คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บันทึกการเดินทาง 03 : Destiny Make Me & You [London,England]
SAY HELLO WITH NEW FRIEND!
DIARY:03 [LONDON,ENGLAND]
Destiny Make Me & You ♥
You're stuck on me and my laughing eyes
I can’t pretend though i try to hide - i like you
I like you.
คุณติดตรึงอยู่กับฉัน ในดวงตาของฉัน
ฉันไม่สามารถบิดบังได้ ไม่สามารถซ่อนได้
ฉันชอบคุณนะ…ฉันชอบคุณ ♥
เมื่อฉันตื่นขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่าและเสื้อผ้าที่วางกองไว้กับพื้น เขาหายไปไหนไม่รู้ สายตาของฉันมองไปรอบๆ ห้อง มีเพียงความเย็นของแอร์ที่ลงมากระทบกับไหล่ของฉัน... บ้าน่า! ฉันรู้นะว่าทุกคนคิดไปไกล ฮ่าๆ (ก็ฉันบรรยายซะ) แล้วเสื้อผ้านี่ฉันก็วางกองไว้ตั้งแต่ยังไม่อาบน้ำอีกจ่ะ -..- ความจริงแล้วเขาไม่ได้มานอนร่วมเตียงกับฉันเมื่อคืนหรอก พอฉันอาบน้ำเสร็จออกมาก็ไม่เจอเขาแล้วฉันเลยหลับไปก่อน ฉันคิดว่าเมื่อคืนเขาคงไม่กลับห้องเพราะไม่มีวี่แววว่ามีใครมานอนข้างๆ ฉันบนเตียงเลย
เขาไปไหนกัน...
ฉันจัดการอาบน้ำและเปลื่ยนเสื้อผ้า วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องไปทำงานพาร์ทไทม์วันแรกที่อังกฤษ ^[]^ ชุดที่ฉันใส่วันนี้เป็นเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายเท่ห์ๆ กับกางเกงยีนส์ขาสั้นเอวสูง อืม...ดูเหมือนไม่ได้ไปทำงานเลยเนอะ แต่เขาคงไม่ซีเรียสเรื่องการแต่งตัวแหละเนอะ ก่อนออกจากห้องก็กินขนมปังที่ไนออลซื้อทิ้งไว้รองท้องไปสองแผ่น ขนมปังที่อังกฤษอร่อยดีแฮะ.. หลังจากนั้นฉันก็ไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าเป้ใบโปรดติดไปด้วยพร้อมทั้งเอกสารมากมายที่อยู่ในเป้ เอ..แล้วฉันจะไปยังไงฟร้ะเนี่ย -0- แผนที่ก็ไม่มี มีแต่ที่อยู่ของร้านอ่ะ TT ทางเดียวคือ…แท็กซี่ ในเวลานี้ไม่มีอะไรเหมาะที่สุดเท่าแท็กซี่อีกแล้ว .. ฉันไม่รู้เลยว่าถนนที่นี่ป็นยังไง ไม่ใช่สิ! ฉันรู้จักแค่ถนนสายใหญ่เท่านั้นแหละ พวกตึกอะไรแนวนั้นฉันไม่รู้หรอก ก็ฉันไม่ใช่คนอังกฤษนี่นา...
“ไป Street 10789 , 1D Building ค่ะ” ฉันเรียกแท็กซี่คันหนึ่งมามันเป็นแท็กซี่ที่ดูไม่เก่ามากนัก สภาพรถก็คงใช้งานมานานพอตัว คนขับก็ดูน่าจะอายุประมาณกลางคนสังเกตุได้ที่เวลาแกยิ้มน่ะตีนกาเพียบ...
