คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15 : We got married
Chapter 15 : We got married
หลังจากการแข่งนักกีฬาหลานคนถูกส่งเข้าหน่วยปฐมพยายามของแต่ละหอทันที รวมไปถึงฮันคยองกับฮยอกแจที่อาการหนักไม่น้อยเลย เมื่อพามาถึงเยซองก็เข้ามาช่วยพยุงฮันคยอง แต่เพราะอาการวิงเวียนศีรษะกับอาการพะอืดพะอมยังไม่หายไปจึงทำให้ฮันคยองอาเจียนออกมาอีกรอบ
“เฮ้ย!” เยซองเด้งตัวออกจากฮันคยองทันทีเมื่อสิ่งที่ฮันคยองพ่นออกมามันพุ่งเป้ามาที่เสื้อของเขาเต็มๆ
“แค่อ้วกอย่าทำเป็นรังเกียจหน่อยเลยมาช่วยกันเร็วๆ” ฮีชอลบ่นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ตัวฮันคยองเองก็หนักใช่ย่อยให้เขาแบกคนเดียวแบบนี้ได้ซะที่ไหน
“ทำเป็นพูด ให้ฮันคยองอ้วกใส่นายบ้างสิ” ถึงตอนนี้เยซองอยากจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำเต็มแก่แต่ก็ต้องเข้ามาช่วยพยุงฮันคยองไปนั่งที่เก้าอี้จัดหายาและเครื่องปฐมพยาบาลมาให้
ด้านเรียวอุกก็เข้าไปช่วยฮยอกแจก่อนจะจัดการหายาให้ทานกันเป็นหวัด ส่วนเพื่อนๆคนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับข้องกับงานพยาบาลหลังจากพาตัวนักกีฬามาก็ถูกไล่กลับไปที่สแตนกันหมด โดยเฉพาะคยูฮยอนกับซองมินที่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาดูฮันคยองกับฮยอกแจเลยแม้แต่นิด เพราะต้องแข่งเป็นคู่ต่อไป
หลังจากปฐมพยาบาลเสร็จฮันคยองกับฮยอกแจก็ถูกส่งเข้าห้องพยาบาลก่อนจะถูกส่งให้กลับไปพักที่หอในเวลาต่อมา
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเยซองจึงเดินไปหยิบเสื้อตัวใหม่มาเปลี่ยน เรียวอุกที่นั่งอยู่มองตามไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ และเมื่อเยซองถอดเสื้อออกเท่านั้นใบหน้าขาวใสก็ขึ้นสีระเรื่อทันที แอบอึ้งในรูปร่างที่สมส่วนของเยซองซึ่งเรียวอุกไปเคยเห็นมาก่อน
เยซองเอาเสื้อที่ฮันคยองอ้วกใส่ทิ้งไว้ข้างๆ ขณะที่กำลังจะใส่เสื้อตัวใหม่ก็หันไปเห็นเรียวอุกยืนหน้าแดงมองเขาอยู่ แถมหน้าตายังบางบอกชัดเจนว่าเพ้อกับรูปร่างของเขาไปแล้ว
“อุ้ย!” พอรู้ตัวว่าเยซองหันมาเห็นเรียวอุกจึงยกมือขึ้นมาปิดตาไว้ ทำเอาเยซองหัวเราะคิกคักชอบใจ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าจุดอ่อนของเรียวอุกอยู่ไหน เพราะปกติแล้วเขาไม่เคยเปลือยต่อหน้าเรียวอุกเลย ไม่ว่าจะท่อนบนหรือล่างก็ตาม ดูท่าว่าเรียวอุกคงจะชอบให้เขาโชว์หุ่นแบบนี้นะ มันอาจจะดูเซ็กซี่ก็ได
