ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter3 : ข้อความขู่

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 52


    Chapter3 : ข้อความขู่
     
     
     
    “ขอโทษนะครับ ที่นี่บ้านครอบครัวลีใช่มั้ยครับ”
     
    ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นคนที่ก้าวลงมาจากรถ ซองมินเลื่อนมือไปจับปืนที่เหน็บไว้ตรงขอบกางเกง หากแต่เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นซะก่อน เขาไม่รู้ว่าเยซองมาที่นี่ได้ยังไงกัน
     
    “ขอบคุณครับพี่เยซอง” เรียวอุกลงมาจากรถโดยมีเยซองช่วยประคองอยู่ข้างๆ รอยยิ้มแหยๆถูกส่งไปให้ผู้เป็นพี่ชายที่ที่ทำหน้ายู่คิ้วผูกกันเป็นปมอยู่ มือก็ทำท่าจะชักปืนออกมาตลอดเวลา เรียวอุกดูออกว่าตอนนี้ซองมินคงกำลังโกรธอยู่แน่ๆ
     
    “พี่มุนอา ขอโทษนะครับที่ผมกลับบ้านช้า พอดีมีเรื่องนิดหน่อย” คำพูดของเรียวอุกทำเอาซองมินหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิม ทั้งที่เรียวอุกมองมาทางเขาแต่กลับเรียกชื่อใครที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังทำตัวสนิทสนมกับเยซอง แล้วใครกันมุนอา
     
    “ระ...”
     
    “แฮงอุนต้องขอขอบคุณพี่เยซองอีกครั้งนะครับที่มาส่ง นี่พี่มุนอาเป็นพี่ชายของแฮงอุนเอง” ก่อนที่ซองมินจะได้พูดอะไรเรียวอุกก็แทรกขึ้นซะก่อน ซองมินเลยหยุดคำพูดนั้นแล้ว แล้วดูว่าเรียวอุกจะทำอะไรต่อไป บางทีน้องคนนี้อาจจะมีอะไรดีๆก็ได้ ถึงได้พาเยซองมาที่นี่
     
    “สวัสดีครับคุณมุนอา” เยซองกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับหน้าบึ้งๆของพี่ชายแฮงอุนเด็กที่เขาช่วยไว้ก็ตาม
     
    “ครับ คุณเยซอง” ซองมินตอบรับนิ่งๆ สายตาจับจ้องไปที่เรียวอุกจนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกกลัวสายตาของพี่ชายขึ้นมา
     
    “คือตอนแฮงอุนไปซื้อของที่ซุปเปอร์แฮงอุนโดนพวกจิ๊กโก๋มันรุมทำร้าย แต่เยซองมาช่วยไว้ทัน แล้วพาแฮงอุนไปส่งโรงพยาบาลน่ะครับ” เรียวอุกอธิบายให้ซองมินฟังอย่างคร่าวๆ โดยแทนตัวเองแฮงอุนซึ่งเป็นชื่อที่เขาได้บอกเยซองไป ส่วนตัวเขาเองก็เรียกซองมินว่ามุนอา เพราะเขาไม่อยากให้เยซองรู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นใคร
     
    “แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ซองมินเดินเข้ามาใกล้เรียวอุกก็เห็นผ้าพันแผลที่เท้าจึงก้มลงดู ที่จริงเรียวอุกไม่น่าจะบาดเจ็บได้นี่นา เพราะศิลปะป้องกันตัวก็เรียนมาเหมือนกัน แค่พวกจิ๊กโก๋หน้าปากซอยเรียวอุกน่าจะจัดการได้สบายอยู่แล้ว
     
    “ไม่เจ็บมากหรอกครับ เราเข้าบ้านกันเถอะครับพี่” ในใจเรียวอุกตอนนี้อยากจะพาซองมินเข้าบ้านไปเร็วๆ จะได้อธิบายเรื่องราวให้ฟังอย่างละเอียดและถ้าขืนให้ซองมินอยู่เห็นหน้าเยซองนานๆอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้
     
    “ขอบคุณนะครับคุณเยซอง” น้ำเสียงกับสีหน้าที่กล่าวออกไปนั้นช่างแข็งก้าวและเรียบเฉย อย่างกับว่าคนพูดไม่ได้ตั้งใจจะพูดมัน ก่อนที่ซองมินจะรับเรียวอุกมาประคองไว้เอง
     
