ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC 1D;ONE DIRECTION★BE AMBITIOUS

    ลำดับตอนที่ #8 : บันทึกการเดินทาง 07 : はじめまして How do yaa do’ [Tokyo,Japan] >100%

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 57


    Take a Time,let’s say bye EU

    DIARY:07 [TOKYO,JAPAN]

    はじめまし (How do yaa do’)

     

     

    Cause I never met a girl like you before

    You don’t think you’re perfect

    But you’re everything I want and more

    And I’ll try to make you mine

    เพราะฉันไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเธอที่ไหนมาก่อน

    คุณไม่ต้องคิดหรอกว่าคุณไม่เพอร์เฟ็กต์พอ

    แต่คุณคือทุกอย่างสำหรับผมและอื่นๆ แล้วนะ

    และผมจะพยายามทำให้คุณยอมเป็นของผมซะดีๆ

     

     

     

     

     

            มีคนเคยบอกฉันไว้ว่า...

     

            ถ้าสมมุติว่าเรากำลังสับสน งุงงงหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราปวดหัว ให้เรานับหนึ่งถึงสิบแล้วความคิดเครียดๆ ทั้งหมดนั้นจะค่อยๆ ระบายออกไปจากสมองของเรา แต่...

     

            ฉันนับหนึ่งถึงร้อยแล้วโว้ยแต่ก็ยังเครียดอยู่อ่ะ TWT))

     

            เมื่อคืนฉันนอนหลับ หลับปุ๋ยเลยด้วยฝันดีอีกต่างหาก เฮ้! แต่อย่าเข้าใจผิดฉันไม่ได้ชอบเขาจริงๆ นะ แค่...แค่เขินเหมือนผู้หญิงทั่วไปเขาเขินกัน ปัดโธ่! มีผู้ชายมาพูดว่า อดใจไม่ไหวนี่จะไม่ให้ก้อนเนื้อในอกเต้นบ้างหรือไงเล่า เดี๋ยวก็เป็นเส้นเลือดอุดตันพอดีน่า

     

            ตอนนี้ข้อสงสัยว่าเขาจะผิดเพศเริ่มหายไปจากหัว แต่ตอนนี้คำถามในหัวของฉันคือจะเขินทำไม นี่เมื่อคืนฉันก็นอนห่างกับเขาเป็นเมตรเลยนะ...แล้วเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยเมื่อเช้า ต่างคนก็ต่างเงียบใส่กันฉันเงียบ เขาเงียบ จนมาถึงตอนนี้ ตอนที่อยู่สนามบินแล้ว เย้! แดนยุ่นรอเราอยู่

     

            ขอเล่าย้อนสักนิดคือการวางทริปของฉันคือจะไปที่ที่ไกลที่สุดก่อนแล้วค่อยมาที่ที่ใกล้ทีหลัง ฉันเลยเลือกที่จะไปแถบเอเชียก่อนละกันเนอะ และก็มาถึงวันนี้จนได้วันที่ฉันต้องลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีชมพูพร้อมสัมภาระมากมายหลายประการ ตลอดหกวันที่อังกฤษมันสนุกมากนะถ้าไม่มีเรื่องรบกวนหัวจิตหัวใจ

     

            ฉันย่างก้าวเข้ามาที่ประตูทางเข้าสนามบิน เมื่อรถของเพื่อนเขามาส่ง อ้อ! เพื่อนไนออลคนนี้เป็นผู้หญิงน่ะ น่ารักสุโค่ย ซีเลบสุดๆ จ้า ไม่ยักกะรู้ว่าคนแบบเขาจะมีเพื่อนเป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักจนนางแบบยังหลีกให้ แต่ฉันก็ไม่ได้ถามชื่อเธอเพราะไม่กล้าเอ่ยอะไรไปมากเท่าไหร่นระหว่างทางที่มา

     

            “รักษาตัวด้วยนะไนล์ แล้วก็เธอ...ดูแลมันดีๆ ด้วยล่ะน้ำเสียงหวานพูดกับไนออลจบก็หันหน้ามาพูดกับฉัน และฉันเองก็พยักหน้าที เธอยิ้มบางๆ เชิงการกล่าวลาแล้วเธอก็เดินออกไป

     

            ไม่ไปหรือไงเขากระแทกศอกเบาๆ ที่แขนของฉันสื่อความหมายให้เดินตามเขาไป แต่คนร่างสูงก็เดินนำฉันไปก่อนที่เคาน์เตอร์และอยากจะบอกว่า...

