คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บันทึกการเดินทาง 04 : Misbehavior story [London,England]
A day with you
DIARY:04 [LONDON,ENGLAND]
Misbehavior story L
Is your heart taken ,Is there somebody else on your mind ?
I'm so sorry, I'm so confused
Just tell me, am I out of time ?
หัวใจของคุณถูกใครขโมยไปหรือยัง มีใครอยู่ในหัวบ้างไหม
ผมขอโทษนะผมแค่สับสนนิดเดียวเท่านั้นแหละ
แต่บอกผมทียังไม่หมดเวลาสำหรับผมใช่ไหมครับ♥
ปั่ก!
“โอ๊ย” ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นทันทีเมื่อสัมผัสได้ว่าหัวของตัวเองฟาดกับอะไรแข็งๆ ใช่ค่ะ...มันคือพื้นห้อง สาบานได้ว่าฉันนอนตกเตียงครั้งแรกในรอบสิบปี จริงๆ นะ เชื่อฉันหน่อยสิ
ฉันขึ้นมาบนเตียงต่อและยังคงนอนนัวเนียอยู่บนเตียงสักพักพลิกตัวไปพลิกตัวมาบนผ้านวมหนา ปล่อยให้แอร์เย็นๆ ภายในห้องกระทบผิวกายไปสักพัก แต่เฮ้! ฉันลืมไปซะสนิทเลย วันนี้เริ่มงานวันแรกนี่หว่า เฮ้ยยย! ติ๊บหายแล้ว T^T แล้วไอ้บ้าหน้าเผือก (ฉายาใหม่) ไปไหนอ่ะ ทำไมไม่ยอมปลุกฉัน แว้กกกก! แล้วนี้กี่โมงแล้วเนี่ย...ฉันหันหน้าไปมองนาฬิกาปลุกที่วางไว้ข้างๆ เตียง อ่อ...สิบโมง
“สิบโมง!” ฉันตะโกนขึ้นมาดังลั่นห้อง จากที่กำลังงึมงำอยู่บนเตียงกลายเป็นตอนนี้ฉันสปริงตัวขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วและไม่ลืมจะหยิบเสื้อผ้าและตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำ
วันนี้คงเป็นวันที่ฉันอาบน้ำเร็วที่สุดตั้งแต่เกิดมาชนิดที่ว่าความเร็วแสงตามไม่ทันอย่างแน่นอน (อีเว่อร์!) ในใจก็นึกแค้นที่เขาไม่ยอมปลุกฉัน ให้ตายเถอะ! เขาเป็นรูมเมตที่แย่เนอะทุกคน :’(
คราวนี้ฉันไม่ได้นั่งแท็กซี่มาแล้วนะทุกคน แต่ฉันนั่งรถบัสมาจ้าเพราะกลัวว่าต้องเสียเวลากับการโบกแท็กซี่อีกน่ะนะ การนั่งรถเป็นอะไรที่มีทั้งด้านดีและด้านเสียนะ ด้านดีคือได้ใช้ชีวิตแบบคนในเมืองมากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้นด้วย แสนคุ้มก็คือมีของแถมคือการได้เหล่ฝรั่งหนุ่มๆ ด้วย ฮิโฮะ รถบัสที่อังกฤษขึ้นไม่ยากเพราะมันก็คล้ายๆ กับที่ไอร์แลนด์คือแค่จ่ายเงินก่อนขึ้นรถ ส่วนด้านเสียคือค่อนข้างที่จะอึดอัดนิดหน่อย แต่ถ้าวันไหนโล่งคุณก็โชคดีไป
