ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #41 : Part 11 : coffee or milk or….me? ภาค 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.76K
      10
      5 ก.ค. 52



    Part 11 : coffee or milk or….me?
     
     
     
    แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ส่องลอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามา ทำให้คยูฮยอนที่นอนหลับอยู่อย่างสบายต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมโปงเพราะแสงแดดมันแยงตา แล้วไหนจะไฟที่เปิดภายในห้องอีก
     
                    ซองมินที่เตรียมตัวสำหรับการไปโรงเรียนเรียบร้อยเดินเข้ามาในห้องยังเห็นเจ้าเด็กตัวสูงนอนขดอยู่เลยกระโดดขึ้นไปนั่งทับ เพราะก่อนที่เขาจะลงไปข้างล่างก็ปลุกไปรอบนึงแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่นซักที
     
                    “คยู! ตื่นได้แล้ว” ซองมินดึงผ้าห่มที่คลุมตัวคยูฮยอนออกแล้วขย่มตัวให้แรงสั่นสะเทือนช่วยปลุก แต่คยูฮยอนกลับปรือตาขึ้นมาดูแล้วเอาหมอนมาปิดหน้า
     
                    “เพิ่งหกโมงครึ่งเอง” เสียงงัวเงียตอบกลับมาเมื่อคยูฮยอนเหลือบไปดูนาฬิกา
     
                    “อย่าทำตัวแบบนี้สิ บอกให้นอนเร็วๆก็ไม่เชื่อ เล่นมันอยู่นั่นแหละ” ซองมินดึงหมอนที่คยูฮยอนเอาปิดหน้าไว้ออก ตาปรือๆนั่นช้อนขึ้นมองมาแต่ก็ไม่ลุกเสียที เพราะเมื่อคืนมัวแต่เล่นเกมจนดึกลืมเวลาหลับเวลานอนไปเสียสนิท
     
                    “ลุกสิ เดี๋ยวสายหรอก”
     
                    “ก็นั่งทับอยู่แบบนี้จะลุกได้ไงล่ะ” คยูฮยอนสวนกลับ แต่เมื่อซองมินลุกออกไปเขาก็ยังคงนอนอยู่เหมือนเดิม เปลือกตามันหนักจนไม่อยากจะตื่น
     
                    “จะไม่ไปใช่มั้ยโรงเรียนเนี่ย” ซองมินยืนพึมพำอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าวิธีไหนที่จะปลุกคยูฮยอนให้ตื่นได้
     
                    คยูฮยอนที่นอนอยู่ปรือตาขึ้นมามองว่าคนรักจะมีวิธีปลุกเขายังไงถ้ายังไม่ยอมลุกแบบนี้ ได้หาเรื่องแกล้งกันแต่เช้าเลยวันนี้
     
                    “คยู~” ซองมินนั่งลงข้างๆคยูฮยอนก้มลงไปกระซิบข้างหูเสียงกระเส่า
     
    คนที่นอนอยู่หันหน้าไปมองแต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือหน้าอกหน้าใจขาวจั๊วะแบนราบ เพราะเจ้าตัวไม่ได้ใส่เสื้อผ้าให้มันเรียบร้อยเท่าไหร่ กระดุมสองเม็ดบนก็ไม่ได้ติด พอก้มลงมามันเลยเห็นไปถึงไหนต่อไหน นี่มันตั้งใจยั่วกันชัดๆ
     
    “อืม” คยูฮยอนแทบจะไม่ละสายตาไปไหนเลยก็ว่าได้ และมือไม้มันก็เร็วกว่าความคิดเสมอ รั้งตัวคนที่หาอันตรายเข้าหาตัวลงมากอด แล้วห้อมแก้มนิ่มๆไปฟอดใหญ่ด้วยความหมั่นเขี้ยว
     
    “อ่า~คยู! เดี๋ยวเสื้อยับ” ซองมินร้องแล้วลุกขึ้นนั่ง คยูฮยอนเลยลุกขึ้นตามแล้วกอดไว้จากทางด้านหลัง
     
    “ยั่วแต่เช้าเลย” ไม่กอดเปล่า จมูกโด่งเริ่มทำหน้าที่สูดดมกลิ่นหอมๆจากคนในอ้อมกอด ไหล่เนียนลาดปรากฏสู่สายตา เพราะเสื้อถูกมือใหญ่ดึงจนแทบจะหลุดออกจากไหล่เล็ก
     
    “ไม่ได้ยั่วซักหน่อย ก็ปลุกแล้วไม่ยอมตื่นเองนี่นา...อย่าดึงสิ” ซองมินตีมือซนของคยูฮยอนที่พยายามดึงเสื้อให้หลุดออกจากไหล่แล้วว่าเสียงเขียว
     
    “แล้วทำไมไม่ติดกระดุม” คนโดนตีก็ยังไม่วายหาเหตุผลมายื้อเวลาเพื่อจะหาทางลวนลาม เอื้อมมือไปจับมือเล็กที่กำลังติดกระดุมเสื้อของตัวเอง
     
    “ก็กำลังจะติดนี่ไงแล้วจะจับไว้ทำไมเนี่ย ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว”
     
    “อย่าเพิ่งก็ได้...ยั่วอีกสิ ชอบ” คยูฮยอนยิ้มเจ้าเล่ห์ จับมือที่พยายามจะติดกระดุมเสื้อเอาไว้ซะเลย เขาล่ะชอบเวลาที่ซองมินเป็นแบบนี้ที่สุด
     
    “ยั่วอะไรเล่า! ไม่เอาหรอก!” ซองมินร้องบอกหน้าแดง อยู่ดีๆก็มาบอกให้ยั่ว แล้วใครมันจะไปทำ
     
    “ถ้าไม่ทำไม่ปล่อย เอาดิ!” คยูฮยอนทำท่างอแงเหมือนเด็กๆ เมื่อซองมินทำท่าจะไม่ยอมทำตามที่ขอ
     
