ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #55 : Part 23 : นายเป็นแฟนฉันแล้วนะฮยอกแจ ภาค2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.74K
      6
      31 ต.ค. 52

    Part 23 : นายเป็นแฟนฉันแล้วนะฮยอกแจ
    เช้าวันศุกร์ที่แสนสดใส วันนี้เป็นสุดท้ายของการเรียนที่เหล่านักเรียนรอคอย แต่สำหรับฮยอกแจแล้วเช้านี้มันเป็นเช้าที่หม่นหมองยิ่งนัก เมื่อคืนฮยอกแจเอาแต่โทรหาฮันคยองทั้งคืนบวกกับการค้นหาในอินเตอร์เน็ตซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
    วันนี้สภาพฮยอกแจเลยดูไม่ได้เลยแม้แต่น้อยซึ่งดูโทรมกว่าเมื่อวานอยู่มาก เหมือนกับผู้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงยังไงยังงั้น สภาพที่หลับคาคอมพิวเตอร์ อีกมือถือโทรศัพท์มือถือไว้แน่น ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผาด ขอบตาดำคล้ำเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ
    พ่อของฮยอกแจเคาะประตูห้องลูกชายอยู่นานแต่ก็ไม่มีคนมาเปิด จึงเปิดประตูเข้ามาและเดินเข้าไปดู
    ฮยอกแจที่หลับอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์
    “ฮยอกแจ”�� �พ่อของฮยอกแจเขย่าตัวลูกชายเบาๆ แต่ฮยอกแจก็ยังไม่ตื่น จึงทาบมือกับใบหน้าที่ซีดเซียวของฮยอกแจ และรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนในร่างกายของฮยอกแจ
    “ไม่สบายเหรอเนี่ย”�� �พ่อของฮยอกแจจัดการอุ้มฮยอกแจไปนอนที่เตียงก่อนจะกลับมาปิดคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างไว้แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดที่หน้าจอเต็มๆ
    “ฮันคยองหายไปไหน” ���เมื่ออ่านสิ่งที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ พ่อฮยอกแจก็หันไปมองลูกชายทันที ช่วงนี้เขาไม่เห็นฮันคยองมารับมาส่งฮยอกแจเลย แถมฮยอกแจยังไม่ค่อยกินข้าวกินปลาอีกด้วย ไม่รู้ว่าทะเลาะกันอยู่หรือยังไง หรือว่าฮันคยองหายไปไหน ข้อความหน้าจอคอมพิวเตอร์ถึงได้ขึ้นว่าแบบนี้
    “วันนี้ก็พักผ่อนแล้วกันนะฮยอกแจ เดี๋ยวพ่อลงไปเอายากับข้าวเช้าก่อน”�� �พ่อฮยอกแจหันไปพูดกับลูกชายที่ยังคงหลับอยู่ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง คงต้องรอให้ฮยอกแจตื่นก่อนจะได้สอบสวน อาการแบบนี้ของฮยอกแจคล้ายคนอกหักไม่มีผิดเลย
    ��������������� บนรถของคยูฮยอนตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความเงียบ ไม่ใช่ว่าซองมินกับคยูฮยอนทะเลาะกัน แต่ดูเหมือนว่าต่างคนต่างกำลังคิดเรื่องของตัวเองอยู่มากกว่า
    ��������������� ซองมินนั่งมองไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา ตอนนี้ในหัวสมองเขามีแต่เรื่องที่ฮีชอลบอกเต็มไปหมด เมื่อวานหลังจากที่ทุกคนออกไปจากร้านหมดแล้วเหลือแค่เพียงเขากับฮีชอลเท่านั้น
    ��������������� ‘ที่จริงพี่ก็เห็นด้วยกันนายนะซองมิน’ ���ฮีชอลพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกไปจากร้านหมดแล้ว เพราะต้องรอกลับพร้อมซีวอนจึงได้เรียกให้ซองมินอยู่เป็นเพื่อนก่อน แต่แท้จริงแล้วอยากจะพูดเรื่องนี้มากกว่า
    ��������������� ‘เห็นด้วย เรื่องหมั้นน่ะเหรอครับ’ ���ซองมินถามกลับเพื่อความแน่ใจ ก่อนหน้านี้ที่คุยกันฮีชอลไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรมากนัก ก็พอจะทำให้เขาเชื่อได้บ้างว่าฮีชอลจะอยู่ข้างเขา
    ��������������� ‘ที่จริงนายเองก็ยังเด็กอยู่นะ เรื่องหมั้นเรื่องแต่งรอให้เรียบจบแล้วค่อยคิดก็ได้จริงมั้ย’
    ��������������� ‘ครับ’
    ��������������� ‘แล้วนายแน่ใจหรือเปล่าซองมินว่าไม่อยากหมั้นกับคยูฮยอนน่ะ’ ���คำถามนี้ของฮีชอลทำให้ซองมินเงียบไปพักใหญ่ พอฮีชอลเห็นปฏิกิริยาของน้องก็เหยียดยิ้มออกมา
    ��������������� ‘ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่หรอกครับ’