เมื่อรถบัสมาเทียบที่ริมฟุตบาทฉันจึงรีบย่างก้าวไปที่ตัวห้างเลยทันที เพราะฉันเคยมาที่ห้างนี่แล้วเมื่อวานจึงรู้ว่าต้องไปทางไหนอะไรยังไงบ้างแล้วฉัยจึงไม่รอช้าวิ่งไปที่ลิฟท์กดเบอร์ชั้นที่คุ้นเคยจากเมื่อวาน อันที่จริงแล้วห้างนี้เปิดตอนสิบเอ็ดโมงน่ะ แสดงว่าตอนนี้ที่ร้านคงจัดโต๊ะ เตรียมของกันอยู่แหละนะ
“พี่เจสหวัดดีค่ะ ขอโทษที่มาช้านะคะ” ฉันกล่าวทักทายพี่เจส แล้วยิ้มให้เธอแห้งๆ ทีนึง อ้อ! ฉันลืมแนะนำไป ‘พี่เจส’ หรือว่า ‘เจสสิก้า เบรต’ คือผู้จัดการที่ร้านนี้ ฉันรู้จักเธอเพราะว่าเมื่อวานที่มายื่นใบสมัครเธอเป็นคนที่รับฉันไว้นั่นเอง พี่เจสเป็นหญิงรูปร่างท้วมแต่ก็ไม่ได้อ้วนจนตุ๊ต๊ะนะ อายุอานามไม่มากนัก แต่อย่าตบฉันนะคะ...หน้าตาพี่แกไม่ได้เอื้ออำนวยเท่าไหร่น่ะ
“ไม่เป็นไรจ้า เดี๋ยวเนลรับผิดชอบตรงส่วนรับออเดอร์กับเสิร์ฟนะ” เธอบอกกับฉันพลางเขียนอะไรยุกยิกในมือ แล้วจึงนำมากลัดกับเสื้อฉัน ฉันก้มลงไปมองที่เสื้อของตัวเอง อ้อ! มันคือบัตรฝึกงานน่ะ “พี่เตรียมชุดฟอร์มแล้วนะอยู่ที่ล็อคเกอร์หลังร้าน เธอจำเบอร์ล็อคเกอร์ตัวเองได้ใช่ไหม” พี่เจสถามต่อ
“จำได้ค่ะ ขอบคุณนะคะฉันไปล่ะ” เมื่อฉันเตรียมจะก้าวเข้าไปในร้านพี่เจสก็เรียกฉันไว้เสียก่อน
“เอ่อ...น้องเนลพี่ถามอะไรหน่อยสิ” สีหน้าพี่เนลเริ่มมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาบนใบหน้าขาวซีดของเธอ ฉันสัมผัสได้ว่าเธอคงจะเขินไม่ใช่น้อยสำหรับเรื่องที่เธอจะพูดออกมา
“ได้ค่ะพี่”
“คือว่าพี่ชอบไนออลน่ะ อันที่จริงพี่เป็นไดเรกชันเนอร์ด้วยแหละ คือเนลสนิทกับเขาช่วยพี่หน่อยได้ไหม” โอเคจ้า ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเดาอะไรผิดซะที่ไหน หมอนั่นมันน่าปลื้มตรงไหนก็แค่หน้าตาดีเท่านั้นแหละ นิสัยน่ะ...ยึ้ย!
“แล้วจะให้เนลช่วยไงอ่ะคะ” ไม่รู้ทำไมตัวเองเกิดมาเป็นแม่พระตอนนี้กันนะ หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วนะเนโอมี่ U_U
“ก็ยังไงดีอ่ะ..ฮู้วว” พี่เจสกระอักกระอ่วนพูดไม่ออก หน้าเธอคงร้อนเธอเลยโบกมือพัดใบหน้าตัวเอง ฉันเลยได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ ไป “ประมาณว่าช่วยแนะนำพี่ก็ได้ พี่ไม่กล้าไปขอเบอร์เขาตรงๆ เดี๋ยวจะถูกคนเขม่นกันน่ะจ่ะ” โอยพี่คะ..ไม่ต้องกลัวใคร เขม่นหรอกค่ะ ขนาดนี้แล้ว..ฉันเขม่นพี่จนตาเหลือกแล้วค่ะ