    ซองมินหันไปมองค้อนใส่ชุดใหญ่แต่อีกคนก็ยังทำลอยหน้าลอยตา หัวสมองเลยทำการประมวลผล เพื่อทำตามที่อีกคนขอ แล้วก็นึกถึงหนังสือการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เคยอ่าน คิดแล้วก็เขิน
     
    ซองมินนั่งทำใจอยู่ซักพัก แต่พอมือของคยูฮยอนเริ่มจะเลื้อยไปตามร่างกายตัวเองอีกรอบ เลยต้องรีบตัดสินใจพูดออกไป
     
    “เช้านี้จะรับอะไรดีครับ” ซองมินปรับสีหน้ากับอารมณ์เสร็จก็หันหลับมาถามคนที่กอดตัวเองอยู่
     
    ดวงตากลมที่ส่งไปให้หวานเยิ้ม น้ำเสียงที่แสนจะเย้ายวน แถมรอยยิ้มที่เป็นประกายนั่นอีก คยูฮยอนเลิกคิ้วสูงเหมือนยังปรับตัวไม่ทัน แต่แล้วบนใบหน้าหล่อเหล่าก็ผุดรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา ในที่สุดเหยื่อก็ตกหลุมพราง จะเล่นอะไรล่ะคราวนี้
     
    “รับอะไรดีน้า~” คยูฮยอนต่อบท ทำท่าเหมือนคิดอะไรไม่ซักอย่าง
     
    “coffee or milk or….me” น้ำเสียงยั่วยวนถูกส่งออกมาจากริมฝีปากบางที่กระตุกยิ้มเล็กน้อย ถึงสีหน้าท่าทางจะดูเหมือนพวกชำนาญการยั่วผู้ชายทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้รู้เรื่องเท่าไหร่นัก แต่ข้างในใจกลับเต้นไม่เป็นส่ำ เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองก็บ้าจี้ไปกับคยูฮยอนได้
     
    “ยังจะมีหน้ามาถามอีก” ตอนนี้สติคยูฮยอนเริ่มกระเจิดกระเจิง จับซองมินดันลงนอนกับเตียงแล้วก้มลงไปหอมแก้มที่เริ่มแดงนั้นอีกหลายฟอดใหญ่
     
    “ปล่อยนะคยู!~ ไหนบอกว่าทำแล้วจะยอมลุกไง” พูดไปก็เบี่ยงหน้าหลบจมูกโด่งที่นัวเนียอยู่ตรงใบหน้า ส่วนมือก็พยายามจะดันไหล่กว้างออก ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวแต่เช้าเลย แล้วแบบนี้จะได้ไปเรียนมั้ยล่ะเนี่ย
     
    “ถ้าลุกแล้วขอมากกว่านี้ได้ป่ะ” คยูฮยอนยักคิ้วด้วยท่าทางที่กวนประสาท ซองมินหน้าหงิกทันทีเมื่อเจอคำต่อรอง นี่เขาแค่จะมาปลุกให้ลุกไปโรงเรียนไม่ใช่เหรอ
     
    “รีบๆลุกเหอะน่า! จะเจ็ดโมงแล้วนะ”
     
    “ก็ได้” คยูฮยอนยิ้มกริ่มแล้วยอมลุกไปเข้าห้องน้ำแต่โดยดี ซองมินเห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วก็ได้แต่ยู่หน้า พออาบน้ำเสร็จคยูฮยอนต้องมีเรื่องมาแกล้งเขาอีกเป็นแน่
     
    ซองมินลุกขึ้นนั่งแล้วจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ติดกระดุมที่เพิ่งแกะออกตอนจะปลุกคยูฮยอน เสร็จแล้วจึงไปหยิบเสื้อสูทของโรงเรียนมาสวมทับอีกที
     
    ไม่นานคยูฮยอนก็จัดการกับภารกิจส่วนตัวของตัวเองเสร็จ ทั้งสองกำลังเดินออกจากห้องเพื่อไปทานอาหารเช้าข้างล่าง เพราะนี่ก็เจ็ดโมงกว่าแล้ว
     
    มือของซองมินแตะลูกบิดแต่ยังไม่ทันได้เปิดมันออกคยูฮยอนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็จับมือเขาไว้ซะก่อน เมื่อซองมินหันกลับไปมอง คยูฮยอนก็เข้าจู่โจมทันที ริมฝีปากหนาก้มลงประกบริมฝีปากบางโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว ลำแขนแกร่งโอบรอบเอวบางแล้วกดท้ายทอยเพื่อไม่ให้อีกคนได้ขัดขืน
     
    ซองมินเบิกตาโผลงแต่แล้วก็หลับลงอย่างช้าๆ แขนที่ดันอยู่ตรงแผ่นอกกว้างค่อยๆเคลื่อนขึ้นไปคล้องคอคยูฮยอนเอาไว้ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ลิ้นสองลิ้นเกี่ยวกวัดแลกน้ำลายกันไปอย่างไม่รู้จักเบื่อ จนลืมไปเลยว่าตั้งใจกำลังทำอะไรกันก่อนหน้านี้
     
    ซองมินผลักอกคยูฮยอนออกเบาๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาจะต้องไปโรงเรียน วันนี้เขาเสี่ยงเสียตัวรอบที่สองแล้วนะเนี่ย
     
    “เคลิ้มเชียวนะ” คยูฮยอนเอ่ยแซวแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
     
    “ไปได้แล้วน่า” ซองมินกระแทกเสียงใส่เล็กน้อยจึงเดินนำออกจากห้องไป ส่วนคยูฮยอนก็เดินตามออกไปติดๆ
     
     
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     
     
     
                    เมื่อมาถึงโรงเรียนฮยอกแจก็ได้รับนามบัตรของชินดงมาจากซีวอน เพื่อใช้ติดต่อเรื่องงานที่ซีวอนได้บอกไว้เมื่อวาน ฮยอกแจเลยรีบโทรไปหาซีวอนทันที
     