    “ครับ” เยซองตอบรับแบบจำใจ ดูท่าแล้วที่ชายของแฮงอุนเหมือนจะไม่ชอบหน้าเขายังไงยังงั้น ถ้าเป็นพวกลูกน้องหรือใครหน้าไหนที่มองเขาด้วยสายตาแบบนี้เขาคงยิงทิ้งไปแล้ว
     
    “ขอบคุณมากนะครับพี่เยซอง ไปเถอะครับพี่” เรียวอุกยิ้มแหยๆกลับไปให้เยซอง เพราะซองมินเล่นจ้องเยซองไม่เลิก เขาดูก็รู้แล้วว่าเยซองก็ชักจะไม่ชอบใจเหมือนกัน เพราะฉะนั้นรีบพาซองมินเข้าบ้านก่อนท่าจะดีที่สุด
     
    เมื่อแฮงอุนกับพี่ชายเข้าบ้านไปเรียบร้อยแล้วเยซองก็พ่นลมหายใจหนักๆออกมาทันที เขารู้สึกไม่ชอบสายตาของพี่ชายแฮงอุนเอาซะเลย ถ้าให้เขาคิดไปในทางที่ดีคนเป็นพี่ก็ต้องห่วงน้องเป็นธรรมดาโดยเฉพาะอยู่กับคนที่ไม่รู้จักอย่างเขา
     
     
    “เล่ามา” แค่หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาได้เท่านั้นซองมินก็เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบ เขาไม่รู้หรอกว่าเรียวอุกทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เข้าไปเกี่ยวข้องกับเยซองทำไม หรือเพราะอยากจะช่วย แต่เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี เขาไม่อยากให้เรียวอุกต้องไปเสี่ยงอันตรายแบบที่เขากับคิบอมกำลังทำอยู่
     
    เห็นซองมินมีท่าทางแบบนี้แล้วเรียวอุกก็ชักจะเริ่มรู้สึกหวั่นๆขึ้นมา เขากลัวและไม่ชอบซองมินที่เป็นแบบนี้ที่สุด
     
    “ตอนที่ผมกำลังกลับจากซุปเปอร์มาร์เก็ตผมเจอพวกจิ๊กโก๋มันแซว แต่พอดีผมเห็นเยซองเลยคิดว่าจะให้มันเข้ามาช่วย ถ้าเกิดผมสนิทกับมัน ผมคิดว่าบางทีผมอาจจะได้ข้อมูลดีๆจากมันมาบ้างก็เป็นได้ แต่ผมกลับพลาดท่าเลยทำให้ข้อเท้าเจ็บ มันเลยพาผมไปโรงพยาบาล เราคุยกันนิดหน่อย แต่ผมบอกว่าผมชื่อแฮงอุน พอมาถึงบ้านกลับเจอพี่ซองมินกลับอยู่หน้าบ้าน ผมเลยโกหกว่าพี่ชื่อมุนอา แต่ผมไม่ได้เล่าเรื่อส่วนตัวให้มันฟังหรอกนะ” เรียวอุกเล่าออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเล็กน้อย ที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจให้ซองมินรู้เรื่องนี้ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้
     
    “แล้วรู้มั้ยว่ามันอันตราย พี่ไม่อยากให้นายมายุ่งเรื่องแบบนี้เลยนะเรียวอุก แค่นายช่วยสืบข้อมูลให้มันก็มากพอแล้ว พี่ไม่อยากให้นายไปเสี่ยงอันตราย” น้ำเสียงที่ซองมินพูดฟังดูอ่อนลง แต่ปมที่หัวคิ้วก็ยังไม่คลายออกอยู่ดี
     
    “ผมขอโทษครับ” เรียวอุกบอกด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด จริงๆแล้วเขาไม่ได้เล่าให้ซองมินฟังทั้งหมด เพราะเขาแลกเบอร์ติดต่อกับเยซองไว้ด้วย ถึงซองมินจะไม่อยากให้เขาช่วย แต่เขากลับไม่อยากเชื่อฟังพี่ชายคนนี้เอาซะเลย
     
    “อย่าให้พี่เห็นว่านายไปเจอคนของโจกรุ๊ปอีกเด็ดขาด เข้าใจมั้ย! ไม่งั้นพี่จะหาบอดี้การ์ดให้นาย” ซองมินออกปากขู่ เขาไม่เคยห่วงใครเท่าเรียวอุกเลยจริงๆ
     
    “ครับ” เรียวอุกรับคำอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก และเขาไม่มั่นใจด้วยว่าเขาจะทำตามที่ซองมินพูดได้หรือเปล่า
     
    “พี่จะไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ฮีชอลนะ แล้วนายรู้มัยว่าถ้าพี่ฮีชอลกับพี่คังอินรู้เรื่องอะไรมันจะเกิดขึ้น” ซองมินลุกขึ้นเดินไปหาเรียวอุกที่นั่งอยู่โซฟาตัวตรงข้าม ก่อนจะพยุงให้เรียวอุกลุกขึ้นเพื่อพาขึ้นไปบนห้องนอน
     
    “ขอโทษนะครับพี่ซองมิน” เรียวอุกกล่าวออกมาสีหน้าเศร้าๆเมื่อซองมินพามาส่งที่ห้องนอน
     
    “ช่างมันเถอะ ตอนนี้ก็นอนได้แล้ว เข้าใจมั้ย” ผ้าห่มผืนหนาถูกดึงมาคลุมจนถึงหน้าอก ซองมินยิ้มให้เรียวอุกบางๆ ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง เมื่อพ้นประตูห้องมาซองมินก็ถอนหายใจหนักๆออกมา เขาไม่อยากให้เรียวอุกต้องมาเจออันตรายแบบเขาเลยจริงๆ
     
     
     
     
     
    ปากกาน้ำเงินที่อยู่ในมือถูกหมุนเล่นวนไปวนมาอยู่หลายต่อหลายรอบ แววตาคมจ้องมองออกไปภายนอกหน้าต่างของห้องเรียน เหมือนกับกำลังใช้ความคิดอยู่ เสียงของอาจารย์ที่พูดอยู่หน้าชั้นเรียนไม่ได้ลอยเข้าหูของคยูฮยอนเลยซักนิด
     
    คิ้วหนาขมวดเข้าหากันมุ่น แขนทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาพาดกันหลังท้ายทอย คยูฮยอนเอนตัวไปข้างหลังก่อนจะหลับตาลงช้าๆ คนของเขาโดนฆ่าโดยที่ไขปริศนาอะไรไม่ออกซักอย่าง เวลาแบบนี้เขาไม่มีสมาธิจะเรียนเลยจริงๆ
     
    “เป็นอะไรหรือเปล่า” เพื่อนร่วมห้องเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่เคยเห็นคยูฮยอนเป็นแบบนี้มาก่อน ปกติจะตั้งใจเรียน ไม่เคยหลับในห้องเรียนซักครั้ง
     
    “แค่เหนื่อยน่ะ” ตอบออกไปทั้งที่ๆยังไม่ได้ลืมตา เมื่อเพื่อนได้ฟังก็ไม่คิดจะถามอะไรให้กวนใจอีก หันกลับไปตั้งใจเรียนเหมือนเดิม แต่ก็มีหันมามองบ้างเป็นพักๆ
     
    แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้คยูฮยอนต้องลืมตาขึ้น ล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา มีข้อความเข้าหนึ่งฉบับ แต่เป็นเบอร์ที่เขาไม่คุ้นตาเอาซะเลย
     
    ‘ระวังคนของแกเขาไว้ให้ดี ลมหายใจของพวกมันกำลังจะหมดลง...L’
     
    “L งั้นเหรอ” คยูฮยอนพึมพำออกมาเบาๆ สมองทำการประมวลผลด้วยความรวดเร็ว ข้อความขู่งั้นเหรอ
     
    โทรศัพท์มือถือเครื่องบางถูกเก็บเข้าที่เดิมอย่างรวดเร็ว คยูฮยอนหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายก่อนจะเดินออกไปจากห้องเรียนทันทีด้วยความเร่งรีบ สร้างความประหลาดใจให้แก่เพื่อนร่วมห้องรวมไปถึงอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าชั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยเรียกหรือรั้งอะไรไว้
     
    เมื่อขึ้นรถมาได้คยูฮยอนก็เหยียบคันเร่งจนมิด มือกำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา โทรศัพท์มือถือถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับกดโทรออกไปยังเบอร์ที่ส่งข้อความปริศนามา แต่กลับติดต่อไม่ได้ มันยิ่งทำให้คยูฮยอนรู้สึกกดดันจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
     