“กลับเข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันแล้วนะครับ ทุกคนพร้อมไหมมมมมม!!!~” พิธีกรภาคสนามเจ้าเก่าเจ้าเดิมยังคงทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เพียงแต่อาจจะเกินไปหน่อยเท่านั้น
สุดท้ายการแข่งขันก็ดำเนินมาจนถึงเกมสุดท้ายของงาน หลังจากที่ลุ้นกับความเป็นความตายของนักกีฬาในเกม help me please กันไปแล้ว คราวนี้ทุกคนจะได้เปลี่ยนบรรยากาศกับเกมน่ารักๆอย่าง we got married ที่เรียกรอยยิ้มจากกองเชียร์รอบสนามได้เป็นอย่างดี
เมื่อได้สัญญาณจากกรรมการเหล่านักกีฬาของทุกหอต่างเดินลงสนามไปประจำที่ของตัวเอง ชุดของนักกีฬาเกมนี้จะพิเศษกว่าเกมอื่น โดยจะใส่เสื้อยืดสีขาวที่สกรีนเบอร์หอของตัวเองเอาไว้ กางเกงเป็นกางเกงขาสั้นเพื่อให้สะดวกต่อเกมการแข่งขัน ส่วนนักกีฬาในเกมอื่นๆจะสวมชุดวอร์มของทางมหาวิทยาลัยลงแข่งขัน
ซองมินเดินตามหลังคยูฮยอนออกไปยังจุดสตาร์ทด้วยความประหม่า เพราะชื่อเกมนี้มันทำให้รู้สึกเขินแปลกๆ หลังจากเลิกเป็นแฟนกันตามคำสั่งของอีทึกได้ไม่กี่วันก็ต้องมาเล่นเกมแบบนี้ เหมือนกับเป็นขั้นพัฒนาความสัมพันธ์ยังไงยังงั้น เป็นแฟนกันเสร็จต่อมาก็แต่งงานกัน
“เอาล่ะครับ! เกมนี้เราจะได้มาพบกับความลำบากของเหล่าสามีที่ต้องแบกภรรยาข้ามอุปสรรคต่างๆ หอใดจะสามารถพิสูจน์รักแท้ในเกมนี้ได้เรามาติดตามชมกันเลยคร๊าบบบบบ!!!~”
จบคำพูดของพิธีกรซองมินก็ก้มหน้านิ่ง รู้สึกได้ถึงความร้อนที่มันแผ่กระจายออกมา สามีภรรยา พิสูจน์รักแท้ ให้ตายเถอะจอร์จ! ถึงคนอื่นจะไม่คิดอะไรเพราะมันเป็นแค่เกม แต่อีซองมินคนนี้คิด!
กติกาของเกมนี้ค่อนข้างทรมานฝ่ายสามีไปซักนิด โดยเริ่มจากการอุ้มเจ้าสาวตั้งแต่จุดสตาร์ทวิ่งผ่านด่านต่างๆจนถึงเส้นชัยซึ่งมีอยู่ทั้งหมดสี่ด่านด้วยกัน หลายปีที่แข่งเกมนี้มามีคนทำเจ้าสาวตกแทบจะทุกปี แต่มันก็เป็นสีสันหนึ่งของเกมซึ่งเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ไม่น้อยเลย
“ระวัง!” เสียงสัญญาณจากกรรมการบ่งบอกให้สามีทุกคนอุ้มภรรยาของตัวเองเอาไว้ คยูฮยอนช้อนตัวซองมินขึ้นอุ้มด้วยท่าทางที่สบายๆแต่อีกฝ่ายกลับดูมีท่าทีเขินๆไปซักหน่อย เพราะซองมินเองก็เพิ่งเคยถูกทำแบบนี้เป็นครั้งแรก
ปี๊ด!