    ��������������� ‘ทางที่ดีพี่ว่านายควรตัดสินใจดีๆนะว่าจะยอมหมั้นดีมั้ย เพราะมันคือทั้งหมดของชีวิตนายนะซองมิน แต่ยังไงพี่ก็อยู่ข้างนายเสมอ’��� ฮีชอลยิ้มกว้างเมื่อพูดจบ
    ��������������� ‘ครับ’ ���ซองมินพยักหน้าแล้วยิ้มออกมา อย่างน้อยก็ฮีชอลนี่แหละที่คอยสนับสนุนเขา ถึงแม้ตอนนี้เขาจะใจอ่อนลงบ้างแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่อยากหมั้นเท่าไหร่นัก คงต้องให้เวลาเขาตัดสินใจอีกซักพักใหญ่ๆ
    ��������������� คยูฮยอนขับรถไปเรื่อยๆตามทางไปโรงเรียนที่คุ้นเคย ในสมองตอนนี้กำลังคิดถึงเรื่องที่ฮีชอลโทรมาบอกเขาเมื่อคืน แผนของฮีชอลที่จะช่วยให้ซองมินยอมหมั้นกับเขา
    ��������������� (คยูฮยอนนี่ฉันฮีชอลเองนะ)�� �เมื่อคยูฮยอนรับโทรศัพท์ฮีชอลก็พูดผ่านสายมาทันที
    ��������������� ‘ครับ มีอะไรหรือเปล่า’�� �คยูฮยอนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ฮีชอลรู้เบอร์เขา แต่ก็คงจะเอามาจากซีวอนนั่นแหละ
    ��������������� (ซองมินอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า)
    ��������������� ‘ไม่ครับ พี่จะคุยกับซองมินเหรอ’
    ��������������� (ฉันจะคุยกับนายนั่นแหละ เรื่องหมั้นของนายกับซองมิน ฉันอยากรู้ว่าแผนที่ฮยอกแจแนะนำนายไปเป็นยังไงบ้าง) ���เมื่อรู้ว่าซองมินไม่ได้อยู่กับคยูฮยอน ฮีชอลก็เริ่มเข้าเรื่องทันที
    ��������������� ‘มันไม่สำเร็จหรอกครับ’�� �คยูฮยอนตอบเสียอ่อยๆ มันเหมือนเป็นการตอกย้ำยังไงไม่รู้ที่โดนถามเรื่องนี้อีกแล้ว แต่หวังว่าที่ฮีชอลโทรคงจะมีเรื่องดีๆมาบอกเขานะ
    ��������������� (นายนี่ไม่ได้เรื่องเลยนะคยูฮยอน ฉันมีแผนดีๆนายสนใจมั้ย)
    ��������������� ‘แผนเหรอครับ’�� �คยูฮยอนยิ้มทันทีที่ได้ยินว่าฮีชอลมีแผน คิดไว้แล้วว่ามันต้องมีเรื่องดีๆ
    ��������������� (ใช่ ถ้านายอยากให้ซองมินยอมหมั้นกับนายก็ทำเป็นไม่สนใจเรื่องหมั้นซะ) ���ฮีชอลบอกแผนที่ตัวเองได้คิดไว้ให้คยูฮยอนฟัง
    ��������������� ‘ทำไม่สนใจแล้วมันจะได้เรื่องเหรอครับ’
    ��������������� (ฟังให้จบก่อน นายต้องทำเหมือนว่าไม่สนใจเรื่องหมั้นแล้ว แต่ให้นายไปเตรียมงานไว้ได้เลย คุยกับทางผู้ใหญ่ให้เรียบร้อย�เชิญแขกญาติพี่น้องได้เลย และงานหมั้นจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้) ���ฮีชอลร่ายแผนการให้คยูฮยอนฟังอย่างละเอียด
    ��������������� ‘วันอาทิตย์นี้ มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับ แล้วพี่รู้ได้ไงว่ามันจะสำเร็จ’�� �คยูฮยอนขมวดคิ้วมุ่นกับแผนที่ฮีชอลบอกมา ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย
    ��������������� (เอาเบอร์ติดต่อพ่อกับแม่นายมาให้ฉันก็ได้เดี๋ยวฉันจะจัดการทุกอย่างให้เอง ส่วนนายแค่ทำเป็นไม่สนใจเรื่องหมั้นแล้วก็เท่านั้น และนายก็พาซองมินไปที่งานในวันหมั้น เซอร์ไพรส์ซองมินในงานหมั้นนั้นเลย ขอหมั้นต่อหน้าทุกคนไปเลย รับรองว่าซองมินไม่มีทางปฏิเสธได้แน่ แค่นี้น่ะทำได้มั้ย)
    ��������������� ‘เอาแบบนี้เลยเหรอ’ ���คยูฮยอนดูจะอึ้งกับแผนของฮีชอลเล็กน้อย ถึงขนาดขอเบอร์ติดต่อพ่อกับแม่ของเขา หวังว่าแผนนี้คงสำเร็จนะ
    ��������������� (แบบนี้แหละ เอาเบอร์ติดต่อมา แล้วก็อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ ทำเป็นไม่สนใจเรื่องงานหมั้น)
    ��������������� หลังจากที่ตกลงกันเรื่องแผนเรียบร้อยคยูฮยอนก็ให้เบอร์ติดต่อทางฝ่ายผู้ใหญ่ฮีชอลไป ส่วนเขาก็มีหน้าที่ทำเป็นไม่สนใจเรื่องงานหมั้นแล้วเท่านั้น
    ��������������� ช่วงพักเที่ยงของวันภายในโรงอาหารยังคงวุ่นวายไม่เปลี่ยนแปลง วันนี้เหล่าสมาชิกแก๊งหน้าหวานอาจารย์ปล่อยเร็วกว่าจึงได้ลงมาจองโต๊ะไว้ก่อน
    ��������������� “คู่หมั้นนายมานู้นแล้วซองมิน ตอนเช้าก็มาส่งถึงห้อง น่าอิจฉาจริงเลย”�� �เรียวอุกเบ้ปากไปที่คิบอมกับคยูฮยอนที่กำลังเดินมาพร้อมกับร้องแซวเพื่อนให้เขินเล่น
