เราพูดกันดังพอสมควรคิดว่าพี่คยูฮยอนน่าจะได้ยินนะ แต่พี่เขาดูนิ่งมากๆเลย พอพวกเราเปลี่ยนเรื่องคุยพี่เขาก็ลุกออกไปจากห้องเลย” รุ่นน้องคนแรกเป็นคนรายงานผล
“อืม...นี่เงินที่เหลือนะ ขอบใจมาก” ทงเฮพยักหน้ารับก่อนจะยื่นเงินส่วนที่เหลือให้รุ่นน้อง ทีนี้ก็ต้องจับตาดูคยูฮยอนว่าจะทำยังไง เพราะจากที่คิบอมมาเล่าให้เขาฟังว่าคยูฮยอนยังเก็บรองเท้าข้างนั้นไว้ ทำให้เขามั่นใจได้เลยว่าคยูฮยอนต้องสนใจซองมินชัวร์ แต่ที่ไม่ไปหาเพราะยังไม่รู้ชื่อซองมินกับห้องเรียนตามที่เขาไปขู่บังคับให้ซองมินเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง และเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชวนเต้นรำกันนานสองนานแต่ดันไม่ถามชื่อกับห้อง คยูฮยอนนี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
คยูฮยอนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องปีสามห้องซีเพราะเรื่องที่เขาได้ยินรุ่นน้องในชมรมคุยกันเมื่อกี้นี้ แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าคนที่ชื่อซองมินหน้าตาเป็นยังไง เขากวาดสายตาไปรอบห้องพบนักเรียนที่ยังอยู่ในห้องไม่มากนักเพราะตอนนี้เป็นเวลาพัก แต่คนที่ทำให้เขาสะดุดตาที่สุดคงจะเป็นคนที่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะแถวที่สามติดริมหน้าต่างนั่น
ทงเฮที่เพิ่งเดินตามคยูฮยอนมาถึงบนห้องเห็นเป้าหมายยืนเหมือนกำลังจ้องมองบางอย่างอยู่จึงรีบเดินเข้าไปในห้อง และก็รู้เลยว่าคยูฮยอนกำลังมองใครอยู่
“ซองมิน!” ทงเฮเดินเข้าไปเขย่าตัวซองมินเพื่อเป็นการปลุกให้ตื่นแถมยังเรียกชื่อซะดังลั่นห้อง หวังจะให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูได้ยิน
“อะไรของนายเนี่ย! ฉันจะนอน” ซองมินเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก สองมือยกขึ้นปัดมือเพื่อนออกทำท่าจะนอนฟุบต่อ
“ลุกขึ้นมาคุยกับพวกฉันก่อนสิ มีอะไรจะเล่าให้ฟัง” ทงเฮพยายามฉุดซองมินให้ลุกขึ้นนั่ง คยูฮยอนจะได้เห็นหน้าซองมินชัดๆกันไปเลย และจะได้รู้ซักทีว่าเจ้าของรองเท้าข้างนั้นเป็นใคร
“มีอะไรก็รีบๆว่ามาสิ” ซองมินเงยหน้าขึ้นโดยใช้มือท้าวคางเอาไว้ สีหน้านั้นบ่งบอกว่าเซ็งเต็มทีที่โดนรบกวนการนอน
“เอ่อ...ไม่มีอะไรแล้ว นายนอนไปเถอะ ฉันไม่กวนและ” พูดขึ้นอีกครั้งเมื่อหันไปมองที่หน้าประตูและไม่เห็นคยูฮยอนยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
“อะไรของนายเนี่ย” ซองมินว่าอย่างไม่สบอารมณ์อีกครั้งก่อนจะฟุบลงนอนอย่างเดิม เพราะเมื่อคืนลูกค้าที่ร้านเยอะเป็นพิเศษเลยทำให้ร้านปิดช้ากว่าวันปกติเขาเลยตองเลิกงานดึก แถมยังมาฝันถึงเรื่องวันงานเต้นรำอีก ทำให้นอนไม่พอจนต้องมานอนหลับที่โรงเรียนแบบนี้
เมื่อซองมินลงไปนอนฟุบเหมือนเดิมแล้วทงเฮจึงเดินออกมาหน้าห้อง และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องเอซึ่งเป็นห้องของคยูฮยอน เมื่อเห็นว่าคยูฮยอนกำลังทำอะไรอยู่เท่านั้นริมฝีปากบางก็กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจ นั่นเป็นเพราะว่าคยูฮยอนกำลังนั่งมองรองเท้าของซองมินอยู่ แถมยังทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ที่เหลือก็แค่รอดูต่อไปว่าหนุ่มป๊อปของโรงเรียนคนนี้จะทำยังไงกับรองเท้าข้างนั้น เมื่อรู้แล้วว่าเจ้าของรองเท้าเป็นใคร
“วันนี้นายจะไปรับแฟนที่ห้องมั้ย” ช่วงพักกลางวันคยูฮยอนเดินมาหาคิบอมซึ่งกำลังเก็บของอยู่ที่โต๊ะ คนถูกถามเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างแปลกใจ ปกติคยูฮยอนไม่เคยมาถามเรื่องแบบนี้ แล้ววันนี้สงสัยจะกินยาแล้วลืมเขย่าขวดถึงได้มาถาม