ทุกหอต่างออกสตาร์ทกันด้วยความคล่องแคล่วว่องไว จะเว้นก็แต่หอสองที่สามีดันสะดุดขาตัวเองล้มจนทำภรรยาหล่นกลิ้งไปเกือบสองเมตร สร้างเสียงโห่ร้องและเสียงฮาได้ลั่นสนาม ฝ่ายสามีเลยต้องรีบวิ่งไปอุ้มเจ้าสาวขึ้นมาวิ่งต่อ ไม่งั้นคงแพ้อย่างหมดท่าแน่ๆ
ด่านแรกของเกมนี้เป็นด่านแต่งหน้า เมื่อวิ่งมาถึงคยูฮยอนก็วางซองมินลงเพื่อผลัดกันแต่งหน้าให้ คยูฮยอนเป็นฝ่ายแต่งให้ซองมินก่อน โดนเริ่มจากแป้งพัฟและปัดแก้มเล็กน้อย แต่เพราะเป็นผู้ชายจึงไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้นัก จึงทำให้ซองมินกลายเป็นนางเอกงิ้วไปโดยปริยาย
“หอหกมุ่งหน้าไปด่านต่อไปแล้วครับ รวดเร็วกันจริงๆ” สิ่งบอกเล่าจากพิธีกรทำให้ซองมินยิ่งร้อนรนเพราะตนเองก็อยากชนะในเกมนี้เพื่อคว้าคะแนนเต็มให้กับหอ และด้วยความตื่นเต้นบวกกับความเร่งรีบทำให้เจ้าตัวหยิบลิปสติกขึ้นมาก่อนจะวาดลงไปที่คิ้วของคยูฮยอน
“เฮ้ย!” ร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ตนเองเอาไปทาให้คยูฮยอนนั้นคืออะไร ซองมินผงะไปเล็กน้อยแต่เมื่อคยูฮยอนขมวดคิ้วใส่เลยต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและรีบเอาลิปสติกวางไว้ที่เดิมก่อนจะโดนเห็นเข้า เพราะถ้าคยูฮยอนรู้ว่าเขาเอาลิปสติกไปทาคิ้วให้ล่ะก็เป็นเรื่องแน่
“เสร็จยัง” คยูฮยอนเอ่ยปากถามก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าถี่ๆ จากนั้นทั้งสองจึงมุ่งหน้าสู่ด่านต่อไป
คยูฮยอนอุ้มซองมินวิ่งไปด่านที่สองซึ่งเป็นด่านที่ต้องสวมชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวตามที่ทีมงานคณะกรรมการทั้งหลายจัดไว้ให้ คยูฮยอนวางซองมินลงอีกครั้งก่อนจะหยิบชุดเจ้าบ่าวที่แขวนไว้บนราวแต่ซองมินที่มือไวกว่าดันคว้าชุดเจ้าบ่าวไปก่อน
“ของนายชุดเจ้าสาวซองมิน” คยูฮยอนออกปากท้วงและพยายามแย่งชุดของตัวเองคืนมาแต่ซองมินกลับกำลังสวมมันอยู่
“อ๊ากกก!! ไม่ทันแล้วคยูฮยอน นายใส่ชุดเจ้าสาวไปแล้วกันนะ” ร้องโวยวายกลบเกลื่อนออกมาเมื่อตัวเองหยิบชุดผิดโดยตั้งใจ เพราะซองมินไม่อยากใส่ชุดเจ้าสาวเลยแย่งชุดเจ้าบ่าวของคยูฮยอนมาใส่แล้วทำทีว่ารีบจนหยิบผิด จริงๆแล้วเขาเขินที่จะใส่มันต่างหาก เขาเป็นผู้ชายนะจะมาให้ใส่ชุดเจ้าสาวแบบนี้ได้ไง
“เฮ้ย! ได้ไง! ก็ชุดนี้มันของฉัน แล้วไอ้ชุดผู้หญิงมันตัวเล็ก ฉันใส่ไม่ได้หรอก” คยูฮยอนโวยวายใหญ่เพื่อจะทวงเอาชุดของตัวเองคืนมาแต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อซองมินใส่มันเกือบจะเสร็จทั้งชุดแล้วตอนนี้เหลือก็แต่ผูกไทด์เท่านั้น