    ��������������� “อย่าพูดสิ”�� �ซองมินดุเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อหลบใบหน้าที่เริ่มแดงของตัวเอง วันนี้เขาโดนเรียวอุกล้อเรื่องนี้ตั้งแต่เช้า มันก็เลยรู้สึกเขินเป็นธรรมดา แถมตอนนี้คยูฮยอนก็เดินมาถึงโต๊ะแล้วด้วย
    ��������������� “สวัสดีครับ ว่าที่คู่หมั้นเพื่อนผม”�� �เมื่อมาถึงโต๊ะคิบอมก็แซวออกมาบ้าง ซองมินเลยหน้าแดงยกใหญ่ ทั้งที่บอกเองว่าจะไม่ยอมหมั้นแต่กลับเขิน ซึ่งต่างจากคยูฮยอนที่ทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่รู้สึกอะไร
    ��������������� “อีกสองเดือนพ่อกับแม่ผมก็จะกลับมาแล้วนะครับ เราจะได้หมั้นกันซักที” ���คิบอมนั่งลงข้างๆดงเฮ แล้วพูดเสียงหวาน จุดประสงค์ก็คือจะพูดให้คู่อื่นอิจฉาเล่นๆ รวมไปถึงเป็นการแซวซองมินกับคยูฮยอนทางอ้อม
    ��������������� “ดีจังเลย” ���ดงเฮเองก็ยิ้มหวานตอบกลับไป
    ��������������� “พูดเรื่องนี้อีกแล้วนะ อิจฉา” ���เรียวอุกพูดขึ้นบ้าง เมื่อไหร่พ่อกับแม่เขาจะยอมรับเยซองก็ไม่รู้
    ��������������� “รู้สึกจะมีแต่คนหมั้นนะ แซงหน้าฉันไปกันหมด”�� �ซีวอนที่ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องนี้มากนักพูดขึ้น เขารู้เพียงแค่ว่าซองมินกับคยูฮยอนจะหมั้นกัน แต่ซองมินไม่ยอมหมั้น ฮีชอลเลยบอกว่าให้พูดเรื่องหมั้นให้ซองมินได้ยินบ่อยๆ
    ��������������� ซองมินได้ฟังเพื่อนๆพูดกันแต่เรื่องนี้แทบจะตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ บางทีก็แซวเขาจนทำให้รู้สึกเขิน พอได้ยินเรื่องนี้บ่อยๆเข้า มันก็เริ่มทำให้เขาใจอ่อนลงอีกแล้ว
    ��������������� “เดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวก่อนนะ ของนายเหมือนเดิมใช่มั้ย”�� �คยูฮยอนลุกขึ้นยืนก่อนจะถามซองมิน เมื่อได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบจึงยิ้มบางๆออกมาก่อนจะเดินไป
    ��������������� สายตาของซองมินนั้นมองตามคยูฮยอนไปตลอดทาง วันนี้เขาว่าคยูฮยอนดูแปลกๆไป ทั้งที่เพื่อนๆเอาแต่พูดเรื่องหมั้นแต่คยูฮยอนกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เหมือนอย่างกับว่าไม่สนใจเรื่องหมั้นแล้วยังไงยังงั้น หรือบางทีเขาอาจจะคิดมากไปก็ได้
    ��������������� คยูฮยอนกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับอาหารกลางวันของตัวเองและซองมิน เพื่อนๆในกลุ่มยังคงเอาแต่พูดเรื่องของการหมั้นไม่หยุดหย่อน บางทีก็แซวออกมาบ้าง
    ��������������� ใครที่แซวซองมินก็มักจะได้รอยยิ้มเขินอายกลับมาเสมอ แต่สำหรับคยูฮยอนกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะคยูฮยอนไม่แม้แต่จะสนใจเรื่องที่เพื่อนๆพูดเลยด้วยซ้ำ หากว่าเรื่องที่พูดนั้นคือเรื่องการหมั้น แต่ถ้าเรื่องอื่นก็ยังคงคุยปกติดี ซึ่งพฤติกรรมนี้ก็อยู่ในสายตาของซองมินตลอดเวลา และมันก็เริ่มทำให้ซองมินคิดมากอีกครั้ง
    ��������������� “ดูเหมือนตอนนี้นายไม่สนใจเรื่องหมั้นเลยนะ” ���ซองมินพึมพำขึ้นกับตัวเองเบาๆ สายตานั้นจ้องมองอยู่ที่คยูฮยอนซึ่งกำลังคุยกับคิบอมอยู่ ตอนนี้เขารู้สึกว่าคยูฮยอนเริ่มจะไม่สนใจเรื่องหมั้นเท่าไหร่แล้ว เพราะไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยซักนิดตอนที่เพื่อนๆคุยกัน จะว่าเขินก็ไม่น่าจะใช่
    ��������������� วันนี้ทั้งวันคยูฮยอนไม่ปริปากพูดเรื่องหมั้นเลยแม้แต่น้อย เขาพยายามอย่างที่สุดเพื่ออดทนไว้ ถึงจะอยากพูดเรื่องหมั้นนี้มากแค่ไหนส่วนเพื่อนๆนั้นก็เหลือเกิน เอาแต่พูดเรื่องหมั้นกันทั้งวัน
    ��������������� “คู่หมั้นนายมารับแล้วซองมิน”�� �เรียวอุกร้องแซวเมื่อเห็นคยูฮยอนมายืนรอซองมินที่หน้าห้อง ออดเลิกเรียนดังขึ้นเมื่อไหร่อีกซักพักเขาก็จะเห็นคยูฮยอนมาปรากฏตัวหน้าห้องเสมอ ถึงมันจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่วันนี้เขากลับเกิดอาการอยากจะแซวขึ้นมา ไหนๆก็แซวซองมินทั้งวันแล้ว
