ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 : วันหยุด
Chapter4 : วันหยุด
ม้านั่งตัวตัวใหญ่ใต้ต้นไม้ข้างๆคณะวิทยาศาสตร์กลายเป็นโต๊ะประจำของนักศึกษาปีหนึ่งที่พักอยู่หอสิบสามชั้นสี่ไปแล้วเรียบร้อย ทุกคนถูกนัดแนะให้มารวมตัวหลังเลิกเรียนที่นี่โดยชินดง เพราะบรรยากาศตอนเย็นที่บริเวณนี้ร่มรื่นและอยู่ใกล้ทางกลับหอพักที่สุด
“พูดถึงเมื่อวานฉันยังผวาไม่หายเลย” ชินดงเป็นเริ่มบทสนทนาสุดสยองที่ทุกคนต่างประสบพบเจอกันมาถ้วนหน้า เมื่อฟังต่างคนต่างขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
“ฉันว่าฉันเจอสยองกว่านายอีกนะชินดง ขนาดเข้าลิฟต์ยังเจอเลย” เรียวอุกพูดแล้วลูบแขนตัวเองไปมา พูดถึงก็อดที่จะโกรธเยซองไม่ได้ เขาบอกไม่ขึ้นๆยังจะลากเขาไปขึ้นอีก
“ขนาดนั้นเลย แสดงว่าวิญญาณพี่เขาต้องเหี้ยนแบบสุดๆ” ซองมินแสดงสีหน้าตกใจออกมาเมื่อได้ฟัง ดีนะคนที่จับขาเขาเป็นชินดง ไม่ใช่วิญญาณของผีคู่รักยุนโฮกับแจจุง ไม่งั้นจับไข้หัวโกรนแน่ๆ
“ที่ฉันเจอก็น่ากลัวเหมือนกัน! เพราะฮันคยองพาฉันวิ่งวนกลับมาที่เดิม แถมเจอแบบเต็มๆสองคนพร้อมกันหันมายิ้มให้อีก พูดแล้วก็สยอง” ฮยอกแจพูดแล้วทำท่าขนลุกสั่นไปทั้งตัว คนอื่นๆฟังแล้วก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ โชคดีไปที่ตัวเองไม่เจอแบบนั้นบ้าง
“แล้วจากนี้วิญญาณพี่เค้าจะออกมาให้เราเห็นอีกมั้ยชินดง” อีทึกถามขึ้น เพราะชินดงบอกว่าพี่เขาจะออกมาในวันเลี้ยงหอ แล้วพวกเขาก็ได้เจอแจ็กพอตไปเต็มๆ ไม่รู้ว่าวันธรรมดาทั่วไปพี่เขาจะออกมาให้เห็นอีกหรือเปล่า แต่ขอภาวนาว่าอย่าให้พี่เขามาให้เห็นอีกเลย ไม่ว่าจะวันอะไรก็ตาม
“ฉันไม่รู้หรอก ใครจะไปรู้ใจผี” ชินดงส่ายไปมาอย่างแรงเหมือนไม่อย่างตอบคำถามนี้เท่าไหร่นัก นี่เขากลายเป็นผู้รู้เรื่องผีคู่รักยุนแจไม่แล้วใช่มั้ยเนี่ย
“เลิกพูดเรื่องนี้เหอะ รู้สึกเหมือนท้องฟ้ามันจะครึมๆแปลกๆ บรรยากาศมันชักยังไงอยู่” ยัยขี้โวยวายประกลุ่มพูดขึ้นเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วฝนทำท่าเหมือนจะตก เมฆมันครึมแปลกๆ ทั้งที่เมื่อกี้ฟ้ายังสว่างอยู่แท้ๆ
“จะหกโมงแล้ว ฉันว่ากลับบ้านกันดีกว่า นายไม่น่าเริ่มคุยเรื่องนี้เลยชินดง” แล้วความผิดก็ถูกโยนไปให้หมูน้อยอารมณ์ดีซะอย่างนั้น คังอินลุกขึ้นเป็นคนแรกพร้อมกับฉุดแขนนางฟ้าคนสวยของตัวเองให้ลุกขึ้นตาม โรคกลัวเวลากลางคืนกลายเป็นโรคประจำกลุ่มไปเรียบร้อยแล้วตอนนี้