“ไม่ทันเวลาแล้วคยูฮยอน หอหกนำไปนู้นแล้ว ถ้าอยากชนะก็ใส่ไปก่อนนะ หรือว่านายอยากทำให้หอแพ้แล้วจนอดออกไปเที่ยวนอกเวลาหอปิดกัน เร็วๆรีบใส่” ว่าแล้วซองมินก็หยิบชุดเจ้าสาวยัดเยียดให้คยูฮยอนใส่
“ไม่เอา!” ร้องโวยวายไปก็เท่านั้นเพราะซองมินไม่ได้สนใจเลยซักนิด ขาของคยูฮยอนถูกยกขึ้นก่อนซองมินจะสวมชุดเจ้าสาวให้ คนโดนบังคับให้เลยได้แต่ทำหน้าบูดหน้าบึ้งเมื่ออีกคนเล่นเอาชัยชนะกับของรางวัลมาพูดให้ต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ซิบรูดไม่ได้” ซองมินบ่นอุบอิบเมื่อพยายามรูดซิบด้านหลังชุดให้คยูฮยอนแต่มันกลับรูดไม่ขึ้นคงเพราะชุดมันเล็กไปจริงๆ
“ก็ไม่ต้องรูดมันแล้ว” บอกด้วยอารมณ์บูดก่อนจะช้อนตัวซองมินขึ้นอุ้มแล้ววิ่งไปยังด่านต่อไป
“อ้าว! ยังไงกันล่ะครับเนี่ย! หอสิบสามของเราทำเด่นกันอีกแล้ว เจ้าสาวอุ้มเจ้าบ่าววิ่งแล้วล่ะครับ” และแล้วก็หนีไม่พ้นโดนพิธีกรแซว แต่ซองมินกับคยูฮยอนก็หาได้สนใจไม่ ตอนนี้ในหัวท่องไว้คำเดียวว่า ชัยชนะ
ด่านที่สามเป็นการอุ้มภรรยาวิ่งซิกแซกผ่านสิ่งกีดขวางเผื่อไปยังด่านสุดท้าย ดูเหมือนด่านนี้จะผ่านไปได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ยังมีบางหอที่วิ่งสะกุดสิ่งกีดขวางจนหกล้มคลุกคลานกันไป
“อ๊ากกกก!!” ซองมินร้องออกมาเสียงดังมือทั้งสองข้างยกขึ้นโอบรอบคอคยูฮยอนไว้แน่นเพราะทางโค้งไปโค้งมาทำให้เขารู้สึกหวาดเสียวว่าจะตกลงไปแถมคยูฮยอนยังวิ่งเร็วอีกต่างหาก ถ้าเกิดล้มลงไปล่ะก็คงได้ไถลวัดพื้นไกลกันเป็นเมตรแน่
“จะร้องทำไมเนี่ย!” ออกปากบ่นเมื่อเสียงแหลมๆมันทิ่มแทงโสตประสาทการได้ยินเหลือเกิน อุ้มวิ่งก็หนักพอแล้วตัวซองมินก็ใช่ว่าจะเบา แถมยังต้องมาทนกับเสียงร้องนี่อีก
“ก็มันน่ากลัวนี่” ปากพูดไปหน้าก็ซุกลงที่อกของคยูฮยอนเพราะไม่อยากมองพื้นหรือบรรยากาศรอบข้าง
“ด่านสุดท้ายแล้วครับ นำโดยหอหก ตามติดมาด้วยหอสิบสาม” เหล่านักกีฬาวิ่งซิกแซกราวๆสิบเมตรก็มาถึงด่านสุดท้าย ด่านนี้ต้องหยิบดอกไม้และไปถ่ายรูปคู่เป็นอันว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนการแต่งงาน แต่เกมนี้มีกติกาซ่อนอยู่ หากว่าคู่ใดโพสท่าที่ทางกรรมการห้ามโพสจะถูกปรับแพ้ทันที และในทุกๆปีจะเปลี่ยนกติกาการโพสท่าไปเรื่อยๆไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะต้องแอ็กท่าแบบไหนถึงจะไม่โดนปรับแพ้ งานนี้ต้องเพิ่งดวงกับดวงเท่านั้น