    ��������������� “เลิกแซวได้แล้วน่า ฉันไปแล้วนะ” ���พูดจบซองมินก็เดินออกไปหาคยูฮยอนที่หน้าห้องเรียนก่อนจะเดินออกไปด้วยกัน
    ��������������� “เล่นตัวจริงๆ” ���เรียวอุกได้แต่บ่นลับหลังเพื่อนรักเบาๆ ก่อนจะเดินตามออกไปบ้าง เพราะเยซองก็มารอเขาแล้วเหมือนกัน
    ��������������� “นั่นรถของพี่ฮันคยองใช่มั้ย”�� �เมื่อเดินลงมาจากอาคารเรียน ซองมินก็เห็นรถยนต์คันสีดำที่มารับ
    ฮยอกแจบ่อยๆ แต่ช่วงสองวันนี้รู้สึกว่าจะหายไป แถมวันนี้ฮยอกแจก็ไม่ได้มาโรงเรียน แล้วฮันคยองจะมารับทำไมกัน
    ��������������� “วันนี้ฮยอกแจไม่มานี่”�� �คยูฮยอนมองตามซองมินไปก่อนจะพูดออกมาเมื่อเห็นรถของฮันคยอง จะว่าไปเขายังไม่ได้โทรหาฮยอกแจเลยว่าเป็นอะไรถึงได้หยุดเรียน เพราะมัวแต่นึกถึงเรื่องของตัวเองซะมากกว่า
    ��������������� ซองมินเดินตรงเข้าไปหาฮันคยองที่เพิ่งลงมาจากรถ ในมือนั้นถือโทรศัพท์มือถือเหมือนกำลังโทรหาใครซักคนอยู่ สายตาก็กวาดมองไปรอบๆโรงเรียนเหมือนกำลังมองหาใครซักคนอยู่เช่นกัน
    ��������������� “พี่ฮันมารับฮยอกแจเหรอครับ” ���ซองมินเอ่ยถาม เพราะดูจากอาการของฮันคยองแล้วน่าจะมารับ
    ฮยอกแจจริงๆ แต่ฮยอกแจคงไม่ได้บอกว่าไม่มาโรงเรียน
    ��������������� “ใช่ครับ มินเห็นฮยอกแจบ้างหรือเปล่า พี่โทรไปก็ไม่ยอมรับ” ���ฮันคยองตอบกลับมา ส่วนมือก็ยังคงกดโทรหาฮยอกแจอยู่
    ��������������� “วันนี้ฮยอกแจไม่มาโรงเรียนนะครับ สงสัยจะไม่สบาย เพราะสองวันที่ผ่านมาดูฮยอกแจไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่” ���ซองมินตอบตามที่ตัวเองคิด เพราะท่าทางของฮยอกแจเมื่อวานดูอิดโรยมาก วันนี้คงจะไม่สบายแน่ๆ
    ��������������� “แต่ทำไมพี่โทรไปไม่รับเลยล่ะ” ���ปากพูดแต่มือฮันคยองก็ยังคงกดโทรหาฮยอกแจอยู่อย่างนั้น
    ��������������� “ลองไปหาที่บ้านดูสิครับ ว่าแต่ทำไมสองวันมานี้ผมไม่เห็นพี่มารับฮยอกแจเลยล่ะ”�� �ซองมินยังคงถามต่อ
    ��������������� “พอดีพี่ไปธุระที่จีนน่ะ งั้นพี่ไปก่อนนะ” ���ฮันคยองบอกลาซองมินกับคยูฮยอนแล้วยิ้มให้ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไปทันที
    ��������������� “พี่ฮันหายไปสองวันเนี่ยฮยอกแจดูซึมไปเลยเนอะ”�� �ซองมินหันไปขอความคิดเห็นจากคยูฮยอน
    ��������������� “บางทีมันอาจจะไม่ได้ซึมเพราะเรื่องนี้ก็ได้มั้ง”�� �คยูฮยอนเหยียดยิ้มก่อนจะเดินนำไปที่รถของตัวเอง จริงๆแล้วฮยอกแจมันคงจะซึมเพราะเรื่องนี้นั่นแหละ แต่เขาอยากจะแกล้งว่าที่คู่หมั้นเล่นเฉยๆ เท่านั้น
    ��������������� “คยูอ่ะ!” ���ซองมินว่าอย่างงอนๆที่คยูฮยอนไม่ยอมเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะเดินตามไป ต้องหาเรื่องแกล้งกันตลอดสิน่า
    ��������������� โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆโซฟาของฮยอกแจสั่นอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่มีใครรับ แรงสั่นสะเทือนที่เริ่มแรงขึ้นทำให้ฮยอกแจต้องหยิบมันขึ้นมาดูและก็พบกับเบอร์เดิมที่โทรมา
    ��������������� คราวนี้ฮยอกแจตัดสายทิ้งและปิดเครื่องหนีมันซะเลย ในเมื่อเขาโทรไปสองวันสองคืนเต็มๆแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา ไม่มีการโทรกลับหรือติดต่อกลับมาเลย เขาก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน
    ��������������� ในขณะที่ครอบครัวของฮยอกแจกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการดูรายการทีวีอยู่นั้น เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ฮยอกแจที่เพิ่งจะวางโทรศัพท์ลงที่เดิมชะเง้อหน้าไปมองที่ประตูทันทีว่าใครมา
    ��������������� “คุณไปดูหน่อยสิคะว่าใครมา” ���แม่ฮยอกแจออกปากสั่งสามี เธอไม่อยากใช้ลูกชายเพราะฮยอกแจยังป่วยอยู่
