ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข่าว บอลโลก 2006

    ลำดับตอนที่ #11 : ´ไก่´ เก๋ากว่า! หัก ´ฝอยทอง´

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 49


    คืนนี้ "ฝรั่งเศส เจอ โปรตุเกส"

    การแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน ประจำวันนี้ (5 ก.ค.) เป็นการดวลกันในรอบรองชนะเลิศคู่ที่ 2 ระหว่างฝรั่งเศสกับโปรตุเกส ที่สนามอลิอันซ์ อารีนา ในเมืองมิวนิก ในเวลา 02.00 น. มีการถ่ายทอดทางฟรีทีวีทุกช่อง

    ฝรั่งเศสเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์นี้ไม่ค่อยสวยนัก ทำ ได้แค่เสมอกับสวิตเซอร์แลนด์ 0-0 และนัดที่ 2 ก็เสมอกับเกาหลีใต้ 1-1 ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า คงล้มเหลวอีกครั้งเช่นเดียวกับบอลโลก 2002 และยูโร 2004 หลังจากเคยคว้าแชมป์โลกมาในปี 1998 แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็คืนฟอร์มเก่งเอาชนะโตโกในนัดสุดท้ายรอบแรก 2-0 ผ่านเข้ารอบ 2 ได้สำเร็จ

    แม้จะเป็นที่ 2 ของกลุ่มรองจากสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ต้องเจอศึกหนักกับสเปน แต่ขุนพลตราไก่ก็งัดฟอร์มเก่งกลับมาได้ทันเวลา โดยเฉพาะผู้เล่นประสบการณ์สูง เช่น ซีเนอดีน ซีดาน, ลิลิยง ตูราม, ปาทริค วิเอรา, ฟาเบียง บาร์กเตซ บวกกับดาวรุ่ง “ไอ้หน้าบาก” ฟรองค์ ริเบรี ที่โชว์ฟอร์มลากเลื้อยประทับใจแฟนบอลอย่างยิ่ง ฝรั่งเศสถล่มสเปนราบคาบ 3-1 และโคจรมาเจอกับ “เต็ง 1” อย่างบราซิล ซึ่งเกจิส่วนใหญ่เชื่อว่าฝรั่งเศสไม่รอดแน่ แต่แล้วพวกเขาก็โชว์ฟอร์มสุดยอดอีกครั้ง เชือดบราซิล 1-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ทำให้มีความหวังในการลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 2

    ส่วนโปรตุเกสชนะรวด 3 นัดในรอบแรกต่อแองโกลา, อิหร่าน และเม็กซิโก รอบ 2 เล่นเกมโหดกับฮอลแลนด์ มีใบเหลืองใบแดงปลิวว่อนก่อนคว้าชัยหวุดหวิด 1-0 และย้ำแค้นชนะจุดโทษอังกฤษในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

    กุนซือไก่มั่นใจซีดานนำทีมไปโลด

    เรย์มงด์ โดเมอเนค โค้ชฝรั่งเศส ที่ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับของแฟนบอลและสื่อมวลชนเมืองน้ำหอมในช่วงแรก แต่ก็ชนะใจคนเหล่านี้ได้ในที่สุด กล่าวว่า ชัยชนะที่มีต่อบราซิลนั้นสุดยอดจริงๆ แต่ยังมีด่านสำคัญรออยู่ อีกในรอบรองชนะเลิศที่จะพบกับโปรตุเกส บางทีอาจส่ง ผลกระทบด้านจิตใจอยู่บ้าง เพราะนักเตะกลัวว่าทำดีมาตลอดแต่มาพลาดท่าในรอบนี้จนชวดเข้าชิงชนะเลิศ

    “ผมหวังว่านัดนี้จะเล่นฟุตบอลกันเต็มที่ ไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหมือนนัดที่โปรตุเกสพบกับฮอลแลนด์ ลูกทีมของผมเล่นดีขึ้นทุกนัด โดยเฉพาะกลุ่มที่ประสบการณ์สูงในทีม ผมมั่นใจว่าเรายังฝากความหวังไว้กับนักเตะอย่างซีดานได้ ผมเชื่อใจเขาเสมอ” โดเมอเนคกล่าว