     

            เขาพูดเป็นประโยคกับฉันรอบแรกของวันแล้ว XD

     

            เมื่อเขาบอกดังนั้นฉันจึงลากขาพาตัวเองเดินตามเขาไปที่เคาน์เตอร์รับตั๋วโดยทันทีพร้อมดึงกระเป๋าเดินทางใบหนาข้างกายตามไปด้วย ฉันยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่กับไนออลแต่เจ้าตัวกลับชักสีหน้าอย่างหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ฉันนำหนังสือเดินทางของฉันไปไว้กับของเขา

     

             “เธอเป็นครอบครัวเดียวกับฉันหรือไงเงิบ...ดอกแรกของวัน U__U; เอาสิ! จะด่าอะไรก็ด่าเลยวันนี้ฉันฉาบหนังหน้ามาอย่างหนาแล้วเว้ย เชอะ!

     

            อ่าวก็ฉัน ..Y_Y..” ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยคเสียงของเขาที่บอกกับพนักงานก็ขัดขึ้นมาซะก่อน

     

            “ผมขอนั่งคนเดียวนะครับเอาแบบไม่ติดกับใครเลยเขากระแทกเสียงตรงที่บอกว่าไม่อยากนั่งติดกับใครเลย นั่นก็แปลว่าเขาอยากแยกนั่งกับฉันอ่ะดิ เกร้ดดดดดดดด เขารังเกียจฉันหรือไงเนี่ย ตัวฉันเหม็นหรอ กลิ่นปากแรง แต่ฉันว่าฉันเช็คทุกอย่างว่าสะอาดเรียบร้อยก่อนออกมาแล้วนะ

     

            “เฮ้ยนายจะไปไหนอ่ะฉันกำลังจะตะโกนเรียกเขาให้หยุดรอ แต่ฉันกลับฉุกคิดได้ว่าเขาไม่ได้อยากนั่งกับฉันนี่คงไม่อยากอยู่กับฉันด้วย เห็นป่ะ...พอได้ตั๋วเสร็จก็ชิ่งเดินหนีออกไปก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากอยู่ข้างนอกนานๆ คงกลัวแฟนคลับรุมด้วยล่ะมั้ง (คิดแง่ดีสุดๆ แล้ว)

     

            ช่างเถอะเดี๋ยวเข้าข้างในก็เจอกันอยู่แล้วแหละเนอะ ว่าแต่...หิวจังฉันควรไปซื้ออะไรกินหรือจะรออาหารบนเครื่องดีนะ ฉันจะได้ประหยัดเงินไปช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นด้วยแม้จะแค่อาหารมื้อเดียวก็เถอะ ตามความเชื่อที่กล่าวไว้ว่าดวงตาไม่เคยหยุดนิ่ง...ออร่าแพรวพราวที่เขาคนนั้น ไนออลนั่งอยู่ในร้านกาแฟชื่อดังร้านหนึ่งพร้อมกับกาแฟแก้วเล็กข้างๆ มือ

     

            “ไฮฉันเดินเข้าไปอย่างถือวิสาสะ ทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามองอย่างช้าๆ และทำหน้าเบื่อหน่ายทันทีเมื่อเห็นฉัน โอเคคงเหม็นขี้หน้ากันจริงๆ ด้วย เอ่อฉันไม่กวนนายดีกว่า ฮะๆฉันหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะลุกขึ้นและหันหลังไป

     

            “นั่งก่อนดิร่างสูงพูดเบาๆ และไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตาพลางแกะหลอดกาแฟและดื่มเชิงไม่ใส่ใจ ถึงกิริยาเขาจะเป็นแบบนั้นแต่คำพูดของเขาก็ทำให้ฉันดีใจขึ้นมาไม่น้อย ไปสั่งอะไรกินก่อนสิคงไม่ต้องให้ฉันพาไปสั่งหรอกใช่ไหม

     

            “ขอบคุณจ้า >W< ฮ่าๆ งั้นเดี๋ยวไปสั่งแปปน้า ฉันเดินไปที่เคาน์เตอร์ขายกาแฟที่อยู่ด้านใน กลิ่นหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟสดลอยมาแตะจมูกฉันเมื่อหายใจเข้าเบาๆ ข้างในตกแต่งเป็นร้านสีทึบๆ เน้นสีส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลอย่างเช่นเค้กช็อคโกแล็ตทีอยู่ในตู้นั่นซึ่งส่วนผสมที่เห็นอยู่ตรงหน้าเค้กคือโอรีโอ้ ของโปรดฉันเลยล่ะ