“1...2...3...แชะ!” กรรมการที่เส้นชัยนับจังหวะให้ก่อนจะกอดชัตเตอร์ คยูฮยอนยืนอุ้มซองมินอยู่อย่างเดิม กระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ส่วนซองมินยิ้มกว้างเห็นฟันหน้าครบทุกซี่ก่อนจะชูสองนิ้วขึ้นมาเมื่อกรรมการกดชัตเตอร์
รูปโพลาลอยด์ที่กรรมการถ่ายถูกส่งให้กับคยูฮยอนและซองมิน กรรมการคนดั่งกล่าวยิ้มกว้างก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงใสๆว่า
“ขอโทษด้วยนะครับ ทีมคุณแพ้แล้ว”
“ห๊ะ!” ทั้งคยูฮยอนและซองมินร้องออกมาพร้อมกัน ตัวซองมินถูกปล่อยลงทันทีก่อนทั้งสองจะมาช่วยกันเพ่งรูปที่ตัวเองถ่าย ท่าไหนกันที่มันผิดกติกา
“หอหก ชนะคู่ที่หนึ่ง สิบคะแนน” กรรมกราที่ประจำอยู่เส้นชัยลู่วิ่งของหอหกประกาศออกมาเสียงดัง ทำเอาผู้แพ้อย่างซองมินกับคยูฮยอนหันขวับไปมองในทันที
“พี่ครับ เราโพสท่าไหนผิดเหรอ” ซองมินเงยหน้าขึ้นไปถามกรรมการแต่ก็ได้รับการส่ายหน้ากลับมา
“เราบอกไม่ได้หรอกครับ ต้องรอให้แข่งเสร็จก่อน เชิญออกจากสนามได้เลยครับ” กรรมการยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเผยมือให้ทั้งสองอย่างสุภาพ
ซองมินเบ้ปากทันทีก่อนจะเดินออกไปจากสนามตามด้วยคยูฮยอนและก็มีเสียงของพิธีแว่วมาเกี่ยวกับการพ่ายแพ้ของหอสิบสาม
“เพราะนายยิ้มแบบนี้แน่เลยเราถึงได้แพ้” ว่าแล้วซองมินก็โยนความผิดไปให้รูมเมททันที
“อย่ามาใส่ความ เพราะนายชูสองนิ้วต่างหาก” แล้วมีหรือคนอย่างคยูฮยอนจะยอมให้โดนใส่ความ ทำการเถียงกลับทันที
“หรือเพราะนายอุ้มฉันไว้” ด้วยความไม่รู้ทำให้ทั้งสองเดากันไปเรื่อยเปื่อยแต่ตอนนี้คงจะโทษใครไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้ทั้งคู่ว่าท่าต้องห้ามนั้นคืออะไร โทษว่าดวงซวยน่าจะดีกว่า
“อย่ามาโทษฉัน”
“งั้นเอางี้มั้ยล่ะ ถ้าท่าของใครที่ทำให้แพ้โดนดีดหน้าผาก” ซองมินท้าทายออกมาอย่างมั่นใจเพราะคิดว่าท่าที่คยูฮยอนโพสต้องเป็นท่าที่ผิดชัว
“ก็เอาสิ ถ้านายแพ้ฉันจะดีดให้หน้าผากแตกเลย” พูดพร้อมทำท่าดีดประกอบ ซองมินเลยทำท่าหลับ แต่ถ้าเกิดคยูฮยอนชนะจริงๆแล้วโดนดีดเข้า หน้าผากคงแตกอย่างที่คยูฮยอนว่า
“ว่าแต่ทำไมตากับแก้มฉันในรูปมันแดงแจ๊ดแบบนี้ล่ะ” ซองมินเลิกสนใจท่าทางการโพสหันมาสนใจหน้าของตัวเองที่อยู่ในรูปแทน ดูไปแล้วเหมือนนางเอกงิ้วพิกล