    ตูรามเตือนเพื่อนร่วมทีมห้ามประมาท

    ลิลิยง ตูราม กองหลังวัย 34 ปี ที่เคยประกาศเลิก เล่นทีมชาติพร้อมกับซีดานหลังจบศึกยูโร 2004 แต่ภาย หลังเปลี่ยนใจกลับมาช่วยทีมในช่วงท้ายๆรอบคัดเลือกบอลโลกครั้งนี้ กล่าวว่า นัดนี้จะประมาทโปรตุเกสไม่ได้ เด็ดขาด หลังจากพลิกล็อกเอาชนะบราซิลมาได้ ก็ต้องระวัง เหตุการณ์ไม่คาดฝันไว้เหมือนกัน

    “เราผ่านเกมหนักๆมาหลายนัด จะมาพลาดในรอบรองชนะเลิศไม่ได้ ผมเชื่อว่า เกมจะสูสีมาก พวกเขา มีเกมรับที่เหนียวแน่นไม่แพ้ทีมเรา โดยรวมแล้วเล่นยาก กว่าเตะกับบราซิลเสียอีก ผมอยากเตือนเพื่อนร่วมทีมที่ ติดใบเหลืองแล้วกลัวโดนแบนอดเล่นนัดชิงชนะเลิศว่า ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องนี้ เล่นเต็มที่ไปตามปกติ ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะได้เล่นรอบชิง สิ่งสำคัญคือ ฝรั่งเศสต้อง เข้ารอบชิงต่างหาก ส่วนซีดานนั้นผมไม่แปลกใจเลยที่เขา เล่นได้สุดยอดขนาดนี้ เขากลับมาอยู่ในฟอร์มสุดยอดอีก ครั้ง” ตูราม กล่าว

    ริเบรีโวลั่นระเบิดฟอร์มเก่งได้อีก

    ฟรองก์ ริเบรี ปีกจอมเลื้อยวัย 23 ปี ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการลูกหนังเมืองน้ำหอมเผยว่า ตอนที่ฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกปี 1998 เขายังเป็น เด็กเดินเล่นอยู่ริมถนน “ผมใฝ่ฝันเหมือนเด็กทุกคนในฝรั่งเศสว่า อยากเล่นบอลเคียงข้างซีดาน และฝันของผมก็เป็นจริงแล้ว รุ่นพี่ในทีมสอนอะไรดีๆให้ผมเยอะ ต้อง ขอบคุณพวกเขาที่ทำให้บอลโลกครั้งแรกของผมมาได้ถึงขนาดนี้ ผมหวังว่าจะเล่นให้ดีเหมือนนัดที่ชนะสเปนและ บราซิล” ริเบรี ที่ติดใบเหลืองอยู่ 1 ใบ กล่าว

    เผยกุนซือฝอยทองเป็นแฟนซุนวู

    หลุยส์ เฟลิเป สโกลารี โค้ชชาวบราซิลของโปรตุเกส ที่ทำสถิติชนะ 12 นัดรวด ในบอลโลก ตั้งแต่คุมทีมแซมบ้า คว้าแชมป์โลก 2002 มาจนถึงคุมทีมโปรตุเกสในเวิลด์คัพครั้งนี้ กล่าวว่า การที่โปรตุเกสมาถึงรอบรองชนะเลิศ ย่อม ไม่ใช่เรื่องฟลุกแน่นอน เพราะเอาชนะทีมที่แข็งแกร่งได้ ทั้งฮอลแลนด์และอังกฤษ

    สโกลารีเผยอีกว่า เขายึดตำราพิชัยสงครามของ ซุนวูมาใช้ในการทำทีมและนำบราซิลประสบความสำเร็จในบอลโลก 2002 นับเป็นหนังสือคู่กายของเขาเลยก็ว่าได้ ซึ่งในปัจจุบันมีการนำตำราดังกล่าวมาดัดแปลงใช้ในแวดวง ธุรกิจ การเมือง และกีฬา อย่างแพร่หลาย

    สถิติไก่ชนะฝอยทอง 4 นัดรวด

    จากสถิติของฟีฟ่า ฝรั่งเศส และโปรตุเกส เคยพบกันในเกมระดับเกรดเอ 4 นัด ซึ่งฝรั่งเศสชนะได้ทั้งหมด เริ่มจากเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 1996 ฝรั่งเศสชนะ 3-2,เกมอุ่นเครื่องปี 1997 ฝรั่งเศสชนะ 2-0, ยูโร 2000 ที่เบลเยียม ฝรั่งเศสชนะ 2-1 ในการต่อเวลา และนัดล่าสุดอุ่นเครื่องกันเมื่อปี 2001 ฝรั่งเศสต้อนขาด 4-0

