คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Dream Launch - lukun
Dream Launch (梦想发射计划)
“ ขอบคุณนะ ซวี่ซี ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันมาตลอด ขอบคุณจริงๆ “
มณฑลฝูเจี้ยน , ประเทศจีน
สายลมพัดพาใบไม้ให้พลิ้วไหว พัดพากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของธรรมชาติกระจายฟุ้งไปทั่ว สองขาเล็กก้าวขาสับไปมาอย่างรีบเร่ง แม้อากาศในยามนี้จะสดชื่นเพียงใด ก็ไม่ทำให้ร่างเล็ก ๆ รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด เช้าวันอาทิตย์ที่ทุกคนแสนจะโปรดปราน กลับกลายเป็นเช้าที่ทำให้ เฉียนคุน ต้องตื่นแต่รุ่งเช้าเพื่อมาหารุ่นน้องคนสนิทที่ดันมีเรียนในวันนี้วันที่เขาต้องการจะพักผ่อนมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าเขาเองก็เต็มใจที่จะนำของสิ่งนี้มาให้น่ะนะ
“ขี้ลืมจริง ๆ เลยนะ ซวี่ซี” เสียงเล็กติดจะแหบเสียหน่อย เอ่ยถามหลังจากรุ่นน้องคนสนิทอย่าง หวง ซวี่ซี ปรากฏตัวตรงหน้า
สองมือเล็กยื่นอุปกรณ์สำคัญของซวี่ซีให้กับเจ้าตัว ก่อนจะยกมือลูบหัวบุคคลตรงหน้าที่ส่วนสูงมากกว่ากันเกือบ10เซน เจ้าเด็กนี่น่ะ สูงจริง ๆ เลยนะ
“ฮื่อ ขอโทษนะครับที่ทำให้คุนต้องตื่นเช้า ไม่ค่อยได้นอนแท้ ๆ“ เจ้าลูกหมาตัวใหญ่ทำหน้าตาหงอย แต่กับใช้สายตาช้อนมองมาหารุ่นพี่ตัวเล็กอย่างออดอ้อน
“ไม่ได้ลำบากซะหน่อย ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนี้เลย” เฉียนคุนยกยิ้มให้กับซวี่ซี มือเล็ก ๆ ยกขึ้นลูบแก้มอีกคนอย่างเอ็นดู
“ก็ผมชอบทำให้คุนลำบากอยู่เรื่อยนี่หน่า” มือใหญ่ของคนที่กำลังพูดยกขึ้นมากอบกุมมือเล็กบนแก้ม นิ้วเรียวยาวเกลี่ยไปมาเบา ๆ บนหลังมือของอีกคน
“ไปเรียนได้แล้วครับ เดี๋ยวเย็นนี้ไปทานหม้อไฟกัน” เอ่ยบอกเจ้าเด็กตัวโตตรงหน้าพร้อมกับโบกมือไปมาเบา ๆ
18.25
“แบบนี้ก็ต้องเตรียมตัวขึ้นโชว์งานนี้โดยเฉพาะเลยใช่มั้ยครับ” เสียงพูดที่ฟังไม่ค่อยจะออกเท่าไหร่นักเพราะซวี่ซีที่ยังไม่ทันจะเคี้ยวอาหารที่ทานหมดอยู่ๆก็พูดออกมา เดี๋ยวก็ติดคอกันพอดี
“ทานให้หมดก่อนซวี่ซี คุนสอนกี่ไปหลายครั้งแล้วนะเรื่องนี้อ่ะ” ปากเล็กขยับบ่นงุ้งงิ้ง สองมือเล็กก็ยังคอยทำหน้าที่ตักอาหารให้เจ้าลูกหมาตรงไหนไม่ขาดช่วง
“คุนตอบคำถามผมก่อนๆ”
“ใช่ครับ คุนเขียนโน๊ตเพลงใหม่อยู่ ไว้ว่าง ๆ ซวี่ซีก็มาฟังคุนเล่นนะ”