ระหว่างทางฉันได้แต่นั่งเงียบเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับคนขับดี ฉันยอมรับนะว่าฉันเป็นคนที่วางตัวไม่ค่อยถูกกับผู้สูงอายุ จะว่าวางตัวไม่ถูกไปซะทีเดียวก็ไม่น่าจะใช่แต่ฉันไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรต่างหากล่ะ ฉันก็เลยไม่รู้จะทำอะไรฉันจึงหยิบไอพอดขึ้นมาเสียบหูฟังแล้วเปิดเพลงที่ฉันชอบขึ้นมา
สายตาของฉันกวาดมองไปยังถนนใหญ่ที่มีรถคันเล็กใหญ่โลดแล่นไปมาบนถนน ผู้คนเดินไปมานับพันบนถนนสายนี้ และฉันเหลือบไปเห็นหอนาฬิกาใหญ่ยักษ์แห่งหนึ่ง หอนาฬิกาบิ๊กเบนสินะ อ๊ะ! ฉันน่าจะถ่ายรูปไปฝากพ่อกับแม่หน่อยสินะ ฉันกดออกจากโปรแกรมเพลงแล้วเลื่อนไปที่โปรแกรมถ่ายรูปแทน
แชะ!
ทีนี้ฉันก็ได้รูปไปฝากพ่อแม่แล้วล่ะ! ฉันกดไปที่อัลบั้มรูปภาพเพื่อดูรูปที่ถ่ายมา อืม..สวยจริงๆ นะความจริงมาที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายเลยจริงๆ ด้วย เหมือนได้เปลื่ยนบรรยากาศน่ะ ฉันก็เบื่อนะเวลาอยู่กับที่เดิมๆ อะไรเดิมๆ ฉันคิดว่าบางทีก็ควรเปลี่ยนมันซะใหม่ ฉันว่าตัวฉันก็แปลกนะฉันไม่เคยมีอาการโฮมเลสสักนิดรู้สึกดีด้วยซ้ำนะ ได้ออกมาเจออะไรใหม่ๆพ่อของฉันไม่ค่อยพาฉันมาแถบอังกฤษนักหรอก ถ้าจะพาไปจริงๆ ก็แถวโซนเอเชียเลยล่ะ -*- พ่อฉันชอบอากาศร้อนน่ะ
“หนูไม่ใช่คนบริติชหรอ” จู่ๆ ลุงคนขับก็ถามขึ้นมาทำเอาฉันสะดุ้งเล็กน้อยนะ แต่สำเนียงของแกก็ไม่เหมือนคนอังกฤษนี่นา ฉันว่ามันเป็นพวกฝั่งยูเอสซะมากกว่า
“ใช่ค่า หนูเป็นไอริชพอดีว่ามาเก็บประสบการณ์นิดหน่อยน่ะค่ะ” ฉันพูดเสียงใสแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ลุงคนขับไป ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้หยิ่ง แต่ก็เพียงแค่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรมากกว่า ฉันพึ่งเห็นว่าลุงคนนี้หน้าตาออกจะใจดี เขามีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน แก้มแดงระเรื่อ ผิวขาวที่ดูเหมือนจะซีดไปหน่อย และทรงผมรองทรงที่ดูเข้ากับใบหน้าของเขาดี
“จริงสิ! ฉันก็คนไอริชเหมือนกันนะอุ่นใจที่ได้เจอคนไอริชด้วยกัน” ลุงเขาพูดพลางยื่นมือข้างหนึ่งที่กุมพวงมาลัยรถอยู่มาข้างหน้าฉัน และมันก็คือการเช็คแฮนด์ดีๆ นี่เอง “แล้วตอนนี้ไอร์แลนด์เป็นอย่างไงบ้างล่ะฉันไม่ได้กลับไปที่นั่นห้าปีแล้วล่ะ”