    อย่างไรก็ดี ถ้าดูสถิติการยิงจุดโทษชี้ขาดหลังการต่อเวลา ปรากฏว่า โปรตุเกสกลับทำได้ดีกว่า โดยฝรั่งเศสผ่านการยิงจุดโทษในบอลโลกและบอลยูโร รวม 5 ครั้ง ชนะ 3 แพ้ 2 ส่วนโปรตุเกสเตะจุดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ชนะอังกฤษทั้ง 2 ครั้ง ในบอลยูโร 2004 และบอลโลกครั้งนี้

    เดโก-คอสตินญา คืนทีมโปรตุเกส

    นัดนี้โปรตุเกสจะได้ 2 นักเตะตัวหลักกลับมาลงสนามอีกครั้ง คือ เดโก และคอสตินญา หลังจากได้ใบแดงในนัดที่ชนะฮอลแลนด์ โดนแบนในเกมที่พบกับอังกฤษทั้งคู่ ส่วนฝรั่งเศสนั้นจะยึดระบบเดิม คือ 4-5-1 ที่ใช้ได้ ผลกับสเปนและบราซิล โดยมีเธียร์รี อองรี เป็นศูนย์หน้าตัวเป้าคนเดียว รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนามมีดังนี้ ฝรั่งเศส ฟาเบียง บาร์กเตซ, วิลลี ซาญอล, ลิลิยง ตูราม, วิลเลียม กัลลาส, เอริก อบิดัล, ปาทริก วิเอรา, โคลด มาเคเลเล, ฟรองก์ ริเบรี, ซีเนอดีน ซีดาน,ฟลอรองต์ มาลูดา และเธียร์รี อองรี

    โปรตุเกส ริคาร์โด, มิเกล, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, เฟอร์นันโด ไมรา, นูโน วาเลนเต, คอสตินญา, มานิเช, เดโก, หลุยส์ ฟิโก, คริสเตียโน โรนัลโด และเปาเลตา (โค้ช หลุยส์ เฟลิเป สโกลารี)

    คู่นี้วงการลูกหนังทั่วโลกให้ฝรั่งเศสเป็นต่อจากชื่อชั้นของนักเตะและผลงานการโค่นบราซิล แต่โปรตุเกสก็เป็นทีมที่เหนียวแน่นทีมหนึ่ง เล่นเกมโต้กลับได้ดี ถ้ายันเสมอไว้ได้ และยืดเยื้อไปถึงการยิงจุดโทษ อาจมีสิทธิ์พลิกล็อกได้เหมือนกัน

    ฝอยทองขอถอนแค้นไก่ศึกยูโร 2000

    นักเตะโปรตุเกสเผยต้องการล้างตากับฝรั่งเศสหลังจากเคยปราชัยในรอบรองชนะเลิศยูโร 2000 ซึ่งฝรั่งเศสได้ประตูชัยจากจุดโทษของซีเนอดีน ซีดาน ในช่วงต่อเวลา ซึ่งเป็นประตูโกลเดนโกลปลิดชีพนักเตะฝอยทอง ทำให้ ฝรั่งเศสชนะไป 2-1 และก้าวขึ้นเป็นแชมป์ยูโร 2000 ด้วยการชนะอิตาลีในรอบชิงชนะเลิศ

    เฮลเดอร์ โปสติกา ศูนย์หน้าโปรตุเกสกล่าวว่า ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นยังฝังใจอยู่ เพราะโดนยิงจุดโทษแล้วแพ้เลย ไม่มีโอกาสแก้ตัว เนื่องจากเป็นโกลเดนโกล “นัดนั้นเราเล่นได้ดีและเชื่อว่าจะชนะฝรั่งเศสได้ แต่ก็ต้องอกหัก ผมหวังว่า การเจอกันครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมอีก”

    ทางด้านมิเกลแบ็กขวาโปรตุเกสกล่าวทำนองเดียวกันว่า ทีมตนมีดีพอที่จะเข้ามาถึงรอบนี้ และไม่กลัวฝรั่งเศส “โปรตุเกสไม่ได้มาถึงรอบนี้นานแล้ว เราจะไม่ยอมปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป ต้องเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้ อย่างไรก็ดี ต้องระวังซีดาน เขาเป็นตัวอันตรายอย่างแท้จริง หวังว่าเขาจะเล่นไม่ออกในนัดนี้” ที่ผ่านมาโปรตุเกสทำผลงานดีที่สุดในบอลโลก คือในปี 1966 ซึ่งพวกเขาผ่านเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย

    จอมทัพฟิโก้ประชันฝีเท้าซีดาน

    หลุยส์ ฟิโก้ กัปตันทีมวัย 33 ปี ของโปรตุเกส เป็นนักเตะรุ่นราวคราวเดียวกับซีเนอดีน ซีดาน กัปตันทีมฝรั่งเศส วัย 34 ปี ทั้งคู่เคยเป็นซุปเปอร์สตาร์ของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด มาด้วยกัน โดยฟิโก้เพิ่งย้ายไปเล่นในอิตาลีกับอินเตอร์ มิลาน เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ส่วนซีดานเพิ่งอำลามาดริดไปหลังจบซีซั่นที่ผ่านมา นอกจากนี้ทั้งคู่ยังประกาศเลิกเล่นทีมชาติหลังจบศึกยูโร 2004 แต่ก็เปลี่ยนใจคัมแบ็กกลับมาเล่นบอลโลกครั้งนี้อีก

    ฟรานซ์ เบคเกนบาวร์ ประธานจัดการแข่งขันบอลโลก 2006 กล่าวว่า ซีดานเล่นได้ขนาดนี้ ยังไม่ควรแขวนสตั๊ด ขณะที่เรย์มงด์ โดเมอเนค กุนซือฝรั่งเศสชี้ว่า สาเหตุที่ซีดานท็อปฟอร์มก็เพราะไม่มีแรงกดดัน เล่นได้ อย่างอิสระ เพื่อทิ้งทวนก่อนอำลาสนามไปนั่นเอง

    “โค้ชหรั่ง” บอกตราไก่สดกว่าน่าเข้าชิง

    ส่วนทรรศนะวิจารณ์ของเกจิลูกหนังไทยที่มีต่อเกมตัดเชือกบอลโลก 2006 คืนวันนี้ ระหว่างทีม “ตราไก่” ฝรั่งเศส กับโปรตุเกส ทางด้าน “โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน เฮดโค้ชทีมฟุตบอลชาติไทย กล่าวว่า ถือเป็นเกมที่สูสีกันมาก นัดนี้โปรตุเกสจะได้ 2 ผู้เล่นตัวหลักอย่างเดโก กับคอสตินญา กลับมา แต่สภาพทีมโดยรวมอาจจะกรอบล้าหลังจากการบดหนักมาในรอบ 8 ทีมกับอังกฤษถึง 120 นาทีเต็ม ขณะที่ฝรั่งเศสเจอเกมไม่หนักมากจึงน่าสดกว่า และเชื่อว่าเกมนี้ทีมตราไก่ที่ชื่อชั้นเหนือกว่าน่าจะเดินเกมรุกบดเข้าใส่ทีมฝอยทองแน่ แต่ดูแล้วไม่น่าจะชนะในเวลาได้ง่ายๆ ต้องไปลุ้นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ และสุดท้ายอาจต้องชี้ขาดด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งตนยอมรับว่าเอาใจช่วยฝรั่งเศสให้ชนะผ่านเข้าไปชิง

    “เดอะตุ๊ก” ชี้โปรตุเกสพลิกดับน้ำหอม

    ขณะที่ “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตสุดยอดศูนย์หน้า “เบอร์ 1” ของเมืองไทย ให้ทรรศนะว่า เกมนี้ทั้งโปรตุเกส และฝรั่งเศส ต่างพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า หลังจากต่างฝ่ายต่างโค่นทีมขวัญใจมหาชนอย่าง อังกฤษและบราซิล มาในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ดังนั้น น่าจะซดกันไฟแลบ แต่ในส่วนตัวตนเชื่อในมันสมองและวิธีการทำทีมของเฟลิเป สโคลารี กุนซือแซมบ้าของโปรตุเกส ที่วางแผนการเล่นในแต่ละนัดได้อย่างแยบยลมีประสิทธิภาพ ส่วนฝรั่งเศสนั้น ตนมองว่าผ่านจุดพีก สูงสุดมาแล้วในเกมกับบราซิล ดังนั้น จึงไม่ง่ายในการตัดเชือกกับโปรตุเกส ซึ่งเกมนี้อาจยืดเยื้อถึงต่อเวลา ส่วนใครจะชนะอยู่ที่จังหวะฟุตบอล แต่ถ้าให้ตนเลือกน่าจะเป็นโปรตุเกสที่พลิกเข้าชิงได้เป็นครั้งแรก
    แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×