ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter1 : อักษรตัว L (NC WonTuek , KangCin)

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 54




     Chapter1 : อักษรตัว L (NC WonTuek , KangCin)


    เนื่องจากฉากนี้มีเนื้อหาไม่เหมาะสม
    เพราะฉะนั้นให้หาลิงค์อ่านได้บนShoutBoxจ้า
     
    โหมแรงใส่พี่ชายสุดสวยได้พักใหญ่กว่าจะหมดแรง ซีวอนล้มตัวลงนอนทับร่างเล็กของอีทึก โอบกอดจูบนัวเนียกันอีกพักใหญ่กว่าจะผละออกมาจากกันอย่างจริงๆจังๆ
     
    “แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปทำงานไหวเหรอครับ” จมูกโงยังคงนัวเนียอยู่ที่แก้มใส ก่อนจะดึงพี่ชายสุดสวยเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแล้วพูดคุยกันทางวาจาบ้าง หลังจากที่สนทนาทางร่างกายจบลงไปแล้ว
     
    “ไหวสิ หนักกว่านี้พี่ยังไปไหวเลย” มือบางลูบไล้บริเวณที่หน้าอกกว้าง เสียงที่พูดนั้นมันช่างออดอ้อนจนซีวอนแทบจะทนไม่ไหว แล้วประเคนบทลงโทษหนักๆให้อีกซักรอบ โทษฐานทำตัวน่าขย้ำ
     
    “แต่พรุ่งนี้คยูจะไปที่บ่อนนะครับ ผมว่าพอแค่นี้ดีกว่านะ” ซีวอนดึงผ้าห่มให้ขึ้นมาปกคลุมร่างกายที่เปลือยเปล่าของตนกับอีทึกไว้ พรุ่งนี้ยังมีงานที่สำคัญรออีมึกอยู่ กับการเป็นเลขาของคยูฮยอนน้องชายของเขาผู้ที่รับตำแหน่งดูแลกิจการทุกอย่างแทนพ่อที่กำลังล้มป่วย
     
    “ฉันรู้น่า แต่นานๆทีเราจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้นะซีวอน” อีทึกยังคงพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนเดิม เวลาที่จะอยู่ด้วยกันตามลำพังแบบนี้มีไม่ค่อยมากนัก เพราะซีวอนก็เจ้าชู้ใช่เล่นแต่เขาก็รู้ดีและยอมรับมันได้ แม้เจ้าเด็กรุ่นน้องนี่จะไม่ได้รู้สึกเหมือนอย่างที่เขารู้สึกด้วยก็ตามที
     
                    “แต่ถ้าพี่ลุกไม่ไหวล่ะก็โทษผมไม่ได้นะ”
     
                    “ฉันเคยโทษนายด้วยเหรอซีวอน” อีทึกเลิกคิ้วถาม
     
                    “ครับๆ ยอมแล้ว...ว่าแต่ที่บริษัทตอนนี้เป็นไงบ้างครับ แล้วคยูทำงานเป็นไงบ้าง” ถึงซีวอนจะไม่ได้รับหน้าที่ให้ดูแลบริษัทและกิจการทั้งหมดแต่อย่างน้อยเขาก็ได้ช่วยงานบ้างเล็กๆน้อยๆ และคอยช่วยคยูฮยอนอยู่ห่างๆ เพราะฉะนั้นความเป็นไปของบริษัทและการทำงานของน้องชายสมควรอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา ข้อมูลที่ได้ก็จากเลขาคนสวยของคยูฮยอนที่กำลังนอนอยู่อ้อมกอดของเขาคนนี้นี่แหละ
     