                    “สวัสดีครับพี่ชินดง ผมฮยอกแจนะครับ” เมื่อปลายสายรับฮยอกแจก็กรอกเสียงลงไปทันที
     
                    (ครับ หลังเลิกเรียนให้คุณฮยอกแจมาที่บ้านของคุณฮีชอลนะครับ ตอนนี้ผมต้องวางสายก่อน สวัสดีครับ) เมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใครชินดงก็รีบพูดแล้ววางสายไปทันที
     
                    “เดี๋ยวก่อนสิครับพี่ชินดง” ฮยอกแจพยายามร้องเรียกแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เลยได้แต่ยืนมองมือถือของตัวเองอย่างงงๆ ยังไม่ทันจะคุยกันรู้เรื่องชินดงก็วางสายไปซะแล้ว
     
                    ฮยอกแจเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียนของตัวเอง แต่ดันเจอกับบุคคลที่เขายังไม่พร้อมจะพบหน้าตอนนี้เท่าไหร่นัก
     
                    “สวัสดีฮะพี่ฮยอกแจ” แทมินที่ยืนอยู่กับมินโฮเห็นฮยอกแจกำลังเดินมาทางตัวเองเลยทักขึ้น
     
                    “สวัสดีครับ” ฮยอกแจทักกลับด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว อยากจะออกไปจากที่ตรงนี้เดี๋ยวนี้เลยซะด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เขาแทบจะไม่กล้าสู้หน้าแทมินเลย ก็เมื่อวันงานเชื่อมสัมพันธ์ดันโดนฮันคยองดึงเข้าไปจูบต่อหน้าต่อตาแทมิน เลยรู้สึกเสียฟอร์มที่โดนเมะอย่างฮันคยองจูบเอา
     
                    “กำลังจะขึ้นเรียนเหรอฮะ” แทมินเอ่ยถามขึ้นโดยมีมินโฮยืนปั้นหน้านิ่งอยู่ไม่ห่าง
     
                    “ครับ”
     
                    “เอ่อ....เรื่องเงินเป็นไงบ้างฮะ” แทมินคิดอยู่ซักพักก่อนจะถามออกมา ที่จริงใช่ว่าตัวเองจะไม่รู้สึกผิดที่ดันไปยุฮยอกแจจนเกิดเรื่อง แต่มันก็รู้สึกสะใจอยู่เหมือนกัน
     
                    “ครับ ก็ดี” อยู่ๆฮยอกแจก็กลายเป็นคนถามคำตอบคำไปซะเฉยๆ เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะตอบอะไร ถามคำถามแบบนี้รู้สึกเหมือนมาตอกย้ำกันยังไงก็ไม่รู้
     
                    “เหรอฮะ” แทมินยิ้มแหยๆออกมา บรรยากาศตอนนี้ไม่ดีเอาซะเลย เห็นฮยอกแจที่เคยร่าเริงเป็นแบบนี้ก็เลยเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา
     
                    “ถ้าไม่อะไรพี่ขอตัวก่อนนะครับ” ฮยอกแจยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้วยความรวดเร็ว
     
                    “ฉันว่าจะเริ่มแผนสุดท้ายแล้วล่ะมินโฮ” แทมินหันไปคุยกับมินโฮ สิ่งที่เขาคิดคงจะดูเกินอายุของเขาไปบ้าง แต่เพราะฮยอกแจคือคนที่ได้ความฝันทุกอย่างของเขาไป เขานี่แหละจะทำลายคนๆนี้เอง
     
                    “เย็นนี้ไปหาจงฮยอน อนยูกับคีบอมกัน”
     
                     
     
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     
     
                    หลังเลิกเรียนเยซองขับรถมารับเรียวอุกทุกวันตามปกติ จะไม่ปกติก็ไอ้ตรงที่ไม่ได้มาคนเดียว ดันมีหญิงสาวนั่งติดรถมาด้วยอีกคน เมื่อเรียวอุกเห็นก็พูดอะไรไม่ออก ยัยคนนี้เป็นใครกัน
     
                    ยังไม่ทันที่เรียวอุกจะได้เอ่ยปากพูดอะไร เยซองก็ถลาลงจากรถมาแล้วยิ้มตาปิด แค่เห็นสีหน้าเรียวอุกก็พอจะรู้แล้วว่าตอนนี้เจ้าตัวเล็กของเขาอยู่ในอารมณ์ไหน
     
                    “นี่เจสสิก้า เพื่อนเยเย่ที่มหาลัย พอดีรถเจสสิก้าเสีย แล้วบ้านเราอยู่ทางเดียวกัน กลับด้วยกันคงไม่เป็นไรนะ” เยซองเข้ามากอดเรียวอุกที่ทำหน้าบึ้งตึงเอาไว้ อุตส่าห์หวานกันมาตั้งนาน ไม่อยากมาทะเลาะกันเรื่องเล็กๆน้อยๆ
     
    ส่วนเจสสิก้านั้นเยซองไม่ได้เต็มใจอยากให้มาด้วยนัก เพราะไม่อยากให้คนรักเข้าใจผิด แต่พอโดนตื้อหนักเข้าก็ไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งที่บอกไปแล้วว่าจะมารับแฟน แต่ก็ยังด้านที่จะมาด้วย จะให้เขาด่าผู้หญิงก็ยังไงอยู่ เลยต้องเลยตามเลย
     
    “แล้วไง” เรียวอุกพูดเสียงเรียบ ไม่ได้โกรธอะไรมากนัก ยังดีซะกว่าเพราะยังอยู่ในสายตา แต่มันก็อดเคืองไม่ได้อยู่ดี
     
    “สวัสดีค่ะ....นี่แฟนเยซองเหรอคะ” เจสสิก้าเดินลงมาจากรถ กล่าวทักทายเรียวอุก ก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆให้กับเยซอง ไม่ยักยะรู้ว่าแฟนเยซองเป็นผู้ชาย แต่ดูไปแล้วก็น่ารักดีเหมือนกัน
     
    “ครับ ผมว่าเรากลับกันดีกว่า....เดี๋ยววันนี้เราไปร้านเค้กที่หน้าสถานีกัน” เยซองพูดกับเจสสิก้าก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูเรียวอุก พาไปที่ที่คนตัวเล็กชอบ หวังว่าเขาคงจะไม่โดนโกรธเอานะ ที่พาผู้หญิงติดรถมาด้วย
     