“อุ้ย..ความจริงแล้วเนลไม่ได้สนิทกับเขาขนาดนั้นหรอกค่ะ กลับห้องนี่แถบนับคำคุยกันได้เลยนะคะ” ฉันชอบนะเวลาที่เห็นคนที่แอบชอบสมหวังในรักอ่ะ แต่จะมาบังคับกันเป็นแม่สื่อนี่...ข้ามฉันไปเถอะ
“อุ๊ตะ! เนลอยู่ห้องเดียวกับเขาด้วยเหรอจ๊ะ แหม่! ทางสะดวกเลย กลับไปที่ห้องก็ช่วยพูดถึงพี่ให้เขาฟังบ่อยๆ หน่อยนะจ๊ะ เขาจะได้ฟังชื่อพี่แล้วติดหู” ที่รู้ๆ คือหน้าของพี่จะมาติดที่กำปั้นงามๆ ของหนูแล้วล่ะค่ะ แล้วไอ้ที่ฉันพูดไปนี่ไม่มีความหมายเลยใช่ป่ะ -_-
“จะดีเหรอคะ”
“ดีมากเลยจ้า พี่ไม่กวนเธอแล้วอย่าลืมนะจ๊ะ” พอพี่เขาพูดจบพี่เขาก็ลั๊นลาเดินออกไปเลยจ้า ปล่อยให้ฉันอยู่กับคำขอร้อง (แกมบังคับ) ของพี่เจส
เห้อ...คนหนอคน
ฉันส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปที่ล็อคเกอร์หลังร้านเปิดล็อคเกอร์ตามเบอร์พนักงานของฉัน หลังร้านเป็นแค่โซนเล็กๆ ไม่กว้างมากนัก มีที่สำหรับตู้ล็อคเกอร์ แต่ก็มีห้องเล็กๆ ที่ให้พนักงานไว้เปลื่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ฉันได้มันเป็นชุดเสื้อคอปกสีชมพูอ่อนมีรูปสัญลักษณ์ร้านเล็กๆ อยู่ที่หน้าอกด้านขวา กับกระโปงสั้นสีขาวและยังมีผ้ากันเปื้อนสีแดงแถมมาด้วย ฉันว่าชุดมันมุ้งมิ้งเกินกว่าจะเป็นชุดพนักงานนะ ฉันจึงรีบเปลื่ยนเสื้อแล้วเดินออกมา
ฮึ้ย! ร้านเรามีม็อบหรือนี่…ทำไมสาวๆ (ในชุดยูนิฟอร์มเดียวกับฉัน) ถึงไปลุมอยู่ที่กลางร้านกันล่ะ ไม่การล่ะ! ฉันจึงแทรกตัวไปดู และอืม..ให้ท่านผู้อ่านเดานะคะว่าใครมา ติ๊กต่อก...ติ๊กต่อก ถูกต้องค่ะ! คุณได้เข้ารอบต่อไป
มันจะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่เจ้าของนัยต์ตาสีฟ้าครามแสนสะดุดตานั่น เขายังไม่ได้เปลื่ยนเสื้อเป็นยูนิฟอร์มของร้าน ยังอยู่ในชุดไปรเวตสบายๆ อยู่เลย เอ๊ะ! แสดงว่าเขาก็มาหลังฉันน่ะสิ เขาไปไหนมาก่อนนะ แต่เขาก็ออกจากห้องก่อนฉันนี่ แปลกจังเลยอ่ะ ‘__’
“สาวๆ คะ พี่รู้ว่าพวกเธอรู้จักเขาและคงชอบเขา แต่ว่ากรุณาอยู่ในความสงบด้วยนะคะ ทั้งเด็กฝึกงานของโครงการและพนักงานพาร์ตไทม์ประจำนะคะ” พี่เจสเดินเข้ามาห้ามปรามไว้ก่อนที่จะเกิดจราจลได้ร้าน แต่ยังโอเคนะที่เธอไม่กรี๊ดกร๊าดจนเสียมาดผู้จัดการ...
มั้ง...