และแล้วทุกคนก็ทยอยเดินตามหลังคังอินเพื่อกลับหอ เพราะพวกเขาพักอยู่หอสิบสามหนหางที่เดินจึงยาวไกลว่าคนอื่นๆ การเผื่อเวลาเดินกลับจึงต้องเยอะกว่านักศึกษาที่พักอยู่หออื่น
บทสนทนามากมายถูกยกขึ้นมาพูดคุยเพื่อไม่ให้ทันเงียบจนเกินไปนัก คังอินเดินเกาะอีทึกไม่ห่าง เช่นเดียวกับดงแฮและคิบอม ซองมินกับเรียวอุกเดินด้วยกันพูดคุยกันอย่างถูกคอเพราะเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเรียนคณะเดียวกันแต่คนละสาขา ชินดง คยูฮยอนและเยซองถูกทิ้งให้เดินอยู่ด้วยกันสามคนโดยที่ไม่เอ่ยปากพูดอะไรกันซักคำ ฮีชอลกับฮยอกแจเดินไปด้วยกันเพราะฮันคยองมัวแต่เดินคุยอยู่ซีวอนไม่ได้สนใจรูมเมทของตัวเองเท่าไหร่นัก
“ฮันถามไรหน่อยดิ” พูดคุยถามสาระทุกสุขดิบกันไปได้ซักพักซีวอนก็เงียบไปก่อนจะเอ่ยถามคำออกมา ฮันคยองมองอย่างแปลกใจก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
“ฮยอกแจมีแฟนยังวะ” ซีวอนกระซิบถามเพื่อนต่างเชื้อสายเบาๆ เพราะกลัวคนที่เดินอยู่ด้านหน้าจะได้ยิน
“ไม่รู้ดิ นี่นายชอบหมอนั่นจริงเหรอ” ฮันคยองส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ สายตามองไปยังคนที่เดินยู่ด้านหน้าก่อนจะหันกลับมาถามซีวอน
“สนใจว่ะ เขาน่ารักดี ดูท่าจะไม่ขี้โวยวายเหมือนยัยฮีชอลนั่นด้วย” ซีวอนทำหน้ายู่ทันทีเมื่อพูดถึงฮีชอลถึงคนโดนนินทาก็หันมามองอย่างกับรู้ ก่อนจะหันกลับไป
“เหมือนเขาจะรู้ว่าแกนินทา แต่ฉันว่าฮีชอลออกจะสวย” เสียงหัวเราะเบาๆดังออกมาเมื่อฮันคยองเห็นสีหน้าของฮีชอลที่หันมา ก่อนจะปรับสีหน้าให้อยู่ในโหมดนิ่งอย่างเดิม
“สวยแต่ขี้โวยวายฉันไม่ชอบว่ะ แต่ฮยอกแจนี่แบบว่าถูกใจตั้งแต่แรกเห็น” ท่าทางของซีวอนเหมือนคนเพ้อฝันเข้าไปทุกทีเมื่อพูดทุกฮยอกแจจนฮันคยองต้องส่ายหน้าไปมากับท่าทางของเพื่อน
“ถ้านายมาอยู่กับฮยอกแจอย่างฉันแล้วนายจะรู้ว่าหมอนนั่นไม่ได้น่ารักอย่างเดียว”
“เร่าร้อนด้วยใช่มั้ยล่ะ” พูดจบซีวอนก็หัวเราะออกมา แต่ฮันคยองกลับทำหน้าเหนื่อยใจแบบสุดๆ ปล่อยให้ซีวอนมันบ้าไปคนเดียว ฮยอกแจน่ะสกปรกซกมกที่สุดต่างหาก
“เชิญคิดไปคนเดียวเลยเพื่อน” ฮันคยองแต่พูดอย่างปลงๆ ไอ้นี่หล่อแต่หน้า ความคิดหื่นจิตมาก เขายังนึกภาพไม่ออกเลยว่าฮยอกแจจะเร่าร้อนยังไง
“งั้นนายช่วยถามฮยอกแจให้หน่อยนะฮัน ว่าเค้ามีแฟนหรือยัง” ซีวอนคว้าคอเพื่อนรักมากอดแล้วพูดบอกเบาๆกันคนที่เดินอยู่ข้างด้านได้ยิน คนนี้เขาคิดจะจริงจังนะ
“เฮ้ย! ไม่เอา!” เมื่อได้ฟังคำขอจากเพื่อนฮันคยองก็ผลักออกมาทันที ให้เค้าไปถามฮยอกแจแบบนั้นเดี๋ยวก็เกิดสงครามน้ำลายกันอีก ดีไม่ดีอาจโดนเข้าใจผิด