                    เรียวอุกไม่ได้พูดอะไรแค่พยักหน้าเบาๆ เยซองจึงยิ้มตาหยีอีกครั้งแล้วโอบไหล่เรียวอุกเดินไปที่รถ เยซองเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับออกเพื่อจะให้เรียวอุกเข้าไปนั่งแต่เจสสิก้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดีคิดว่าเยซองเปิดประตูให้ตนเอง จึงทำท่ากระดี๊กระด๊าใหญ่
     
                    “ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวด้วยท่าทางที่ร่าเริง จนเรียวอุกเริ่มหมั่นไส้ ส่วนเยซองงงไปแล้ว เพราะเธอเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย ทั้งที่เขาจะเปิดให้เรียวอุกเข้าไปนั่งไม่ใช่เธอ
     
                    “เอ่อ...เจส” เยซองพูดอะไรไม่ถูก เขาไม่นึกว่าเจสสิก้าจะกล้าทำอะไรต่อหน้าเรียวอุกแบบนี้ ถ้าใจแข็งกว่านี้ซักหน่อยแล้วไม่ให้ติดรถมาด้วยมันก็คงจะดีกว่า
     
                    “คุณครับ พี่เยซองเขาเปิดประตูให้ผมครับ ไม่ใช่คุณ!” เรียวอุกใช้คำที่สุภาพเข้าพูดด้วย ต้องใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว คิดจะมาแย่งแฟนชาวบ้าน คงต้องเจอกันหน่อยแล้ว
     
                    “เอ่อ...อ้าว! เหรอจ๊ะ ขอโทษที” เจสสิก้าอึ้งเล็กน้อยที่เจอพูดแบบนี้ใส่ แต่เธอก็ยังตีสีหน้าร่าเริงแล้วเดินลงมาจากรถ
     
                    “เจสไปนั่งข้างหลังแล้วกันนะ” เยซองเริ่มรู้สึกหวั่นๆขึ้นมา เพราะไม่เคยเห็นเรียวอุกมีอาการหึงมาก่อนเพราะเขาเองก็ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้คนตัวเล็กไม่สบายใจเลยซักครั้ง
     
                    เยซองดันเรียวอุกให้เข้าไปนั่งในรถแล้วปิดประตูให้ เมื่อส่งเจ้าตัวเล็กขึ้นรถเสร็จเยซองก็เดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ส่วนเจสสิก้านั้นถ้าไม่ยอมไปนั่งข้างหลังเขาก็คงจะปล่อยให้อยู่ที่นี่ เพราะไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียงอะไรด้วยมาก และก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ที่จะเดินทางร่วมกัน
     
                     เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตัวเอง เจสสิก้าเลยต้องยอมไปนั่งเบาะข้างหลังด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงไม่ต่างจากเรียวอุกมากนัก แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นยิ้มตลอดทาง จนเยซองพาเธอมาส่งถึงหน้าหน้าคอนโด
     
                    “ถ้าพรุ่งนี้รถเจสยังซ่อมไม่เสร็จ คงต้องรบกวนเยซองอักวัน....วันนี้ขอบคุณมากเลยนะคะ” เธอพูดจบก็ลงรถไปแล้วหันมาโบกมือให้เยซอง
     
                    ด้วยความหมั่นไส้เรียวอุกจึงสั่งให้เยซองลดกระจกรถลงแล้วตะโกนออกไปเสียงดัง
     
                    “ไปรบกวนคนอื่นไป! นี่แฟนฉัน! ไม่ใช่คนขับรถของคุณ!” พูดจบก็สั่งเยซองปิดประจกแล้วออกรถทันที นั่งกอดอกแล้วอมลมจนแก้มป่อง
     
                    เจสสิก้าที่โดนว่าออกมาแบบนั้นก็ได้แต่ร้องกรี๊ดอยู่ในใจ เพราะไม่เคยมีใครว่าเธอแบบนี้มาก่อน แถมเยซองก็ดูจะไม่ค่อยสนใจเธออีก แบบนี้แหละมันท้าทายที่สุด
     
                    “รักกันมากใช่มั้ย แล้วจะได้รู้ว่าระหว่างฉันกับเด็กนั่น นายจะเลือกใคร” เจสสิก้าขบฟันพูดด้วยความโมโหแล้วจึงเดินเข้าคอนโดของเธอไป
     
                    เมื่อขับรถออกมาเยซองก็พูดง้อคนตัวเล็กสารพัดให้หายงอน แต่เรียวอุกไม่ใช่คนงี่เง่า ที่เยซองทำนั้นก็ไม่ได้ส่อแววว่าจะนอกใจเขา คนตัวเล็กเลยไม่ได้โกรธอะไร แค่พาไปที่ร้านเค้กหน้าสถานีอย่างที่บอกไว้เท่านั้นก็พอ
     
     
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     
     
     
                    คิบอมกับดงเฮพากันเดินกระหนุงกระหนิงกลับบ้านของคิบอมด้วยกัน เพราะช่วงนี้พ่อกับแม่ของคิบอมไปดูงานที่ต่างประเทศกว่าจะกลับก็อีกเป็นเดือน ดงเฮเลยใช้โอกาสนี้ย้ายไปอยู่กับคิบอมชั่วคราว
     
                     เดินจับมือกันไปพักใหญ่ เส้นทางที่ไกลที่เริ่มใกล้ขึ้นทีละนิด แต่การเดินทางมันก็มักจะไม่ราบรื่นเสมอ เมื่อคิบอมได้พบกันคนที่เรียกชื่อเขาแต่ไม่ใช่เขาในงานเชื่อมสัมพันธ์เมื่อสามสี่วันก่อน
     
                    “ไฮ! คิบอม” เมื่อยูบินเห็นคิบอมก็หันมาทักทาย คิบอมเลยยิ้มกลับไปให้แล้วทักกลับ แต่คนที่มาด้วยนั้นหน้าหงิกไปแล้ว
     