     

            ที่ฉันสั่งไปก็มีเค้กช็อคโกแล็ตโลยด้วยผงโอริโอ้บดมีวาฟเฟิลร้อนๆ ราดด้วยน้ำเชื่อมวางอยู่ใกล้ๆ กับช็อคโกแล็ตเย็นปั่น ถือซะว่านี่เป็นอาหารเย็นไปแล้วกันเนอะ เมื่อถาดถูกส่งมาตรงหน้าฉันเอาจริงๆ มันทำให้ฉันน้ำลายย้อยตรงนั้นได้เลยอ่ะแล้วก็...

     

            บอกได้คำเดียวว่า...ฟิน 

     

            “ทั้งหมด 17 ปอนด์ค่ะ เสียงพนักงานสาวที่กำลังกดเครื่องคิดเงินตรงหน้าดังขึ้นมาเมื่อบิลออก (ถ้าเป็นเงินไทยก็ประมาณ 900 กว่าบาทเลยนะ)

     

            บอกได้คำเดียวว่า...ไม่ฟิน

     

            ฉันลืมดูราคาก่อนนี่นา แง้! ToT โครตแพงเลยอ่ะ นี่ถ้าสิบเจ็ดปอนด์แล้วได้เยอะกว่านี้นี่จะไม่บ่น แต่นี่อัลไล เค้กโง่ๆ กับน้ำปั่นแก้วเล็กๆ นี่อ่ะนะ ไม่เป็นไรถือว่าเลี้ยงส่งท้ายก่อนจากอังกฤษละกันจ้า

     

            “ค่ะ” ฉันทำหน้ามู่ไม่พอใจเล็กๆ แล้วเปิดกระเป๋าเตรียมจะควักเงินออกมา แต่ทว่า...

     

             แปะ

     

     

            “นี่ครับ” เสียงทุ้มต่ำหันไปพูดกับพนักงานสาวในร้านนั่นพลางวางแบงค์ 20 ปอนด์ตรงเคาน์เตอร์แล้วยิ้มบางๆ ชนิดใครเห็นต้องละลายกองอยู่ตรงนั้นทำเอาพนักงานสาวไม่เป็นอันทำงานเลยทีเดียว เอ๊ะ! แล้วเขามาจ่ายให้ฉันทำไมกัน “ทำหน้าทู่อย่างนั้นทีหลังดูราคาด้วยว่าตัวเองมีปัญญามากพอที่จะจ่ายหรือเปล่าน่ะ” เขาหันมาพูดรัวๆ แกมสั่งสอนฉัน ปล้ำลู. ดอกที่สองของวัน

     

            “ฉันมีปัญญาโว้ย…แค่ลังเลนิดหน่อยเท่านั้นเองฉันก้มหน้างุดไม่กล้าเถียงอะไรมากกลัวจะเจอดอกที่สามของวันอีกไง TT_TT//

     

            “ไปก่อนละที่เหลือทิปแล้วกันเขาพูดต่อแล้วหยิบแว่นกันแดดสีชาที่เหน็บอยู่ตรงคอเสื้อขึ้นมาใส่แล้วเดินออกไปจากร้านโดยไม่แม้แต่จะหันมาแลฉันสักนิดเดียว ฉันได้แต่เกาหัวแกรกๆ แล้วรับเงินทอนที่เหลือเข้ากระเป๋าสตางค์ของตนเองพลางหยิบถาดขนมที่วางอยู่ตรงหน้าไปด้วย

     

            ฉันเดินหย่อนก้นตรงที่นั่งเดิมของไนออลก่อนที่เขาจะเดินออกไปเมื่อกี้นี้ ฉันจัดการกินขนมตรงหน้าอย่างไม่รอช้า ว่าแต่วันนี้ฉันยังไม่เจอแวนดี้เลยอ่ะ หลังจากมาสนามบินเธอก็หายไป...หายไปแบบไร้ร่องรอย พอฉันกินเสร็จก็เตรียมจะลุกออกไปจากร้านแต่ทว่า...