“อ่อ...แล้วลุงจะบอกหนูทำไมคะ” ฉันตอบเสียงแผ่ว เอ๊ะ! นี่ฉันตอบไม่สุภาพรึเปล่านะ “เอ่อ...หนูหมายความว่าแล้วลุงมาอยู่ที่นี่ทำอะไรหรอคะ” โอเคฉันยอมรับว่าเมื่อกี้เกือบไม่รอด ;_____;
“มาทำงานน่ะสิ พอดีว่าตอนที่ฉันอยู่ไอร์แลนด์เศรษฐกิจมันไม่ค่อยดีน่ะนะ” ลุงหันมายิ้มให้ฉันทีนึงก่อนพูด
คือยอมรับว่าดีใจนะที่ได้เจอคนบ้านเดียวกัน ไม่รู้สิ...ฉันคิดว่ามันอบอุ่นอย่างที่ลุงคนขับว่ายังไงอย่างงั้นนั่นแหละ พูดแบบนี้แล้วก็คิดถึงพ่อกับแม่จังเลย เดี๋ยววันนี้ตอนเย็นโทรหาดีกว่า อ่า...♥
ตลอดเส้นทางฉันก็คุยนู่นคุยนี่กับลุงบ้างนั่งเงียบบ้าง สลับไปกันเป็นช่วงๆ ไป จนมาถึงที่หมายฉันเลยลงจากรถและจ่ายเงินค่าแท็กซี่ให้ลุงคนขับคนนั้นไป แต่เมื่อลงมาฉันก็พบกับ...
วะ..วะ..ว้าววววววว!
นักข่าวอีกแล้วจ้า ร่างเล็กร่างใหญ่มายืนออกันเต็มหน้าตึกเลยนะยะ -_- พอฉันเห็นนักข่าวฉันก็แทบจะฟิวส์ขาดเลย เพราะตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบลอนดอนก็เจอยัยเจ๊นักข่าวพูดจาโอหังใส่ฉัน ต้อนรับดีจังเลยวุ้ย! บางทีฉันควรจะฝ่ามวลมหาประชาชน (นักข่าว) เข้าไปในตัวตึกเลยนะ แต่ทำไมแข้งขาของฉันถึงอยู่กับที่ไม่ไปไหน แล้วรอหาอะไรมิทราบเนี่ย
งืมม...
ฉันเดินงึมงัมเข้าประตูหน้าทางเข้าไป อันที่จริงฉันก็ยังสงสัยอยู่นะว่าทำไมต้องมีนักข่าวอยู่หน้าตึกด้วยฟร้ะ จะมาเล่นรายการที่นี่ ณ.ลอนดอน หรือไง - - มันน่าหงุดหงิดยิ่งกว่าเมนส์ไม่มานะ ฮึ่ยยยย!!!! ฉันกวาดตามองรอบๆ ตึกอันที่จริงมันไม่ได้เรียกว่าตึกหรอกมั้ง...มันน่าจะเรียกว่าห้างสรรพสินค้ามากกว่า จากอายสแกนของเนโอมี่คนนี้พบว่ามีร้านค้าแบรนด์เนมต่างๆ นาๆ มากมายเรียงรายกันเป็นแถบ
งิ...ขอสักหน่อยเถอะน่า นานๆ มาทีนึง // ._____. //♥
ชะแว้บ..
ร้านแรกที่ฉันเลือกย่างก้าวเข้าไปดูคือร้านกระเป๋าสีสันสดใส คัลเลอร์ฟู๊ล...คัลเลอร์ฟูล และมันก็คงเดาไม่ยากว่ามันเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม สัเกตุจากป้ายร้านที่เด่นหราเป็นเอกลักษณ์ ทั้งตัวกระเป๋าที่มีชื่อร้านปะอยู่ด้วย โอยยย .. มันน่ารักจังเลย ใบที่ฉันหยิบขึ้นมาเป็นลายจุดพื้นสีฟ้า
กริ๊สสสสสส! อยากได้จุงเบย T^T
ฉันพลิกแผ่นป้ายใบเล็กๆ สีขาวที่ติดอยู่ตรงหูกระเป๋าขึ้นมาดูซึ่งนั่นมันก็คือใบราคา...