“ช่วยหน่อยน่า แค่ถามเอง” ซีวอนยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก ยังไงเขาก็ต้องรู้ให้ได้
“เออๆ” ตอบรับออกไปส่งๆ เพราะชักจะรู้สึกรำคาญ รูมเมทตัวเองสวยๆไม่ชอบดันมาชอบฮยอกแจ
“ขอบใจเพื่อน” ซีวอนยิ้มร่าทันทีเมื่อฮันคยองตอบตกลง
เมื่อเดินมาถึงหอก็เกิดการเถียงกันเล็กน้อยว่าจะขึ้นลิฟต์หรือบันไดดี แต่เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการเจอเหตุการณ์แบบเมื่อวาน ทุกคนจึงพร้อมกันกันขึ้นบันไดดีกว่า เพราะนี่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว บรรยากาศมันเลยวังเวงไปด้วย
นักศึกษาส่วนใหญ่ตอนนี้กลับหอกันหมดแล้วโดยเฉพาะหอที่อยู่ท้ายๆ เหล่านักศึกษาหอสิบสามชั้นสี่พากันเดินขึ้นบันไดอย่างไม่เร่งรีบเท่าไหร่นัก แต่เมื่อมาถึงชั้นที่หมายก็แยกย้ายกลับห้องกันทันที ก่อนที่ฟ้าจะมืดสนิทจนต้องพึ่งแสงสว่างจากไฟฟ้า
การเรียนการสอนของสัปดาห์แรกกับการเป็นนักศึกษาผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับนักศึกษาปี่ที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยคยองฮี นักศึกษาที่พักอยู่หอพักบางส่วนได้เดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้านในวันหยุดเสาร์อาทิตย์แบบนี้ แต่ก็ยังมีนักศึกษาบางส่วนที่ใช้เวลาช่วงวันหยุดอยู่ที่หอพัก รวมไปถึงนักศึกษาหอสิบสามชั้นสี่ทั้งหลายเหล่านี้
“เฮ้อ~ วันหยุดแบบนี้ทำอะไรกันดี” คังอินถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะเอนหลังนอนลงกับเกาอี้ของโรงอาหารโดยมีหมอนเป็นตักของอีทึกรูมเมทสุดสวยของเขานั่นเอง
“เปิดเทอมสัปดาห์แรกงานมันก็เลยไม่ค่อยมี เลยพลอยไม่มีอะไรทำไปด้วยเลย ที่จริงฉันว่าเราน่าจะออกไปข้างนอกกันนะ” อีทึกท้าวคางกับโต๊ะ มือที่ว่างอีกข้างลูบผมคังอินเล่นไปด้วย มันก็จริงอย่างที่ว่า คงจะเป็นสัปดาห์หน้าอาจารย์ถึงจะเริ่มสั่งงาน อีกอย่างเขาเองก็มาจากต่างจังหวัด ยังไม่เคยออกไปเที่ยวแถวนี้เลยสักครั้งเดียว เลยอยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง
“แล้วเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีล่ะ ตอนนี้มันก็จะบ่ายแล้วด้วย แดดกำลังแรงเลย” ซองมินมองออกไปข้างนอกแล้วก็เริ่มรู้สึกท้อขึ้นมาหากเพื่อนๆตกลงกันว่าจะไปเที่ยวจริงๆ เพราะช่วงเที่ยงแบบนี้แดดแรงมาก
จบคำพูดของซองมินทุกคนก็ทำท่าคิดหนัก เพราะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ทางแถวนี้ดีที่สุด นั่นก็คือซีวอน เพราะทุกคนต่างก็มาจากต่างจังหวัด ไม่ก็ต่างประเทศ