     

            ครืด...ครืด

     

            ‘Daddy

     

            ฉันก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูของฉันก็พบว่ามันเป็นเบอร์ที่คุ้นเคย ฉันยิ้มร่าขึ้นมาทันทีที่พ่อของฉันโทรมาหาและไม่ลังเลที่จะกดรับสายนั้นเลย...แม้แต่สักนิด

     

            “สวัสดีค่ะพ่อฉันเอ่ยเสียงกระริกกระรี้ตื่นเต้นที่จะได้คุยกับพ่อของตัวเองที่สุดในสามโลก > <’

     

            [หวัดดีเจ้าหนู เป็นไง] เสียงต่ำสำเนียงผู้ชายกลางคนสัญชาติไอริชกระแอมนิดหน่อยก่อนจะตอบกับมา

     

            “ก็ดีนะพ่อแต่เงินในกระเป๋ามันไม่พอแล้วอ่ะทำไงดี ฮือฉันโอดครวญใส่ผู้เป็นพ่อเพื่อขอความเห็นใจ

     

            [ยังเหมือนเดิมเลยนะ...คือพ่อจะมาบอกไว้ว่าเดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปดูงานกับลุงบ็อบ] ฮะ =0= อะไรกันพ่อนิ่งเฉยกับคำพูดออดอ้อนที่ฉันขอเงินพ่อ ปกติแล้วพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา...แถมยังเปลื่ยนเรื่องด้วย

     

            “เรื่องนั้นไว้ก่อนพ่อหนูไม่มีเงินทานข้าวแล้ว

     

            [เอ้า! มีเจ้าไนล์ลูกเพื่อนพ่ออยู่ด้วยทั้งคนกลัวอะไรเล่า เพื่อนกันทั้งนั้น]

     

            “อื้อหือ รายนั้นเขาเคยใจดีให้ด้วยเหรอคะพ่ออย่างมากก็ให้ค่าเบเกอรี่นิดหน่อยเท่านั้นเอง” แน่ใจว่านิดหน่อย...แหม! ก็แค่ 17 ปอนด์เองขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกเนอะ

     

            [นั่นแหละน่า...ตอนเด็กๆ เล่นด้วยกันบ่อยออก เล่นซะจนนึกว่าโตมาจะเป็นแฟนกันด้วย]

     

            “ตอนเด็กๆ ยังไงคะพ่อ” ฉันทวนคำด้วยน้ำเสียงสงสัยในสิ่งที่พ่อพูด

     

            [อ้อ! นิกกี้กับเฮเลนฝากความคิดถึงมาด้วยนะ แล้วนี่จะไปญี่ปุ่นนี่ดูแลตัวเองด้วยนะพ่อกับแม่รักลูกเสมอ เฮ้! บ็อบรอเดี๋ยว พ่อไปแล้วนะรักลูกที่สุด] พ่อทิ้งท้ายไว้อย่างงงๆ เอ๊ะ! ไม่เคลียร์เลย...

     

              ตอนเด็กฉันเคยเป็นเพื่อนกับไนออล?

            ตกลงพ่อจะให้ฉันอาศัยเขากินก่อน?

            พ่อกับแม่จะไปดูงานที่ไหน?

     

            ทุกคำถามในหัวสมองของฉันมารวมเป็นวงใหญ่ๆ ที่ทีทำให้ทุกอย่างในสมองตีกันไปหมด ฉันกดเบอร์โทรกลับแต่สิ่งที่ได้กลับมาก็มีแต่เสียงหวานของผู้หญิงคนเดิมวนไปวนมา ไม่ใช่พ่อปิดเครื่อง ไม่ใช่ฝากข้อความแย่กว่านั้นคือ...เงินหมด

     

            ให้ตายเถอะพระเจ้า!

     

            เงินหมดคืออะไรน่ะหรอ...สำหรับฉัน...อืม....มันคือหายนะมาเยือนไงล่ะ! ขาดจากการติดต่อของใครหลายๆ คนนี่คือปัญหาใหญ่สำหรับฉัน แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปฟร้ะ T//T

     

            ตั้งสติเอาไว้...แค่โทรศัพท์เงินหมดเองไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ฉันเน้นคำว่าตั้งสติตัวโตๆ ในหัวของตัวเองเผื่อมันจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้างแต่ไงล่ะ..ผลสุดท้ายมันก็เท่าเดิม ทำไงดี...ทำไงดี ฉันครุ่นคิดหนักหัวสมองจู่ๆ ก็ว้าวุ่นขึ้นมาซะอย่างงั้น ตอนนี้เท่ากับว่าฉันเหมือนคนโดดเดี่ยวเดียวดาย ตรงตามคอนเซ็ปต์ ‘สาวน้อยท่องโลกกว้าง’ เลยสินะ ฉันหลับตาปี๋เผื่อจะมีความคิดเจ๋งๆ โลดแล่นเข้ามาในหัวบ้าง

     

            ................มามะเซลล์สมอง

     

            ไนออล!