    “เรื่องบริษัทก็เรื่อยๆนะ คยูเองก็กำลังศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องบ่อนนานๆทีถึงจะได้เข้าไปดูแต่ตอนนี้ก็เรียบร้อยดีอยู่ คยูเองก็เพิ่งจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยคงจะไปฝากฝังหรือคาดหวังอะไรมากไม่ได้หรอก น้องยังเด็กเกินไป” อีทึกแจงรายละเอียดที่ซีวอนอยากรู้ให้ฟัง แต่ถึงคยูฮยอนจะยังเด็กแต่ก็มีความรับผิดชอบอยู่มากทีเดียว จะบอกว่ามีความรับผิดชอบมากกว่าพี่ชายอย่างซีวอนก็ได้
     
    “เพราะคยูยังเด็กไง ผมถึงต้องให้พี่ช่วยดูแล” พูดจบก็กดจูบไปที่กลีบปากบางซักทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
     
    “แล้วจะต่อให้พี่ได้หรือยัง” อีทึกออกปากทวงสัญญา ดวงตาคู่สวยดูขี้เล่นขึ้นมาทันทีที่พูด
     
    ซีวอนอมยิ้มน้อยๆ แล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรต่อ จัดการทำรักตามที่พี่ชายคนสวยร้องขอมา แก่นกายที่ยังตื่นตัวไม่หายก็ได้ขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นมา แรงอารมณ์ที่หยุดไปเมื่อครู่ก็ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
     
     
     
     
     
                    เสียงโห่ร้องที่แสดงออกถึงความดีใจและความผิดหวังดังออกมาเป็นระยะเมื่อลูกเต๋าสองลูกตกลงสู่พื้นโต๊ะ จำนวนเงินมากมายถูกส่งหมุนเวียนไปมา มีทั้งคนที่ได้และเสีย เรื่องโชคหรือการเสี่ยงดวงนั้นไม่เคยเข้าใครออกใคร แต่ถึงที่นี่จะเป็นบ่อนที่ผิดกฎหมาย ทุกอย่างก็ทำโดยสุจริตไม่มีการโกงแต่อย่างใด
     
                    “วันนี้อย่าให้มีเรื่องเชียวนะ คุณคยูฮยอนจะมาที่บ่อน” เยซองหรือคนที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลบ่อนทั้งหมดของตระกูลโจเอ่ยขึ้นกับลูกน้อง วันนี้ผู้รักษาการแทนประธานบริษัทโจกรุ๊ป โจคยูฮยอนจะมาดูความเรียบร้อยที่บ่อน
     
                    “ครับ” ลูกน้องที่ได้รับสั่งการรีบเข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยในบ่อนทันที เพราะอีกไม่นานคยูฮยอนก็จะมาถึงที่นี่แล้ว
     
                    เยซองยืนรอรับคยูฮยอนผู้ที่รับตำแหน่งดูแลกิจการแทนผู้เป็นพ่อโจฮยอนจินซึ่งกำลังล้มป่วย ทั้งเรื่องธุรกิจหลักทรัพย์ และเรื่องบ่อนคยูฮยอนเป็นคนดูแลหมด ทั้งที่เขาเพิ่งจะอายุสิบแปดปีเท่านั้น
     
                    รถ Maybach 57 Sสุดหรูหราเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบ เพียงแค่เยซองเห็นเท่านั้นก็รีบเข้าไปเปิดประตูให้ทันที ร่างสูงของโจคยูฮยอนที่ทุกคนต่างนับถือก้าวลงมาจากรถพร้อมกับเลขาประจำตัว และมือปืนอีกหนึ่งคน
     
                    ท่าทางที่ดูสงบนิ่งนั้นทำให้คยูฮยอนดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ให้ความเคารพกับทุกคนที่อายุมากกว่า ไม่เคยข่มเหงผู้อื่นหรือคนที่เป็นแค่เพียงเบี้ยล่างของตัวเองก็ตาม เพราะเหตุนี้เลยทำให้คยูฮยอนกลายเป็นที่รักของทุกคนอย่างง่ายดาย
     
                    “เชิญเลยครับ” เยซองเดินนำหน้าคยูฮยอนเข้าไปในบ่อน ที่ด้านหน้าจะมีคนเฝ้าอยู่สองคนเพื่อรักษาความปลอดภัยและเตือนภัยเมื่อมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง
     