    นิ้วเรียวยาวกดเลื่อนลงมาเพื่อหาเบอร์ที่ต้องการโทรออก สายตามองสลับไปมาระหว่างทางด้านหน้ากับหน้าจอมือถือ เมื่อเจอเบอร์ที่ต้องแล้วจึงกดโทรออก ความเร็วของรถที่แล่นอยู่บนท้องถนนนั้นไม่ได้ลดลงเลย ทุกสิ่งข้างทางผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมองไปทัน แต่คยูฮยอนก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นตอนนี้เขาอยากไปให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้คนของเขาตายโดยที่ไม่ได้มีความผิดอะไร ไม่รู้ว่าพวกมันต้องการอะไรถึงได้ลอบฆ่าคนของเขาแบบนี้ มันทำให้รู้ว่าเขาเป็นผู้นำที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
     
    “พี่อีทึก พี่อยู่ที่บ่อนหรือเปล่า” เมื่อปลายสายรับก็กรอกเสียงลงไปทันที น้ำเสียงนั้นฟังดูร้อนรนจนปลายสายเกิดอาการแปลกใจ
     
    (มีอะไรหรือเปล่าคยู)
     
    “อีกซักพักผมคงจะไปถึงที่บ่อนนะครับ พี่บอกให้ทุกคนระวังตัวไว้ด้วย”
     
    (นายไม่เรียนหรือไงคยูจะมาที่บ่อนทำไม แล้วมันมีเรื่องอะไร) เสียงอีทึกที่ตอบกลับมาฟังดูเครียดไม่น้อย เพราะคยูฮยอนไม่เคยโดดเรียนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
     
    “พวกมันกำลังจะลงมืออีกครั้งครับพี่” พูดจบคยูฮยอนก็ต้องตัดสายทิ้งไป เพราะคุยโทรศัพท์ไปด้วยจึงทำให้ขับรถได้ไม่ถนัดนัก อีกอย่างเขายังไม่อยากมาตายแบบน่าอนาถตอนนี้
     
     
    “คยู! คยู!” อีทึกตะโกนเรียนในโทรศัพท์ อยู่ดีๆคยูฮยอนก็ตัดสายไป แบบนี้ยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงเข้าไปใหญ่
     
    “มีอะไรเหรอครับพี่อีทึก” อึนฮยอกที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยถามขึ้น เพราะตั้งแต่อีทึกรับโทรศัพท์จากคยูฮยอนคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันจนตอนนี้ยังไม่คลายออก
     
    “คยูโทรมาบอกว่าให้ระวังตัวพวกกำลังจะลงมืออีกครั้ง” ใบหน้าสวยหันมาตอบมือปืนเลือดเย็นประจำโจกรุ๊ป ก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทางที่คิดหนัก
     
    “ไอ้พวกที่มาลอบยิงคนของเราเมื่อวานน่ะเหรอครับ” ทงแฮที่นั่งอยู่ข้างๆอึนฮยอกถามขึ้นบ้าง วันนี้เขามาที่บ่อนตั้งแต่เช้าตามที่อึนฮยอกบอก เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไอ้พวกที่ลอบยิงคนของโจกรุ๊ปเมื่อวานมันเป็นใครกัน ทำไมพวกมันถึงต้องทำแบบนี้ด้วย
     
    “พี่คิดว่าน่าจะใช่....นายไปบอกคนของเราให้ระวังตัวด้วยนะ” พูดจบอีทึกก็เปิดโน้ตบุ๊กของตัวเองขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้เขายังหาข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญที่สลักอักษรตัว L ที่พวกมันทิ้งไว้ไม่ได้เลย แม้แต่โรงงานที่รับทำของลักษณะนี้ทั่วเกาหลียังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
     
    อึนฮยอกกับทงแฮพยักหน้ารับคำสั่งของอีทึกก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปบอกพนักงานในบ่อนอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้แขกตื่นตระหนกตกใจ เพราะเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นทำให้ลูกค้าของบ่อนหายไปเยอะพอสมควร
     
     
    ใช้เวลาไม่นานคยูฮยอนก็ขับรถมาถึงบ่อน ช่วงขายาวก้าวเข้าไปด้านในอย่างเร่งรีบตรงไปหาเลขาส่วนตัวที่นั่งหน้าเครียดอยู่หน้าคอม ปุ่มบนแป้นคีย์บอร์ดถูกเคาะเกิดเสียงดังป๊อกแป๊ก ข้อมูลต่างๆถูกเปิดออกมาเต็มไปหน้าจอ สายตาเรียวมองผ่านแว่นสายตาไล่ไปตามตัวอักษรต่างๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าขึ้นเลย ไม่มีข้อมูลเกี่ยวเหรียญสลักอักษรตัว L เลยแม้แต่นิด
     