“สวัสดีค่ะน้องไนออลพี่ชื่อเจสสิก้านะคะ เรียกเจสอย่างเดียวก็ได้ ทำงานเป็นผู้จัดการที่นี่สักพักแล้วน้องงน่าจะรู้ พี่ยังโสดนะคะน้องไม่ต้องห่วง” พี่เจสพูดรัวรวดเดียวจบโดยไม่พักหายใจ เห็นทีว่าฉันไม่จำเป็นต้องช่วยพี่เขาแล้วล่ะพี่เธอเล่นเสนอตัวเต็มที่เลยจ้า
“ครับ J” จะว่าฝ่ายหญิงอย่างเดียวก็ใช่ที่ไหน อีฝ่ายชายเองก็ยิ้มหวานให้ผู้จัดการร้านซะเธอแทบจะละลายลงบนพื้นอยู่แล้ว “ฝากตัวด้วยนะครับพี่เจส” เจ้าของร่างสูงพูดต่อตอนนี้หน้าของพี่เจสแดงยิ่งกว่าตอนที่มาขอให้ฉันช่วยอีกนะ
เมื่อพี่เจสเดินออกไป (นางคงจะระเบิดเลยรีบออกไป) ฉันเลยได้แต่พูดพึมพำเบาๆ ล้อเลียนเขาที่บอกฝากตัวกับพี่เจส แล้วเบ้ปากกลอกลูกตาไปมา ฉันคงจะพูดดังไปหน่อยมั้ง เพราะไนออลหันมาทางฉันแล้วแยกเขี้ยวใส่
“อะไร -_-!” เขาหันหน้ามาทางฉันแล้วทำหน้าเนือยใส่
“เปล๊า..ไปละ” ฉันพูดตัดบทแล้วเดินสวนเขาไปจัดหน้าร้านแทน
สักพักไนออลเดินออกในชุดยูนิฟอร์มของทางร้านแต่ของผู้ชายเป็นเสื้อคอปกสีขาวกับกางเกงสีกากีนะ แล้วมีผ้ากันเปื้อนสีแดงเหมือนของฉัน เออ!.....ยอมรับว่าหล่อ เมื่อเขาเดินออกมาสังเกตได้ว่าพนักงานในร้านนี่ดี๊ด๊ากันใหญ่รวมทั้ง...
“น้องหล่อมากออร่ามากเลย อย่าลืมนะคะพี่ยังโสด” พี่เจสเดินเข้ามาหาไนออลแล้วยิ้มร่า #จ้า เสนอตัวชนิดอันลิมิตเวอร์ชันอัลติเม็ทเลยเนอะ
วันนี้คนทั้งร้านทำงานนะ..แต่คาดว่าลืมหู ลืมสมองไว้ที่บ้าน ฉันถามอะไรไม่มีใครตอบฉันเอาแต่จ้องผู้ชายที่ชื่อว่า ‘ไนออล ฮอแรน’ ที่ทำหน้าที่คิดเงินที่แคชเชียร์อยู่ และอีกอย่างที่เป็นข้อดีคือวันนี้ลูกค้าแน่นร้านจนต้องขายเป็นรอบๆ ยังแน่นชนิดที่ว่าบางคนยอมยืนกินเพื่อจะได้มองไนออล ตั้งแต่เช้ามามีคนชนิดที่ว่าซื้อไอศกรีมหลายๆ ถ้วยเผื่อที่จะได้เช็คบิลนานๆ ด้วยก็มีนะ
21.32 PM
แม้จะเป็นเวลาที่ทุกคนควรจะกลับบ้านแล้วแต่บรรยากาศในร้านยังคงคึกคักเหมือนเดิม สามทุ่มครึ่งคือเวลาที่ห้างปิด กว่าจะได้ปิดร้านนี่ท่าทางจะนาน เพราะพี่เจสยังจัดการเชิญลูกค้าออกจากร้านไปไม่หมดเลย บางคนเช็คบิลแล้วก็ยังมาเป็นปลิงเกาะตรงเค้าท์เตอร์อยู่ จนสักพักบรรดาลูกค้าจึงออกไปหมดเหลือแต่เพียงพนักงานที่ช่วยกันเก็บกวาดเศษขยะ
“น้องๆ คะวันนี้ลูกค้าที่ร้านเราเยอะมากเลยและขายดีมากๆ ด้วย ขอบคุณไนออลมากๆ นะคะที่ช่วยพี่ น่ารักจริงๆ เลย นี่ขนาดเป็นคนฝึกงานนะคะเนี่ยร้านเรายังรุ่งได้ขนาดนี้” จากนั้นพี่เจสก็ได้แต่สาธยายคุณงามความดีของเขาไป ทุกคนในร้านที่เป็นผู้หญิงก็หัวเราะคิกคักกันใหญ่ แต่..............เว้นฉันคนนึงเถอะ