.
.
.
.
ตรูช็อคแปป!
.
.
.
.
อะไรก๊านนนน กระเป๋าสตางค์ใบเล็กๆ นี่กินข้าวมื้อหรูๆ ได้สิบยี่สิบมื้อเลยนะเนี่ย =_=! ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยได้ใช้ของแบรนด์นะ แต่นี่คือมาตัวคนเดียวไงไม่ได้มากับผู้มีทุนทรัพย์มากพอ ฉันย่อมต้องประหยัดเงินให้มากที่สุด แง้!
ฉันจัดวางกระเป๋าใบเล็กนั่นที่เชลฟ์กระเป๋าดังเดิมด้วยสีหน้าเงิบๆ กับราคาของมัน แล้วเตรียมจะหันหลังหมุนกลับไป แต่ทว่าได้ยินอะไรซะก่อน...
“กริ๊ดดด! นั่นเขาไนออล ฮอแรน เร็ว! เขามาแล้วตามเขาเข้าปายยย >[]<” เสียงแหลมของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนดังออกมา แต่เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ อะไรก้อนๆ วะ คงจะเป็นคนดังหรือนักการเมืองที่นี่มั้ง ฉันจึงเตรียมเงี่ยหูฟังอีกที
ยังไม่ทันจะได้เงี่ยหูฟังสักกะนิด ผู้คนนับสิบวิ่งกรูเข้าไปหาคนที่ชื่อ ‘ก้อนๆ’ อะไรนั่น นักข่าวที่รออยู่ข้างนอกเป็นโขยงก็วิ่งเข้ามาในความเร็วที่เสือชีตาร์ต้องอาย ไฮยีน่าต้องชาบู...คนที่ถูกมุงถอดแว่นกันแดดสีชาออกอย่างช้า ออร่าแห่งคาริสม่าฟุ้งกระจายทั่วอาณาเขต เผยให้เห็นถึงในนัยต์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่ฉันคุ้นเคยนั่น
-_-
-0-
0__0!
ไรแว้! นี่มันไอ้รูมเมตฉันนี่ 55555555555555 เดินเข้าไปทักดีป่าวง่ะ เออ…ว่าแต่ทำไมคนล้อมแม่งเยอะจังเลยฟร้ะ อีกทั้งนักข่าว หรือว่า..เขาอาจจะเป็นคนร้าย? นักการเมือง? ไม่น่าจะใช่นะดูแล้วอายุของเขาก็เท่าๆ ฉันนี่ หรืออาจจะเป็นคนดัง O__o! นี่ฉันมีรูมเมตเป็นคนดังเรอะ ฉันเตรียมจะเดินก้าวขาไปหาเขาแล้ว
แต่พอคิดมุมกลับปรับมุมมองแล้วก็จำคำพูดที่เขาบอกไว้กับฉันได้ดังว่า
‘ก็คือเธอห้ามเลือกที่ฝึกงานเดียวกับฉันนะ ตอนนี้มันเหลือที่ทำงานพาร์ตไทม์อยู่ห้าที่ เธอก็ไม่ต้องมาสมัครที่เดียวกับฉัน เพราะฉันไม่อยากจะเป็นข่าวกับใครทั้งสิ้นรวมทั้งเธอด้วย’
โอเค๊...ไม่ยุ่ง ไม่ทัก ก็ได้แล้วอย่าหาว่าเนโอมี่หยิ่งแล้วกันล่ะ ;P ฉันก้าวไปข้างหน้าพร้อมที่จะเดินหาลิฟท์อย่างตั้งใจ แต่จะดีกว่านี้ถ้า นัยต์ตาคู่สวยไม่มาสบตากับฉันก่อน สีหน้าของเขาดูตกใจ คิดไม่ถึงล่ะสิว่าจะมาทำงานห้างเดียวกับเขาน่ะ สักพักเขาจึงกลับไปมองกล้องแล้วปั้นหน้ายิ้มต่อ -_- น่าหมั่นไส้!
