ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข่าว บอลโลก 2006

    ลำดับตอนที่ #3 : ‘อัซซูรี่’ ต่อเวลาหักปีกอินทรี 2-0 ทะลุชิงแชมป์โลก -โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎา

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 49


      “อัซซูรี่” อิตาลี อาศัยประตูท้ายเกมของ ฟาบิโอ กรอสโซ่ และอเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ช่วยให้ทีมต่อเวลาพิเศษหักปีก “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เจ้าภาพไปได้ 2-0 พร้อมกับกรุยทางเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลก 2006

    ฟุตบอลโลก 2006 รอบรองชนะเลิศ
           เยอรมนี 0-0 อิตาลี
           (ต่อเวลาพิเศษ 120 นาที อิตาลี ชนะ เยอรมนี 2-0)
           


    "คาโมราเนซี่" บังบอลจาก "บัลลัค"
                  “ฉลามขาว” เจอร์เก้น คลิ้นสมันน์ นำทัพ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เปิดสนามเวสต์ฟาเล่น สเตเดี้ยม ในดอร์ทมุนด์ สังเวียนไร้พ่ายของพวกเขารับการมาเยือนของ อิตาลี โดยเกมนี้เจ้าภาพมีปัญหาการจัดทัพเพียง 2 จุดนั่นก็คือ การติดโทษแบน 1 นัดของ ทอร์สเท่น ฟริงก์ส ทำให้ต้องส่ง เซบาสเตียน เคห์ล ไปยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับแทน ส่วน ทิม โบรอฟสกี้ ก็ได้ลงไปช่วยทำเกมรุกแทนที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ โดยมี มิโรสลาฟ โคลเซ่ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2006 ยืนล่าตาข่ายคู่กับ ลูคัส โพดอลสกี้
           
            ด้าน มาร์เซลโล่ ลิปปี้ ยังจัดทัพในระบบ 4-4-1-1 ให้กับ “อัซซูรี่” อิตาลี โดยเกมรับได้ มาร์โก มาเตรัซซี่ ปราการหลังร่างโย่งพ้นโทษแบนกลับมาเคียงข้าง ฟาบิโอ คันนาวาโร่ กัปตันทีม ส่วนแดนกลางได้ เมาโร คาโมราเนซี่ ผ่านความฟิตกลับมาลงสนามช่วยทีมได้ ในแนวรุก ฟรานเชสโก้ ต็อตติ จะคอยยืนเป็นหน้าต่ำคอยสนับสนุน ลูก้า โทนี่ กองหน้าความหวังของทีมซึ่งลงยืนเป็นตัวเป้า
           
            เริ่มเกมการแข่งขันทั้งสองฝ่ายพยายามทำเกมของตัวเองให้ได้ แต่ทางอิตาลีได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 3 จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 35 หลาแต่ เยนส์ เลห์มันน์ รับลูกยิงของ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ เอาไว้ได้ สิบนาทีผ่านไป อัซซูรี่เริ่มเป็นฝ่ายทำเกมรุกใส่เจ้าถิ่น ฟาบิโอ กรอสโซ่ ได้เติมไปถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตบเข้ากลางหวังให้ ต็อตติ เข้าชาร์จแต่กองหลังอินทรีเหล็กเคลียร์ทิ้งได้ก่อน
           
            แม้ เยอรมนี เริ่มจะเปิดเกมบุกได้บ้างแต่โอกาสยังเป็นของอิตาลีเมื่อ ต็อตติ ชิพบอลหลุดกับดักล้ำหน้าให้ ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า หลุดเข้าไปพยายามจิ้มยิงแต่ เยนส์ เลห์มันน์ ก็ออกมาบล็อกได้แบบหวุดหวิด อีกห้านาทีถัดมาเจ้าบ้านได้ลุ้นบ้าง ทิม โบรอฟสกี้ เปิดบอลเร็วจากกราบซ้ายให้ ลูคัส โพดอลสกี้ เอี้ยวตัววอลเล่ย์ทันทีด้วยซ้ายแต่บอลเหินข้ามคานไปไกล

    "ปิร์โล่" ดวลเกมแดนกลางกับ "บัลลัค"
                  ครึ่งชั่วโมงผ่านไป การครองบอลเป็นทางอิตาลีที่ทำได้ดีกว่ารวมถึงจังหวะการลุ้นประตู อันเดรีย ปิร์โล่ เล่นลูกสูตรไหลฟรีคิกย้อนคืนมาให้ ต็อตติ ได้สับด้วยขวาแต่บอลพุ่งไปชนผู้เล่นเยอรมนีออกมา ตามด้วยจังหวะเติมของ กรอสโซ่ ไหลไปที่เสาแรกให้ ลูก้า โทนี่ ตวัดยิงเร็วด้วยซ้ายแต่ก็ยังมี คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ ตามมาบล็อกออกหลังไป
           
            แต่ความผิดพลาดของ ปิร์โล่ ในแดนกลางเกือบทำให้อัซซูรี่น้ำตาตกเมื่อ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ไหลออกขวาให้ แบรนด์ ชไนเดอร์ เติมเข้ามาซัดด้วยขวาเต็มๆ แต่บอลลอยข้ามคานออกไป ท้ายครึ่งแรก เยอรมนี ยังคงทำฟาล์วตัดเกมบ่อยครั้งและลูกหยอดฟรีคิกของ ปิร์โล่ ไปให้ เมาโร คาโมราเนซี่ โหม่งเช็ดก็หลุดคานออกไปนิดเดียว จบ 45 นาทีแรก ทีมเยือนดูจะทำผลงานได้ดีกว่าเจ้าถิ่นเล็กน้อย
           