    ��������������� เมื่อภรรยาสั่งพ่อของฮยอกแจจึงต้องเดินออกไปดูว่าใครมา และเมื่อเห็นหน้าคนที่มาเยือนพ่อฮยอกแจก็ร้องแสดงความดีใจออกมาเสียงดัง จนคนในบ้านได้ยินชัดเจน
    ��������������� “อ้าว! ฮันคยอง!!” ���เพียงแค่รู้เท่านั้นมาว่าใครมาฮยอกแจก็ลุกขึ้นชะเง้อมองไปที่หน้าบ้านอีกครั้ง และเดินขึ้นห้องตัวเองไปทันที
    ��������������� “ฮยอกแจจะไปไหนล่ะลูก” ���แม่ของฮยอกแจร้องเรียกลูกชายไว้แต่ฮยอกแจกลับไม่ได้สนใจเลยซักนิด เดินทำหน้าตาถมึงทึงขึ้นห้องตัวเองไปตั้งแต่ได้ยินว่าฮันคยองมา
    ��������������� “ฮยอกแจไปไหนซะล่ะ”�� พ่อของฮยอกแจพาฮันคยองเข้ามาในบ้าน แต่กลับไม่เห็นฮยอกแจอยู่ตรงนี้เสียแล้ว
    ��������������� “เดินหน้าบึ้งขึ้นห้องไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอะไร”�� �แม่ฮยอกแจตอบ
    ��������������� “ฮยอกแจไม่สบายเหรอครับ แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”�� �ฮันคยองมองตามไปที่บันไดก่อนจะหันกลับมาถาม แล้วพอมาได้ยินว่าเพิ่งเดินหน้าบึ้งขึ้นห้องยิ่งทำให้เขาเป็นห่วง
    ��������������� “พ่อว่าฮันคยองขึ้นไปดูเองดีกว่านะ ท่าทางจะอาการหนักซะด้วย” ���พ่อของฮยอกแจบอกด้วยรอยยิ้ม อาการของฮยอกแจคงมีฮันคยองคนเดียวเท่านั้นแหละที่รักษา
    ��������������� “ครับ” ���ฮันคยองมองหน้าพ่อกับแม่ของฮยอกแจสลับกันไปมา เมื่อได้รอยยิ้มเป็นเหมือนการอนุญาตจึงพนักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนของฮยอกแจ
    ��������������� ฮันคยองเคาะประตูอยู่หลายรอบฮยอกแจก็ไม่ยอมเปิดประตูออกมาซักที จนเขาเริ่มจะอ่อนใจ ไม่รู้ว่าฮยอกแจเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าโกรธเขาเรื่องอะไร
    ��������������� “ฮยอกแจนายเป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ ฉันเป็นห่วงนายนะ” ���ฮันคยองพูดประโยคซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบพร้อมกับเคาะประตูห้องของฮยอกแจไปด้วย แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าฮยอกแจจะเปิดประตูให้เขาซักที
    ��������������� “ฮยอกแจฉันเป็นห่วงนายมากนะ”�� �ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่ฮันคยองยังยืนอยู่ที่หน้าห้องของฮยอกแจ และเขาก็ยังเอาแต่พูดประโยคเดิม เพราะไม่รู้ว่าฮยอกแจเป็นอะไรไปถึงไม่ยอมพบหน้าเขาแบบนี้ ทั้งที่ตอนนี้เขาเป็นห่วงฮยอกแจมากๆ
    ��������������� ภายในห้องนอนฮยอกแจเอาแต่นั่งจ้องไปที่บานประตู คำพูดทุกคำของฮันคยองเขาได้ยินมันชัดเจน แต่ตอนนี้เขารู้สึกโกรธฮันคยองมากๆ ที่หายไปไม่ยอมติดต่อกลับมาเลยซักนิด โกรธที่ทำให้เขาเป็นห่วง และพยายามติดต่อจนตัวเองต้องล้มป่วยแบบนี้
    ��������������� เสียงเคาะประตูห้องและเสียงของฮันคยองยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ฮยอกแจได้ยินแล้วน้ำตามันก็พาลจะไหลลงมาอยู่ตลอดเวลา
    ��������������� “ฉันเป็นห่วงนายนะฮยอกแจ เปิดประตูเถอะ”
    ��������������� “แล้วที่นายหายไปสองวันคิดว่าฉันไม่เป็นห่วงนายหรือไง”�� �ฮยอกแจพูดขึ้นกับตัวเองเหมือนเป็นการต่อประโยคของฮันคยอง เขาตัดสินใจเดินไปที่ประตูและเปิดมันออก
    ��������������� สีหน้าของฮันคยองนั้นดูเครียดมาก คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนเป็นปม แต่เพียงแค่ฮันคยองเห็นหน้าฮยอกแจเท่านั้นก็ยิ้มออกมาทันที
    ��������������� “เป็นอะไรหรือเปล่าฮยอกแจ ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์ฉันล่ะ ฉันเรียกตั้งนานก็ไม่ยอมเปิดประตู”�� �เมื่อได้เห็นหน้าฮยอกแจฮันคยองก็พูดรัวออกมาเป็นชุด เขาดึงฮยอกแจเข้ามากอดไว้ แต่ก็โดนฮยอกแจผลักออก และทำท่าจะปิดประตูใส่
    ��������������� “ฮยอกแจ!”�� �ฮันคยองดันประตูที่ฮยอกแจพยายามจะปิดใส่เขาไว้ และแทรกตัวเข้าไปในห้องของ
    ฮยอกแจ
