ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข่าว บอลโลก 2006

    ลำดับตอนที่ #14 : ดาวเตะจรัสแสงศึกเวิลด์คัพ 2006

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 49


    "ใครบ้าง ดาวเด่นครั้งนี้"

    มหกรรมสงครามลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเหล่าสาวกแฟนบอลนั่งนับวันนับคืนรอคอยเป็นเวลากว่า 1,461 วัน ก่อนที่มหากาพย์เพลงแข้งแห่งซูเปอร์ฮีโร่จะเวียนบรรจบมาเป็นคำรบที่ 18 เปรียบเสมือนโรงละครโรงใหญ่แห่งชีวิต ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา รอยยิ้ม ความสุข ความสมหวัง ความทรงจำไม่รู้ลืม

    “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” ประโยคเด็ดนี้ ถูกหยิบยกมากล่าวถึงครั้งใด ให้รู้สึกถึงความขลัง คลาสสิก น่าหลงใหล เฉกเช่นเดียวกับ ศึกฟุตบอลโลกที่ทุกครั้งจะเป็นแหล่งก่อกำเนิด เหล่าสตาร์โนเนม หรือนักเตะที่ยังไม่ได้รับการประทับตรารับประกันความสามารถอันเอกอุ แม้พวกเขาจะเคยแสดงฝีเท้าระดับเยี่ยมยอดออกมาให้เป็นที่ประจักษ์สายตาแก่สาธารณชน แต่ยังไม่มีใครกล้าการันตีความเก่งกาจ เหมือนขุนศึกนักรบ แม้ฝีมือฉกาจเพียงใด

    หากยังไม่ได้ออกรบในศึกใหญ่ ก็ยังไม่อาจได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดขุนศึก ประหนึ่งเหล่านักฟุตบอลที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นว่า ในศึกยักษ์ใหญ่อย่างฟุตบอลโลก หากใครที่สามารถยกระดับการเล่นให้เจิดจรัสแสงเป็นที่จับสายตาเหล่าผู้ชมได้ ผู้นั้นจะได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดนักเตะที่ก้าวข้ามขั้นขึ้นสู่ ระดับสตาร์ในช่วงเวลาเพียงข้ามเดือนจากนักเตะดาด ๆ คนหนึ่งในก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เราคงไม่ขอกล่าวถึงนักเตะระดับบิ๊กเนมซึ่งเป็นที่รู้จักดีจากแฟนบอลทั่วโลก หรือผู้เล่นดาวรุ่งชื่อดังซึ่งถูกคาดหมายว่าจะโด่งดังในฟุตบอลโลกครั้งนี้

    หลังผ่านศึกเหนือเสือใต้ วันร้อนหนาวหนักเบามากว่าเกือบเดือน จนเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของศึกเวิลด์คัพครั้งนี้ นักเตะที่ได้แสดงให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสามารถ ก้าวข้ามระดับมาได้อย่างโดดเด่น จนเข้าตากีฬาเดลินิวส์ มีรายชื่อดังต่อไปนี้

    1. ฟิลิปป์ ลาห์ม

    แบ๊กดาวรุ่งวัย 22 ปี ทีม “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ลาห์มเป็นดาวรุ่งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต การอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่แห่งบุนเดสลีกา อย่าง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก เป็นการการันตีความสามารถอันยอดเยี่ยมของเขาเป็นอย่างดี เขาติดทีมชาติเยอรมนี ครั้งแรกเมื่อ 18 ก.พ. 2004 ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักของทีมในยุคของบุนเดสเทรนเนอร์ เจอร์เกน คลินส์มันน์ ลาห์ม ลงเล่นเป็นตัวจริงให้เยอรมนีทุกนัดในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม

    การเติมเกมรุกที่เร่าร้อนเร้าใจ ลูกผ่านทางกราบอันทรงประสิทธิภาพ และการยิงประตูอันเฉียบคม รวมถึงการคว้าตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์ในเกมเฉือนโปแลนด์ 1-0 ทำให้ ลาห์ม กลายเป็นนักเตะแบ๊กซ้ายที่ฟอร์มดีที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เรียกว่า เหนือกว่า โรแบร์โต คาร์ลอส แบ๊ก ระดับโลกชาวบราซิล จนตอนนี้ทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา แห่งลาลีกา สเปน, “เศรษฐีพันล้าน” เชลซี จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สนใจตามล่าหวังคว้าตัวมาร่วมทีมให้ได้ แต่ดูท่าทางบาเยิร์น มิวนิก คงไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่

    2. แม็กซี โรดริเกวซ

    กองกลางและกองหน้ากึ่งปีกวัย 25 ปี ทีมชาติอาร์เจนตินา สังกัดทีม “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด สำหรับในแวดวงฟุตบอล “ฟ้าขาว” และ “กระทิงดุ” แม็กซี อาจไม่ใช่ชื่อที่แปลกหูแปลกตา แต่ทว่า ในพื้นที่ส่วนอื่นของโลก ชื่อของเขาถูกจดจำ เป็น เพียงนักเตะอาร์เจนไตน์ ที่ฝีเท้าดาษดื่นหาได้ทั่วไปตามทวีป อเมริกาใต้ อีกทั้งยังถูกจับตามองจากเหล่าสื่อมวลชนว่าเป็นเด็กเส้นของ โฮเซ เปเกอร์มัน ผู้จัดการทีมฟ้าขาว เพราะระดับฝีเท้าไม่น่าถึงขั้นเป็น 11 ตัวจริงของทีมชาติอาร์เจนตินา น่าจะเป็นตัวสำรองอันดับปลาย ๆ มากกว่า ทว่า นับจากนี้ไป แม็กซี ไม่ใช่ผู้เล่นที่ถูกมองข้ามความสามารถอีกต่อไปแล้ว

    ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในเวิลด์คัพครั้งนี้ กับการทะลุขึ้นมาทำประตูจากตำแหน่งกองหน้ากึ่งปีกทางกราบซ้ายและกองกลาง โดยเฉพาะประตูสุดสวยในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่เขาพักอกยิงลูกฮาล์ฟวอลเลย์สุดมหัศจรรย์เป็นประตูชัยเฉือนเม็กซิโก 2-1 พร้อมคว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมนัดนั้นไปครอง คือ การยกระดับชั้นนักฟุตบอลของเขา จากเกรด C เป็น B+ ขึ้นมาทันที ทำเอายอดทีมจากกัลโช เซเรีย อา “ปิศาจแดงดำ” เอซี มิลาน อดใจไม่ไหวไล่ล่าทุ่มเงินหวังคว้าตัวเขามาร่วมทีมให้ได้

    3. ทรานควิลโล บาร์เนตตา

    กองกลางดาวรุ่งวัย 22 ปี ทีม “แดนนาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ จากสังกัด “ห้างขายยา” เลเวอร์คูเซน ในบุนเดสลีกา เยอรมนี บาร์เนตตา ถือเป็นกองกลางที่ครบเครื่อง และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเกมฟุตบอลสมัยใหม่อย่างแท้จริง จุดเด่นของเขาคือ ความตื่นตัว ขยัน วิ่งไม่มีหยุด มีชีวิตชีวาเสมอยามอยู่บนพื้นสนามหญ้าสีเขียวสี่เหลี่ยมผืนผ้า ช่วยเติมความคึกคักให้กับทีมที่เขาลงเล่น ก่อนหน้านี้ น้อยคนนักจะรู้จัก บาร์เนตตา ยกเว้นแฟนบอลเมืองเบียร์ในเมืองเลเวอร์คูเซน