“เอาน่าก็ฉันแต่งหน้าไม่เป็น อย่าว่าแต่นาย แล้วไอ้แดงๆที่ติดอยู่ที่คิ้วนี่มันอะไร” เมื่อโดนคยูฮยอนทักท้วงกลับบ้างซองมินก็รีบชักรูปมาถือไว้เองทันที ถ้าบอกว่าเอาลิปสติกไปทาคิ้วคงโดนว่าเอาแน่
“ก็เขียนคิ้วไง ในรูปมันไม่ชัดก็เลยเห็นเป็นสีนี้ไง เรากลับสแตนกันดีกว่า” แก้ตัวออกไปข้างๆคูๆ ก่อนจะเดินนำไปที่สแตน คยูฮยอนเองก็ใช่ว่าจะเชื่อในสิ่งที่ซองมินพูดนัก แต่ก็เดินตามซองมินไปที่สแตนเพื่อจะได้เปลี่ยนชุดและล้างหน้าล้างตา
“แกสองคนไปเปลี่ยนชุดเถอะว่ะ ทุเรศลูกตา” เมื่อรุ่นพี่เห็นทั้งสองเดินมาก็พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด นอกจากจะทำให้หอแพ้แล้ว ทั้งเสื้อผ้าหน้าตาก็แต่งไม่ได้ดูดีเลยซักนิด ถึงตัวจริงๆมันจะหล่อหน้าตาดีก็เถอะ
ซองมินกับคยูฮยอนเดินเข้าไปหลังสแตนก่อนจะถอดชุดออกเพื่อให้สตาร์ฟของหอเอาไปคืนให้กับคณะกรรมการ ตอนนี้ใครจะชนะหรือแพ้ทั้งสองไม่ได้สนใจนัก รอแค่เวลาประกาศว่าท่าไหนคือท่าโฟสต้องห้ามเท่านั้น
ระหว่างรอคยูฮยอนหยิบกระจกขึ้นมา ซองมินที่หันมาเห็นจึงรีบคว้าไปทันทีก่อนจะทำเป็นเอาไปส่องหน้าตัวเอง
“นายไปล้างหน้าเถอะคยูฮยอน” ซองมินพูดพลางดันหลังให้คยูฮยอนเดินไปที่ก๊อกน้ำหลังสแตน ส่วนตัวเองก็วางกระจกไว้แล้วเดินตามไปพร้อมกับหยิบโฟมล้างหน้าไปด้วย จากนั้นก็ทำการบีมโฟมใส่มือให้คยูฮยอนและล้างหน้าพร้อมกัน
เมื่อล้างหน้ากันเสร็จก็มานั่งรอผลการแข่งขันว่าหอใดจะเป็นฝ่ายชนะและได้รับสิทธิ์พิเศษในการเข้านอกหอนอกเวลานั้นไป
ใช้เวลาไม่นานนักการแข่งขันของเกมสุดท้ายก็จบลง ผลประกาศของท่าต้องห้ามคือท่าชูสองนิ้วที่ซองมินเป็นคนทำ และท่านี้ก็มีคนทำไปถึงสามหอที่ต้องโดนปรับแพ้ไป คราวนี้จึงได้เวลาของการลงทาคนผิดที่กล้าท้าทายกันบ้าง
“นายจะดีดีฉันจริงๆเหรอ” ทำสายตาอ้อนวอนเมื่อคยูฮยอนตั้งท่าจะดีดีหน้าผาก ซองมินกระพริบตาปริบๆอย่างต้องการความเห็นใจ
“ก็นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือไง”
“ก็ฉันกลัวเจ็บนี่” ทำปากแบะเหมือนเด็กพลางเหล่ตามองคยูฮยอนที่ทำท่าเหมือนกับผู้ใหญ่ใจร้าย
“งั้นก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มสิจะได้ไม่เจ็บ” ดงแฮที่นั่งมองสองคนนี้คุยกันตั้งแต่เข้ามาในสแตนก็พอจะเดาอยู่บ้างว่าพูดเรื่องอะไรกัน เพราะท่าทางมันก็บ่งบอกอย่างชัดเจน
“จะบ้าเหรอดงแฮ” ร้องค้านออกมาเสียงดัง หน้าขาวๆเริ่มจะขึ้นสีขึ้นมานิดๆเมื่อคิดว่าถ้าคยูฮยอนเกิดทำตามที่ดงแฮบอกจริงๆ
“ไม่บ้าหรอก จูบกันยังเคยมาแล้วเลย” พูดจบดงแฮก็หัวเราะคิกคัก