    ��������������� ฮยอกแจมองฮันคยองด้วยสายตาโกรธเคืองโดยไม่พูดอะไรออกมาซักคำ ยืนจ้องหน้าฮันคยองอยู่อย่างนั้น เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไงดี อยากจะด่าอยากจะว่าที่ทำให้เขาเป็นห่วง และตอนนี้เขาก็อยากจะร้องไห้ที่สุด ที่ฮันคยองมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
    ��������������� “นายไม่สบายใช่มั้ยเป็นอะไรมากหรือเปล่า วันนี้ฉันไปหานายที่โรงเรียนแต่ซองมินบอกว่านายไม่มาโรงเรียน” ���ฮันคยองทาบหลังมือกับหน้าผากของฮยอกแจ แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่ฮยอกแจเบือนหน้าหนีและไม่พูดอะไรออกมาซักคำ
    ��������������� “ตอบอะไรฉันหน่อยสิ อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้ นายโกรธฉันเรื่องอะไรเหรอฮยอกแจ” ���ฮันคยองเชยคางฮยอกแจให้เงยขึ้นมามองตนเอง ใบหน้าของฮยอกแจตอนนี้ดูซีดเซียวลงมาก ริมฝีปากที่เคยแดงกลับแห้งผาด
    ��������������� “นายหายไปไหนมาฮันคยอง ทำไมไม่บอกฉันซักคำว่านายจะไปไหน” ���ฮยอกแจจับไหล่ฮันคยองแล้วเขย่าไปมาด้วยแรงอันน้อยนิดที่มี แล้วน้ำตาที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ก็ไหลผ่านแก้มลงมาช้าๆ
    ��������������� “ฮยอกแจ” ���ฮันคยองอึ้งไปชั่วขณะที่เห็นน้ำตาของฮยอกแจ เขาดึงฮยอกแจเข้ามากอดไว้แน่นแล้วเช็ดน้ำตาให้ ไม่เคยคิดเลยว่าการที่เขาไม่ได้บอกว่าเขาจะไปจีนนั้นจะทำให้ฮยอกแจร้องไห้ได้ เขาคิดว่าฮยอกแจคงจะไม่ได้สนใจว่าเขาจะไปไหนมาไหนซะอีก
    ��������������� “ฉันโทรหานายตลอดเลยนะฮันคยอง นายรู้บ้างหรือเปล่า แต่นายกลับไม่เคยติดต่อกลับมาเลย นายไม่เคยสนเลยใช่มั้ยว่าฉันจะรู้สึกยังไงที่อยู่ๆนายก็หายไปแบบนี้ ติดต่อก็ไม่ได้”�� �ฮยอกแจเริ่มระบายความรู้สึกของตัวเองออกมาทีละนิด ใบหน้าซุกลงกับอกฮันคยองแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย ไม่เหลือฟอร์มฮยอกแจคนเก่าอีกต่อไปแล้ว
    ��������������� “ฉันขอโทษนะฮยอกแจ ฉันไม่คิดว่านายจะเก็บมันมาใส่ใจ” ���ฮันคยองลูบผมฮยอกแจไปมาเพื่อปลอบใจ เขาไม่คิดจริงๆว่าฮยอกแจจะสนใจเรื่องของเขามากขนาดนี้ เลยไม่ได้ติดต่อกลับมา
    ��������������� “นายพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง....ฮึก....แสดงว่านายไม่เคยใส่ใจฉันเลยใช่มั้ยฮันคยอง...ฮึก...ฉันเป็นห่วงนายมากขนาดไหน! นายน่ะรู้บ้างมั้ย! แล้วนายก็ไม่เคยที่จะโทรมาบอกกันซักคำ!”�� �ฮยอกแจผลักฮันคยองออกเบาๆ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม
    ��������������� “ฉันขอโทษ อย่าร้องไห้เลยนะฮยอกแจ” ���ฮันคยองเช็ดน้ำตาให้ฮยอกแจอย่างเบามือที่สุด เห็นฮยอกแจร้องไห้หนักขนาดนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบทำให้คนอื่นร้องไห้นัก
    ��������������� “ต่อไปนี้อย่าไปไหนอีกนะฮันคยอง....ฮึก....อย่าทิ้งฉันไปแบบนี้อีกนะ”
    ��������������� “ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้วฮยอกแจ”�� �ฮันคยองกอดฮยอกแจไว้แน่นก่อนจะพาไปนั่งที่เตียง จากสัมผัสที่ได้กอดฮยอกแจเขารู้สึกได้ว่าฮยอกแจผอมลงไป ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันแค่สองวันก็ตาม อาจจะเป็นเพราะ
    ฮยอกแจไม่สบายก็เป็นได้
    ��������������� “นายพักผ่อนเพียงพอหรือเปล่าฮยอกแจ กินข้าวครบทุกมื้อมั้ย ทำไมถึงได้ไม่สบายแบบนี้ แล้วกินยาหรือยัง”�� �ฮันคยองยกมือขึ้นทาบหน้าผากของฮยอกแจอีกครั้ง ส่วนฮยอกแจก็กอดฮันคยองไว้ไม่ยอมปล่อย เหมือนกับว่าถ้าปล่อยแล้วฮันคยองจะหนีตัวเองไปอีก
    ��������������� ฮยอกแจส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ พักผ่อนเหรอ เขาแทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ กินข้าวมั้ย สองวันมานี้เขาแทบไม่ได้กินอะไรเลยอีกเหมือนกัน เพราะฮันคยองที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ทำให้เขาเคยตัว