    ทว่า หลังจากเขาระเบิดฟอร์มในเวิลด์คัพครั้งนี้ ด้วยผลงานยิง 1 จ่าย 1 และเป็นตัวขับเคลื่อนเกมคนสำคัญในแดนกลาง จากการจ่ายบอลสั้นถึง 152 ครั้ง บอลยาว 43 ครั้ง และ โยนลูกเข้ากลางถึง 30 ครั้ง ในช่วงเวลา 360 นาทีของทีมสวิสในฟุตบอลโลกครั้งนี้ จนได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้เล่นแห่งอนาคตของวงการลูกหนังสวิสอย่างแท้จริง อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มดาวรุ่งแห่ง อนาคตของวงการลูกหนังโลกร่วมกับผู้เล่นดาวรุ่งชั้นยอดอย่าง เวย์น รูนีย์, ลิโอเนล เมสซี และเชส ฟาเปรกาส ไปแล้ว

    4. มักซิม คาลินิ เซนโก

    ปีกตัวเก่งวัย 27 ปี จากทีมชาติยูเครน สังกัดสโมสรสปาร์ตัก มอสโค ในรัสเซีย ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเคยรู้จักหรือได้ยินชื่อของเขามากนัก เรียกว่า ไปเดินตามห้าง หรือตามตลาดนัด ถ้าไม่ใช่ในยูเครน รับรองไม่มีใครจำหน้าเขาได้แน่ ๆ แต่นับจากนี้ไป ชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมในอดีตอีกแล้ว คาลินิเซนโก เริ่มต้นกับยูเครนในฟุตบอลโลกครั้งนี้ บนม้านั่งสำรองข้างสนาม หลังถูกกระทิงดุขวิดไส้แตกในเกมนัดแรก ยูเครนตัดสินใจปรับเปลี่ยนผู้เล่น ทำให้เขาถูกเรียกลงสนาม และสามารถฉกฉวยคว้าโอกาสทองไว้ในมือได้สำเร็จ

    ด้วยการระเบิดฟอร์มในเกมพิชิตซาอุดีอาระเบีย 4-0 คว้าแมนออฟเดอะแมตช์มาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ รวมทั้งยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนัดสุดท้ายรอบแรก ชี้ชะตา การเข้ารอบกับตูนิเซีย คาลินิเซนโก ถือเป็นตัวทำเกมทางกราบที่อันตรายมาก ลูกโยนทางกราบถือเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดของเขา และเป็นที่แน่นอนว่า หลังจบฟุตบอลโลก คาลินิเซนโก น่าจะตบเท้าย้ายเข้าสู่สังกัดทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ซึ่งตอนนี้เตรียมแผนออกล่าตัวเขามากมายหลายทีมด้วยกัน

    5. อันเดรียส อิซัคส์สัน

    นายทวารฝีมือดีจากทีม “ไวกิ้ง” สวีเดน สังกัดสโมสรแรนส์ ในฝรั่งเศส อิซัคส์สัน เป็นผู้รักษาประตูที่รูปร่างสูงยาว มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก โด่งดังมาตั้งแต่สมัยฟุตบอลยูโร 2004 แต่จากนั้นก็เงียบหายไป เนื่องจากตัดสินใจย้ายไปอยู่กับทีมระดับกลางอย่าง แรนส์ ทำให้ไม่ได้รับความสนใจนัก แม้จะเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ แต่เมื่อได้รับโอกาสลงเล่น ก็สามารถกลับคืนฟอร์มเหนียวหนึบได้ทันทีทันควัน ฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของเขา

    คือในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สวีเดนถูกเจ้าภาพเยอรมนีรุกเข้าใส่ถล่มหนัก ชนิดน่าแพ้เกินครึ่งโหล แต่ด้วยการเซฟระดับพระเจ้าในเกมนัดนั้น ทำให้สวีเดนแพ้ไปเพียง 2-0 เท่านั้น และตอนนี้ทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายทีมจ้องจะตะครุบตัวเขามาร่วมทีมให้จงได้ เชื่อว่าหาก อิซัคส์สัน ตัดสินใจเลือกทีมได้ถูกต้อง ชื่อของเขาจะไม่เงียบหายไปจากรายนามยอดโกลระดับยุโรปอีกต่อไป.

    แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×