“จริงสิ!” อยู่ๆฮันคยองก็โผลงขึ้นมาเสียงดัง ทำให้ทุกคนหันไปสนใจแทบจะในทันที คังอินที่นอนอยู่บนตักอีทึกก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งเช่นกัน
“พอดีฉันมีเตาย่างเนื้อน่ะ เรามาทำเนื้อย่างเกาหลีกินกันดีมั้ย” ฮันคยองถามเพื่อนๆด้วยสีหน้าร่าเริง แต่ทุกคนกลับทำสีหน้างงซะมากกว่า
“เตาย่างเนื้อ นายไปเอามาจากไหน” ซีวอนเอ่ยถามสีหน้าสงสัย ซึ่งคำถามนี้ก็เป็นคำถามที่ทุกคนต่างอยากรู้เช่นกัน
“แม่ฉันให้เอามาด้วยน่ะ” ฮันคยองตอบเสียงเรียบๆ แม่เขาเป็นคนยัดเตาย่างเนื้อใส่กระเป๋ามาให้เขา บอกให้เอาติดตัวมาด้วย เพราะจะทำให้เขาอิ่มท้องได้ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะทำให้อิ่มได้ยังไง ในเมื่อมีแต่เตา
“แบกเตาย่างเนื้อข้ามน้ำข้ามทะเลมาเนี่ยนะ ไปกินที่ร้านเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ” ซีวอนพูดกลั้วหัวเราะเล็กน้อย เพื่อนเขาคนนี้ช่างมีความเพียรพยายามจริงๆ
“แต่ฉันว่าซื้อมาทำกินกันที่หอก็เข้าท่าดีนะ” ฮีชอลเสนอความคิดออกมา ถ้าซื้อของมาทำกินกันที่หอก็น่าจะสนุกไปอีกแบบ
“ฉันเห็นด้วยนะ ทุกคนว่าไง” ชินดงพูดขึ้นก่อนจะถามความเห็นทุกๆคน ซึ่งก็ได้รับการพยักหน้ากลับมาเป็นอันว่าทุกคนเห็นด้วย
“งั้นนายไปเขียนรายการของที่ต้องซื้อมาแล้วกันนะฮันคยอง ส่วนคนที่เหลือก็ขึ้นไปเอากระเป๋าแล้วมาเจอกันตรงนี้” ฮีชอลสรุป ทำท่าจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อขึ้นไปหยิบกระเป๋าบนห้อง แต่ฮันคยองร้องทักเอาไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวๆ!! แล้วไอ้เนื้อย่างเกาหลีนี่มันต้องใช้อะไรบ้าง ฉันไม่รู้อ่า” คำพูดของฮันคยองทำเอาฮีชอลแทบสะดุดเก้าอี้ล้ม ทั้งที่เป็นคนชวนกินเองแต่กลับไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรบ้าง มันใช้ได้ที่ไหนกัน ให้ตายสิ
“นี่นายจะกินแต่ไม่รู้หรือไงว่ามันต้องใช้อะไร!!!” ฮีชอลหันมาแว๊ดใส่ฮันคยองแทบจะในทันที นิสัยขี้โวยวายเมื่อไม่ได้ดั่งใจมันปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าซื่อๆของฮันคยอง
“นี่นายอย่าเสียงดังได้มั้ย น่ารำคาญ” ซีวอนฉุดแขนฮีชอลให้นั่งลง แล้วบ่นออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาเริ่มจะชินเสียแล้วกับเสียงที่ดังเกินมนุษย์ทั่วไปของฮีชอล
“ก็ฉันไม่รู้นี่นายจะมาเสียงดังใส่ฉันทำไม คนไม่รู้น่ะไม่ผิด แล้วนายรู้มั้ยว่ามันต้องใช้อะไรบ้าง ถ้ารู้ก็บอกมาไม่เห็นต้องเสียงดังเลย ที่บะ....”