                    “ไฮ! เธอชื่อยูบินใช่หรือเปล่า” คิบอมทักกลับไปเป็นภาษาอังกฤษ เพราะฟังจากสำเนียงแล้ว ยูบินน่าจะเป็นพวกนักเรียนนอกชัว ส่วนดงเฮที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็หน้าหงิกเข้าไปใหญ่ กำลังเรียบเรียงคำพูดของคิบอมเมื่อกี้ ภาษาอังกฤษน่ะ คู่อริของดงเฮเลยล่ะ
     
                    “นายพูดภาษอังกฤษได้ด้วยเหรอ ดีเลย” ยูบินดูจะแปลกใจไม่น้อย ที่คิบอมพูดภาษาอังกฤษได้เลยสนทนากันเป็นภาษาอังกฤษมันซะเลย
     
                    “อืม” คิบอมพยักหน้ารับยิ้มๆ
     
                    “คิบอม” ดงเฮที่ยืนเงียบอยู่กระตุกชายเสื้อคิบอมเบาๆ บอกให้รู้ว่าเขายังยืนอยู่ตรงนี้ แฟนตัวเองยืนอยู่ตรงนี้ยังจะกล้าคุยกับผู้หญิงอื่น แถมยังพูดภาษาที่เขาฟังไม่รู้เรื่องอีก
     
                    “นี่ใครเหรอ” เมื่อยูบินหันไปเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็เอ่ยถามขึ้น
     
                    “แฟนฉันเอง มายเกิร์ลเฟรน”
     
                    “แฟนคิบอมเหรอ คิบอมก็แฟนฉันเหมือนกัน มายบอยเฟรน” ยูบินพูดแล้วหัวเราะร่วน เธอกำลังพูดถึงคิมคีบอมเพื่อนของเธอพ่วงด้วยตำแหน่งลูกพี่ลูกน้องที่แอบตู่เอามาเป็นแฟน เพราะหน้าตาดี
     
                    ดงเฮที่ยืนฟังอยู่ก็ทำหน้าเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเดิม อะไรของเขาสองคน เกิร์ลเฟรน บอยเฟรน นี่แอบไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ จะพูดภาษาที่เขาฟังรู้เรื่องด้วยก็ไม่ได้ นี่นายแอบนอกใจเหรอคิมคิบอม
     
                    “นั่นไงมาพอดี” คิบอมที่หันไปเห็นเด็กโรงเรียนดงนาคนหนึ่งเดินมาทางนี้เขาก็ชี้ให้ยูบินดูทันที ท่าทางสีหน้าของคีบอมดูจะเครียดไม่น้อย
     
                    “ยัยบรีสคัลเลอร์!” เสียงทุ้มของคีบอมดังมาก่อนตัวจะมาถึง ยูบินยิ้มร่าเริงแล้วกระโดดเข้าไปเกาะแขนทันที
     
                    “ฉันมารับนายกลับบ้านน่ะ” ยูบินยังคงพูดภาษอังกฤษอยู่เหมือนเดิม พร้อมกับซบลงที่แขนของคีบอม
     
                    “แต่เย็นนี้ฉันมีธุระแล้วก็ไม่ต้องมาซบ....ขอโทษด้วยนะครับ ยัยนี่ก็ชอบสร่างปัญหาแบบนี้แหละ” คีบอมพยายามจะสะบัดแขนที่ยูบินเกาะอยู่ออก แต่เมื่อไม่สำเร็จก็เลยหันไปขอโทษคิบอมแทน และแน่นอนว่าเขาพูดเป็นภาษอังกฤษ
     
                    ทงเฮที่ยืนอยู่ด้วยเหมือนจะโดนลืมไปเรียบร้อย ใบหน้าหวานที่บึ้งอยู่แล้วก็บึ้งมากกว่าเดิมเข้าขั้นโคม่าเลยตอนนี้ ไม่ใช่ว่าโกรธคิบอมที่คุยกับผู้หญิง เพราะดูท่าทางยูบินจะมีแฟนอยู่แล้ว แต่ที่โมโหก็เพราะว่าเขาฟังที่พวกนี้คุยกันไม่รู้เรื่อง
     
                    อยู่ๆทงเฮเดินออกมาจากวงสนทนาเอาซะดื้อๆ ลองคิบอมไม่ตามสิ เขาจะงอนไม่หายเลยคอยดู แล้วจะไม่ให้แตะต้องตัวเขาด้วย
     
                    “ไม่เป็นไรครับ...ด๊อง! จะไปไหนน่ะครับ” คิบอมหันไปตอบคีบอมยังไม่ทันขาดคำ คนข้างๆก็งอนตุ๊บป่องเดินหนีไปเสียแล้ว คิบอมเลยรีบเดินตามไปโดยลืมบอกลาคนที่เพิ่งคุยด้วยไปเสียสนิท แถมยังลืมเผลอพูดเป็นภาษาอังกฤษใส่ดงเฮอีกต่างหาก
     
                    “เธอทำเขาโกรธกันหรือเปล่าเนี่ย” คีบอมร้องถามคนที่เกาะแขนตัวเองอยู่
     
                    “เปล่าทำอะไรซักหน่อย กลับบ้านกันดีกว่า” ดูยูบินจะไม่ได้สนใจอะไรเลย กลับลากคีบอมเดินไปยังป้ายรถประจำทางเพื่อกลับบ้าน
     
                    “ด๊องเป็นอะไรครับ โกรธผมเรื่องอะไร” คิบอมเดินตามดงเฮมาจนทัน จับข้อมือเล็กไว้ ถามด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล
     
                    “คุยกันไปสิ ใครก็ไม่รู้จัก แถมพูดอะไรกันก็ไม่รู้อีก” ดงเฮสะบัดข้อมืออกแล้วยืนกอดอก ออกอาการให้รู้ว่าเขางอน แต่อีกคนกลับมองว่ามันน่ารักซะมากกว่าเมื่อรู้เหตุผลที่คนรักเดินหนีออกมา
     