“ปกติฉันก็ไม่ได้ไปรับอยู่แล้ว เพราะทงเฮกินข้าวกลางวันกับเพื่อน เป็นบ้าอะไรวะมาถามแบบนี้” คิบอมลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า
“ก็แค่ถามเฉยๆ” ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เขาก็แค่อยากรู้เฉยๆ เผื่อว่าจะแวะไปด้วย
“จะไปหาใคร” หันมาถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างคนรู้ทัน ท่าทางมันบ่งบอกขนาดนี้เดาได้ไม่ยากเลยคยูฮยอน อยากจะไปหาเพื่อนของแฟนเขาล่ะสิ
“ก็แค่จะเอารองเท้าไปคืน” และแล้วคยูฮยอนก็สารภาพออกมาหน้าตายอย่างอ้อมๆ โดยไม่เจาะจงว่าคนที่อยากพบนั้นเป็นใคร เพราะไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงต้องรู้สึกเสียฟอร์มแปลกๆ เขาก็แค่อยากจะเอารองเท้าไปคืนเจ้าของของมัน ไม่งั้นเจ้าของรองเท้าข้างนี้ต้องลำบากหารองเท้าคู่ใหม่ไปคืนเพื่อน แต่คิบอมกลับทำท่าทางเหมือนว่าจะจับผิดเขาซะอย่างนั้น
“รู้แล้วเหรอว่าเป็นใคร” คิบอมเลิกคิ้วถามอย่างอยากรู้ และหน้าตาที่ดูรู้ทันไปซะทุกเรื่องทำเอาคยูฮยอนรู้สึกหมั่นไส้
คยูฮยอนทำนิ่งไม่ยอมตอบคำถาม คิบอมจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ งั้นก็ไปดิ” พูดจบคิบอมก็เดินนำหน้าออกไปจากห้อง คยูฮยอนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินตามออกไป
“พักเที่ยงแล้วซองมิน ไปกินข้าวกัน” ทงเฮเดินมาหาซองมินที่โต๊ะหลังจากที่อาจารย์เดินออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว
นักเรียนในห้องบางส่วนเริ่มทยอยออกจากห้องเพื่อลงไปจองโต๊ะ บางกลุ่มยังคงนั่งคุยเล่นอยู่กับเพื่อน และบางกลุ่มก็ห่อข้าวกล่องมาทานกันเอง
ซองมินเดินตามทงเฮออกไปนอกห้อง แค่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นขอบประตูเจ้าเพื่อนตัวแสบกลับถอยกรูเข้ามาในห้องแถมยังเข้ามาหลบด้านหลังเขาอีก
“เป็นอะไรของนาย” ซองมินหันไปมองเพื่อนอย่างแปลกใจ
“ดูเอาสิ” ทงเฮผลักไหล่ซองมินเพื่อให้หันไปมองข้างหน้า เท่านั้นทุกอย่างก็หยุดนิ่งทันที ซองมินยืนตัวแข็งทื่อไม่ขยับไปไหน ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ กลายเป็นคนใบ้ที่ทำอะไรไม่ถูกไปในทันที
“ซองมินใช่มั้ยครับ” เสียงทุ้มนุ่มไม่ต่างจากครั้งแรกที่ได้ยินถามขึ้น คยูฮยอนยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเล็กน้อยเพราะรู้สึกเขินแปลกๆ และครั้งนี้ก็คงจะเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกประหม่ากับสายตาของคนอื่นที่มองมาทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“อืม” พยักหน้าเบาๆก่อนจะก้มหน้าลง บอกแล้วว่าเขายังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าคยูฮยอนตอนนี้ หรือว่าคยูฮยอนจะรู้แล้วว่ารองเท้าที่ลอยไปหล่นอยู่ตรงหน้านั้นเป็นของเขา ไม่น้า!!!~ น่าขายหน้าสิ้นดี
“คือว่า...ผมเอารองเท้ามาคืน” คยูฮยอนหยิบรองเท้าออกมาจากกระเป๋าก่อนจะนั่งลงทำท่าว่าจะถอดรองเท้าที่ซองมินใส่อยู่ออกแล้วสวมรองเท้าข้างนั้นเข้าไปแทนด้วยท่าทางขัดๆเขินๆ ความจริงจะคืนแบบธรรมดาก็ได้ แต่เขาอยากลองทำเหมือนในนิทานดูหน่อย มันจะโรแมนติกไหมนะ
“ทะ...ทำอะไรน่ะ มะ...มันไม่ใช่ของฉันซักหน่อย” ซองมินรีบชักเท้ากลับทันทีพลางโบกไม้โบกมือปฏิเสธ จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว น่าอายชะมัด คยูฮยอนรู้ได้ยังไงว่ารองเท้านั่นเป็นของเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยแสดงตัวเลย
“ไม่ใช่งั้นเหรอ” เงยหน้ามองคู่สนทนาแล้วเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ก็เท่าที่เขารู้มารองเท้าข้างนี้เป็นของคนที่ซองมิน เรียนอยู่ปีสามห้องซี และคนที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ชื่อซองมินเรียนอยู่ปีสามห้องซี
“คะ...คือมันเป็นของเพื่อนฉันต่างหาก นายลุกขึ้นเถอะ” รีบชี้ไม้ชี้มือโยนไปให้ทงเฮทันที พลางกวักมือเรียกคยูฮยอนให้ลุกขึ้น ให้ตายสิ ตอนนี้หนุ่มป๊อปของโรงเรียนมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา แถมจะมาสวมรองเท้าให้อีก จากที่มีแต่คนในห้องมอง ตอนนี้กลายเป็นทั้งระดับชั้นไปแล้ว เขาควรจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย! มันทั้งเขินทั้งอายจนทำอะไรไม่ถูก
“ก็ซองมินยืมเพื่อนมาไม่ใช่เหรอ”
“ใช่!” ทงเฮตอบแทนอย่างเสียงดังฟังชัด
โดนเข้าไปขนาดนี้ทำเอาซองมินเถียงอะไรต่อไม่ถูก อายก็อาย สงสัยต่อไปนี้ต้องเอาปี๊ปคลุมหัวเดินมาโรงเรียนจริงๆ
“ตกลงรองเท้าข้างนี้เป็นของซองมินจริงๆ ใช่มั้ย” คยูฮยอนถามย้ำอีกครั้ง แต่ซองมินก็ยังอ้ำอึ้งเหมือนเดิม
“ลองใส่ดูสิจะได้รู้ ถ้าซองมินใส่พอดีก็แสดงว่าซองมินคือซินเดเรลล่าที่นายตามหาไง จากนั้นนายสองคนก็จะได้ครองรักกันอย่างมีความสุข” คิบอมที่ยืนอยู่ข้างหลังคยูฮยอนเสนอขึ้น เพราะถ้ามัวแต่อ้ำๆอึ้งกันอยู่ทั้งสองคนแบบนี้ ซินเดเรลล่ากับเจ้าชายคงไม่ได้สมหวังแน่ๆ
“ก็จริง/บ้าเหรอคิบอม!” คยูฮยอนกับซองมินพูดขึ้นพร้อมกันแต่เหมือนจะไปกันคนละทาง เพราะคยูฮยอนเห็นด้วยกับคำพูดของคิบอม แต่กลับซองมินพอได้ฟังแบบนี้กลับยิ่งรู้สึกเขิน
“งั้นคยูฮยอนก็รีบสวมให้ซองมินเร็วเข้าสิ ส่วนนายก็อยู่นิ่งๆ ซินเดเรลล่าเค้าต้องยอมให้เจ้าชายสวมดีๆเข้าใจมั้ย” ถึงคราวทงเฮได้ออกคำสั่งบ้างแล้ว
ซองมินหันไปถลึงตาใส่เพื่อนรักแต่พอหันกลับมาเจอสายตาของคยูฮยอนกลับต้องหลบตา ทำไมเขาต้องโดนบังคับให้ทำนู้นทำนี้อยู่เรื่อยเลยนะ
คยูฮยอนค่อยๆย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าซองมิน เอื้อมมือไปจับเท้าข้างขวาของซองมินก่อนจะถอดรองเท้านักเรียนออกแล้วใส่รองเท้าหนังที่ซินเดเรลล่าทำตกไว้แทน คนถูกกระทำอย่างซองมินนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่ง รู้สึกเขินจนทำตัวไม่ถูกเลยต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าไว้แทน เนื่องจากเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆที่มายืนดูเริ่มดังมาเป็นระลอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องแซวของทั้งชายและหญิง กับเสียงกรี๊ดกร๊าดของแฟนคลับคยูฮยอน
“ซองมินคือซินเดเรลล่าของผมนะ” คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยรอยยิ้มที่ใครๆเห็นแล้วเป็นต้องหลงใหล เขาเพิ่งรู้สึกตัวเองว่าชอบซองมินไปเสียแล้ว ท่าทางที่ดูซื่อๆ ไม่อวดดี ไม่ขี้อิจฉาเหมือนคนอื่นๆ มันคงเป็นแรงดึงดูดให้เขาอยากเข้าหา ที่สำคัญซินเดเรลล่าของเขาคนนี้น่ารักมากเลยทีเดียว
“ลองคบ...กับผมได้มั้ย” ถามออกมาแบบติดๆขัดๆเพราะคยูฮยอนเองก็รู้สึกเขินเหมือนกัน และทันทีที่จบคำพูดของคยูฮยอนทุกอย่างรอบตัวก็เงียบกริบ เสียงโห่ร้องของเพื่อนๆ ก็เช่นกัน เหมือนกับว่าทุกคนกำลังรอฟังคำตอบจากปากซองมินอยู่
“ตอบตกลงก่อนจะมีแม่เลี้ยงใจร้ายโผล่ออกมานะซองมิน” ทงเฮพูดขึ้นเหมือนเป็นการเร่งเร้าให้เพื่อน รีบคิดรีบทำก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินไป คยูฮยอนมาขอคบด้วยถึงที่แบบนี้ ไม่ตอบตกลงก็ถือว่าโง่เต็มทีแล้ว
“อ่ะ...เอ่อ...”