“พอแล้ว...ว่าแต่มีใครรู้บ้างว่าเนื้อย่างเกาหลีต้องใช้อะไรบ้าง” ฮยอกแจรีบเอามือปิดปากฮันคยองไว้ก่อนที่รูมเมทตัวเองจะทำการเทศน์สดให้เพื่อนๆฟังกันตรงนี้ ไม่งั้นเพื่อนๆคงรู้สึกว่าได้คุณพ่อเพิ่มขึ้นอีกคนเป็นแน่ แค่เขาฟังฮันคยองบ่นได้ทุกวันก็เบื่อจะแย่อยู่แล้ว
การส่ายหน้าคือคำตอบที่ได้จากเพื่อนๆส่วนใหญ่ จะมีก็แต่เรียวอุกเท่านั้น
“ฉันรู้ งั้นฉันจะเป็นคนเขียนรายการที่ต้องซื้อให้ก็แล้วกัน” เรียวอุกบอกด้วยรอยยิ้มและอาสาเป็นคนเขียนรายการของที่ต้องซื้อทั้งหมดเอง เพราะเขาไปกินเนื้อย่างเกาหลีบ่อยมาก จนจำได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง
“โอเค ตามนี้นะ เรียวอุกไปเขียนรายการมา ส่วนคนอื่นๆก็ขึ้นไปเตรียมตัวแล้วลงมาเจอกันตรงนี้ตอนบ่ายโมงครึ่ง” อีทึกสรุปและนัดแนะเวลาก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนไปพร้อมกับคังอิน ตามด้วยเยซอง เรียวอุก ฮีชอล ซีวอน
“กินเนื้อย่างเกาหลีหลายๆคนมันจะเหมือนเป็นงานเลี้ยงหรือเปล่านะ” ดงแฮถามขึ้นหลังจากที่ขบคิดปัญหานี้อยู่ซักพัก คนที่เหลืออยู่ในที่นี้ต่างเบนสายตาไปที่ต้นเสียง คำว่างานเลี้ยงกลายเป็นคำสยองขวัญประจำกลุ่มไปซะแล้วตอนนี้
“ถ้าเกิดเป็นงานเลี้ยง แล้วพี่ยุนโฮกับแจจุงจะไม่....” ซองมินลากเสียงยาวเพื่อละไว้ในฐานที่ทุกคนคงจะเข้าใจดี แค่ได้ฟังทุกคนต่างก็รู้สึกถึงบรรยากาศอันน่าสยองขวัญในคืนวันเลี้ยงหอทันที
“นายนี่พูดอะไรไม่เข้าท่าเลย จะพูดถึงพี่เค้าทำไมอีก เดี๋ยวก็ได้โผล่มาหรอก” คยูฮยอนออกปากดุอย่างอดไม่ได้ ก็นึกถึงคืนวันนั้นทีไรก็ขนลุกทุกที
“ก็ชินดงเคยพูดไว้นี่นาว่าพี่เค้าจะออกมาสังสรรค์ในงานเลี้ยง” ซองมินพูดเสียงอ่อย เขาจำได้นะว่าชินดงเคยพูดเอาไว้แบบนี้ ตอนแรกกะจะถามให้แน่ใจแต่ชินดงขึ้นห้องไปซะแล้ว
“มันก็เฉพาะวันเลี้ยงหอเท่านั้น อย่าเอามารวมกันสิ” อีกครั้งที่คยูฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงดุ เหมือนอย่างกับว่าเป็นผู้ปกครองของซองมินยังไงยังงั้น
“ฉันว่าเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า เราขึ้นห้องไปเอากระเป๋ากันเถอะ” ฮยอกแจรีบหยุดบทสนทนานี้ซะเพราะไม่อยากจะนึกถึงมันอีก ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินตรงไปยังทางขึ้นหอทันที
ดงแฮกับซองมินหันไปยิ้มบางๆให้กัน เพราะทั้งสองเป็นคนเริ่มบทสนทนานี้ขึ้นแล้วดูเหมือนว่าจะทำให้บรรยากาศดูเสียไปเลย
“ขึ้นห้องเถอะ” คิบอมฉุดแขนดงแฮให้ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปด้วยกัน
ซองมินกับคยูฮยอนลุกขึ้นพร้อมกันและเดินตามหลังคิบอมกับดงแฮไป ตามด้วยฮันคยองและชินดงที่เดินตามมาเป็นคู่สุดท้าย
เมื่อถึงเวลาบ่ายโมงครึ่งตามที่นัดไว้ทุกคนก็ลงมาพร้อมกันที่โรงอาหารพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ทั้งร่มและหมวก พร้อมที่จะออกเดินทาง
เหล่านักศึกษาหอสิบสามชั้นสี่ทั้งสิบสามคนยกโขยงกันออกไปที่หน้ามหาวิทยาลัย คังอินเดินกลางร่มให้อีทึกเช่นเดียวกับคิบอมที่กางร่มให้ดงแฮ เดินไปตามทางของมหาวิทยาลัยซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ตามทางเดินคอยให้ร่มเงาอยู่บ้าง