เฉียนคุนมีความฝันที่อยากจะเป็นนักเปียโน ซวี่ซีรู้ดี เขาได้รู้จักกับเฉียนคุนเพราะอยู่ห้องพักฝั่งตรงข้ามกัน ซวี่ซีตอนที่ได้เจอเฉียนคุนครั้งแรก เขาจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่เขาเลิกกับแฟนคนแรก สภาพดูไม่ได้สักเท่าไหร่ เขาจำความรู้สึกนั้นได้ดี วันที่เหมือนโลกทั้งใบของเขาพังทลายลงอย่างรวดเร็ว ทางกลับห้องของเขามืดมิดไปหมด หัวใจดวงน้อย ๆของเขาเต้นช้าเกินไป เหมือนจะตายไปแล้วในตอนนั้น แต่อยู่ ๆ กับมีเสียงของเปียโนจากที่ไหนสักแห่งดังขึ้นมา บทเพลงที่ฟังดูมีความสุขอยู่ในนั้นทำให้หัวใจของเขาค่อย ๆ พองโตขึ้น เขารู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับเสียงที่ไพเราะนั่น จนรู้ตัวอีกที เจ้าของเสียงเพลงก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา
“เป็นอะไรรึป่าว? นายร้องไห้หรอ”
“ปะ—ป่าวครับ” ซวี่ซียกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะตอบออกไปด้วยเสียงที่ยังสั่นเครือ
“พึ่งเข้ามาใหม่ใช่มั้ย พี่ เฉียนคุน นะ ปีสุดท้ายแล้ว” คนตัวเล็กตรงหน้าของเขาเอ่ยออกมาเสียงใส ริมฝีปากยกยิ้มอย่างหน้าหลงใหล มันสดใสอย่างบอกไม่ถูก
“ผม หวง ซวี่ซี ครับ ปีหนึ่ง พึ่งย้ายมาอยู่ห้องนี้”
“ดีจัง พี่อยู่ห้องตรงข้ามซวี่ซีนะ” ยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว
“คะ—ครับ”
“ซวี่ซี ทานอะไรมารึยัง พี่ทำอาหารไว้เยอะเลยนะ มาทานด้วยกันมั้ย” เฉียนคุนเอ่ยชวนอย่างสดใส มือเล็ก ๆ คว้าแขนของเขาก่อนจะเขย่าเบา ๆ ท่าทางน่ารักแบบนั้น ใครจะกล้าปฏิเสธได้ลงกัน
“ยังไม่ได้ทานคะ—ครับ”
“ดีเลย ไปกัน ๆ “
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำให้ซวี่ซีก็ติดเฉียนคุนแจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็อยากที่จะตามไปด้วยในทุก ๆ ที่ หลายครั้งที่เพื่อนในกลุ่มของซวี่ซีต่างก็สงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ทุกครั้งก็มักจะได้คำตอบกลับมาแบบเดิม ๆ ว่าทั้งคู่เป็นเพียงพี่น้องที่ดีต่อกันเท่านั้น
จนตอนนี้ซวี่ซีที่กำลังศึกษาอยู่ในรั้วมหาลัยปีสุดท้ายก็ยังคงติดต่อกับเฉียนคุนอยู่เป็นประจำ จริง ๆ แล้ว เฉียนคุนเช่าคอนโดอยู่ใกล้ ๆ เพราะร้านเปียโนที่เจ้าตัวกำลังทำงานเป็นครูสอนเด็ก ๆ มันอยู่แถวมหาลัยพอดี ก็เลยทำให้ทั้งคู่ได้เจอกันในทุก ๆ วัน
จนซวี่ซีมั่นใจ
มั่นใจในเสียงของหัวใจตัวเอง
ว่าเขาน่ะ รักเฉียนคุน รักในแบบของคนรัก เขามั่นใจ...