                    “งอนเหรอ” คิบอมแกล้งถามพาซื่อ ทำเอาอีกคนตวัดหางตามามองอย่างรวดเร็ว มันยิ่งให้ทำให้ดงเฮงอนหนักเข้าไปอีก
     
                    “เออ!” เสียงใสๆ กระแทกใส่ก่อนจะเดินหนีไปอีกรอบ คิบอมเลยต้องรีบไปอย่างรวดเร็ว คืนนี้คงได้ง้อกันยาวแน่ๆ
     
     
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     
     
                    หลังหมดคาบเรียนที่มหาวิทยาลัยฮันคยองก็ขับรถตรงดิ่งมารับฮยอกแจที่โรงเรียน เพราะว่าที่แฟนโทรเรียกให้ไปส่งที่บ้านของฮีชอล ไม่ใช่ว่าฮยอกแจนั้นอยากจะให้ไปส่งแต่เพราะไม่รู้ทาง พอไปถามซีวอนก็บอกให้ฮันคยองพาไปส่ง ฮยอกแจเลยไม่มีทางเลือกอื่น
     
    ฮันคยองขับรถมาส่งฮยอกแจที่บ้านฮีชอลแล้วแต่เขาเองก็ยังไม่ได้ไปไหน ยังคงตามติดฮยอกแจตลอด ตอนนี้ชินดงกำลังแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ฮยอกแจต้องทำ โดยมีฮีชอลกับซีวอนนั่งอยู่ข้างๆชินดงอีกที
     
                    ฮยอกแจแอบด่าซีวอนอยู่ในใจ ทั้งๆที่ซีวอนก็มาบ้านฮีชอล กลับบอกให้เขาโทรไปหาฮันคยองให้มารับ แต่เพราะฮีชอลนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยไหนฮยอกแจเลยไม่ไกล้าด่าหรือพูดอะไรออกมา
     
                    “ดูแลแมวเหรอครับ” ฮยอกแจร้องถามเมื่อรู้ถึงงานที่ตัวเองต้องทำ จะให้เขาดูแลแมว แต่ตัวเขาเองยังเอาไม่รอดเลยเนี่ยนะ
     
                    “ใช่ครับ เพราะคุณฮีชอลต้องไปทัศนศึกษาที่ออสเตรเลียหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ส่วนค่าตอบแทน ผมคิดให้ชั่วโมงละห้าพันวอน” ชินดงตอบแล้วจดๆเขียนๆอะไรซักอย่างลงกระดาษ มันเป็นสิ่งที่ฮยอกแจต้องทำให้เจ้าแมวตัวโปรดของฮีชอล
     
                    “ครับ” ฮยอกแจทำได้แค่พยักหน้ารับ จริงๆอยากจะบอกออกไปว่า แมวน่ะมันดูแลตัวเองเก่งจะตาย แค่มีข้าวกับน้ำมันก็อยู่ได้อย่างสบายๆ แต่ก็อย่างว่า งานสบายมารออยู่ตรงหน้าเขาจะปฏิเสธได้ยังไง
     
                    “นี่คือสิ่งที่คุณฮยอกแจต้องทำนะครับ” ชินดงยื่นกระดาษสองสามแผ่นมาให้ฮยอกแจ
     
                    เมื่อรับมาแล้วฮยอกแจก็อ่านอย่างคร่าวๆสองสามข้อ แต่แค่นั้นก็ทำเอาแทบร้องกรี๊ด นี่ให้ดูแลแมวหรือเด็กอ่อนกันแน่ ทำไมข้อแม้หรือข้อห้ามอะไรมันเยอะแยะไปหมด
     
                    “ถ้านายดูแลฮีบอมของฉันไม่ดีรู้มั้ยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ฮีชอลร้องขู่เสียงต่ำ เขาไม่ค่อยจะวางใจให้ฮยอกแจดูแลแมวของเขาเท่าไหร่หรอก แต่เพราะเห็นกำลังมีปัญหาเรื่องเงินเลยอยากจะช่วย
     
                    “ผมจะดูแลอย่างดีเลยครับ” ฮยอกแจรับปากอย่างมั่นใจ
     
                    “เริ่มงานพรุ่งนี้นะครับ หลังเลิกเรียนคุณฮยอกแจก็มาได้เลย เลิกงานตอนหนึ่งทุ่ม” ชินดงนัดแนะเวลาให้เสร็จสรรพ มีฮยอกแจช่วยมาแบ่งงานไปส่วนหนึ่ง เขาจะได้พักผ่อนบ้าง
     
                    เมื่อคุยเรื่องงานเสร็จฮยอกแจกับฮันคยองก็ขอตัวกลับ ส่วนซีวอนยังอยู่ที่บ้านฮีชอลเพราะจะทำสวีทประสาคนเป็นแฟนกัน
     
                    ฮันคยองอาสาจะไปส่งฮยอกแจที่บ้านต่อ เพราะไหนๆก็ไปรับมาจากโรงเรียน แต่ฮยอกแจกลับปฏิเสธน้ำใจเขาลูกเดียว
     
                    “ฉันกลับเองได้” ฮยอกแจยังคงยืนยันเหมือนเดิน เขาเดินหนีฮันคยองออกมา แต่หนุ่มอดีตนักบาสประจำโรงเรียนก็ยังคงขับรถตามาช้าๆ ที่ไม่อยากไปไหนมาไหนกับฮันคยองไม่อยากจะอยู่ด้วยกันบ่อยๆเพราะไม่คิดว่าฮันคยองจะจริงจังอะไร และถ้าเกิดเผลอใจขึ้นมาเขานี่แหละที่จะเจ็บ
     
                    “ขึ้นมาเถอะน่า จะไปส่ง” ฮันคยองเองก็ตื้อไม่เลิก แต่คำตอบที่ได้ก็ยังเหมือนเดิม
     
                    เมื่อฮยอกแจทำตัวดื้อดึงฮันคยองเลยบีบแตรซะดังลั่น แถมยังกดค้างไว้อย่างนั้นอีกต่างหาก จนคนแถวนั้นหันมามอง
     