กว่าจะได้ออกมาจากห้างก็สี่ทุ่มแล้ว ฉันจัดการเปลื่ยนชุดกลับมาเป็นชุดเดิมของฉัน และเดินออกมาจากตัวห้าง แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าฉันเดินออกมาพร้อมกับคนอื่นๆ นะฉันเดินออกมาคนแรกด้วยซ้ำเพราะคนอื่นยังคงอยู่ในร้านต่อ ที่ลอนดอนนี่ยิ่งดึกยิ่งหนาวเนอะ
ฉันมายืนรอที่ริมถนนและกวักแท็กซี่แต่ระหว่างนั้นก็มีผู้ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่กำลังคุยโทรศัพท์เดินเข้ามาฝั่งเดียวกับฉัน ดูแลว้เขาไม่น่าใช่โจรหรือผู้ร้ายนะ ออกจะหล่อด้วยซ้ำหน้านี่นายแบบชั้นนำเลยก็ว่าได้ ใบหน้าคมคายราวกับถูกพระเจ้าสลักมันมากับมือ เพราะเขาอยู่ไม่ไกลฉันนัก ฉันจึงแอบเงี่ยหูฟังที่เขาพูดได้
“…ฉันหึงนะ” เหอๆ คงจะคุยกับแฟนอยู่ล่ะสิท่า หุๆ ขอเจือกสักนิดละกันโน้ะ ว่าดังแล้วฉันจึงแกล้งเดินเข้าไปใกล้เขาอีกนิด “ทำไมนายทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ยังมีฉันอยู่ทั้งคน นายอยู่ท่ามกลางสาวๆ เหล่านั้นแล้วยิ้ม” ดราม่าเดย์แล้วครับท่าน
“รู้ว่าแฟนคลับแต่นายควรมีขอบเขตบ้างนะ” ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆ ฟร้ะ -.- เขาเรียกแฟนว่า ‘นาย’ ฉันฟังไม่ผิดหรอก เอ๊ะ! แสดงว่าไอ้หน้าหล่อนี่มีแฟนเป็นผู้ชาย!!!
.
.
“ฉันไม่เข้าใจ! ฉันก็งี่เง่าแบบนี้แหละ” เขาพูดกระชากเสียงและขอบตาของร่างสูงข้างๆ ฉันเริ่มมีน้ำรื้นออกมา ฉันไม่สามารถจ้องเขาได้แต่ก็เหลือบตาอยู่ไปเป็นพักๆ
.
.
“ฉันก็มีหัวใจนะ”
.
.
“ไนล์”
อะ..อะไรนะ เมื่อกี้เขาพูดว่า ‘ไนล์’ เหรอ ไนล์ไหนวะ -0- วันนี้ฉันแคะขี้หูมาเรียบร้อยแล้วนะ ฉันฟังถูกแน่นอนร้อยเปอร์! แล้วร่างสูงก็เดินออกไปจนลับตาฉัน ดะ..ดะ..เดี๊ยววว T0T มาพูดให้เคลียร์ก่อนไนล์คนไหนนนนนน….....
ระหว่างทางที่นั่งอยู่บนรถบัสคิ้วของฉันขมวดเป็นปมตลอดเวลา ในใจครุ่นคิดแต่เรื่องเมื่อกี้ที่มีผู้ชายหน้าหล่อโทรหาคู่ขาของเขาที่มีชื่อว่า ‘ไนล์’ เหมือนกัน มันจะเป็นคนเดียวกันหรือเปล่านะ เหมือนเดิมรสบัสจอดเทียบที่ซอยของคอนโด ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว...
เมื่อขึ้นห้องมาฉันเก็บข้าวของสัมภาระของฉันเข้าที่จนหมด ต่อมอยากรู้อยากเห็นของฉันมันก็ทำงานอีกรอบ ยอมรับว่านิสัยเสียแต่ก็...เอาเถอะ ฉันเริ่มเปิดตู้เสื้อผ้าของเขาเป็นอย่างแรกในนั้นมีทั้งชุดธรรมดากับเสื้อเชิ้ตออกงานต่างๆ ไม่มีอะไรน่าแปลกนี่...ปกติทุกอย่าง แต่ฉันก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามต่อไปค้นมันทุกซอกทุกมุม และในขณะที่ฉันกำลังจะค้นโต๊ะทำงานของเขาแต่ทว่า...
