คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บันทึกการเดินทาง 05 : The truth [London,England]
Sunny day and foolish though
DIARY:05 [LONDON,ENGLAND]
The truth
If I could make a better way,
so you could see a better day
Baby I would, baby I would, I would
ถ้าผมสามารถทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เพื่อให้คุณมีวันที่สดใส
ที่รัก ผมจะทำมัน...
ฉันยังซิง ... ฉันมั่นใจว่าเขากับฉันยังไม่มีอะไรกันอย่างแน่นอน เพราะฉันรู้ตัวตลอดเวลา โอเคคุณอาจจะยังไม่เชื่องั้นพวกเรามาย้อนเวลาไปดูเหตุการณ์เมื่อคืนกัน .......
.
.
.
Last night 12.04 am.
‘แว้กกก! ไอ้บ้ากามอย่าทำอะไรฉันนะโว้ย’
‘ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกยัยบ้า อินเนอร์เยอะนะเธอน่ะ’
‘แล้วนายจะอุ้มฉันขึ้นเตียง พร้อมพูดจะขนลุกแบบนั้นเพื่อ’
‘นี่ฟังนะ...ที่ทำไปแค่ขู่หรอก อย่างเธอน่ะนะ...ไม้กระดานชัดๆ’
‘หน็อยย! ตายซะเถอะไอ้หัวทอง แง่ง!’
นั่นคือฉากแรก ฉันบอกแล้วว่าฉันกับเขาไม่มีอะไรกัน นี่พูดจากใจจริงเลยนะเนี่ย .... อ๊ะ! ยังไม่เชื่ออีกเหรอเจ๊จัดฉากที่สองให้จ้า เตรียมน้ำอัดลมและป็อปคอร์นไว้ด้วยจะดีมากนะคะ หนังบู๊เริ่มต้นขึ้นแล้วค่ะ
‘ฮว้ากกกกกกกก!’
พึ่บ!
‘ได้แค่นี้เองหรอ :’)’
‘อย่ามาดูถูกนะ!'
‘ไม่ได้เรื่อง -_- บ๊องแล้วยังอ่อนอีก’
‘อย่ามาว่าฉันนะโว้ย อะเฮ้ออ!’
ไม่มีอะไรบนโลกนี้เหนื่อยกับการที่ต่อสู้กับไนออล ฮอแรนบนเตียงอีกแล้วค่ะ ดิฉันยอมรับ เดี๋ยวๆ! เฮ้! ไม่ใช่ต่อสู้บนเตียงแบบอย่างว่า แต่เมื่อคืนฉันใช้ท่าที่เรียนเทควันโดตอนเด็กๆ ต่อสู้กับเขา อย่ามองว่าฉันปัญญาอ่อนตามเขาสิ! มันช่วยป้องกันตัวได้จริงๆ นะ ป้องกันตัวได้แต่สู้เขาไม่ได้ T____T)) กว่าจะได้ อาบน้ำก็ตีสามเป็นเหตุให้วันนี้ฉันลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหว
เขาก็เช่นเดียวกันนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงข้างๆ ฉัน ยอมรับอีกรอบว่าเขาไม่ใช่คนที่นิสัยแย่เท่าไหร่นัก เขาทำให้ฉันนึกถึงเพื่อนที่โรงเรียนประถม เรามักจะเล่นปล่อยพลังกังฟูแบบนี้บ่อยๆ มันน่าตลกดีนะเวลาที่คุณมานั่งย้อนอดีตนึกถึงเรื่องเก่าๆ ในวัยเด็กของคุณน่ะ วันนี้ฉันคาดว่าน่าจะไปฝึกงานสาย อ้อ! ฉันมีข่าวดีจะบอก อีกสามวันเราจะต้องไปประเทศอื่นแล้ว ตื่นเต้นจังเลย.......และมันจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่มีไอ้ผู้ชายที่ชื่อไนออล ฮอแรนไปด้วย
ฉันตื่นก่อนเขาแต่ยังหยิบไอโฟนขึ้นมากดเล่น และยังนัวเนียบนที่นอนเหมือนเคย ทั้งที่เป็นเตียงไซส์คิงทำไมมันดูอึดอัดจังเลยนะ -_- พอพลิกหันไปทางเขา อื้อ...เข้าใจแล้วก็เขาเล่นกินอาณาเขตมาเกินครึ่งเตียงจนฉันแทบจะตกเตียงอยู่แล้วยังไงล่ะ
“ตื่นแล้วก็ช่วยเงียบๆ หน่อยดิคนจะหลับจะนอน” เขาโวยวายขึ้นมาเสียงดังลั่นห้อง นั่นทำให้ฉันคิดแผนการอะไรดีๆ ออก ฉันหยิบไอโฟนขึ้นมาอีกรอบ แล้วตัดสินใจกดเสียงริงโทนที่เลียนแบบจากเสียงรถของตำรวจ เปิดเสียงดังที่สุดแล้ววางแนบไว้ที่หูของเขา
วี้หว่อออออออออ!