    “ได้เรื่องบ้างมั้ยครับพี่” คยูฮยอนหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ อีทึก ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววความเครียดรวมไปถึงอาการประหม่าและกดดันอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะบอกไว้ว่าจะจัดการเองแต่คยูฮยอนก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ดูแล้วหนทางมันช่างมืดมิดเหลือเกิน
     
    “ยังเลย....ว่าแต่เราเถอะ ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่ถึงได้โดดเรียนมาแบบนี้” อีทึกละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊กหันมามองน้องชายที่มีสีหน้าเครียดไม่แพ้ตนเอง
     
    “พี่ดูนี่นะครับ” คยูฮยอนเปิดข้อความปริศนาที่ได้รับให้อีทึกดู ซึ่งเขามั่นใจว่าเป็นพวกที่ลอบฆ่าคนของเขาเมื่อวานนี้แน่นอน
     
    “เหมือนมันต้องการจะหลอกให้เราหัวปั่นเล่นเลยนะ มีส่งข้อความมาเตือนกันแบบนี้ด้วย แสดงว่ามันต้องรู้จักพวกเราดีอย่างแน่นอน พี่ขอเบอร์ที่มันส่งมาหน่อยสิ”
     
    อีทึกใช้เบอร์โทรศัพท์ที่ส่งข้อความมาเพื่อหาข้อมูลของบุคคลที่ประสงค์ร้าย แต่กลับไม่มีข้อมูลอะไรเลย เหมือนอย่างกับว่าเบอร์นี้ไม่ได้เปิดใช้บริการอยู่ เขาคงดูถูกพวกมันไม่ได้แล้วจริงๆ
     
    “มันคงไม่ประมาทขนาดนั้นหรอก บางทีมันอาจจะเป็นคนที่เรารู้จักดีก็ได้” คำสันนิษฐานของอีทึกยิ่งทำให้คยูฮยอนคิดหนัก คนที่อาจจะเป็นคนที่เขารู้จักดี แล้วมันใครกัน
     
    “ผมขอตัวไปเดินดูรอบๆก่อนนะครับ”
     
    “อืม”
     
    คยูฮยอนส่งยิ้มบางๆไปให้อีทึก เพราะอยากจะคลายบรรยากาศเครียดแบบนี้ลงบ้างแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมากนัก ขายาวๆก้าวเดินดูความเรียบร้อยในจุดต่างๆ ไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับอึนฮยอก ทงแฮ เยซองและพนักงานภายในบ่อน
     
    ฉึก!
     
    เสียงวัตถุแหลมคมปักเข้ากลางอกของเด็กในบ่อนที่ยืนอยู่ข้างคยูฮยอน ร่างกายผู้โชคร้ายคนแรกของวันนี้ล้มลงไปนอนกองกับพื้น เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลรินออกมาจนนองเต็มพื้น ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นภายในบ่อนทันที
     
    อึนฮยอกชักปืนขึ้นมาก่อนจะวิ่งเข้าไปหาคยูฮยอนเช่นกับเดียวทงแฮและเยซอง แต่มีดปลายแหลมอีกด้ามกลับพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง เฉียดหัวไหล่ของอึนฮยอกไป
     
    “หึ่ย!” อึนฮยอกพ่นลมออกทางจมูกด้วยความโมโห มือถูกยกขึ้นปิดแผลที่เลือดกำลังไหลซึมออกมาอย่างช้าๆ ปืนถูกยกขึ้นเล็งไปทั่วบริเวณ สายตาเรียวคมกวาดไปรอบๆ หวังเพื่อจะหาตัวคนร้ายให้เจอแต่กลับไม่เห็นบุคคลน่าสงสัยใดๆ
     
    “อึนฮยอกเป็นไงบ้าง”
     
    “อย่าเข้ามาทงแฮ! นายอยู่ดูแลคุณคยูฮยอนตรงนั้นแหละ” อึนฮยอกตะคอกกลับไปเมื่อทงแฮทำท่าจะเข้ามาหาตน ตอนนี้เขาคงกลายเป็นเป้าหมายในการฆ่าของพวกมันไปแล้ว คนที่เข้าใกล้เขาก็เหมือนกับเข้าใกล้อันตรายไปด้วย
     