“ว่าแต่คนอื่น เมื่อกี้นายกับคิบอมยังจูบกันกลางสนามเลย” ได้ทีเลยซองมินเลยรีบตอกกลับทำเอาดงแฮเงียบไปทันที ก่อนจะหันหน้าหนีเพื่อตัดบทสนทนากับซองมินซะ เถียงเรื่องนี้ทีไรทำไมเขาถึงเสียเปรียบทุกที
“งั้นเป็นอันว่า....” ซองมินที่กำลังจะพูดต้องค้างไว้แค่นั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นหน้าคยูฮยอนอยู่ห่างออกไปเพียงนิดเดียวแค่นั้น เขาจำได้ว่าเมื่อกี้ยังไม่ใกล้เท่านี้นี่นา
“ว่าอะไร” เลิกคิ้วถามพร้อมทำท่าจะดีดหน้าผากซองมินอีกครั้ง
“อย่าดีดนะ งั้นฉันให้นายหอมแก้มก็ได้” โบกมือปฏิเสธแบบทันควันพร้อมกับกระเถิบออกห่างแล้วเผลอยื่นข้อเสนอที่ดงแฮบอกออกไป
“นายว่าไงนะ” คำย้อนถามของคยูฮยอนทำเอาซองมินชะงัก เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้เผลอพูดอะไรออกไป
“เอ่อ...ฉันล้อเล่นน่ะ” พูดจบก็หันหน้าหนีไปอีกทาง ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวป้อยๆ รู้สึกใบหน้ามันร้อนผ่าวขึ้นมา เขินอยู่เหมือนกันที่พูดออกไปแบบนั้น
คยูฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก แต่ก็อดคิดกับคำพูดของซองมินไม่ได้ แล้วถ้าเกิดซองมินพูดจริงๆ เขาจะเลือกทำหรือไม่ทำดี
“เอาล่ะครับ ได้เวลาประกาศผลการแข่งขันกันแล้ว หอใดจะได้ชัยชนะกันเรามาลุ้นพร้อมกันเลยคร๊าบบบ!!” คิดเรื่องเรื่อยเปื่อยกันได้ไม่นานเสียงพิธีกรก็ดังขึ้น ต่างคนต่างก็วิ่งออกไปหน้าสแตนเพื่อรอลุ้นผลการแข่งขันไปพร้อมๆกัน
“ชัยชนะของเราในปีนี้ตกเป็นของ.....หอเจ็ดคร๊าบบบ!!” เป็นไปตามคาดหมายเพราะปียี้หอเจ็ดทำผลงานได้ค่อนข้างดีทีเดียว พอสิ้นเสียงกรรมการหอเจ็ดก็ส่งเสียงร้องแสดงความดีใจกันออกมาดังลั่น ส่วนหออื่นก็ได้แต่ทำหน้าจ๋อยกันไปตามระเบียบ
หลังจากงานกีฬาจบนักศึกษาทุกหอก็ต้องมาช่วยกันทำความสะอาดในส่วนสแตนของตัวเอง และหากหอใดไม่เก็บกวาดทำความสะอาดให้เรียบร้อยก็จะโดนทำโทษ
“เพราะนายคนเดียวเลยซีวอนหอเราถึงได้แพ้” ขณะเก็บของไปฮีชอลก็บ่นไป แถมยังโดยนความผิดไปให้ซีวอน ทั้งที่คู่ของตัวเองก็ได้คะแนนแท้ๆ
“นายมาโทษฉันได้ไงเล่า ฉันอุตส่าห์ยอมให้เธอจิกหัวจนระบมแล้วได้คะแนนมานะ ทีอย่างคู่คังอินกับอีทึกแพ้ไม่ไปว่าบ้างล่ะ” ซีวอนที่กำลังก้มเก็บของอยู่ยืดขึ้นมาสุดตัวแล้วเถียงกลับอย่างไม่สบอารมณ์นัก คนแพ้มีตั้งเยอะแยะดันมาว่าเขาที่ได้คะแนนมาให้หอ
“อย่ามาพาดพึงได้มั้ย” คังอินบอกอย่างฉุนๆ แค่แพ้ก็อารมณ์เสียมากพอแล้วยังจะมาโยนความคิดให้กันอีก