                    เมื่อเข้ามาภายในบ่อนทุกคนที่เห็นคยูฮยอนต่างก้มหัวทักทายไม่ว่าคนๆนั้นจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม ซึ่งคยูฮยอนก็โค้งกลับอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินดูไปรอบๆ และเข้าไปพักที่ห้องส่วนตัวที่ไม่ได้เข้ามาบ่อยนัก
     
                    “รายได้เดือนนี้เป็นไงบ้างครับพี่เยซอง” คำพูดที่สุภาพถูกส่งไปยังผู้ได้รับมอบหมายให้คุมบ่อนแห่งนี้ คยูฮยอนหยิบแฟ้มที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาเปิดผ่านๆ ช่วงนี้เขาไม่ค่อยว่างมากนักเลยไม่มีเวลามาดูแลความเรียบร้อยได้บ่อยๆ เพราะเขาเพิ่งจะเรียนมหาวิทยาลัยเท่านั้น
     
                    “พอๆกับทุกเดือนครับ แต่ช่วงนี้คนเข้าบ่อนเยอะเป็นพิเศษ” เยซองตอบแล้วยิ้มบางๆ
     
                    “ครับ...งั้นพี่อีทึกช่วยจัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยด้วยนะครับ” ตอบรับเยซองก่อนจะหันไปบอกเลขาของตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆ
     
                    “อืม...ได้” เลขาคนสวยตอบกลับมาแล้วยิ้มหวาน ถึงจะเป็นผู้ชายแต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ต่างจากผู้หญิงเท่าไหร่นัก ถึงขนาดทำให้ชเวซีวอนลูกชายคนโตของตระกูลโจหลงได้อยู่พักใหญ่ ถึงขั้นไม่ยอมทำงานทำการ จนต้องให้น้องชายสุดท้องอย่างคยูฮยอนเป็นผู้ดูแลแทน เพราะพี่ชายคนโตออกจะเสเพเรื่องผู้หญิงไปหน่อย
     
                    “เดี๋ยวผมจะไปหลังบ่อนหน่อยนะครับ พี่อึนฮยอกไปกับผม ส่วนพี่อีทึกอยู่ที่นี่นะครับ ฝากพี่เยซองดูแลด้วย” คยูฮยอนลุกขึ้นก่อนจะสั่งการ ที่หลังบ่อนนั้นเป็นแหล่งค้ามนุษย์ย่อมๆ ซึ่งน้อยคนที่จะรู้ เขาเองก็ไม่ได้ชอบใจกับการทำธุรกิจแบบนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันทั้งผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม แต่ทั้งหมดนี้เป็นธุรกิจของครอบครัว เขาเลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับหน้าที่สืบต่อ
     
                    คยูฮยอนเดินออกไปพร้อมกับอึนฮยอกมือปืนของโจกรุ๊ปเพียงแค่สองคนเท่านั้น ที่เขาไม่อยากให้อีทึกไปด้วยก็เพราะไม่อยากให้พี่ชายที่เขารักต้องไปเห็นอะไรที่มันป่าเถือน คยูฮยอนนั้นนับถืออีทึกเหมือนพี่ชายแท้ๆคนหนึ่งเลยทีเดียว จะบอกว่านับถือมากกว่าพี่ชายแท้ๆอย่างซีวอนก็ว่าได้
     
                    “เกิดเรื่องแล้วครับคุณคยูฮยอน!! คนเฝ้าหน้าบ่อนถูกฆ่าตาย!!!” เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นที่คยูฮยอนเดินออกมาจากห้อง ลูกน้องคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
     
                    “พี่อึนฮยอกใจเย็น....รู้มั้ยใครทำ” คยูฮยอนใช้มือขวางอึนฮยอกที่ยืนอยู่ข้างๆเขาไว้ เพราะมือปืนเลือดเย็นของโจกรุ๊ปหยิบปืนออกมาแล้ว ก่อนจะหันไปถามลูกน้องคนนั้นอย่างใจเย็น
     