“ถ้าเป็นตามในนิทานแล้วซินเดเรลล่าห้ามปฏิเสธเจ้าชายนะ” คยูฮยอนชิงพูดขึ้นก่อนที่ซองมินจะตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเคอะเขินไม่สมกับเป็นคยูฮยอนเอาเสียเลย แต่มันก็ดูน่ารักไปอีกแบบ
“แบบนี้อีกแล้ว” ซองมินบ่นพึมพำเบาๆกับตัวเอง ตั้งแต่งานเต้นรำแล้ว คยูฮยอนก็ยกกฎการเต้นรำมาอ้างกับเขา แถมตอนนี้ยังยกเอานิทานมาอ้างอีก สรุปคือเขาไม่มีสิทธิปฏิเสธสินะ
“ก็ได้” ตอบออกไปเสียงเบาหวิว ใบหน้าขาวใสเริ่มซับสีเลือดจางๆ ริมฝีปากยิ้มกว้างอย่างหุบไม่ลง และเมื่อซองมินเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ามีประจักษ์พยายามรักระหว่างเขากับคยูฮยอนเป็นสิบเป็นร้อยเลยทีเดียว
“ถึงซินเดอเรลล่าซองมินจะ มีเวลาถึงแค่สามทุ่ม แต่ยังไงเจ้าชายก็ยังตามหาจนเจอ....ทีนี้ก็เอารองเท้าไปคืนเพื่อนได้แล้วนะ” คยูฮยอนเปลี่ยนใส่รองเท้านักเรียนให้ซองมินเหมือนเดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนและยื่นรองเท้าคืนให้ซองมิน พอซองมินรับรองเท้าข้างนี้มาเท่านั้นเหล่านักเรียนที่มุงดูอยู่ก็ร้องแซวขึ้นมาอีกรอบ
“ไม่ชอบเลยแบบนี้” ซองมินเบ้ปากทันทีที่เสียงร้องแซวดังขึ้น พลางก้มหน้าอย่างเขินอาย ก็แค่คนคบกันไม่รู้จะแซวอะไรกันนักหนา
“ขอทางหน่อยครับ เจ้าชายจะพาซินเดเรลล่าไปทานข้าว” ความเขินอายที่มีอยู่เมื่อกี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง คยูฮยอนคว้าเอาข้อมือซองมินก่อนจะออกแรงดึงให้เดินตามออกไปท่ามกลางเหล่านักเรียนที่มามุงดูซึ่งพร้อมใจกันแหวกทางให้
“นี่รองเท้านายทงเฮ” ซองมินโยนรองเท้าคืนให้ทงเฮก่อนจะโดนคยูฮยอนดึงหายไปเหลือก็แต่พวกนักเรียนที่มามุงดูเท่านั้น
จากที่จับข้อมือคยูฮยอนเปลี่ยนเป็นเลื่อนมือลงมากุมมือซองมินไว้ พร้อมหันไปยิ้มหวานให้จนคนที่ยังเขินไม่หายต้องหันหน้าหนี ด้านแฟนคลับคยูฮยอนที่มุงดูอยู่เมื่อครู่เดินตามผู้ชายที่ตนคลั่งไคล้ลงมา ตามมาดูกลิ่นความหวานจางๆที่คู่รักหมาดๆเขาส่งผ่านให้กันและกันผ่านสายตา รอยยิ้ม และสองมือที่จับกุมกันอยู่ มองแล้วก็ได้แต่นึกอิจฉาในใจแต่จะทำยังไงได้ ในมือเขาเลือกแล้ว
โจคยูฮยอนเลือกลีซองมินแล้ว
THE END
ความคิดเห็น