ใช้เวลาไม่นานทุกคนก็เดินทางมาถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ไม่ไกลจากหอพักมากนัก ชายหนุ่มรูปงามทั้งสิบสามคนเดินเรียงแถวหน้ากระดานตรงมายังประตูทางเข้า เรียกร้องความสนใจจากผู้คนที่อยู่ละแวกนั้นได้เป็นอย่างดี
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลอดเข้ามาภายใน เมื่อประตูอัตโนมัติของซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดออก พนักงานต่างหันไปมองที่ประตูกันเป็นตาเดียว พร้อมกับอ้าปากเหวอตกตะลึงในความหล่อและดูดีเมื่อบุคคลทั้งสิบสามคนเดินเรียงหน้ากันเข้ามา แต่ประตูของซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆคงไม่สามารถให้คนทั้งสิบสามคนเดินเรียงผ่านมาในคราวเดียวได้
บุคคลที่เหลือเก้าคนเดินผ่านเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตเรียบร้อย จะเหลือก็แต่ฮันคยองกับซีวอนที่เดินอยู่ริมซ้ายสุด และคยูฮยอนกับชินดงที่เดินอยู่ริมขวาสุด ต้องรอให้เพื่อนเดินเข้าไปก่อนตัวเองถึงจะได้เดินเข้าไปบ้าง ทั้งสี่คนได้แต่ส่ายหน้าไปมาบ้างก็ทำหน้าเซ็ง ตอนแรกกะจะเดินทำหน้าเท่กันซักหน่อย คนหน้าตาดีมารวมตัวกันตั้งสิบสามคน แต่ประตูของซุปเปอร์มาร์เก็ตมันกลับเล็กไปซะนี่
คนหน้าตาดีทั้งสิบสามคนพากันไปรวมตัวบริเวณที่บริการรถเข็น พนักงานสาวหลายคนเห็นแล้วก็พากันแย่งจะไปบริการตรงนั้นเป็นการใหญ่
“ขอดูรายการของที่ต้องซื้อหน่อยสิเรียวอุก” อีทึกเดินเข้าไปหาเรียวอุกพลางมองหาแผ่นกระดาษที่คนตัวเล็กใช้จดรายการของที่ต้องซื้อเอาไว้
เรียวอุกควานหาแผ่นกระดาษในกระเป๋าแล้วหยิบมันออกมา ทำท่าครุ่นคิดอยู่ซักพักก่อนจะยิ้มหวานให้เพื่อนๆ
“ถ้าพวกเราไปซื้อด้วยกันหมดมันคงจะวุ่นวายน่าดูเลย ฉันว่าเราแยกกันไปซื้อเป็นคู่ๆดีกว่ามั้ย จะได้ไม่ไปรุมกันอยู่ที่จุดๆเดียว” เรียวอุกเสนอความคิดเห็นซึ่งเพื่อนๆก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ฉันว่าเรามาเล่นเกมกันดีกว่า ในเมื่อทุกคนไม่รู้ว่ารายการที่ต้องซื้อมีอะไรบ้าง เราก็มาแข่งกันว่าใครจะซื้อของได้ถูกต้องที่สุดเป็นคู่แรก คนที่ชนะไม่ต้องถือของกลับหอ เดินตัวปลิวกลับไปเลย และก็รอเวลาที่ทุกคนจัดของเสร็จเมื่อถึงเวลากินก็มากินอย่างเดียว ไม่ต้องช่วยจัดหรือเตรียมของอะไรทั้งนั้น ทุกนคิดว่าไง” เงียบไปซักพักเรียวอุกจึงพูดต่อ อยู่กันหลายๆคน ได้ทำกิจกรรมหรือเล่นเกมด้วยกันมันก็คงจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
“ก็เข้าท่าดีนะ น่าสนุกดี” ดงแฮบอกออกมาอย่างตื่นเต้น ท่าทางที่เหมือนเด็กนั้นทำเอาเพื่อนๆอดยิ้มไม่ได้โดยเฉพาะคิบอม ที่ยิ้มแก้มแตกกับท่าทางของดงแฮไปแล้วเรียบร้อย
“แล้วใครจะเป็นกรรมการล่ะ...อย่าบอกนะว่าให้ฉันเป็นเพราะฉันไม่มีคู่” ชินดงชี้หน้าตัวเองถาม ถ้าให้จับเป็นคู่ก็คงเป็นคู่รูมเมทของตัวเองอยู่แล้ว แต่ในที่นี้เขาไม่มีรูมเมทอยู่คนเดียวแล้วเขาจะไปคู่กับใคร