“ฟรั๊ค” เขาสบถออกมามากว่านี้แต่มันเป็นคำที่ฉันไม่สามารถบรรยายลงในนี้ได้ #มโนเองนะ เขาลุกขึ้นมาแล้วทึ้งหัวของตัวเอง “เวียนหัวชะมัด จ้องทำไมไปอาบน้ำสิวันนี้มีทำงานนะโว่ย”
“กร๊ากกกก ฮ่าๆ” ฉันหลุดขำออกมาเพราะสภาพใบหน้าของเขาตอนนี้มันหลอนมาก ผมยุ่งเหยิงจัดไม่เป็นทรง ตาบวมๆ เพราะเป็นผลจากการนอนดึก และยังมีขอบดำๆ ใต้ตาด้วย หลายๆ คนคงจะบอกว่าน่ารัก อร๊ายยย ฮอแรนน่ารักสุดๆ ข่าส์ แต่ฉัน.....ก็นะ.....
“ขำอะไร -_-“ จากสีหน้าของเขาดูหงุดหงิดใช่เล่น แต่ฉันคิดว่าเขาคงหายหงุดหงิดแน่นอนเมื่อได้เห็นใบหน้าของตัวเองในกระจก ฉันจึงกดแอปกล้องถ่ายรูปและใช้กล้องหน้าเพื่อให้เขาเห็นสภาพหน้าของตัวเอง
“โฉมเอยโฉมงามอร่ามแท้ ฮี่ๆ >0<” ถ้าใครได้มาเห็นช็อตนี้ของฉันกับเขาคงจะนึกว่าเป็นข้าวใหม่ปลามันกระหนุง กระหนิงกันยามเช้าโรแมนติกที่สุด อะห๊า.........................
“เธอเคยเช็คสุขภาพจิตตัวเองบ้างหรือเปล่าน่ะ หน้าคนตอนเช้าก็เป็นแบบนี้ทุกคน”
“ถามจริง =0=” ฉันถาม
“ตอบตรง -_-“ เขาสวน
“ฮืออ เป็นกับใบหน้าบริสุทธิ์ผุดผ่องของฉันด้วยเหรอเนี่ย” ฉันยกมือทั้งสองข้างมาจับแก้มตัวเอง แล้วดึงมือถือจากมือของเขามาส่องหน้าของฉันบ้าง...ไม่จริ๊ง! สวยเสมอย่ะ! “โนนน นายมั่วหน้าฉันยังปกติอยู่”
“ก็เพราะปกติของเธอมันไม่สวยยังไงล่ะ” จึก! ใครเอามีดมาแทงหัวใจฉันเนี่ย “เธอนี่บ๊องกว่าที่ฉันคิดไว้ซะเยอะ เลย พ่อของฉันบอกว่าเธอเป็นเด็กเรียบร้อย ไหนล่ะเด็กเรียบร้อย” เขาพูดต่อ
“นี่อย่ามาว่าฉันนะยะ นายเองที่หล่อในทีวีเพราะแสงไฟหรอกย่ะ ตัวจริงก็...งั้นๆ” ฉันพูดแล้วเบ๊ปากใส่เขา
“วันนี้ยังต้องทำงานใช่ไหม” เขารีบตัดบทพูดก่อนที่เรื่องมันจะยาวแบบเมื่อคืนอีก เขาไม่พูดอะไรต่อมากนักแต่กลับลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดที่จะใส่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ได้ข่าวว่าจะนอนนี่ไหนอาบน้ำก่อน
แอ๊ด...
เขาเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกับมีกลิ่นสบู่อาบน้ำอีกด้วย จริงๆ ด้วยพอเขาอาบน้ำแล้ว หล่อขึ้นเยอะ เลยอ่ะวันนี้เขาอยู่ในเสื้อยืดคอกลมธรรมดากับกางเกงยีนส์สีเข้มแต่ก็หล่อเหลาไม่เบาเลย ฉันที่เตรียมเสื้อผ้าขอตัวเองเสร็จแล้วจึงเตรียมจะเดินไปเข้าห้องน้ำบ้าง
ฉันยกมือจะบอกเขาว่าจะให้เขารอด้วยเพราะวันนี้จะได้ไปทำงานด้วยกัน แต่เขากลับหยิบกุญแจรถและเดินออกไปเลยโดยไม่แยแสฉัน ทำไมเย็นชาจังนะ...ทั้งๆ ที่ก็เล่นสนุกกันแล้วแท้ๆ... ฉันปัดความคิดในหัวทั้งหมดออกไปก่อนจะเข้าไปอาบน้ำตามปกติของทุกวัน
…….
…….
…….
“ตกลงเอาเป็นช็อคครีมวาฟเฟิลกับดรีมเค้กนะคะ” ฉันถามลูกค้าพลางจดออเดอร์ไปในมือด้วย งานที่ร้านขนมมันง่ายนะทำแค่สองสามวันก็คล่องแล้ว แต่อาจจะเหนื่อยหน่อยก็เท่านั้น วันนี้ลูกค้าแน่นร้านเหมือนเดิม เหตุผลเดิมๆ เพราะมีคนดังมาฝึกงานที่นี่ ร้านนี้เลยกลายเป็นร้านขนมที่ฮิตติดกระแสสุดๆ
“เนลไอซ์บราวน์นี่โต๊ะเจ็ดได้แล้ว” พี่แจ็คเรียกฉัน พี่แจ็คเป็นพนักงานประจำของที่นี่เขามีรูปร่างสูงโปร่งและใส่แว่นและใส่เหล็กดัดฟันนั่นเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของพี่เขาเลยล่ะ นอกจากนี้เขายังคอยช่วยแนะนำฉันเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ต่างๆ อีกด้วย
“ค่า” มือเรียวเล็กของฉันคว้าถาดของออเดอร์โต๊ะเจ็ดมาอย่างรวดเร็ว นี่ก็จะบ่ายสองแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องของฉันเลย เพราะหลังจากที่ร้านนี้เริ่มดังในคนหมู่มากงานของพวกเราก็เริ่มหนักขึ้นและหนักขึ้น
“นี่หล่อนเมื่อไหร่ของโต๊ะฉันจะได้ยะ รอจนรากงอกแล้วนะ! นี่ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวฉันเขาอยากมาดูดาราป่านนี้ร้านเธอถูกปิดไปแล้วย่ะ” เสียงแหลมของหญิงมาดคุณนายรูปร่างท้วมคนหนึ่งโวยวายใส่เพื่อนที่เป็นเด็กฝึกงานด้วยกันเหมือนกับฉัน
“เอ่อ…คุณลูกค้าใจเย็นๆ ก่อนนะคะร้านเราทำตามออเดอร์น่ะค่ะ” เมื่อพี่เจสเห็นว่ามีปัญหาจึงรีบเดินมาเคลียร์กับยัยป้าคนนั้นให้ อู้หู....จันพันดาวครัช
“เธอไปทำอะไรให้ป้าหรอ” ฉันถามเด็กฝึกผู้หญิงที่ฉันไม่รู้จักชื่อที่เพิ่งจะได้ยัยป้าแว้ดใส่หน้าเมื่อกี้
“ก็แค่เสิร์ฟช้านิดหน่อยนะ ฉันเสิร์ฟตามออเดอร์นี่นา หล่อนก็แว้ดใส่ฉันเฉยเลย” เธอตอบ
“ไม่เป็นไรนะ ทำใจเถอะเรื่องลูกค้าน่ะ”
“ขอบคุณนะ ว่าแต่เธอชื่ออะไรน่ะเมื่อวานก็ไม่ได้ถาม” เธอยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