แสงแดดเริ่มถดถอยหายกลืนไปกับเมฆฝนก้อนใหญ่ ร่างสูงของซวี่ซีกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะ ดวงตาคมพวงมากับใต้ตาที่คล้ำมากเสียหน่อย ค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ ลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แผ่นหลังกว้างแนบไปกับพนักพิง เขากำลังรอคน ๆ นึง คนที่ทำให้เขาลืมเรื่องแย่ ๆ ทำให้เขามีความสุข มีความสุขมาเสียจนไม่อยากจะคิดถึงวันที่ต้องเสียมันไป
ครืน ครืน
เครื่องมือสื่อสารของเขากำลังสั่น มือหนาล้วงเข้าไปหยิบสิ่งนั้นก่อนจะกดรับสายในทันทีหลังจากหยิบมันออกมา
“ถึงแล้วใช่มั้ยครับ”
“ซวี่ซี.. คุนไปไม่ได้แล้ว” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของสายเรียกเข้าของเขา ปลายสายคือเพื่อนสนิทของเฉียนคุน
“คุนไปไหนครับ” เอ่ยออกไปในสิ่งที่กำลังสงสัย เฉียนคุนไม่ค่อยให้ใครยุ่งกับโทรศัพท์ของตนเท่าไหร่นัก ตอนให้อ้อนวอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ยุ่งมันเลยสักครั้ง
“คือ—คือว่า”
“ครับ?” เสียงของหย่งชินขาดช่วงไปยิ่งทำให้ใจของเขากระวนกระวาย
“ฮึก—ฮืออ คุน คุน—” คงไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดหรอกนะ
“…”
“ซวี่ซี ฮือ ฮึกก— คุนโดนรถชน ฮึก—ชน แรงมาก”
โลกใบนี้ไม่ได้สวยงามดั่งใจหวัง มันเป็นแบบนั้น
หยาดฝนกำลังกระหน่ำลงมาเคียงคู่กับเสียงของฝีเท้าหนาที่กำลังเหยียบย่ำลงบนพื้นที่เปียกแฉะ สองเท้าสับไปมาอย่างรวดเร็ว ร่างทั้งร่างเปียกโชก แต่ก็ไม่มีอะไรหยุดซวี่ซีในตอนนี้ได้ เขารู้เพียงแค่เขาต้องไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ไม่ว่าตอนนี้เม็ดฝนจะตกลงมาหนักแค่ไหนก็ตาม
ขออย่าให้คนที่เขารักเป็นอะไร ขอให้ปลอดภัย
และเป็นอีกครั้งที่โลกนี้เล่นตลกกับเขา
แม้ตอนนี้อาการของเฉียนคุนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่สภาพจิตใจคนตรงหน้าเขาในตอนนี้กลับทำให้ซวี่ซีเจ็บปวด เขาไม่ชอบเลย ไม่ชอบที่ใบหน้านั้นมันเต็มไปด้วยความผิดหวัง ความเสียใจ
เขาอยากทำอะไรสักอย่าง ทำให้เฉียนคุนของเขากลับมาเป็นคน ๆ เดิม
“เอาแบบนั้นหรอ”
“ครับ มันอาจจะทำให้คุนรู้สึกดีขึ้นบ้าง” ซวี่ซีตอบกลับหย่งชินด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“เกอจะหาคนสอนให้นะ ถ้ามันได้ผลก็คงดี”
“คุนคงเสียใจที่กลับมาเล่นมันไม่ได้อีก เขาน่ะชอบมันมากเลยนะครับ พอวันที่ออกจากโรงพยาบาล คุนก็ขอให้ผมตรงไปร้านเพื่อไปเล่นมัน แต่เพราะตอนนั้นยังต้องใส่เฝือกอยู่ก็เลยได้แต่ดู สายตาคุนวันนั้น เขาน่ะโหยหายมันมาก ๆ ” เขาเอ่ยเล่าด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ มือทั้งสองข้างประสานกันเป็นหนึ่ง นิ้วโป้งเกลี่ยกันไปแสดงถึงความกังวลในตอนนี้
หลังจากวันที่เขาได้รับข่าวร้ายของเฉียนคุน เขาได้แต่ภาวนาให้อีกคนไม่เป็นอะไร ซึ่งก็ดูเหมือนพระเจ้าจะรับฟังเขา แต่หลังจากนั้นราว ๆ 2 เดือน ซวี่ซีก็พบเรื่องที่ทำให้เขาเจ็บปวดใจอีกครั้ง เพราะรุ่นพี่หน้าหวานของเขาต้องการจะหายไปจากโลกใบนี้ หายไปไกลแสนไกล
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้มือเล็ก ๆ ของเฉียนคุนไม่สามารถกลับมาใช้การได้อย่างปกติ มันเลยทำให้ความฝันที่เฉียนคุนหวังเอาไว้พังลงมาอย่างรวดเร็ว โน๊ตเพลงใหม่ที่ยังคงแต่ค้างไว้ยิ่งตอกย้ำให้ร่างเล็กไม่สามารถทำมันได้อีกแล้ว เขาสิ้นหวัง หมดกำลังที่จะกลับไปแต่งต่อให้จบ ต่อให้เพลง ๆ นี้มีโน้ตที่ไพเราะขนาดไหน หากคนเล่นไม่ใช้ตัวเขาก็คงไม่มีใครเล่นมันได้อีก
เสียงของเปียโนคือจักรวาลของเฉียนคุน
เขาเล่นมันเพื่อลืมเรื่องแย่ ๆ ในวัยเด็ก
เขาฝึกฝนตัวเองเพื่อไปแข่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
แต่ตอนนี้เขาเล่นมันไม่ได้อีกแล้ว...