30 นาทีต่อมา...
แล้วลิฟท์มันอยู่ไหนง่า U__U ห้างนี้มันโครตใหญ่เลยอ่ะ ฉันเดินมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ! เดินจนหิวแล้วเนี่ย เออ..ทำไมฉันไม่ถามคนเล่า ฮึ่ยยส์! โง่จริงเลยนะเนโอมี่นั่งง่อยเป็นด๋อยติดตูดตั้งนาน
“ขอโทษนะคะ ลิฟท์อยู่ไหนค้า” ฉันถามป้าวัยกลางคนที่ยืนเท้าเอวหน้าร้านขนมเค้กอยู่ เธอชี้ไปที่ทางขึ้นลิฟท์ซึ่ง...อยู่ข้างหลังฉันเอง หน้าแตกอีกแล้วตรู Y__Y ฉันพยักหน้าหงึกและก้มหน้านิดเพื่อให้เธอรู้ว่าเป็นการขอบคุณ
ติ๊ง~
เมื่อนิ้วเรียวของฉันกดปุ่มขึ้นลิฟท์ไปสักพักประตูลิฟท์ก็เปิดออก ในลิฟท์ไม่มีใครนอกจากฉันคนเดียว เดียวดายยย~ ฉันเดินเข้าไปในลิฟท์พร้อมกดเลข 3 เพื่อจะไปถึงร้านโกลเด้นท์ ไอซ์อะไรนั่นที่ต้องไปเวิร์คกิ้ง >[]< ตื่นเต้นจุงเบยย ประตูลิฟท์จะปิดได้อย่างสนิทถ้าหากไม่มีมือหนาเข้าขวางไว้ซะก่อน ลิฟท์จึงเปิดออกอีกครั้งและก็ทำให้ฉันได้เห็นใบหน้าเรียวของ ‘เขา’ อีกครั้ง
“เธอ!”
“นาย!”
เราตะโกนออกมาพร้อมกัน เฮ้อ! อุส่าห์หนีมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วน้า แล้วไอ้พวกนักข่าวนั่นล่ะ จะตามมาถล่มเขาอีกไหมเนี่ย T0T #นึกแล้วเศร้าขอเหล้าเข้มๆ 5555555555555555
“นี่นายแล้วคนพวกนั้นไปแล้วหรอ แล้วตกลงนายเป็นใครกันแน่เนี่ยฉันถามพี่ที่โครงการเขาก็บอกว่านายเป็นนักร้องวงดังๆ แต่ฉันล่ะไม่อยากจะเชื่อหนังหน้าอย่างนายเนี่ยนะ” ฉันพูดรัวใส่เขาด้วยน้ำเสียงปนความสงสัย
“แรง”
“ฮะ! อะไรฉันยังไม่ได้ว่านายนะ แล้วตกลง..” ฉันยังพูดไม่ทันจบเขาก็แทรกขึ้นมาซะก่อน
“นี่เธอไม่รู้จักฉันจริงๆ เหรอเนี่ย โครตเชื่อ -_- เอาเถอะๆ ฉันถึงเตือนเธอไว้แล้วว่าอย่ามาสมัครงานที่เดียวกับฉัน” เขาพูดตัดบทพร้อมชายตามองไปที่หมายเลขลิฟท์
ติ๊ง~
ฉันกับเขาเดินออกมาที่ชั้นสามพร้อมกัน อ่าว..เฮ้ย! นี่อย่าบอกนะว่ามาทำที่เดียวกันอีกเนี่ย ฉันเตรียมแว้ดใส่หน้าเขา แต่เขาดันตวัดหางตามามองฉันซะก่อน ไม่ได้การละ!