     

            ไนออล ฮอแรน...แสงสว่างในความมืดเพียงคนเดียวในตอนนี้ จะหวังพึ่งเพื่อนใหม่คงจะยากในเมื่อวันนี้ยังไม่เห็นหน้าค่าตากันสักนิดเลย เพราะฉะนั้นตัวเลือกสุดท้าย (และตัวเดียว) ของฉันนั่นก็คือเขา ว่าแต่ตอนนี้เขาอยู่ตรงไหนล่ะ =_=// ฉันต้องใช้ความคิดสักแพ๊พส์...อยู่ในเกต! ฉันต้องเข้าไปหาในเกท

     

            ฉันก้าวขาฉับเร่งความเร็วเข้าตรงเข้าไปที่เกทจัดการยื่นพาสปอร์ทกับตั๋วเครื่องบินให้เจ้าหน้าที่เสร็จสับ ฉันกวาดสายตามองหาใบหน้าขาวเนียนอยู่สักพักและ...โป๊ะเช้ะ! ฉันเจอแล้วคนหัวทองนั่งอยู่ตรงมุมอับภายในเกทในมือมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง...สงสัยเขาคงไม่อยากให้ใครมายุ่งล่ะมั้ง ฉันจับตามองเขาอยู่ระยะหนึ่งสังเกตได้ว่าในเกทไม่ค่อยมีใครมายุ่งสุงสิงกันเท่าไหร่ช่วงนี้อาจจะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว จึงมีแต่นักธุรกิจวัยกลางคนซะส่วนมาก

     

            “สะ..สวัสดี” ฉันเอ่ยเสียงกุกกักแล้วนั่งลงตรงที่นั่งข้างๆ เขา “ขอยืมโทรศัพท์นายหน่อยสิ” ฉันพูดเสียงค่อยต่อเขา นิ่งแล้วลดหนังสือพิมพ์ตรงหน้าลงแล้วขมวดคิ้วใส่ฉัน

     

            เอาไปทำไม” เขาถามสั้นๆ

     

            “ก็โทรหาพ่อไงโทรศัพท์ฉันแบตหมดน่ะแค่แบตหมดก็พอแล้วล่ะ...เดี๋ยวเขาจะสมเพชฉันว่าไม่มีเงินจ่ายค่าโทรศัพท์อีก ฉันกระพริบตาปริบๆ เพื่ออ้อนเขาแต่ว่า...

     

            “งั้นขอเบอร์เธอหน่อย”

     

            “ฮั่นแน่! จะจีบฉันล่ะสิ >W<” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงแต่เมื่อมองกลับไปตรงหน้าฉันจึงลดความร่าเริงลงเพราะสังเกตเห็นความเย็นชาตรงหน้าของฉัน “โอเคไม่เล่นแล้ว เบอร์...ฉันบอกเบอร์ของฉันไปให้เขาที่กำลังจิ้มโทรศัพท์อยู่จึกๆ แล้วสักพักเขาเลยยกโทรศัพท์ทาบหู

     

            ครืด...ครืด

     

            โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของฉันดังขึ้น...ดังขึ้น เฮ้ย! ลืมไปว่าฉันโกหกเขาว่าแบตหมดนี่นา แบตหมดคือต้องไม่มีเสียงเข้ามาไม่มีแบตเตอรี่ดูยูโนวววว เฮือก!

     

            “อ้อ! โทรศัพท์เธอนี่เจ๋งดีนะแบตหมดก็มีเสียงด้วย

     

            “ใช่เลยรุ่นใหม่ล่าสุดน่ะคิดค้นโดยนายสติ ฟันจอบเลยนะถ้านายสนใจฉันไปติดต่อซื้อให้ได้นะ T T;” ฉันรีบพูดกลบเกลื่อนสาธุ! ขอให้เขาเชื่อเถอะ... เหตุผลของฉันมันสมเหตุสมผลมากที่สุดแล้วนะ

     

            “นี่…ถ้าคิดจะมาหลอกเอาโทรศัพท์ฉันไปค้นขอบอกเลยว่ายากมุกแป้กๆ ของเธอมันเชยมากใครๆ ก็จับไต๋ออกจะบอกให้นะ อยากไปไหนก็ไปเลยไปฉันอยากพักแล้ว จึก! เพิ่งรู้ว่าตัวเองเล่นมุกแล้วมันแป้กอ่ะ เจ็บจุงเบย แล้วนี่ก็แสดงว่าเขาก็ไม่ให้ฉันยืมแล้วอ่ะดิ โฮฮฮฮ