“ซวี่ซีพาคุนมาที่นี่ทำไม?” คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่เขาบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีก ทั้ง ๆ ที่เจ้าเด็กยักษ์เองก็สัญญากับเขาไว้แล้ว
สัญญาว่า ถ้าซวี่ซีไม่ต้องการให้เขาหายไป ก็อย่าให้เขาได้เจอกับอะไรที่เกี่ยวกับเปียโนอีก
“เข้าไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะบอกว่ามาทำไม” แม้จะมีแต่คำถามในหัว แต่สองขาเล็กก็เลือกที่จะเดิมตามไปอย่างว่าง่าย
เขาก็แค่คิดถึงมัน อยากจะสัมผัสมันอีก
แต่เขาเล่นมันไม่ได้
“นั่งสิครับ” ซวี่ซีจูงมือเล็กของเฉียนคุนมาหยุดอยู่ที่เปียโนที่ถูกตั้งอยู่บนเวที
“ไม่—คุนเล่นมันไม่ได้” เอ่ยกลับไปพร้อมกับน้ำตาที่กำลังไหลอย่างช้า ๆ
“นั่งเป็นเพื่อนผมนะครับ”
ซวี่ซีเดินมากดไหล่เล็ก ๆ ให้นั่งลงประจำที่ ก่อนที่สองขายาวจะก้าวข้ามไปนั่งลงตรงที่ด้านข้าง มือใหญ่ ๆ ของเขาเลื่อนไปประคองใบหน้าของเฉียนคุนที่มีแต่ความสงสัยและเสียใจ นิ้วเรียวปาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนออก ปากหยักกดจูบลงที่อวัยวะเดียวกันเบา ๆ ก่อนจะผละออก
“ผมตั้งใจเรียนเพื่อที่จะมาเล่นให้คุนฟังเลยนะครับ” หันไปฉีกยิ้มอย่าสดใสให้คนข้าง ๆ ก่อนที่จะเริ่มบรรเลงบทเพลงที่เขาตั้งใจแต่งมันขึ้นมา
เฉียนคุนกำลังจมดิ่งไปกับเสียงเปียโนที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาไม่รู้ว่าคนข้างกายของเขาไปเรียนมันมาจากไหน แต่เสียงเปียโนที่กำลังเล่นอยู่มันทำให้เขารู้สึกตื้นตัน และมีความสุข มีความสุขเหมือนตอนที่เขาได้เล่นมันเอง
“ผมหวังว่าเพลงนี้จะทำให้คุนมีความสุข ผมไม่ชอบเลย เวลาที่คุนร้องไห้ตอนที่เห็นคนอื่นกำลังเล่นเจ้านี่”
“ขอบคุณนะ ซวี่ซี ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันมาตลอด ขอบคุณจริงๆ“
“ชอบมั้ยครับ ผมตั้งใจมากเลยนะ”
“ชอบสิ ชอบมากเลย” ตั้งแต่วันนั้น เฉียนคุนรู้สึกว่าวันนี้คือวันที่เขายิ้มกว้างที่สุด
“ดีจัง คุนรู้มั้ยครับว่าเพลงนี้ชื่อว่าอะไร”
“…” หน้าหวานของเฉียนคุนส่ายไปมาช้า ๆ
“ผมชอบคุน”
จ บ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
ความคิดเห็น