“หรือจะไฝว้” ฉันหันหน้าไปทางเขาแล้วยักคิ้วทีนึง
“คิดว่าชนะก็ลองดู หนึ่ง..สอง..สาม!” พอพูดจบฉันกับเขาก็วิ่งจรู้ดตรงเข้าไปหาร้านโกลเด้นท์นั่นที่เด่นหราอยู่ไม่ไกลจากลิฟท์ อันที่จริงถามว่ารู้ได้ไงว่าจะแข่งวิ่งกันก็เพราะว่าเขาใช้หางตาแทนคำพูดไงล่ะ...ใครๆ ก็น่าจะรู้ว่าต้องวิ่งแข่งกัน
แล้วเขาก็..วิน!!! แว้กก! โหดร้ายโครต เขาเหยียดยิ้มน้อยๆ ก่อนจะดิ่งตรงเข้าไปหาผู้จัดการร้าน พอเห็นดังนั้นฉันก็คอตกทันทีเพราะรู้ว่าคงไม่ได้ทำงานร้านนี้แล้ว TT ไม่เป็นไร...ยังมีอีกสองที่ (ที่ฉันไม่อยากทำ) อยู่แต่มันก็โอเคกว่าขายปลาล่ะนะ!
2 ชั่วโมงผ่านไป...
จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่มีงานทำเลย ไปทั้งสามที่ที่เหลือก็เต็มหมดแล้ว (ยกเว้นขายปลา) นี่ฉันต้องไปฟิชชิ่งวิลเลจจริงๆ หรอเนี่ย ไปที่ไหนก็เต็มหมดแล้วง่ะ ขนาดงานซ่อมสนามเด็กเล่นยังเต็มเลยอ่ะ ฉันควรทำยังไงดีนะ...อาหารกลางวันก็ยังไม่ได้กินเลย จะไปสมัครขายปลาหรือกลับห้องก่อนดี...หงุดหงิดโว้ยยยย! พ่อไม่น่าให้ฉันมาทำอะไรแบบนี้เลย!
ฉันตัดสินใจกลับมาที่คอนโดวูส เมลเบิร์นก่อนเพื่อจะมาหาอะไรรองท้องก่อน วันนี้เอาเงินมาน้อยด้วยนึกว่าแค่สมัครงานอย่างเดียวแล้วก็กลับ ที่ไหนได้ล่ะ...พูดแล้วน้อยใจนะเนี่ย ฉันยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองทีนึงก่อนจะไขกุญแจเข้าห้อง
พอเข้ามาในห้องก็เอาอาหารกระป๋องของตัวเองเทใส่ชามกินอย่างหิวโหย ขอเปิดแอร์ให้ฉ่ำๆ หน่อยเถอะ เค้าเหนื่อยยยย! L แน่นอนว่าท้องของผู้หญิงตะกละอย่างฉันอาหารกระป๋องเดียวเอาไม่อยู่หรอก ฉันจึงไปเทอีกกระป๋องมา คิดถูกจริงๆ ที่เอามาเซฟเงินได้เยอะเลยนะเนี่ย
กริ๊ก! ~
เสียงประตูห้องถูกเปิดออกมาโดยผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘ไนออล ฮอแรน’ ผู้ชายหน้าด้าน หน้ามึนที่เพิ่งแย่งงานฉันทำไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้นั่นเอง!