            เปิดฉากครึ่งหลัง เยอรมนี ลงมาเปิดเกมรุกเร้าใส่อิตาลีทันที และก็มีลุ้นจากการเลี้ยงตะลุยเข้ากรอบโทษของ โคลเซ่ แต่ บุฟฟ่อน ก็ออกมาได้เร็วตามบล็อกได้ทัน เกมของอิตาลีดูจะเป็นฝ่ายครองบอลได้น้อยกว่าครึ่งแรกพอสมควร ผ่านหนึ่งชั่วโมงเต็ม เจ้าบ้านเริ่มจะเหลื่อมกว่าและ ชไนเดอร์ เติมขึ้นทางขวาก่อนไหลให้ โพดอลสกี้ บังบอลจาก มาร์โก มาเตรัซซี่ ก่อนหมุนตัวยิงด้วยซ้ายแต่ บุฟฟ่อน ทุบทิ้งออกมาได้
           
            เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย เยอรมนี ขยับเปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการส่ง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ลงมาสร้างสรรค์เกมรุกแทน โบรอฟสกี้ ด้านอิตาลีก็มีการเปลี่ยนตัวเช่นกันส่งเอา อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ ลงมาเล่นแทน โทนี่ ซึ่งไม่สามารถเก็บบอลได้เลยในครึ่งหลัง
           
           ก่อนหมดเวลาการแข่งขัน 8 นาที อินทรีเหล็กได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกบนเส้นโทษแต่ บัลลัค ตะบันไม่เข้ากรอบจากนั้น คลิ้นสมันน์ ขยับเปลี่ยนตัวคนที่สองส่ง ดาวิด โอดอนคอร์ ลงมาเล่นแทน ชไนเดอร์ ที่เริ่มจะหมด แต่อิตาลีเกือบจะฉวยโอกาสได้เมื่อ ต็อตติ งัดบอลหลุดกับดักล้ำหน้ากะให้ แปร็อตต้า เข้ายิงแต่ เลห์มันน์ พุ่งออกมาชกบอลทิ้งไปได้ ครบ 90 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกันที่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที

    "กัตตูโซ่" ตกอยู่ในวงล้อมอินทรีเหล็ก
           

                  เริ่มการต่อเวลาครึ่งแรก ลิปปี้ เปลี่ยนตัวอีกคนส่งเอา วินเชนโซ่ ยาควินต้า ลงมาช่วยงาน จิลาร์ดิโน่ ในแดนหน้าพร้อมกับถอด คาโมราเนซี่ ลงมาเล่นแทน และเพียงแค่ 40 วินาที อิตาลี น่าจะได้ประตูนำเมื่อ จิลาร์ดิโน่ อาศัยความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงตัวเข้ามายิงด้วยซ้ายบอลผ่านมือ เลห์มันน์ แต่ก็พุ่งไปชนเสา
           
           อีกสองนาทีถัดมากองเชียร์อัซซูรี่อ้าปากค้างอีกครั้งเมื่อ ซามบร็อตต้า ได้ยิงไกลแต่บอลก็พุ่งไปชนคานออกมาอีก นาทีสุดท้ายของการต่อเวลาครึ่งแรก โอดอนคอร์ อาศัยจังหวะสวนกลับขึ้นไปทางขวาก่อนเปิดบอลให้ โพดอลสกี้ โฉบเข้ามาโหม่งที่เสาแรกแต่บอลไม่ตรงกรอบ
           
           ในช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรุกรับใส่กันอย่างสนุก ลาห์ม ได้เติมขึ้นมาทางซ้ายได้สับยิงแต่บอลไม่ฮุคหลุดกรอบออกไป และเยอรมนีก็ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการส่ง โอลิเวอร์ นอยวิลล์ ลงมาเตรียมยิงจุดโทษและก็ถอดเอา โคลเซ่ ออกไป และเจ้าถิ่นก็สวนกลับจนเกือบนำมาซึ่งประตูแต่ โพดอลสกี้ ยิงไปติดเซฟของ บุฟฟ่อน ส่วนอิตาลีก็ได้แลกหมัดเช่นกัน แต่มาถึงนาทีที่ 119 อิตาลี มาได้นำ 1-0 จากการจ่ายบอลของ ปิร์โล่ ให้ ฟาบิโอ กรอสโซ่ ปั่นด้วยซ้ายเสียบเสาอย่างสวยงาม และในช่วงทดเจ็บ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ มายิงประตูตอกย้ำชัยให้อัซซูรี่ชนะเจ้าภาพ 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสำเร็จไปรอพบผู้ชนะระหว่าง ฝรั่งเศส หรือ โปรตุเกส ที่จะแข่งขันรอบรองชนะเลิศกันในคืนวันพุธนี้
           
           รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
           เยอรมนี
    : เยนส์ เลห์มันน์ , อาร์เน่ ฟรีดริช , คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ , เพอร์ แมร์เตซัคเกอร์ , ฟิลิป ลาห์ม , เซบาสเตียน เคห์ล , แบรนด์ ชไนเดอร์ , มิชาเอล บัลลัค , ทิม โบรอฟสกี้ , มิโรสลาฟ โคลเซ่ , ลูคัส โพดอลสกี้
           
           อิตาลี : จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน , จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า , ฟาบิโอ คันนาวาโร่ , มาร์โก มาเตรัซซี่ , ฟาบิโอ กรอสโซ่ , เมาโร คาโมราเนซี่ , เจนนาโร่ กัตตูโซ่ , อันเดรีย ปิร์โล่ , ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า , ฟรานเชสโก้ ต็อตติ , ลูก้า โทนี่
           
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×