“ฉันเนโอมี่นะ เรียกเนลก็ได้” ฉันตอบพลางยื่นมือไปเช็คแฮนด์กับเธอ ตอนนี้ทั้งร้านหยุดบริการเพราะยัยป้านั่นคนเดียว เอาเถอะถือว่าพักไปในตัว
“ฉันแวนดี้นะ ฉันมาฝึกงานกับโครงการน่ะ เธอมาจากโครงการใช่ไหม” เธอถาม
“ใช่เลย”
แวนดี้คือเด็กสาวอายุราวๆ ฉันเราคุยกันได้ถูกชะตามาก จากภายนอกเธอก็ดูไม่หยิ่ง ดูแล้วน่าจะเป็นผู้หญิงขี้เล่นพอๆ กับฉันด้วยแหละ แวนดี้มีผมยาวตรงสีบลอนด์ถึงกลางหลังของเธอ เธอมีนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่ใครๆ เห็นก็ต้องชอบทั้งนั้นแหละ และเธอยังมีจมูกโด่งเป็นสันราวกับนางแบบ เห็นแล้วฉันก็อิจฉานางนะ T^T พูดง่ายๆ คือใครเห็นคงเป็น ต้องเหลียวหลังมองเธอนั่นแหละ เธอยังเล่าต่ออีกว่าเธออยู่ที่ลอนดอนนี่แหละและเธอก็ชอบ....เขา หึหึ คงไม่ต้องให้ฉันบอกใช่ไหมว่าแวนดี้ชอบใคร ก็ไอ้หัวทองที่เป็นรูมเมตฉันไงเล่า
เวลานี่ผ่านไปไวเนอะ...ไวเหมือนโกหกเลยจนตอนนี้ก็ถึงวันที่ต้องมาเข้าการประชุมของทางโครงการแล้ว
ฉันเดินมากับแวนดี้จนมาหยุดที่ตึกสูงใหญ่อร่ามตาแห่งหนึ่ง เมื่อเช้าฉันนัดเจอแวนดี้ที่หน้าห้างก่อนน่ะ ก่อนจะมาด้วยกัน ฉันสนิทกับแวนดี้ได้เร็วจนไม่น่าเชื่อ เผลอๆ ฉันว่าสนิทเท่าๆ กับเพื่อนที่ไอร์แลนด์เลยนะ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่น้อยเลยล่ะ ระหว่างทางฉันก็คุยนู่นคุยนี่กับแวนดี้ไปเรื่อย อ้อ! ฉันลืมเล่าไปเมื่อคืนเขาไม่กลับห้องอีกแล้ว...เป็นอะไรไปอีกไม่รู้เหมือนกัน
“นี่...เนโอมี่ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ” เธอเรียกฉันไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในตึกนั่น ทำให้ฉันหันมามองเธออย่างประหลาดใจ เพราะน้ำเสียงของเธอดูกังวลใจ ฉันจึงพยักหน้า “อย่าหาว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้นะ” สังเกตได้เลยว่าเธอ กำลังลังเลใจที่จะถามฉัน
“ถามมาเถอะไม่ต้องกังวลหรอก” ฉันตอบพร้อมเดินเข้าใกล้ๆ เธอ
“คือว่าฉันอยากรู้น่ะว่าไนออลเขามีใครจริงๆ หรือยังแต่อย่าเข้าใจผิดนะฉันแค่แฟนคลับเขา” ฉันขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเธอถามนั่นทำให้เธอหน้าเสียนิดๆ “ฉันแค่อยากรู้ ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ นะ” เธอพูดต่อพร้อมดึงมือของฉันที่อยู่ข้างลำตัวขึ้นมากุมไว้
“ก็จากที่ดูๆ ก็ไม่น่ามีผู้หญิงคนไหนนะ” ยกเว้นก็แต่...ผู้ชาย (ฉันแค่สงสัยนะ!)