                    “จะบีบแตรทำไม มันเสียงดัง” ฮยอกแจหันไปว่าเสียงดุ แต่ฮันคยองกลับทำหน้ารื่นตอบกลับมา
     
                    “ก็เรียกนายไง รีบขึ้นมาซะสิ” เมื่อเห็นฮยอกแจยังนิ่งเลยบีบแตรอีกรอบ
     
                    ฮยอกแจมองซ้ายขวาก็พบว่าคนเริ่มมองเขาใหญ่แล้ว คนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวเลยได้แต่สบถด่าคนที่กำลังบีบแตรเบาๆ แล้ววิ่งหนีแต่ก็ยังโดนตามาอยู่ดี
     
                    “ขึ้นมาก็สิ้นเรื่อง” ฮันคยองขับรถตามฮยอกแจไป ถ้าไม่ยอมให้เขาไปส่งก็จะตามอยู่อย่างนี้แหละ เพราะต้องเดินอีกไกลกว่าจะถึงป้ายรถประจำทาง ยังพอมีเวลาให้เขาบังคับฮยอกแจให้ไปด้วยได้
     
                    ฮยอกแจทำท่าจะปฏิเสธ ฮันคยองเลยทำท่าจะบีบแตรบ้าง
     
                    “ไอ้ประสาทกลับ!” ฮยอกแจกร่นด่าแต่แล้วก็ยอมขึ้นรถมากับฮันคยอง
     
                    เมื่อฮยอกแจขึ้นรถมาฮันคยองก็ยิ้มร่า ไม่ได้ดูเลยว่าอีกคนทำหน้ายังไง ฮยอกแจนั่งหน้าบึ้งกอดอกเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง
     
                    “ทำไมต้องหนีด้วยล่ะ แค่จะไปส่ง” ฮันคยองถามขึ้นยิ้มๆ เหลือบไปมองฮยอกแจแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองถนนด้านหน้าเหมือนเดิม
     
                    “ก็เพราะไม่อยากไปไง” ฮยอกแจตอบกลับมาเสียงเรียบ ไม่ได้หันไปมองคู่สนทนาแต่อย่างใด
     
                    “ทำไมล่ะ” ฮันคยองยังไม่เลิกซักไซ้ เขาเดาความรู้สึกฮยอกแจไม่ถูกว่าเจ้าตัวป่วนที่นั่งอยู่ข้างๆคิดอะไรอยู่ จะเปิดใจให้เขาเข้าไปบ้างหรือยัง หรือยังคิดว่าตัวเองเป็นเมะอยู่ก็ไม่สามารถรู้ได้
     
                    “ไม่อยากก็ไม่อยากไง” ฮยอกแจตอบกลับแบบกำปั้นทุบดิน ขืนซักมากๆเขาก็ได้ระเบิดลงพอดี
     
                    “ไม่ถามแล้วก็ได้” ฮันคยองเลือกที่จะไม่คาดคั้นอะไรต่อในเมื่อฮยอกแจไม่อยากตอบ กลับไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปส่งฮยอกแจให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยเป็นพอ
     
                    ฮยอกแจนั่งเงียบตลอดทางจนฮันคยองพามาส่งถึงบ้าน ระหว่างที่มาความคิดเขามันผุดขึ้นมาหลายต่อหลายอย่าง
     
                    ไอ้คำว่า ‘ว่าที่แฟนของผม’ ที่ฮันคยองคอยพูด มันจะจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า
     
                    คอยไปรับไปส่งดูแล ทำเพราะอยากจะดูแลเขาจริงๆหรือแค่เล่นๆ
     
                    ชอบพาไปเที่ยวนู้นเที่ยวนี้ตอนวันหยุด พาเขาไปเพราะอยากไปกับเขาหรือไม่มีใครจะไปด้วยกันแน่
     
                    “ขอบคุณนะ” ฮยอกแจเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ก่อนจะลงจากรถมา ในสมองของฮยอกแจยังคงครุ่นคิดอยู่ อะไรหลายๆอย่างที่มันเกิดขึ้นกับความรู้สึกของเขา มันทำให้ต้องคิดและต้องทำอะไรซักอย่าง
     
                    “ฮยอกแจ! พรุ่งนี้ฉันจะไปรับที่โรงเรียนนะ” ฮันคยองลดกระจกรถลง เรียกรั้งฮยอกแจที่กำลังจะเดินเข้าบ้านเอาไว้ แล้วเสนอตัวเป็นคนขับรถให้ฮยอกแจ
     
                    “ไม่ต้องหรอก ฉันรู้ทางไปบ้านพี่ฮีชอลแล้ว อย่าลำบากนายเลย” พูดจบฮยอกแจก็เดินเข้าบ้านไป ไม่เหลือช่องว่างให้ฮันคยองได้พูดอะไรออกมาอีก
     
                    ฮันคยองออกจะงงกับอาการที่ฮยอกแจแสดงออกมา มันดูซึมๆเครียดๆยังไงชอบกล แต่ฮันคยองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะคิดว่าคงจะเป็นเรื่องเงินที่เจ้าตัวป่วนของตนกำลังเครียดอยู่
     
                    เมื่อฮยอกแจเข้าบ้านไปแล้วฮันคยองก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไป เอาไว้ตอนกลางคืนเมื่อไหร่เขาค่อยโทรมาคุยให้เจ้าตัวป่วนสบายใจขึ้นก็แล้วกัน
     
     
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     
     
                    ภายในร้านกาแฟเล็กๆตอนนี้ มีเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปลายปีที่หนึ่งกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ กับอีกหนึ่งหญิงสาวรุ่นพี่ที่นั่งร่วมโต๊ะอีกคน แต่ถึงจะอยู่ต่างโรงเรียนกันความสนิทสนมของความเป็นเพื่อนก็ไม่ได้ลดลงตามไปด้วย
     