“พอได้แล้วพวกนาย เถียงกันไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมา” ชินดงห้ามทัพเอาไว้ก่อนจะเกิดศึกน้ำลายที่มันลุกลามไปมากกว่านี้
พอได้ชินดงเตือนสติทุกคนก็เงียบไปเหมือนว่าเพิ่งจะคิดได้ เพราะเกมมันก็คือกีฬา ย่อมมีแพ้มีชนะ ไม่มีที่จะชนะได้ตลอด และคงไม่มีใครอยากให้หอของตัวเองแพ้ ในเมื่อแก้ไขอะไรไม่ได้คงต้องปล่อยมันผ่านไป
“เอางี้มั้ย ในเมื่อเราไม่ชนะก็แอบหนีไปเที่ยวกันเองซะเลย” คิบอมเสนอคิดและก็ได้รับความนสใจจากเพื่อนเป็นอย่างดีทีเดียว
“แอบหนี ถ้าโดนจับได้นี่หนักเลยนะ” เรียวอุกพูดขึ้นอย่างหวั่นๆ ก็รู้อยู่ว่าทางหอเคร่งครัดเรื่องระเบียบแค่ไหน
“ก็อย่าให้โดนจับได้สิ” ฮีชอลแย้งขึ้น
“แล้วเราจะหนีกันไปยังไงล่ะ” อีทึกถาม จริงๆแล้วเขาก็อยากออกไปเที่ยวกลางคืนบ้างเพราะการเรียนก็ทำให้เครียดอยู่พอตัว แต่เพราะที่หอมีเวลาเปิดปิดที่ค่อนข้างเคร่งทำให้ยากที่จะหนีออกไปหรือถ้ากลับมาแล้วก็เข้าหอไม่ได้อีก เหลือทางเลือกเดียวคือต้องนอนค้างโรงแรม แต่เขาไม่ขอเลือกทางเลือกนี้
“ที่หลังคณะฉันมีทางหนีออกไปได้ รุ่นพี่แอบหนีไปเที่ยวแล้วกลับมาเล่าให้ฟังประจำ” เมื่อคิบอมพูดจบทุกคนก็ตาลุกวาวทันที
“งั้นเอางี้นะ ทุกคนรีบเก็บกวาดกันให้เสร็จ จากนั้นก็ขึ้นทำธุระบนห้องใก้เรียบร้อย แล้วมาเจอกัที่หน้าลิฟต์ คืนนี้เราจะหนีไปเที่ยวกัน” ชินดงกวักมือเรียกทุกคนให้มายืนล้อมลงกันก่อนจะบอกแผนการหนีเที่ยวครั้งแรกของเหล่านักศึกษาหอสิบสามชั้นสี่ วันนี้เป็นไงเป็นกัน ขอเที่ยวซักวันในสบายใจ
ทุกคนพยักหน้ารับก่อนจะแยกย้ายกันไปเก็บของทำความสะอาดในส่วนของตัวเองให้เสร็จ แล้วแยกย้ายกันขึ้นห้องไปเตรียมตัว และมารอกันที่จุดนัดพบหน้าลิฟต์
----------------------------------------------
kr...Talk
สวัสดีจ้าเพื่อนๆ วันนี้เป็นวันดีแห่งปี
สัญญาแล้วว่าจะมาอัพให้ พร้อมกับเป็นตอนคยูมินที่ไม่รู้จะเรียกว่าหวานดีไหม
วันนี้วันคยูมินแห่งชาติ ขอให้พี่ๆทั้ง2มีความสุข
รักกันให้นานๆจนกว่าจะแต่งงานกัน(ถ้าแต่งจริงไปแน่)
แม้กี้จะไม่ชอบโจวลี แต่ถ้าเป็นคยูมินถูกใจกว่าใช่ไหม 555
ต่อเรื่องฟิคเถอะ มันออกแนวฮามากกว่าหวานมั้ง
เค้าอยากเห็นคยูของเราเป็นแบบนี้จริงๆจัง
กติกาก็แสนปัญญาอ่อน 555
ในที่สุดหอก็แพ้ เนี่ยแหละความตั้งใจ
ไปแล้วนะเพื่อนๆ การบ้านเยอะมาก
รอบหน้าไม่รู้จะมาอัพตอนไหนนะ รอแล้วกันนะจ๊ะ
อวยพรให้พี่คยูมินด้วยแล้วกัน
ความคิดเห็น