                    “ไม่ครับ! ผมออกไปก็เห็นทั้งสองคนตายแล้ว! แถมไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย!” ลูกน้องเอ่ยออกมาสีหน้าเครียด เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
     
                    “บอกทุกคนระวังตัวด้วย พี่อึนฮยอก พี่เยซอง แล้วก็พวกนายตามฉันมา!! พี่อีทึกรอผมอยู่ที่นี่นะ!” แล้วทุกคนที่คยูฮยอนเอ่ยถึงก็ออกไปยังหน้าบ่อน เหลือแค่เพียงอีทึกที่ยืนชะเง้อมองดูด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่คิดที่จะขัดคำสั่งคยูฮยอนแต่อย่างใด เขารู้ดีว่าน้องชายคนนี้เป็นห่วงเขามากขนาดไหน
     
                    “ไปดูให้ทั่ว! และอย่าให้เรื่องถึงตำรวจเด็ดขาด!” คยูฮยอนสั่งการอีกครั้ง เขานั่งข้างๆศพของลูกน้องทั้งสองคน รอยแผลที่หน้าอกด้านซ้ายยาวและลึกแทบจะทะลุไปด้านหลัง คนที่ลงมือฝีมือคงไม่ใช่เล่นๆ เพราะไม่มีทั้งร่องรอยการต่อสู้หรือทิ้งร่องรอยที่น่าจะเป็นหลักฐานไว้เลย
     
                    “ไม่พบอะไรเลยครับ” ลูกน้องออกไปดูโดยรอบบริเวณแล้วกลับมารายงาย
     
                    “ช่วงนี้เรามีเรื่องบาดหมางกับใครหรือเปล่าพี่เยซอง” สีหน้าของคยูฮยอนนั้นเครียดไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้โจกรุ๊ปไม่เคยมีอริที่ไหนมาก่อน
     
                    “ไม่มีครับ ผมว่าอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของไอ้สองคนนี้ก็ได้” เยซองเองก็มีสีหน้าเครียดไม่แพ้กัน
     
                    “แต่ผมว่าไม่ใช่” อึนฮยอกพูดขึ้น นั่งยองๆลงข้างศพแล้วหยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมา มันเป็นเหรียญเงินตรงกลางสลักอักษรตัวLไว้
     
                    “พี่เคยเห็นมันเหรอ” คยูฮยอนรับเหรียญเงินมาจากอึนฮยอก เขาไม่เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน และมันก็ดูเหมือนเหรียญธรรมดาทั่วไป
     
                    “ผมไม่เคยเห็นหรอก แต่เราเดาไว้ในแง่ร้ายไว้ก่อนก็ดี อยู่วงการแบบนี้เราไว้ใจใครไม่ได้หรอกครับ” อึนฮยอกพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ คยูฮยอนนั้นยังเด็กอาจจะตามไม่ทันเล่ห์กลต่างๆ ยิ่งอยู่ในวงการแบบนี้แล้ว ไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น
     
                     “จัดการศพสองคนนี้ให้เรียบร้อย อย่าให้เรื่องถึงตำรวจ ช่วงนี้ระวังตัวกันไว้ด้วย” คยูฮยอนใช้ความคิดกับคำพูดของฮยอกแจ ซึ่งมันก็เป็นความจริง ก่อนจะเข้าไปในบ่อนพร้อมเยซองและอึนฮยอก
     
                   
                    “เกิดอะไรขึ้นเหรอคยู” เมื่อเห็นคยูฮยอนเดินเข้ามาในห้องอีทึกจึงรีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
     
                    “คนเฝ้าหน้าบ่อนโดนฆ่าตายลน่ะครับ...พี่อีทึกเคยเห็นเหรียญนี่หรือเปล่าครับ” คยูฮยอนตอบคำถามก่อนจะยื่นเหรียญเงินที่เก็บได้ข้างศพให้อีทึกดู เลขาคนสวยหยิบไปพิจารณาดูแล้วขมวดคิ้วมุ่น
     