“จริงหรอเห็นเขามาฝึกงานแบบนี้ ได้อยู่ใกล้ๆ กันฉันก็ใจเต้นไม่น้อยเลย” แวนดี้ยกมือขึ้นปิดใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงของเธอเพราะความเขินอาย เอ่อ..แต่ถ้าเธอลองมาเป็นฉันเธอจะรู้นะแวนดี้ หึ -_-
“เฮอะๆ” ฉันหัวเราะแห้งๆ แกมประชดทำให้แวนดี้หันขวับมาจ้องฉันทันที
“เธอหัวเราะอะไรน่ะเนล” แวนดี้ย่นคิ้ว
“เปล่าๆ ก็เธอเขินฉันเลยหัวเราะ เออใช่! วันนี้เสียงฉันแห้งน่ะมันก็เลยแปลกๆ เห็นไหมเนี่ยแฮะๆ คากๆ ถุย” ฉันพูดแก้ตัวก่อนเพื่อไม่ให้เธอรู้ตัวว่าฉันกำลังประชดเธออยู่ แต่ฉันไม่ใช่นางร้ายนะ อย่าเข้าใจผิดสิ L
“อ้อ งั้นเราเข้าไปกันเลยดีกว่าเนอะ” เธอยิ้มหน้าเจื่อนแล้วเดินเข้าไปก่อนฉันเลย เฮ้อ นี่ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะใช่! ฉันไม่น่าทำสีหน้าแบบนั้นเลยอ่ะ... รู้สึกผิดจุงเบย U___U;
เมื่อเดินเข้ามาฉันก็ไม่พบแวนดี้แล้ว คงจะเดินเข้าไปก่อนแล้วล่ะมั้ง ฉันไปที่ห้องประชุมตามที่จดหมายได้บอกไว้ ตื่นเต้นไหมก็ตื่นเต้นนะเพราะประเทศที่จะได้ไปคือประเทศญี่ปุ่นน่ะสิ ฉันเพิ่งรู้มาเมื่อวานเหมือนกันและก็ร่ำลากับที่ร้านที่ฉันฝึกงานไปเรียบร้อยแล้ว ญี่ปุ่น...ฮายยย ฉันอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมานานแล้วล่ะนะแต่ก็ไม่ได้มีโอกาสไปซักทีนึง ฉันเคยเข้าไปอ่านตามบล็อคของรุ่นพี่ที่โรงเรียนที่เคยเล่าประสบการณ์ที่ไปอยู่ญี่ปุ่นมาน่ะ พี่เขาบอกว่าที่นั่นอากาศดีมากแถมอาการยังอร่อยด้วย
ฉันวิ่งกรูมาที่โต๊ะลงทะเบียนซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ที่หน้าห้องประชุมอยู่แล้วแต่ก็ได้พบเขาอีก...ไนออล ฮอแรน ด้วยความที่ฉันเป็นคนที่มีมารยาทดีศรีสตรีไอร์แลนด์น่ะนะก็เลย “ทำไมเมื่อคืนไม่กลับห้อง ฉันนั่งรอนายนะโว้ยไม่ได้หลับได้ นอนนึกว่านายจะกลับ กุญแจนายก็ไม่เอาไป” เขาหันเข้ามาหาฉันนัยน์ตาคู่สวยจ้องฉันเขม็ง
“เรื่องของเธอสิ ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน” เขาเป็นอะไรเนี่ย วันนี้มันวันดราม่าเดย์ของฉันหรือไงวะ เมื่อกี้ยัยแวนดี้ก็งอนแล้วหายไปเลย ยังมาเจอเขาอีก เพลีย-จิต! แล้วแผ่นหลังกว้างก็เดินเข้าไปเลยหลังจากลงทะเบียนชื่อเสร็จ
ฉันจัดการพาตัวเองเข้ามานั่งตามหมายเลขที่นั่งที่ตัวเองได้และเยี่ยม...ฉันได้นั่งกับเขา หมอนั่นนั่งหน้าบูดบึ้งแล้วก็มองเหม่อไปที่ไหนก็ไม่รู้ คาดว่าหน้าจะตรงจอสไลด์ ห้องประชุมนี้ไม่ได้ใหญ่มากเหมาะสำหรับจุคนได้ไม่เกิน 30 คนเท่านั้น มีจอสไลด์อยู่ข้างหน้า ส่วนที่นั่งก็คล้ายๆ เป็นโต๊ะเรียนแยกเป็นโต๊ะๆ ไป
“ย้าฮู้ ไอ้หนู J” ฉันเดินเข้าไปพร้อมยิ้มทักทายเขาอีกทีแต่เขากลับตรงกันข้ามยังนั่งนิ่งเหมือนเดิม ใบหน้ามีแต่ความเย็นชาและไม่สนใจกับสิ่งรอบข้าง “นายเป็นอะไร อึไม่ออกหรอ ฮ่าๆๆ อุ๊ย ^^;”