     
    ภาพความวุ่นวายภายในบ่อนดูจะเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งของคนที่ลงมือกระทำการอุกอาจ ซองมินหยิบมีดเล่มต่อไปขึ้นมาเล็งไปยังเป้าหมายอีกครั้ง คนที่เดินเฉียดความตายจากมีดเล่มบางของเขา เพราะคิบอมดันเข้ามาห้ามไว้ซะก่อน ทำให้เล็งเป้าหมายพลาด
     
    “ฆ่าอึนฮยอกเลยมันก็ไม่สนุกน่ะสิ” คิบอมลดมือซองมินที่ถือมีดไว้ลง อึนฮยอกเป็นหมากตัวสำคัญ พวกเขาต้องเก็บหมากตัวเล็กๆให้หมดก่อน แบบนี้สิมันถึงจะสนุกกว่า
     
    “ฉันล่ะเกลียดไอ้หมอนี่จริงๆ” ซองมินสบทขึ้นมาเบาๆแต่ก็ยอมลดมีดลง ก่อนจะมองหาเป้าหมายรายใหม่ อึนฮยอกมือปืนที่ดูเย็นชาจนน่าหมั่นไส้ คนที่มีความโหดเหี้ยมจนเขาอยากจะฆ่าให้ตายซะตอนนี้
     
    “ว่าแต่ไอ้หมอนั่นมันเป็นใครทำไมฉันไม่เคยเห็น” คิบอมเบนสายตาไปที่คนๆหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยเห็นอยู่ที่นี่มาก่อนและที่สำคัญคนๆนี้คุ้นตาเขามากๆ ทั้งรูปร่างและลักษณะท่าทาง
     
    “ลีทงแฮน่ะ นายคงไม่เคยเห็น เพราะหมอนี่ไม่ค่อยเข้ามาที่บ่อน แต่เพราะเรื่องเมื่อวานล่ะมั้ง วันนี้ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้” ซองมินพูดพร้อมแสยะยิ้มออกมา ลีทงแฮคนที่อ่อนแอที่สุดในโจกรุ๊ป หมอนี่จัดการง่ายจะตายไป
     
    “ลีทงแฮงั้นเหรอ” คิบอมพึมพำออกมาเบาๆ รอยยิ้มเย็นเผยขึ้นบนเรียวปากได้รูปช้าๆ ลีทงแฮคนที่เขาเจอเมื่อวานสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ผิดแน่ ชีวิตเขาชักจะมีเรื่องสนุกเข้ามาเรื่อยๆซะแล้วสิ
     
    “ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไง” รอยยิ้มทำให้ซองมินอดที่จะถามไม่ได้ คิบอมเคยยิ้มแบบนี้บ่อยๆที่ไหนกัน
     
    “ไม่มีอะไรหรอก” เมื่อคิบอมปฏิเสธซองมินก็ไม่ได้คิดจะเซ้าซี้อะไรมาก เวลานี้เขาควรสนใจพวกโจกรุ๊ปที่กำลังระแวงว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไปมากกว่า ภาพที่เห็นช่างดูน่าตลกสิ้นดี
     
    มีดสีเงินปลายแหลมถูกขว้างออกไปด้วยความเร็วที่ยากเกินจะมองเห็นหรือหลบทันได้ เหยื่ออีกรายล้มลงต่อหน้าคยูฮยอนโดยที่ไม่โอกาสได้ส่งเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดใดๆ ปลายของมีดปักเข้าตรงตำแหน่งหัวใจทำให้เหยื่อเสียชีวิตทันที
     
    “ออกไปหาตัวพวกมันให้เจอ!! พี่เยซองไปดูแลพี่อีทึก!! พี่ทงแฮพาพี่อึนฮยอกหลบไปก่อน!!” คยูฮยอนตะโกนก้องไปทั่วบริเวณ ลูกน้องระดับล่างวิ่งกระจายสำรวจทั่วบริเวณ เยซองเข้าไปหาอีทึกที่ยังคงอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม เว้นก็แต่ทงแฮที่มีท่าทีอิดออด
     
    “แต่คุณคยูฮยอนจะไม่ปลอดภัย”
     
    “ผมบอกให้ไปก็ไปเถอะน่า!” เสียงตะคอกของคนเป็นนายทำให้ทงแฮต้องรีบเข้าไปช่วยประคองอึนฮยอก แต่กลับโดนเพื่อนรักปฏิเสธเหมือนคยูฮยอนไม่มีผิด
     