                    “ไม่นะ แล้วคยูไปเอามันมาจากไหน”
     
                    “พี่อึนฮยอกเก็บได้ข้างศพ ผมว่ามันน่าจะเกี่ยวกับที่คนของเราตาย พี่ช่วยหาข้อมูลให้ผมหน่อยนะครับ แล้วก็ไอ้อักษรตัวLที่สลักอยู่นั่น ผมว่ามันต้องมีความหมายอะไรแน่ๆ” ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของคยูฮยอน อีทึกพิจารณาดูเหรียญเงินอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าตาม
     
                    “งั้นพี่ขอเก็บเหรียญนี้ไว้นะ ว่าแต่ถ้าเราจะทำยังไงต่อไปล่ะคยู” อีทึกถามคำถามที่ทุกคนเองก็อยากรู้ เพียงไม่นานที่คยูฮยอนขึ้นมาดูแลก็เกิดเรื่องขึ้นซะแล้ว เด็กวัยเพียงสิบแปดปีเท่านั้นจะสามารถจัดการเรื่องนี้ยังไงทุกคนเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน
     
                    “ผมจะจัดการเองครับ” คยูฮยอนเงียบไปซักพักกว่าจะตอบออกมา ตอนนี้เขาไม่รู้หรอกว่าจะจัดการยังไง บางทีนี่อาจจะเป็นบททดสอบสำหรับเขาก็ได้ บททดสอบสำหรับผู้นำในอนาคตอย่างเขา
     
     
     
     
     
                    “พี่ฮีชอลล่ะเรียวอุก” ร่างเล็กที่เพิ่งเดินเข้าภายในบ้านเอ่ยถามคนที่กำลังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอโน๊ตบุ๊ค นิ้วเรียวกดพิมพ์ปุ่มบนแป้นพิมพ์ไปมาอย่างชำนาญ แต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกทำให้จำต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
     
                    “อยู่บนห้องพี่คังอินมั้งครับ วันนี้พี่คิบอมไม่มากับพี่ซองมินด้วยเหรอครับ” เมื่อตอบคำถามเสร็จเรียวอุกก็ตั้งคำถามกลับไป
     
                    “นายคงลืมสินะว่าวันนี้วันอะไร คิบอมเค้าไม่ว่างหรอก” ซองมินตอบยิ้มๆก่อนจะเดินผ่านน้องน้อยของบ้านไปที่บันได
     
                    “อ่า! จริงด้วยสิ ผมลืมไป” เมื่อนึกขึ้นได้เรียวอุกก็ร้องออกมาทันที ก่อนจะหันไปยิ้มให้ซองมิน
     
                    “นายทำงานต่อไปเถอะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหาพี่ฮีชอลก่อน” พูดจบซองมินก็เดินขึ้นบันไดไปทันที เพราะเขาไม่อยากจะรบกวนเวลาทำงานของเรียวอุกมากนัก ชีวิตของเจ้าน้องเล็กของบ้านนี้มีแต่โลกไซเบอร์กับข้อมูลและตัวหนังสือจริงๆ
     
                    เรียวอุกนั้นไม่ได้เป็นน้องชายแท้ๆของซองมิน เขาเป็นเพียงลูกน้องที่ทำงานให้ลีฮโยริแม่ของซองมินมานานเกือบห้าปีแล้ว ตั้งแต่เรียวอุกยังอยู่เพียงมัธยมต้นเท่านั้น ตลอดเวลาที่ทำงานให้กับลีฮโยริ เรียวอุกพักอยู่ที่บ้านหลังนี้ตลอด จนกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวลีไปแล้ว และความผูกพันกันตลอดเกือบห้าปีทำให้ซองมินรักเรียวอุกเหมือนกับน้องชายแท้ๆคนหนึ่ง
     
     
     
                    ซองมินเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของคังอินคู่หมั้นของฮีชอลลูกพี่ลูกน้องของเขา เสียงที่ดังเล็ดรอดออกมาจากในห้องทำเอาซองมินต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ เพราะพี่ๆของเขาขยันทำกันแต่หัววันเลย
     