                    “เออ! แทมิน ที่นายเรียกพวกเรามาที่นี่ตกลงมีอะไรกันแน่ คุยจนลืมเวลาไปเลย” จงฮยอนที่นั่งตรงข้ามกับแทมินเอ่ยถาม เพราะนี่ก็คุยกันมานานพอสมควร แต่เจ้าเพื่อนรักก็ไม่บอกซักทีว่าธุระสำคัญที่เรียกว่ารวมตัวกันคืออะไร
     
                    “ฉันมีคนจะแนะนำให้นายรู้จักน่ะ” แทมินวางแก้วโกโก้ที่เพิ่งจิบลงบนโต๊ะแล้วตอบ บนใบหน้าหวานฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่เพื่อนๆมองแล้วเริ่มรู้สึกสยอง จะเว้นก็แต่มินโฮที่เห็นมันจนชินตาเสียแล้ว
     
                    “ใครอ่ะ” อนยูถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
     
                    “คนนี้ไง” แทมินหยิบรูปที่อยู่ในกระเป๋าออกมาให้เพื่อนๆดู รวมไปถึงยูบินที่นั่งเกาะแขนคีบอมอยู่ก็ชะโงกหน้ามาดูกับเขาด้วย
     
                    “มีตั้งสี่คน แล้วมันคนไหน....แต่ฉันว่าหน้าคุ้นๆทุกคนเลยนะ โดยเฉพาะคนนี้” คีบอมถามออกมาบ้าง แต่กลับโดนยูบินก็แขนเบาๆ เมื่อเขาชี้ไปที่รูป
     
                    “นี่มันเกิร์ลเฟรนของคิบอมนะ” ยูบินพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อนๆของคีบอมเองก็รู้สึกจะชินเสียแล้วกับนิสัยของผู้หญิงคนนี้ จะเรียกถึงขั้นสนิทเลยก็ว่าได้
     
                    “นี่มันผู้ชายนะ....ถึงว่าล่ะทำไมหน้าคุ้น” คีบอมพูดออกมาเป็นภาษาเกาหลีเพื่อให้เพื่อนเขาฟังเข้าใจ แล้วก็จ้องไปที่รูปที่มี่แฟนของคิบอมคนที่ยูบินคุยด้วยอีกครั้ง ดูแล้วก็น่ารักดีเหมือนกัน
     
                    “ฉันไม่ได้จะให้นายดูคนนั้นซักหน่อย” แทมินร้องออกมาเมื่อคีบอมไม่ได้สนใจเป้าหมายของเขาเลยซักนิด
     
                    “ฉันชอบคนนี้อ่ะ แทมิน นายรู้จักหรือเปล่า รู้สึกว่าจะชื่อเรียวอุกล่ะมั้ง ถ้าจำไม่ผิด” อนยูเองก็ชี้ไปที่คนที่เขาไปช่วยเก็บของในวันงานเชื่อมสัมพันธ์
     
                    “คนนี้ก็ไม่ใช่!” แล้วแทมินก็ร้องออกมาอีกรอบ
     
                    “แต่ฉันว่าคนนี้น่ารักสุดนะ” จงฮยอนเริ่มออกความคิดเห็นบ้าง เขาชี้ไปยังอีกคนที่เพื่อนๆยังไม่มีใครพูดถึง
     
                    “คนนี้ก็ไม่ใช่!! คนที่ฉันจะบอกคือคนนี้ต่างหาก!!!” แทมินจิ้มไปที่รูปคนสุดท้ายที่เพื่อนๆของเขาไม่ได้สนใจเลยซักนิด นึกแล้วก็เริ่มจะโมโห
     
                    “อย่าเสียงดังสิแทมิน” อนยูบอกเบาๆ เพราะนิสัยของแทมินเริ่มแผลงฤทธิ์อีกแล้ว
     
                    “พวกนายก็สนใจฉันบ้างสิ” น้ำเสียงงอนถูกส่งออกมา เพื่อนของแทมินเลยทำได้แต่ต้องง้อเท่านั้น ไม่งั้นคุณหนูได้อาละวาดร้านแตกแน่
     
                    “พวกเราสนใจนายนะ อย่างอนสิ มีอะไรก็ว่ามาเลยครับ พวกเรากำลังรอฟังอยู่นะ” จงฮยอนเป็นตัวแทนของเพื่อนๆในการพูด ส่วนคนอื่นๆ ก็รีบทำหน้าตั้งใจฟังในทันทีไม่เว้นแม้แต่ยูบิน แต่มีแค่มินโฮเท่านั้นที่ยังทำหน้าเฉยไม่พูดไม่จาอะไร
     
                    “จำหน้าคนๆนี้ไว้ให้ดีนะ มันชื่อฮยอกแจ ฉันจะให้พวกนาย.....” แล้วแผนการของแทมินก็เริ่มซึมซับเข้าสมองเพื่อนไปทีละนิด
     



                                                                             -------------------------------------------------

    kr...Talk
    สวัสดีจ้า คิดถึงทุกคนจังเลย
    ช่วงนี้เป็นต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดีนะ
    เพราะว่าไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 กำลังระบาดมากมาย
    ขนาดไรเตอร์2คนยังเป็นหวัดด้วยกันทั้งคู่เลย(แต่ไม่ถึงกับหวัด2009นะ)
    ตอนแรกก็กลัวว่าจะเป็นเหมือนกัน แต่มันก็เริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ

    คราวนี้ไม่แอบแล้ว น้อยใจจริงๆนะ
    ทำไมพอเป็นตอนที่เป็นฮันฮยอกคนอ่านถึงน้อยกว่าปกติเกือบ2เท่า
    จะให้มีคยูมินตลอด เราคงทำไม่ได้หรอก เพราะมันต้องเป็นไปตามเนื้อเรื่อง
    แล้วในภาคที่แล้วฮันฮยอกไม่เด่น ภาคนี้เราก็เลยให้ความสนใจกับฮันฮยอกมากขึ้นหน่อย
    ถ้างัยก็ช่วยอ่านหน่อยนะทุกคน


                                                                                  WE Love Super Junior




                                                                                      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×