    “นายจะมาดูฉันทำไม ไปดูแลคุณคยูฮยอนซะทงแฮ!!” พูดจบอึนฮยอกก็วิ่งออกไปอีกทาง ตอนนี้เขาอยากจะรู้จนใจจะขาดแล้วว่าใครมันเป็นลงมือ ถ้าเขารู้ว่ามันเป็นใครพวกมันไม่ได้ตายดีแน่
     
    “โอ๊ย!!” ทงแฮแผดเสียงแสดงความไม่พอใจออกมาในที่สุด ชักปืนที่พกติดตัวประจำออกมาก่อนจะวิ่งตามคยูฮยอนที่ออกไปนอกบ่อนได้ซักพักแล้ว ดูเหมือนตอนนี้เขาทำอะไรก็ไม่ถูกใจใครไปซะทุกอย่าง
     
     
    “ไปกันเถอะซองมิน พวกมันมากันแล้ว” เมื่อเห็นคนเริ่มทยอยออกมาจากบ่อนคิบอมเลยชวนหนีก่อนที่จะโดนจับได้ซะก่อน ต่อให้เก่งแค่ไหนโดนคนเกือบร้อยรุมยังไงก็ไม่มีทางรอดอยู่แล้ว ขอทำตัวเป็นหมาลอบกัดแบบนี้ยังจะดีกว่า
     
    “ขออีกคนนะ” มีดปลายแหลมถูกขว้างไปยังเป้าหมายที่กำลังวิ่งออกจากประตูบ่อน ล้มลงต่อหน้าคยูฮยอนที่กำลังก้าวผ่านประตูบ่อนออกมาอีกครั้ง
     
    “เห็นลูกน้องตายต่อหน้าสามคนเลยแฮะ เจ็บมั้ยล่ะโจคยูฮยอน” ซองมินพูดเหมือนกับมันเป็นเรื่องตลก ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ก็เหยื่อสามรายที่โดนฆ่าวันนี้ตายต่อหน้าคยูฮยอนทุกคน ดูท่าว่าจะทำให้คยูฮยอนเกิดความเครียดและความทุกข์อย่างมาก และนั่นก็คือสิ่งที่ลีซองมินคนนี้ต้องการ
     
    “มั่วแต่หัวเราะอยู่นั่นแหละ ไปกันได้แล้ว” ก่อนที่จะมีใครมาเห็นเขาทั้งสองเสียก่อน คิบอมลากซองมินที่ดูเหมือนกำลังชอบใจกับสิ่งที่ตัวเองทำอย่างมากไปที่รถ ซึ่งจอดไว้ไม่ไกลมากนัก
     
    คันเร่งถูกบิดจนมิด เพื่อไปจากสถานที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุดและไม่มีใครสามารถตามมาทัน แขนของซองมินเอื้อมไปกอดเอวเพื่อนรักไว้เพราะคิบอมเล่นบิดจนเข็มจะเด้งหลุดออกมาจากหน้าปัดเอาเสียให้ได้ ถ้าไม่ถ้าที่ยึดดีๆเขาคงมีสิทธิ์ตกมอเตอร์ไซด์คันโปรดของคิบอมตายแน่ๆ แถมศพคงไม่สวยอีกต่างหาก
     
     
     
     
    “เรื่องคดีของท่านผู้กำกับปาร์คไปถึงไหนแล้ว ได้เรื่องอะไรเพิ่มเติมบ้างมั้ย”
     
    “ยังเลยครับท่าน”
     
    “คุณรับผิดชอบคดีนี้มาปีนึงแล้วนะ ผมจะให้เวลาคุณอีกสามเดือนในการจัดการคดีนี้ แต่ถ้าคุณยังทำไม่ได้ผมจะให้คนอื่นรับผิดชอบแทน ผมไม่อยากรอจนคดีหมดอายุความหรอกนะ”
     
    “แต่ท่านครับ”
     
    “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ผมจะบอกคุณแค่นี้แหละ เชิญออกไปได้ ตั้งใจทำงานล่ะ”
     
    “ครับ” มือข้างขวาถูกยกขึ้นเพื่อทำความเคารพเจ้านาย ช่วงขายาวของนายตำรวจหนุ่มก้าวออกมาจากห้องผู้บัญชาการอย่างช้าๆ เหมือนคนที่ปลงตกกับชีวิต
     