    ��������������� “ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลยล่ะ”�� �ฮันคยองทำเสียงดุเล็กน้อยแล้วเช็ดน้ำตาที่ยังคลออยู่ที่หน่วยตาฮยอกแจออก ไม่รักษาสุขภาพตัวเองแบบนี้ถึงได้ไม่สบายเอาได้
    ��������������� “ก็เพราะนายนั่นแหละฮันคยอง” ���ฮยอกแจโยนความผิดไปให้ฮันคยอง ก็เพราะฮันคยองเขาถึงได้มีสภาพแบบนี้
    ��������������� “โทษคนอื่นแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
    ��������������� “ก็เพราะนายฮันคยอง ทำให้ฉันกินข้าวไม่ได้ ฉันพยายามติดต่อนายตลอดเวลาจนไม่ได้นอน นายทำให้ฉันคิดถึงนายจนแทบไม่อยากจะทำอะไร” ���ฮยอกแจจ้องหน้าฮันคยองนิ่งแต่สุดท้ายก็ต้องหลบสายตาฮันคยอง
    ที่มองกลับมา เขาไม่รู้ว่าตัวเองกล้าพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง มันเหมือนกับการสารภาพรักทางอ้อมไม่มีผิด
    ��������������� “พูดจริงเหรอ”�� �จากที่ว่าจะถามไถ่อาการกลับกลายเป็นว่ามาคาดคั้นฮยอกแจซะงั้น ฮันคยองจ้อง
    ฮยอกแจนิ่ง คำพูดของฮยอกแจเมื่อกี้นี้มันทำให้หัวใจของฮันคยองพองโตขึ้นมาทันที
    ��������������� “ฉันคิดถึงนายมากๆฮันคยอง ฉันคงรักนายเข้าซะแล้ว” ���ฮยอกแจค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาฮันคยองอย่างช้าๆ พูดออกมาทีละคำชัดถอยชัดคำ แล้วใบหน้าหวานก็ขึ้นสีแดงจางๆ จากใบหน้าที่ซีดเซียวกลับดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาเล็กน้อย
    ��������������� “ฮยอกแจ! นายเป็นแฟนฉันแล้วนะ!”�� �ฮันคยองยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ พลางเข้าไปกอดฮยอกแจไว้แน่น และแล้วในที่ความพยายามของเขาก็สำเร็จ จากว่าที่แฟน เปลี่ยนสถานะเป็นแฟนเต็มตัวแล้วในวันนี้
    ��������������� “ฮันคยอง!” ���ฮยอกแจถลาไปตามแรงของฮันคยอง ทั้งสองล้มลงไปนอนคู่กันบนที่นอนก่อนที่ฮันคยองจะถือโอกาสพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน
    ��������������� “นายเป็นแฟนฉันแล้วนะฮยอกแจ” ���ฮันคยองยิ้มจนตาปิด พูดคำเดิมซ้ำอีกครั้ง เพื่อย้ำให้ฮยอกแจรู้สถานะของตัวเองตอนนี้
    ��������������� “อย่ามาตู่นะฮันคยอง ฉันไปตอบตกลงตั้งแต่เมื่อไหร่”�� �ฮยอกแจบอกปฏิเสธด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ฮันคยองเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้
    ��������������� “แล้วใครกันนะที่บอกว่าคิดถึงฉันจนไม่เป็นอันทำอะไร แถมยังสารภาพอีกว่ารักฉันเข้าซะแล้ว” ���คำพูดของฮันคยองทำเอาฮยอกแจหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
    ��������������� “อย่ามาล้อฉันนะฮันคยอง......นายยังไม่ได้บอกฉันเลยนะ”�� �ฮยอกแจผลักอกฮันคยองเบาๆ ก่อนจะเงียบไปซักพักแล้วพูดประโยคหลังออกมา
    ��������������� “การกระทำของฉันบอกนายหมดแล้วว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย แต่ถ้านายอยากได้ยินมัน.....ฉันรักนาย
    ฮยอกแจ���ฮันคยองเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ฮยอกแจและประทับริมฝีปากบนหน้าผากมนเมื่อพูดจบ โดยที่ฮยอกแจไม่ได้มีท่าทีขัดขืนใดๆเลย
    ��������������� “ฮยอกแจ ฉันมีเรื่องจะบอกนาย” ���ฮันคยองถอนริมฝีปากออกแล้วพูดต่อ
    ��������������� “หืม?”
    ��������������� “เงินห้าแสนของโรงเรียนน่ะที่จริงมันคือเงินของฉันไม่ใช่ของซีวอน แล้วเงินที่ฉันให้นายเป็นค่าอาหารน่ะ ถือว่าเป็นสินสอดทองหมั้นเลยแล้วกัน” ���พูดจบฮันคยองก็เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
    ��������������� “อ่าได้ไงอ่ะ! นั่นมันเงินของฉันนะ”�� �ฮยอกแจร้องออกมาทันทีเมื่อได้ฟัง เรื่องเงินใครที่ออกเขาไม่สนใจหรอก แต่มาตู่ว่าเงินที่ให้เขาเป็นของหมั้นได้ยังไงกัน
    ��������������� “ตอนนี้เงินนายก็เหมือนเงินฉัน ของๆนายก็เหมือนของๆฉัน และตัวนายก็....”