“รู้หรือเปล่าว่าค้นของคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติน่ะมันไม่ดี” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน ฮะ..เฮ้ยย! เขาเข้ามาตอนไหนอ่ะ TT อีกแล้วหรอเนี่ย เอาแล้วไงล่ะ!
“เอ่อ..คะ..คือว่า” ฉันอึกอักหาคำแก้ตัวไม่ถูก
“เธอสงสัยอะไรถึงต้องค้นห้องฉัน”
“ก็...”
“หืม”
“เอ่อ...ขอยืมโทรศัพท์นายเล่น Flappy bird หน่อยสิ เครื่องฉันมันค้างทำแต้มไม่ได้อ่ะ TT;” สาบานว่านี่คือคำแก้ตัวที่อุบาทว์หลุดโลกสุดๆ เลยค่ะ แต่มันสามารถช่วยเพื่อนๆ ในยามคับขันได้นะคะ ... จริงๆ นะ
“อย่าเปลื่ยนเรื่อง บอกความจริงมา” คงช่วยไม่ได้แล้วล่ะ T___T))
“อ่ะหือ เอาตรงๆ เลยหรอ” ฉันเกาหัวแก้เก้อ
“...” เขาไม่ตอบอะไรมาแต่คงจะหมายความว่าใช่สินะ
“โอเคร๊…นะ..นายเป็นผู้ชายแท้หรือเปล่า” เสียงของฉันสั่นระริกนิดหน่อยแต่ก็พอมีความกล้าที่ถามออกไป คนตัวสูงตรงหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกลั้วขำออกมา
“ฮะๆ …. อยากรู้จริงๆ หรอ”
ไนออลไม่รอคำตอบของฉันแต่เขากลับเดินเข้ามาใกล้ฉันในระยะประชิดและเอาหน้าเข้ามาใกล้ เขานี่หน้าใสเนอะ..เห็นใกล้แล้วละ..เฮ้! นี่ไม่ใช่เวลามานั่งบรรยายนะ ตอนนี้จมูกของเขาโดนจมูกฉันด้วยอ่ะฉันพยายามเถิบหนีแต่ก็ไม่พ้น เมื่อมีท่อนแขนใหญ่รั้งเอวของฉันให้เข้าไปใกล้เขาอีก จนทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเขา แว้กกกก T__T
“นายทำบ้าอะไรปล่อยฉันสิโว้ย” ฉันพยายามดันตัวเขาออก
“เธออยากรู้ไม่ใช่หรอว่าฉันเป็นชายแท้หรือเปล่า” เขาเหยียดยิ้มพลางช้อนตัวฉันขึ้น
“แว้กกกก พอแล้ววไม่เอาแล้ว” ฉันกรีดร้องและข่วนแขนเขาไปด้วยเมื่อฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ติดกับพื้นแล้ว
เขาอุ้มฉันไปหยุดที่เตียงแล้ว........................................
#ก็ไม่รู้สินะ
เอโล่! หายหน้าหายตาไปซะนานเลยเนอะ ^0^+ กลับมาอีกทีก็เดือนมีนาคมแล้วหรอเนี่ย เวลาผ่านไปไวจุงเบยแต่ถึงยังไงเดียก็สัญญาว่าจะมาอัพนิยายให้บ่อยๆ น้า เพราะนี้ก็ปิดเทอมแล้ว งุงิ > < สำหรับเมื่อกี้อยากรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเนโอมี่ของเรา.... เฮฮฮฮฮฮ รอลุ้นกันเองนะ 555555555555555555555 แต่ถ้าอยากรู้ไวๆ ก็เม้นท์ให้กำลังใจเดียด้วยน้า U___U ดีใจที่มีคนอ่านเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีเม้นท์นี่แป่วเบยยยย TT; ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตามเรื่องนี้มากๆ บางเม้นท์แล้วกระชุ่มกระชวยมาก 5555555 สัญญาว่าจะปั่นให้จบไวๆ เนอะ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
อีดิท
ความคิดเห็น