     

            “ไม่ๆๆ คือโทรศัพท์ฉันเงินหมดคราวนี้จริงๆ นะไม่ได้โกหก” ฉันจับแขนเขาไว้เพื่อเป็นการขอร้อง

     

            “ไปหยอดตู้เอาสิหรือเงินหมดอีกล่ะ ฉันไม่อยากจะสงเคราะห์เธอด้วยเศษเงินหรอกนะดอกที่เท่าไหร่ไม่รู้และนับไม่ถ้วนของวัน เฮือก! “หยุด...เธออย่ามาบอกว่าเครือข่ายสัญญาณของเธอล่มหรืออะไรอีกเลยเถอะฉันปวดหัว ไป๊!” ฉันกำลังจะอ้าปากพูดต่อแต่ขาดันรู้ทันพูดดักไว้ทุกทาง เครือข่ายล่ม...นั่นมุกใหม่ของฉันเลยนะ

     

            โอเคไม่ยุ่งก็ได้! ฉันเดินไปนั่งที่อื่นทันทีอย่าไห้ฉันเรียกร้องนะเฟร้ยยยยยยย! จนกระทั่งฉันขึ้นเครื่องฉันก็จะไม่พูดกับเขาเลยคอยดู...คอยดูเถอะไนออล ฮอแรน นายจะต้องหงุดหงิดและเหงาหงอยเมื่อไม่มีฉัน >[]<//

    .

    .

    .

    .

     

            TOKYO , JAPAN

     

            เหงาจังเลย T _ T// ขอเล่าหน่อยว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่โตเกียวประเทศญี่ปุ่นแล้วค่ะ ฟินมากกกก...แต่ที่ไม่ฟินคือตลอดเวลาก่อนที่เครื่องบินจะบินมาเทียบท่าที่สนามบินโอตะฉันต้องนั่งกับผู้โดยสารชาวอินเดียซึ่งฉันไม่รู้จักและไม่กล้าสนทนากับเขาด้วย มันเลวร้ายมว๊ากคือไอ้คนอินเดียนั่นหน้าอย่างกับโจรใต้รับจ้างโรยตะปูตามท้องถนนแล้วมันก็นั่งโรคจิตยิ้มให้ฉันตลอดเวลาเลย ฮือ...แต่ก็รอดพ้นมาได้แล้ว me./*โบกธงแบบผู้ชนะ*

     

            เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วฉันก็เข้าไปรับสัมภาระแล้วเดินออกมาทันที ฉันยิ้มร่าราวกับได้เกิดใหม่สูดอากาศของประเทศยุ่นให้เต็มปอด...ว่าแต่ฉันต้องทำยังไงต่อเนี่ยฉันนิ่งอึ้งอยู่สักพักก่อนจะนึกอะไรออก ฉันต้องหาที่พัก! ฉันหยิบโทรศัพท์ที่เสียบอยู่ตรงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีเข้มของฉันออกมาและ...นึกขึ้นได้ว่าเงินหมด ใบหน้าของฉันหม่นลงทันทีเมื่อนึกถึงคำพูดของยัยโอเปอเรเตอร์ของบริษัทนั่น...ทุกคนจำได้ใช่ไหม ฮะ! จำไม่ได้..ทวนความจำสักนิดแล้วกันเนอะ U__U’

     

    น้องคืออย่างนี้นะพ่อของน้องจ่ายให้น้องแบบธรรมดาน่ะ

    แบบธรรมดาจะไม่มีการรับผิดชอบที่อยู่ให้ทั้งสิ้นน่ะค่ะธรรมดาน้องก็ต้องหาที่อยู่เองไม่สามารถพึ่งบริษัทได้เลยจ่ะ

     

            เยี่ยม! นี่คือสิ่งที่ฟ้าประทานให้ฉันมาเจอสินะและทางเดียวเหมือนกับที่อยู่ที่อังกฤษคือ...