                    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
     
                    ความเกรงใจไม่เคยมีต่อกันอยู่แล้วสำหรับคู่พี่น้องเหล่านี้ ซองมินเคาะประตูห้องโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ที่เหลือก็แค่ยืนรอคนในห้องมาเปิดประตูห้องให้เท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดจังหวะ แต่มีเรื่องสำคัญที่จะบอกกับฮีชอลและต้องบอกตอนนี้ซะด้วย
     
                    ผ่านไปซักพักก็ยังไร้การตอบรับจากพี่ทั้งสองที่กำลังทำรักกันอยู่ ซองมินเลยเคาะประตูอีกครั้งและนานกว่าเดิม ไม่นานพี่เขยของเขาก็ออกมาเปิดประตูด้วยใบหน้าที่แทบจะฆ่าเขาได้เลยทีเดียว
     
                    “มีอะไร” คังอินถามออกมาเสียงห้วน สภาพของเขาตอนนี้มีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวไว้หลวมๆเท่านั้น คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มดันมีมารมาผจญซะนี่
     
                    “ผมไม่ได้มีธุระกับพี่” พูดจบซองมินก็แทรกตัวเข้าไปด้านใน เหมือนกับว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
     
                    ซองมินทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงของพี่เขยก่อนจะมองหน้าฮีชอลแล้วอมยิ้ม มีรอยสีกุหลาบอยู่ปะปรายบนตัวของลูกพี่ลูกน้องคนสวย แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนคงยังทำกันไม่ถึงไหน ฮีชอลหันมามองซองมินแล้วจะขมวดคิ้วน้อยๆ คังอินที่เดินตามมาทีหลังนั่งลงข้างฮีชอลแล้วโอบไหล่บางไว้อย่างเจ้าข้าวเจ้าของ
     
                    “มีอะไรก็ว่าซองมิน นายนี่ชอบมาขัดจังหวะพี่จริงๆ” ฮีชอลพูดด้วยเสียงเคืองๆ ถึงซองมินจะเคารพเขามากๆ แต่มารยาทไม่ค่อยมีเท่าไหร่นัก
     
                    “วันนี้เริ่มงานวันแรกพี่จำไม่ได้เหรอครับ ผมกับคิบอมเพิ่งไปจัดการมา” ซองมินพูดไปก็ยิ้มไป และเมื่อฮีชอลกับคังอินได้ฟังประโยคที่ซองมินพูดมาก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้
     
                    “จริงด้วยสิ แล้วผลเป็นไง” ฮีชอลเอนตัวเข้าไปซบที่อกของคังอิน ใบหน้าสวยหวานเหยียดยิ้มร้ายกาจทันทีที่พูด
     
                    “โป้งเดียวจอด เสร็จไปสองราย” ซองมินชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว ถึงคนทำ ทำแล้วจะดูน่ารักขนาดไหน แต่ความหมายของมันนั่นไม่ได้เข้ากับหน้าตาหวานๆนั่นเลย
     
                    “ฮ่าๆๆ งั้นเหรอ” ฮีชอลหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ รู้สึกภูมิใจในตัวน้องชายอย่างบอกไม่ถูก
     
                    “อย่าได้ใจไปทั้งสองคนเลย! นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปนายต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะซองมิน รู้มั้ย!” คนที่ดูโตสุดในที่นี้เริ่มสอน ไม่ว่าจะคนที่อยู่ในอ้อมกอด หรือน้องชายภรรยาในอนาคตที่นั่งทำหน้าซื่ออยู่ตรงหน้าเขาก็ตาม คังอินยกกำปั้นหนักๆ ทุบลงไปที่หัวของฮีชอลเบาๆ แบบหยอกล้อ ก่อนจะชี้ไปที่ซองมินเหมือนกับว่าที่เขาพูดไปนั้นเป็นคำสั่ง
     
                    “ฉันรู้หรอกน่าคังอิน” เสียงหวานพูดขึ้นอย่างออดอ้อน จากภายนอกแล้วฮีชอลอาจจะดูบอบบางสำหรับคนอื่นๆ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าใต้หน้ากากแสนสวยและรูปร่างที่บอบบางนั่น มีสิ่งที่น่ากลัวซ่อนอยู่
     
                    “นายก็ระวังตัวไว้ด้วยนะซองมิน ฝากบอกคิบอมด้วยอีกคน แล้วก็....”
     