    ��������������� “หยุดพูดเลยนะฮันคยอง!!~”�� �ฮยอกแจรีบสวนขึ้นทันทีก่อนที่ฮันคยองจะพูดจบ
    ��������������� ฮันคยองหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ในที่สุดความรักของเขากับฮยอกแจก็สมหวังเสียที ถึงมันจะยาวนานไปหน่อยก็ตาม แต่ก็สุขใจและมีความสุขเมื่อได้มา มีความสุขที่เขาจะได้รักกับฮยอกแจเสียที
    ��������������� โทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วของซองมินที่วางอยู่บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาเมื่อคยูฮยอนเดินออกไปจากห้องนอนเรียบร้อย เบอร์ของฮีชอลถูกกดโทรออกทันที ซองมินมองไปที่บานประตูตลอดเพื่อให้แน่ใจว่าคยูฮยอนจะไม่เข้ามาตอนนี้และได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับพี่ฮีชอล
    ��������������� (ว่าไงซองมิน)�� �เสียงสัญญาณดังนานพอสมควรกว่าปลายสายจะรับ เสียงฮีชอลที่ตอบกลับมานั้นฟังดูสดใสมาก
    ��������������� “พี่ฮีชอล ผมมีเรื่องจะปรึกษา วันนี้คยูฮยอนดูไม่ค่อยสนใจเรื่องหมั้นเลยล่ะครับ ทั้งที่เพื่อนก็เอาแต่พูดเรื่องนี้กันทั้งวัน ผมก็เลยกังวลขึ้นมาว่าคยูจะไม่อยากหมั้นกับผมแล้ว”�� �ซองมินรีบบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไปเพราะกลัวคยูฮยอนจะขึ้นมาซะก่อน วันนี้เขาเอาแต่คิดเรื่องนี้ทั้งวัน ที่จริงตอนนี้เขาอยากจะหมั้นกับคยูฮยอนแล้ว แต่พอเห็นท่าทางของคยูฮยอนแล้วกลับรู้สึกกังวลขึ้นมา
    ��������������� (คยูฮยอนไม่สนใจเรื่องหมั้นแล้วเหรอ....ก็ดีแล้วนี่ เพราะนายก็ยังไม่อยากหมั้นไม่ใช่เหรอซองมิน)�� �ฮีชอลแสร้งถามออกมาอย่างนั้นเอง แผนที่เขาวางไว้นั้นมันตรงแป๊ะทุกอย่าง เพียงแค่วันเดียวเท่านั้นซองมินก็โทรมาปรึกษาเรื่องนี้กับเขาซะแล้ว
    ��������������� “เอ่อ...แต่ตอนนี้ผมอยากหมั้นแล้วครับพี่ฮีชอล”�� �ซองมินตอบออกมาเสียงอ่อย ไม่รู้ว่าฮีชอลจะว่าอะไรเขาหรือเปล่า
    ��������������� (อ้าว! เป็นงั้นไป พอเขาไม่สนใจนายก็ดันอยากจะหมั้นขึ้นมาซะงั้น) ���เมื่อได้ฟังฮีชอลแทบอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ ซองมินนี่ก็เข้าใจยากเหมือนกัน อารมณ์แปรปรวนเร็วดีจริงๆ
    ��������������� “ผมจะทำยังไงดี” ���ซองมินถามอย่างร้อนรน เขากลัวคยูฮยอนจะไม่อยากหมั้นกับเขาจริงๆ ถ้ามันเป็นแบบนั้นแล้วเขาจะทำยังไง
    ��������������� (ถ้านายกลัวคยูฮยอนไม่อยากหมั้นกับนายขนาดนั้นก็ขอคยูฮยอนหมั้นซะเลย)
    ��������������� “ผมเนี่ยนะจะขอคยูหมั้น!”
    ��������������� (ก็ใช่น่ะสิ ตกลงตามนี้นะ นายก็ไปคุยกับพ่อแม่ของนายไว้เลย ให้จัดงานวันอาทิตย์นี้เลยนะ เชิญแขกหรือญาติมาให้พร้อม รับรองคยูฮยอนไม่มีทางปฏิเสธนายได้แน่)�� �ฮีชอลบอกแผนซองมินเหมือนกันแผนที่บอกกับคยูฮยอนแป๊ะๆ แบบนี้แหละถึงจะน่าสนุก
    ��������������� “วันอาทิตย์นี้เลยเหรอครับ”�� �ซองมินร้องออกมาเสียงดัง มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ
    ��������������� (เอาเบอร์ติดต่อพ่อกับแม่นายมาให้พี่ด้วยนะ แล้วพี่จะช่วยประสานงานให้ ส่วนนายมีหน้าที่พาคยูฮยอนไปที่งานในวันหมั้น แค่นี้ทำได้มั้ย)�� �แล้วแผนทุกอย่างของซองมินก็ถูกวางไว้เหมือนคยูฮยอนโดยฝีมือของฮีชอล
    ��������������� “ครับ”�� �ซองมินตอบตกลงไปอย่างง่ายดายและให้เบอร์ติดต่อพ่อกับแม่ของตัวเองให้ฮีชอลไป
    ��������������� (แล้วพี่จะจัดการทุกอย่างให้เอง ส่วนนายก็พาคยูฮยอนไปที่งานนะ แล้วพี่จะโทรมาหานายอีกที)�� �พูดจบฮีชอลก็วางสายไป เท่านี้ก็กับว่าแผนของเขาสมบูรณ์แบบ เหลือก็แค่เลือกสถานที่จัดงานเท่านั้น อย่างซองมินกับคยูฮยอนคงทำอะไรที่ธรรมดาๆไม่ได้ และคงมีคนเดียวที่ช่วยเขาได้คือซีวอน เมื่อคิดได้ดังนี้ฮีชอลก็กดโทรหาซีวอนทันทีเพื่อปรึกษาเรื่องสถานที่หมั้นของซองมินกับคยูฮยอน และโทรหาสมาชิกแก๊งคนอื่นๆเพื่อประสานงานให้เรียบร้อย เตรียมความพร้อมสำหรับวันงาน และก็ไม่ลืมที่จะโทรไปหาผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายของซองมินกับคยูฮยอนด้วย

    ������������������������������������������������������������������ ----------------------------------------------------------

    kr...Talk
    สวัสดีวันสุดท้ายของเดือนและรีดเดอร์ทุกคนนะ
    วันนี้ไรเตอร์มาอัพฟิคเช้ามาก เปิดเทอมแล้วเลยนอนเร็วตื่นเช้า

    ตอนนี้แฟนฮันฮยอกร้องเฮเลย
    แบบว่าฮยอกน่ารักได้อีก พี่อย่าร้องไห้ไปเลย
    เดี๋ยวเค้าจะชัดน้ำตาให้

    เรื่องสำคัญหน้าเศร้า
    ตอนหน้าจะจบแล้วอ่ะ
    คงจะไม่ได้เจอกันในฟิคนี้อีกแล้ว
    แต่จะเข้ามาอ่านเม้นบ่อยๆนะ
    ตามไปฟิคเรื่องใหม่ด้วยล่ะเพื่อนๆ
    มีสเปเชียล2ตอนนะ เรื่องนี้
    คนที่ซื้อหนังสือไปแล้วจะรู้ดี�
    แต่ไรเตอร์จะลงให้ แต่จะครบ100%ไหม
    อันนี้ไม่รู้ รอตามกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×