“ขี้เหนียวถึงขนาดกลับมากินที่ห้องเลยหรือไง” สาบานว่านี่คือคำทักทายของเขา -_-
“เชื่อเลยว่านั่นปากของนายพูด” ฉันโต้กลับก่อนจะงับไส้กรอกชีสอีกคำเข้าปากเพื่อเป็นการประชด
“ยัยบ้า! แล้วได้งานทำหรือยังล่ะ” เขาเดินเข้ามาหาฉันในขณะที่ฉันนั่งลงกับพื้น เพราะเขายืนอยู่เลยต้องก้มลงมองหน้าฉัน
“ได้งานทำ?” ฉันทวนคำ
“นี่ถ้าป่านนี้ได้งานทำคงไม่ต้องมานั่งหมกอยู่ในห้องหรอกจ่ะ คงไม่อยู่แล้วล่ะย่ะ!” ฉันพูดประชดต่อ
“หึ…ที่กลับมาเพราะสงสารหรอกนะ” ฉันไม่ทันสังเกตุว่าเขากลับมาพร้อมกับซองสีน้ำตาลอ่อนในมือด้วย เขาจึงโยนซองนั่นลงมาให้ฉัน นี่ให้ดีๆ ไม่ได้หรือไงนะ -__-! ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องนอน (ที่ฉันต้องร่วมหองด้วย) อ่าวเฮ้ย! อย่างงี้ฉันก็เข้าไปนอนไม่ได้อ่ะดิ U__U เขาอาจจะออกมาก็ได้ (มั้ง)
ฉันไม่รอช้ารีบดึงเอกสารสีขาวที่อยู่ข้างในซองสีน้ำตาลอ่อนนั่นออกมา เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย!!!!!! นี่มัน...
ใบสมัครฝึกปฏิบัติในโครงการ Work&Study (ร้าน GOLDEN ICE-DRINK)
นี่เขาจะใจดีขนาดนี้เลยหรอเนี่ย แต่เอ๊ะ! อะไรนะเริ่มงานพรุ่งนี้ งั้นก็แสดงว่าต้องไปยื่นไปสมัครวันนี้อ่ะดิ =0= โฮกกกกกก! แสดงว่าฉันก็มีงานทำแล้ว >_< กริ๊ดกร้าด! ดีใจจุงเบย
ฉันรีบไปวางจานไว้ที่อ่างล้างจานในห้องครัว เดี๋ยวค่อยกลับมาล้างก็ได้มั้ง ฉันหยิบกระเป๋าเป้และกุญแจห้องที่วางอยู่แล้วจะไปสมัครงานที่ห้างนั่นอีกที อ่าว...อย่างงี้ฉันก็เสียค่าแท็กซี่เพิ่มอ่ะดิ ;____; ทำไมไม่ให้ตั้งแต่แรกฟร้า! นี่ต้องการให้ฉันเสียเงินเล่นใช่ไหมเนี่ย
หึ่ย! พรหมลิขิตก็สามารถสร้างให้เรามาเป็นคู่กัดกันได้จริงๆ ก็ได้นะJ
------------------------------------------------------------------------------------------
กรี้สสสสสสสสสสส! จบตอนที่สามแล้วง้าบ *ปาดน้ำตา*
ตอนแรกกะจะอัพให้วันเกิดเซนนะ(12.01.2014) แต่ก็ยังไม่ว่างเบย TT แต่เค้าก็พยายามหาเวลามาอัพให้จนได้ >3< ตอนนี้อาจจะดูงุงิหน่อย เพราะว่าแต่งไปแล้วรู้สึกว่าอีพลุ้ยกัดกับนางเอกแรงอยู่นะ555555555555555555555 และเหมือนไม่ใช่เกย์ด้วยแหละ XD แอบ
สปอยล์นิดนะว่าพลุ้ยปฏิเสธโครตเจ็บในเรื่องนี้
จะเซย์โนกับใครนั้นไม่รู้เหมือนกัน 555555 ติดตามกันเอาเองนะคะ
สุดท้ายก่อนขึ้นบทใหม่ต้องขอขอบคุณนักอ่านที่เม้นท์มากเลย อ่านเม้นท์แล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวย คึกอยากปั่นตอนใหม่ 55555
ยังไง.ก็ช่วยเม้นท์กันด้วยน้า จะได้รู้ว่าติดตามง่ะ J
.รักสุดๆในสามส่วนสี่โลก
ครั้งที่ 1 (15/ม.ค./57) ลงครั้งเเรก
ครั้งที่ 2 (15/มี.ค./57)
ความคิดเห็น