                    “ผมรู้แล้วล่ะน่า ไม่อยู่กวนพี่นานหรอก อย่าขย่มพี่ผมแรงนักล่ะ” ซองมินสวนขึ้นก่อนที่คังอินจะได้พูดจบ ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแลบลิ้นให้พี่เขยก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้อง ท่าทางที่ดูน่ารักนั่นทำเอาพี่ชายทั้งสองอดที่จะยิ้มไม่ได้
     
                    “ฉันไม่เชื่อเลยนะว่าคนอย่างซองมินจะกล้าทำได้ถึงขนาดนี้ มันช่างไม่เข้ากับหน้าตาน่ารักๆของน้องฉันเลยซักนิด” ฮีชอลพูดขึ้นเมื่อประตูห้องปิดลง เรื่องที่ซองมินมาบอกกับเขาเมื่อกี้มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับฆาตกรดีๆ เท่าไหร่นัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะเดินทางนี้แล้ว
     
                    “ทำเป็นพูดไป นายเองก็ไม่ต่างจากซองมินเท่าไหร่หรอก” ลำแขนแกร่งโอบรอบเอวบางไว้ จมูกโด่งฝังลงบนแก้มขาวอย่างหนักหน่วง ก่อนจะดันร่างบอบบางให้นอนลงเพื่อสานต่อกิจกรรมที่ทำค้างไว้
     
                     “แต่ฉันก็ใช้ปืนไม่เป็นนะ” ฮีชอลยกแขนคล้องคอคังอินไว้หลวมๆ เมื่อคนด้านบนเริ่มทำการขบเม้มร่างกายของเขาทีละน้อย
     
                    “ก็นายมีดีแต่ภาคทฤษฎีไง จะดีภาคปฏิบัติก็เรื่องนี้แหละ” คังอินยิ้มจนตาหยี คู่หมั้นเขาก็มีดีแต่เรื่องบนเตียงนี่แหละ ไม่งั้นคงไม่หลงขนาดนี้ ส่วนเรื่องปืนผาหน้าไม้เขาไม่สนใจหรอก เพราะเขาใช้ปืนเป็นและสามารถปกป้องฮีชอลได้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว
     
                   

    เนื่องจากฉากนี้มีเนื้อหาไม่เหมาะสม
    เพราะฉะนั้นให้หาลิงค์อ่านได้บนShoutBoxจ้า




                                                                      -----------------------------------------------------------

    kr...Talk
    เป็นงัยล่ะเพื่อนๆ เปิดมาตอนแรกก็เอ็นซีเลย แถมยังผิดคู่อีกต่างหาก
    มันก็เป็นเหมือนที่แนะนำตัวละครนั้นแหละ ไม่แปลกที่จะเป็นวอนทึกกับคังซิน
    เรื่องนี้อาจจะมีอารัยที่ตื่นเต้นขึ้น เปลี่ยนแปลงได้ตลอด เคะอาจจะอยากเมะบ้าง
    ไม่เอาดีกว่า ไม่พูดแล้ว ติดตามกันเองนะ

    ที่เริ่มด้วยเอ็นซีเพราะมันเป็นกลยุทธ์ในการแต่ง
    เรารู้ว่าจะทำให้เพื่อนสนใจ ก็ต้องเอาเอ็นซีมาล่อเนี่ยะแหละ
    (ไม่ใช้อารัยคนแต่งมันหื่น)

    13/04/54 อีดิทเอ็นซี
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×