     

            “ไนออล! ทางนี้” ฉันตะโกนเรียกเจ้าของผมบลอนด์ทองอร่ามระกับใบหน้าเนียนมีสีแดงระเรื่อปน ทำให้เขาหันมามองทางต้นเสียงอย่างฉัน ฉันรีบลากกระเป๋าเดินทางใบโตเข้าไปหาเขา ขอไปอยู่ด้วยสิ ^^” ฉันเอ่ยเสียงหวาน

     

            “อะไรของเธอที่อยู่ใครก็ที่อยู่มันสิ” เขาทำท่าจะเดินออกไปแต่ท่อนแขนของเขาก็ถูกฉันรั้งเอาไว้เสียก่อน

     

            “อย่าทำอย่างนี้สิ! นี่นายจะใจร้ายเกินไปแล้วนะฉันแผดเสียง

     

             “เรื่องของฉัน...เธอจะเป็นยังไงก็เรื่องของเธอไอ้ทริปบ้าๆ นี่ฉันก็ไม่ได้อยากมาอยู่แล้วฉันขอใช้ชีวิตสงบๆ คนเดียวดีกว่า ฉันไม่ได้อยากจะยุ่งกับเธอสักเท่าไหร่อยู่แล้วเมื่อกี้ที่อ่านหนังสือพิมพ์ก็มีรูปหลุดฉันกับเธอ...พอใจยัง กลับไปฉันก็ต้องเคลียร์กับผู้จัดการวงอีก เหนื่อยเข้าใจป่ะ” คราวนี้เขาไม่ได้พูดเล่นๆ น้ำเสียงของเขาเย็นเฉียบมันทำให้ขาของฉันอ่อนระทวยขึ้นมา เขา...จะทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้วนะ!

     

            “เออได้! ไม่ยุ่งแล้วก็ได้ฉันตะเบ็งเสียงใส่เขาแล้วเดินออกไปไม่เหลียวหลังกับมามองคนหัวทองว่าจะทำสีหน้ายังไง ฉันกัดริมฝีปากแดงสดของตัวเองเพื่อระบายอารมณ์ชั่วครู่ ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นระยะพอสมควร

     

    ตอนนี้

    -ฉันไม่มีที่อยู่

    -เงินโทรศัพท์ฉันหมด

    -ฉันไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหนเติมเงินยังไง

    -เงินในกระเป๋าฉันมีไม่ถึง 40 ปอนด์

    -ฉันหาเพื่อนไม่เจอสักคน

    -และ...ฉันกำลังร้อง...ร้องไห้!

     

            "ฮึก" ฉันหย่อนตัวลงที่ม้านั่งตัวหนึ่งเเถวนั้น มีต้นไม้ใบเขียวชะอุ่มสีสดใสที่เป็นเพื่อนกันอารมณ์หมองหม่นของฉันเเละสัมภาระอีกมากมายฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตา เเต่ทุกคนเคยได้ยินไหมว่า 'ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ' น่ะ มันก็พอๆ กับ 'ยิ่งห้ามยิ่งไหล'

     

            เเต่ทว่า...มีมือหนาของใครบางคนยื่นเข้ามาตรงหน้าฉัน ด้วยความสงสัยฉันจึงรีบปาดน้ำตาลวกๆ เเล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง มันเป็นเขา...ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้เเว่นกันเเดดสีชาที่ซ่อนนัยน์ตาสีสวยไว้

     

            "เร็วสิ อยากไปพักกับฉันไม่ใช่หรอ" เขาพูดเเต่ไม่ได้มองหน้าฉันทำเป็นมองไปรอบๆ นั้นเเล้วดันเเว่นกันเเดดให้เข้ากับรูปหน้าที

     

            "ใครบอกฉันอยากไปพักกับนาย...ฉันเเค่...ไม่มีที่ไป" ฉันเสียงค่อยประโยคหลัง คนอย่างเขานี่ก็เเปลกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เมื่อกี้ยังไล่ฉันปาวๆ ราวกับฉันเป็นไก่กาอยู่เลย "เมื่อกี้นายยังว่าฉันอยู่เลยนี่ ถ้าคิดจะมาช่วยเพราะพ่อล่ะก็ฉันหาที่นอนเองได้ย่ะ" ฉันปากเก่งจัง U_U

     

            "อ๋อหรอ" เขาลากเสียงยาวเเกมประชด "เเล้วผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่นั่งร้องไห้ปาดขี้มูกไปไหนเเล้วล่ะ เอ..หาไม่เจอเลย อ้อ! อยู่ตรงนี้นี่เอง" เขาใช้นิ้วชี้เเตะจมูกของฉันเบาๆเหมือนฉันเป็นเด็กน้อยเเล้วยิ้มมุมปากบางๆให้