“…” เขาหันมาค้อนฉันด้วยหางตานั่นทำให้ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่และไม่กล้าที่จะพูดต่อไปเลยได้แต่นั่งเงียบๆ
“เฮ้! เนโอมี่ขอโทษทีเมื่อกี้ฉันไปเข้าห้องน้ำมา” เสียงแหลมๆ ของแวนดี้ตามหลังฉันมา และเธอก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉัน ฉันเห็นนะว่าเธอแอบมองไนออลเป็นระยะๆ น่ะ แต่ไนออลเขานั่งฟุบโต๊ะไปแล้วสงสัยคงเพลียล่ะมั้ง
“อ่อจ่ะ แล้วเธอนั่งไหนล่ะ”
“นู่นอ่ะ ข้างหลังเธอไปสามแถว”
แวนดี้พูดแล้วก็ชี้ไปข้างหลังฉันที่ถัดไปสักสามสี่แถว เธอมาคุยสักพักแล้วก็ขอตัวเดินออกไป คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เอาแต่มองเจ้าตัวคนที่นอนฟุบโต๊ะอยู่ เมื่อเริ่มการบรรยายเกี่ยวกับการเตรียมตัวไปญี่ปุ่นหมอนั่นก็ไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้าขึ้นมาสักนิดเดียว เชื่อเลยมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วย
เสียมารยาทชะมัด -_-))
ฉันนั่งหาวหวอดๆ เพราะความน่าเบื่อของด็อกเตอร์อะไรไม่รู้ที่ถูกทางโครงการเชิญมาเทศนา แถมพูดภาษาที่คนอื่นไม่เข้าใจอีกด้วย ฉันหมายความว่าพูดภาษาอังกฤษนะแต่ยัยเจ๊ด็อกเตอร์ใช้ศัพท์วิชาการอ่ะ ยูโน้ว... มันน่าเบื่อยิ่งกว่าตอนที่ฉันเรียนคาบวิทยาศาตร์อีกนะเนี่ย แต่ยังมีบางสิ่งที่ทำให้ฉันตื่น
ครืด ... ครืด
ฉันสะดุ้งเฮือกขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ของคนข้างๆ ฉันนั่นก็คือไนออลดังขึ้นมา และยังฟุบหลับสนิทอยู่เหมือนเดิม ฉันตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะของเข้าขึ้นมาดูว่าใครโทรมา อุ๊ตะ! มันเป็นเบอร์ที่ถูกเมมในเครื่องแล้วแถมตั้งชื่อซะหวานแหววเลยล่ะ
‘The best thing in my world♥’
แฮ่ :P สงสัยน่าจะเป็นคนพิเศษของเขาล่ะเนอะ หวานจริงเชียว ไม่ยักกะรู้ว่าเขามีโมเม้นท์หวานๆ แบบนี้ด้วยอ่ะ ผู้หญิงคนนั้นคงต้องโชคดีมากเลย ฉันเลยคิดว่าจะกดรับไปแล้วบอกไปว่าไนออลเขาหลับอยู่ กริ๊ด...เจือกสักนิดจิตแจ่มใสเนอะก๊ะ
ฉันยังไม่ทันได้พูดทักทายอะไรออกไป คนที่อยู่ปลายสายกับแทรกขึ้นมาก่อน
[ฮัลโหลไนล์] เฮือก! นี่มันเสียงผู้ชายนี่หว่า =0=
“…”
[คิดถึงจังเลย] พระเจ้า!
“…”
[คืนนี้มาใหม่ได้ไหม เดี๋ยวไม่ได้เจอกันอีกนานเลยนะ] อะไรก๊าน T__T พวกนายเป็นอะร๊ายยย
“…” ฉันยังคงเงียบต่อไป
[เดี๋ยวโทรไปอีกทีนะ รักสุดๆ เลย] เสียงทุ้มต่ำทางปลายสายเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยนั่นทำให้ฉันหายใจไม่สะดวกทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘รัก’ จากผู้ชายถึงผู้ชาย
“…”
[อ้อ! เมื่อคืนขอโทษนะฉันคงทำแรงไปหน่อย เจ็บหรือเปล่า..ง่วงสินะ] ฉันถลึงตาทันที
“…”
[นายคงง่วงจริงๆ ด้วย...ฉันไปทำงานต่อแล้วนะรักนายนะ...ไนล์]
ปิ๊บ...
“บร๊ะเจ้าช่วย T//////T” หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ยินเสียงหรือความรู้สึกรอบข้างอีกเลย...
.
.
.
.
.
.
.
.