    “เป็นไงบ้างฮัน เจ้านายว่าไงบ้าง” สารวัตหนุ่มร่างท้วมปรี่เข้าไปหาเพื่อนรักทันทีเพื่อถามไถ่ถึงเรื่องที่ฮันคยองโดนเรียกเข้าไปพบวันนี้
     
    “ฉันต้องปิดคดีผู้กำกับปาร์คให้ได้ภายในสามเดือน ไม่งั้นผู้บัญชาการจะให้คนอื่นรับผิดชอบคดีนี้แทน” ฮันคยองเอ่ยออกมาเสียงเศร้า สามปีแล้วที่เขาเป็นตำรวจ คดีผู้กำกับปาร์คเป็นคดีที่เขารับทำต่อจากพ่อของเขาที่เกษียณอายุราชการไป แต่นี่ก็ผ่านมากกว่าหนึ่งปีแล้วคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
     
    “อย่าเครียดน่ะเพื่อน ฉันเชื่อว่านายต้องปิดคดีนี้ได้แน่” ชินดงตบบ่าฮันคยองเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ แต่เขาก็ไม่มั่นใจหรอกว่าฮันคยองจะสามารถปิดคดีได้ในเวลาสามเดือน
     
    คดีของผู้กำกับปาร์คเกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว เวลาสี่ปีที่ฮันชางพ่อของฮันคยองเป็นเจ้าของคดีไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับผู้ร้ายอีกคนที่หนีรอดไปได้เลยซักนิด แม้ว่าจะสืบยังไงก็ตาม และเวลาอีกหนึ่งปีที่ฮันคยองรับผิดชอบคดีต่อจากพ่อของเขาก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยเช่นกัน แม้แต่หน้าตาหรือชื่อเสียงเรียงนามของผู้ร้ายอีกคนที่ลอบยิงผู้กำกับปาร์คยังไม่มีใครเคยเห็นและรู้จัก แล้วเขาจะปิดคดียากๆแบบนี้ในเวลาอันสั้นได้ยังไงกัน
     
    “ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น” ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆ คดีเมื่อสองเดือนที่แล้วที่เขาวิสามันผู้ร้ายไปยังสร้างความทุกข์ใจให้เขาไม่หาย เรื่องที่ไม่เคยทำให้เขาสบายใจได้ก็ยังมาทวีความทุกข์ใจให้เขาเพิ่มขึ้นไปอีก
     
    “ฉันว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ฉันจะช่วยนายสืบคดีนี้เอง ไป!” ชินดงยิ้มให้ฮันคยองก่อนจะกอดคอพากันไปยังสถานที่ที่มันทำให้สบายใจกว่านี้ ฮันคยองเป็นคนคิดมากเขารู้ดี ยิ่งมาเจอสถานการณ์แบบนี้สมองของเพื่อนรักเขาตอนนี้คงไม่มีเวลาให้พักเลย


                                                                        -------------------------------------------------------
    kr...Talk
    I Believe Kangin
    ดีอีกรอบจ้า
    วันนี้ได้รู้ข่าวว่ามีฟิคหลายเรื่องถูกแจ้งแบนอ่ะ
    เรารู้สึกไม่ดีแทนไรเตอร์เลย เพราะในพวกนั้นมีที่เราชอบด้วย
    ไม่รู้ว่าเว็บมาสเตอร์มาเจอเอง หรือใครแจ้งนะ
    พอโดนแจ้ง ก็ตกจากท็อปเลย อ๊ากก!!
    ไม่อยากให้ลบเอ็นซีเลย

    ตอนนี้กี้ดูหล่อมากในสายตาเค้า(ความจริงก็หล่อทุกตอน)
    ดูเป็นเด็กที่มีแต่คนรักและปกป้อง
    แต่อึนฮยอกโดนยิงซะได้
    ความจริงบทบาทแถวนี้ไม่ค่อยอยากให้พี่เป็นเลย
    อึนฮยอกของเค้าต้องน่ารักนะ
    ขอโทษที่เพ้อแต่2คนนี้เพราะไรเตอร์คนนี้อ่ะชอบคยูกับฮยอก
    แต่ไรเตอร์อีกคนมันชอบมินกับฮัน
    ก็เค้าเป็นคนอัพ เลยบ่นสบายเลย
    ตามไปอ่านอีกเรื่องด้วยนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×