     

            "ฉันไม่รบกวนนายหรอก ไปละ" ฉันลุกขึ้นเเล้วลากกระเป๋าเเสร้งไม่สนใจ เเต่ท่อนเเขนเเกร่งของเขากลับรั้งฉันไว้ก่อน

     

            "เฮ้! อะไรของเธอเนี่ย เอาล่ะๆ เมื่อกี้ฉันพูดเเรงไปก็ขอโทษเเล้วกัน" ฉันไม่สนใจเเละก้าวเดินต่อไป "เธอเข้าใจบ้างดิ...คือเข้าใจป่ะ...ฉันทิ้งเธอไม่ได้" คำพูดของเขารัวใส่หน้าฉันเป็นช็อตๆ ประโยคหลังมันทำให้ก้อนเนื้อในอกมันเร่งความเร็วขึ้นมาทันทีทันใด ดวงตาของฉันเบิกกว้าง จู่ๆ ความรู้สึกเศร้าก็หายไปโดยไม่มีวี่เเวว

     

            "..."

     

            "เข้าใจตรงกันนะ คือไม่ใช่เกี่ยวกับพ่อเธอเเต่ เฮ้ย..คือทิ้ง-เธอ-ไม่-ได้ เก็ทป่ะฉันไม่อยากอธิบายยาว" พูดจบเขาก็เเย่งกระเป๋าเดินทางที่ฉันถืออยู่ไปอย่างวิสาสะ ฉันเเอบตกใจนิดหน่อยกับกิริยาของเขา

     

            "งั้นก็ขอบคุณนายเเล้วกัน" ฉันยื่นมือเข้าไปจับมือของอีกฝ่ายที่ยื่นมารอแล้วเมื่อสักครู่

     

            "อย่าร้องไห้อีกนะ...ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาของใครที่เกิดขึ้นเพราะฉันเลย ฉันรู้สึกเเย่นะเด็กน้อย" เขาถอนหายใจเบาๆ เมื่อฉันได้ยินดังนั้นฉันจึงพยักหน้ารับเเละไม่สนใจว่าเขาจะเรียกสรรพนามฉันว่าอะไร

     

            เสียงนุ่มๆ ที่บอกกล่าวว่าไม่ให้ฉันร้องไห้ ทั้งที่มันเป็นเสียงของผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเเต่รู้ไหมว่า...

     

            มันมีอิทธิพลต่อฉันมากเเค่ไหน

     

     

            ฉันยอมรับว่า...อันที่จริงเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีคนนึงเลยนะ
            แล้วก็สวัสดียุ่นสุดที่ร้ากกกกกกก

     

     

     

     

     

     

     

    สวัสดีค่ารีดเดอร์ที่น่ารักของเดีย ;D ไม่ได้เจอกันมากี่วันนะ...ช่างมันเถอะ55555555 คิดถึงรีดเดอร์มากเลยต้องมายาวๆ >W<; เข้าเรื่องเลยดีกว่า ตอนแรกอาจจะดูดราม่าไปนิด (หรือไม่ดราม่าเลย) อิไนล์ทำร้ายจิตใจกันมากกกกกก...ดูเป็นคนที่แร้งน้ำใจสุดๆ แต่สุดท้ายไงล่ะ...อิเดียมันจิกหมอนแต่งเลยทีเดียว 555555555 แต่ว่า...ถ้าสมมติว่าไนล์มีเหตุผล ‘บางอย่าง’ ที่ต้องจำใจช่วยรีดเดอร์คิดว่ามันเป็นอัลไล .. เอากลับไปคิดดูนะฮิฮิ

    ขอบอกมันส์สุดติ่งกับการเขียนเรื่องนี้มันเป็นแนวผจญภัยนะคะไม่รู้ว่าจะถูกใจกันไหม ยังไงฝากเม้นท์ให้เดียด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เม้นท์เลยเดียอ่านหมดแล้วขอบคุณมากค่า จุ๊บๆ >3<))

    สุดท้าย. ครบ 100 เม้นท์แล้วดีใจมากกกกกกกกก จิร้องไห้ 55555555555555 ทุกยอดวิวสำคัญกับเดียมากนะเฮ้ยย

    ปล้ำลู. มีคนรู้จักเพลง A girl like you ด้วยเขิน =/= ขอบคุณค่า

     


    อีดิท
    - ๘ เมษายน ๕๗ (อัพครบ 100%)
    - ๙ เมษายน ๕๗ 

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×