[NIALL]
“ต๊ายย! ยัยหนูคนนั้นเป็นอะไรไป ไปช่วยกันดูหน่อยเร็ว!” เสียงผู้หญิงตะโกนที่ออกมาจากลำโพงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาจากที่ฟุบโต๊ะอยู่เกือบชั่วโมง ผมค่อยๆ เบิกตาดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เมื่อตอนก่อนผมงีบยัยเนโอมี่เธอนั่งข้างๆ ผมนี่ แต่เมื่อหันไปก็มีคนมามุงเต็มไปหมด เอ๊ะ...ผมถึงกลับแปลกใจที่ผู้หญิงตัวแสบปากเก่งที่คอยแว๊ดใส่ผมอย่างเนโอมี่เป็นลม...เธอเป็นลม...เธอเป็นลม ผมควรทำยังไงดี ผมหันซ้ายหันขวาก็เห็นโทรศัพท์ของผมตกอยู่ใกล้ๆ เนโอมี่ ผมจึงเก็บมันใส่กระเป๋าตามปกติแล้วเดินไปดูเธอ
“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมพายัยนี่ไปพักดีกว่าครับ” ผมเดินไปพูดกับสตาฟคนหนึ่งมีทีท่าว่าจะอุ้มเธอขึ้น
“จะดีหรอครับ คุณยังฟังบรรยายไม่จบเลย”
“ในเอกสารมีบอกหมดแล้วครับ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมตรวจแล้วครับ” ผมบอกสตาฟคนนั้นแล้วยิ้มบางๆ ให้เขา สตาฟคนนั้นพยักหน้าทีนึงก่อนจะแหวกทางให้ผมเข้าไปหายัยเพิ้งที่นอนแผ่อยู่บนพื้น -_- ผมช้อนตัวเธอขึ้นแล้วอุ้มตามปกติแต่เสียงกรีดร้องของหญิงสาวทั่วห้องประชุมกลับดังลั่นขึ้นอย่างเป็นระยะ ผมเลยรีบเดินออกมาแล้วพายัยลิงนี่ไปขึ้นรถของผม
เท้าความกันสักนิด...ตอนนั้นพ่อของผมโทรมาขอให้ไปทำงานเก็บประสบการณ์ของโครงการอะไรสักอย่าง ผมถึงกับเบิกตาโพลงทันทีที่พ่อของผมพูดอย่างนั้น ตอนแรกผมกะจะปฏิเสธนะ อีกอย่างตอนนั้นผมมีถ่ายทำรายการอีกหลายๆ รายการกับวงของผม แต่เพราะพ่อขอจริงๆ ว่าให้ไปผมเลยต้องเลื่อนไปก่อน และจะมีลูกเพื่อนพ่อคนหนึ่งไปด้วยเหมือนกัน พ่อบอกว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เรียบร้อยและน่ารัก
นี่หรอเรียบร้อยและน่ารักผมล่ะเชื่อ!
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะโทรไปหาเซเซลเพื่อนอีกคนของผมให้มาช่วยดูแลเนโอมี่ แต่เมื่อเปิดโทรศัพท์มาหัวใจของผมเต้นผิดจังหวะแปลกๆ เพราะหน้าล่าสุดที่เปิดค้างไว้คือเบอร์ของจอร์จ...หรือว่า...
“Shit!” ตายแล้วไงผม ตายแน่ๆ... อ้อ! จริงสิมันยังมีอีกอย่างที่ ผมยังไม่ได้บอกคุณนะ :P
[END OF NIALL PART]
สวัสดีค้าบทุกคน > < มาเจอกันอีกแล้วเย้! อันที่จริงบอกสักนิดว่าตอนนี้แอบแต่งไว้นานแล้วเหมือนกันนะ แต่งดองไง 555555555 เดียสกรีมกับตอนนี้มากเลยอ่ะเพราะเนโอมี่มาได้ยินอะไรบางอย่างเข้า 555555555 มาเอาใจช่วยดีกว่าว่าจะเป็นยังไงต่อไปโน้ะ นางเอกจะรู้ความจริง (แบบชัวร์ๆ) ไหมว่าอิไนล์มันเป็น.................... 5555555555555555555555555 แอบสงสารนะ ส่วนความลับของไนล์คือะไรยังไม่บอกนะเฮ้ยย -//////- ยังไงก็ช่วยเม้นต์ให้เดียด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้เนโอมี่สู้ชีวิตต่อไป >0<
ความคิดเห็น