“กรรมการก็ต้องเป็นเรียวอุกซิชินดง เพราะเรียกอุกเป็นคนเขียนรายการของที่ต้องซื้อ” ฮีชอลบอก
“งั้นตกลงว่าทุกคนเล่นนะ คู่ที่ชนะไม่ต้องถือของกลับหอ อยู่แบบสบายๆรอกินอย่างเดียว ส่วนฉันเป็นกรรมการ ไม่มีส่วนร่วมกับผลแพ้ชนะกับเกมนี้ พูดง่ายๆคือฉันควรจะได้ถือของน้อยกว่าคนนึงหนึ่งเท่า” พูดจบเรียวอุกก็ยิ้มแฉ่งทันที นี่แหละคือผลพลอยได้ของเขา แต่จะไม่ช่วยถือเลยมันก็ดูจะน่าเกลียดเกินไป
เพื่อนๆต่างทำหน้าบึ้งพร้อมกับเบะปากเมื่อเรียวอุกพูดจบ บางทีพวกเขาอาจจะตกหลุมพรางเจ้าตัวเล็กประจำกลุ่มแล้วก็เป็นได้
“อย่าบอกนะว่านายคิดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วน่ะ” ซองมินกอดอกทำหน้าบึ้งเล็กน้อย น้ำเสียงที่พูดเหมือนกับว่ากำลังเคืองเรียวอุกอยู่
“เปล่าน้า~ ฉันเพิ่งคิดได้เมื่อกี้นี้เอง เอาน่าสนุกๆ แต่ถ้าพวกนายไม่อยากถือของหนักๆกลับห้องก็ควรจะชนะเกมนี้ ส่วนเยซองก็คู่กับชินดงนะ” เรียวอุกพูดพลางดึงรถเข็นออกมาให้เพื่อนๆทีละคัน ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้เยซองพร้อมกับดันรถเข็นคันสุดท้ายไปให้
“จับเวลาด้วยมั้ย” คยูฮยอนถาม ถ้ามีเวลามาเป็นตัวบังคับด้วยดูท่าว่าจะสนุกกว่า
“ซักครึ่งชั่วโมงพอมั้ย เพราะตอนนี้ก็บ่ายสองกว่าแล้ว ซื้อเสร็จประมาณบ่ายสาม แต่เผื่อเวลาบางคนไปเถลไถลซักประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง เดินถึงหอตอนสี่โมง จัดเตรียมของจุดเตา คงพร้อมซักประมาณสี่โมงครึ่งหรือไม่ก็ห้าโมง” คิบอมยกนาฬิกาขึ้นมาดูแล้วก็ทำการคำนวณเวลาให้เพื่อนเสร็จสรรพ
“ตอนนี้บ่ายสองยี่สิบ ฉันเพิ่มเวลาให้เป็นสี่สิบนาทีเลยแล้วกัน หมดเวลาตอนบ่ายสาม ใครซื้อเสร็จก็มาเจอกันตรงนี้นะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็....” เรียวอุกยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะลากเสียงยาวในคำสุดท้าย ทำเอาเพื่อนๆทุกคนตั้งท่าเตรียมออกวิ่งทันที
“เริ่มได้!” สิ้นเสียงของเรียวอุกทุกคู่ก็ออกรถ(เข็น)ภายในทันที คนตัวเล็กยิ้มอย่างนึกสนุกเมื่อเห็นความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นลางๆ ก่อนจะเดินไปนั่งม้านั่งที่ทางห้างจัดไว้ คอยชะเง้อมองดูเพื่อนๆเป็นระยะ
-------------------------------------------------
-------------------------------------------------
kr
Talk
มาอัพแล้วนะรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน
ช่วงนี้ไรเตอร์ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ คงจะมาอัพบ่อยๆไม่ได้(ปกติก็ไม่ได้อัพบ่อยเลย ฮ่าๆๆ)
คราวนี้คะแนนสอบแกทของไรเตอร์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ โฮะๆๆ ขอหัวเราะดังๆ
ยังไงอ่านแล้วเม้นกันเยอะๆด้วยนะ ไรเตอร์จะได้มีกำลังใจแต่งต่อไป
ตอนนี้เป็นเรื่องของวันหยุดของเหล่าลิงทั้งสิบสามคน
คยูมินอาจจะมีไม่เยอะ(หรือจะเรียกไม่มีเลยก็ได้)
แต่รับรองตอนหน้ามีแน่นอนจ้า~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น