ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    First Love รักนี้ฉันยอม

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 เธอคือคนนั้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63
      0
      9 มิ.ย. 57

    ตอนที่ 5 เธอคือคนนั้น

     

    "เอาอาหารมาเสิร์ฟหรอ วางสิ" ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างผมพูดกับพิศ ผมเห็นมันหน้าเสียไปเหมือนกัน

     

    "ป่าว เขามากับพี่น่ะ" ผมรีบแก้ให้ แต่ก็เหมือนยังไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น

     

    "มากับพี่เฟิร์สหรอ ใครอ่ะค่ะ เนยไม่เห็นรู้จัก" เนยคือผู้หญิงที่ผมเคยคุยด้วยอยู่พักหนึ่ง ตอนพักกลับบ้านช่วงเกณฑ์ทหาร ผ่านไปหลายเดือน ผมก็คิดว่าคงจะลืมกันไปแล้ว เพราะถ้าไม่แทนชื่อตัวเองตอนคุย ผมก็คงจำเธอไม่ได้

     

    "งั้นนั่งคุยกันไปนะ กูไปเดินซื้อของรอล่ะกัน ได้ไม่กวนมึงกับน้องเขา" พิศหันมาพูดกับผมเบาๆ ไม่ให้น้องเขาได้ยิน ก่อนจะวางอาหารลง ซึ่งนอกจากเยลลี่ถ้วยเล็กๆ ของมัน นอกนั้นที่มันหอบมามีแต่ของชอบของผมทั้งนั้น

     

    "....เดี่ยวพิศ" ผมจับมือมันเอาไว้ ซึ่งคงทำให้เนยไม่พอใจ แต่คนที่ผมควรจะแคร์คือเพื่อนผม ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้

     

    "เนย นี่แฟนพี่เอง ชื่อพิศ เนยลุกไปก่อนเหอะ พี่พาแฟนมากินข้าวน่ะ เนยนั่งที่พี่เขาอยู่" ผมหันไปอธิบายนิ่งๆ ให้เนยฟัง ซึ่งผู้หญิงทั้งสองคนข้างตัวผม ทั้งคู่กำลังทำหน้าแปลกใจ อีกคนกำลังจะปฏิเสธและอธิบาย ส่วนอีกคน...

     

    "แฟน? ทำไมพี่มีแฟนล่ะค่ะ แล้วไปมีได้..."

     

    "เนย เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ ลุกไปก่อนเถอะ" ผมพูดย้ำอีกครั้ง รวมถึงสถานะระหว่างผมกับเนย ซึ่งมันไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีความรักอะไรทั้งนั้น คราวนี้เนยยอมลุกไป แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม

     

    "สงสารน้องเขาว่ะ" พิศพูดอย่างรู้สึกผิด

     

    "แล้วจะทำไง ให้ปล่อยมึงไป?" ผมถามแล้วตักอาหารเข้าปาก จะว่าไม่สนใจก็ไม่เชิง

     

    "ก็ปรกติมึงก็ทำยังงั้นนิ กูชินแล้ว" มันพูดเอาช้อนจิ้มๆ เยลลี่ของมัน

     

    "กูทำจริงดิ ไม่มั้ง" ผมทำหน้าไม่เชื่อมัน

     

    "อย่าให้กูต้องร่ายให้ฟัง กูไม่รอมึงไล่หรอก กูไปเองดีกว่า" มันพูดตัดเพ้อ เอาช้อนจิ้มจนเยลลี่เละหมดแล้วนั้น

     

    "โอ๋ๆ น้อยใจหรอ ขอโทษนะๆ มากูแบ่งสลัดให้กินก็ได้ มาม่ะ อ่ำๆ" ผมกระเถิบไปนั่งใกล้มันอีกนิด เรานั่งโซฟาที่เป็นมุมโค้งพอดี เลยเหมือนผมไปนั่งอยู่ข้างมัน

     

    "กูตักมาเองเหอะ ไอ้สลัด" มันหันมาทำเสียงสะบัดแต่ก็ยอมงับช้อนที่ผมตักไปป้อน

     

    "ขำว่ะ มึงด่ากูซะน่ารักเชียว กูจะเจ็บดีไหมเนี่ย" ผมมองมันเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างน่าหมั่นไส้ เหมือนกับว่ามันโมโหผมแต่ไปลงกับอาหารในปาก

     

    "พูดมาก ไปตักเองเลย อันนี้กูจะแดกเอง" มันทำท่าจะแย่งจานสลัดคืน แต่ผมยื้อไว้ทัน

     

    "ไม่เอาดิ ของมึงอันนั้น กินขนมหวานไปดิ พริตตี้" ผมหันไปทำเสียงออดอ้อน

     

    "บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้ไง" มันยอมปล่อยจานแต่ผลักแขนผมแทน

     

    "ทำไมอ่ะ พริตตี้กินเยลลี่ เห็นป่ะ เหมาะกันดีออก" ผมเอามือไปจิ้มๆ แก้มมัน ดูดิ เด้งดึ้งๆ เหมือนกันเชียว

     

    "ก็ได้ ต่อไปนี้มึงเรียกชื่อนี้ กูจะถือว่ามึงชมกู...น่ารัก" มันหันมาพูดด้วยความมั่นใจ วันอื่นผมคงอยากอ้วก แต่เห็นมันแบบนี้แล้ว...

     

    "ก็วันนี้มึงน่ารักจริงๆ นิ" ผมพูดจ้องหน้ามันนิ่งๆ

     

    "หา?" ไอ้พิศรีบทำหน้าเหรอหรา ก่อนที่แก้มจะขึ้นสีเหมือนเยลลี่ในถ้วย

     

    "มึง...ชมกูน่ารักหรอ" มันรีบเอามือมาปิดแก้มตัวเองทำเหมือนไม่เชื่อที่ผมพูด

     

    "เขินว่ะ ไอ้สลัด" มันยิ้มจนแก้มปริ เอามือมาตีแขนผม แล้วบิดไปบิดมา ท่าทางมันแสดงออกจนผมอดจะรู้สึกจักจี้ไปกะมันไม่ได้...ขนลุกว่ะ

     

    "เชี่ย มึงเขินซะกูเขินตามเลย พอๆ เว่อร์ชิบหาย สเต็กมาละ แดกๆ" ผมรีบผลักหัวมันก่อนจะเขินกันจนไม่เป็นอันกินข้าว

     

    แต่ดูแล้วมันก็น่ารักจริงๆ แหะ เงยหน้ามามองผม พอผมมองตอบ มันก็รีบหลบ แล้วยิ้มเหมือนคนบ้า มันทำแบบนี้ซ้ำมาซ้ำไปเรื่อยๆ วันนี้พิศมันเป็นอะไรของมันว่ะเนี่ย แต่พอมองแล้วเริ่มจะอดอมยิ้มตามไม่ได้ ท่าทางจะเป็นเอามาก ชมนิดชมหน่อย...ไอ้สลัดผักเอ้ย



     

     

    "เฟิร์สมึงอยากกินอะไรไหม" พิศหันมาถามผมระหว่างที่เดินเลือกซื้อของสดในซุปเปอร์

     

    "ไม่เป็นไรว่ะ พอแล้วก็ได้มั้ง เริ่มเยอะ" ก็ดูของในรถเข็นตรงหน้านี่แทบจะล้นออกมาแล้ว

     

    "เยอะตรงไหน มึงแดกเยอะหยั่งกับอะไรดี กูว่าซื้อคอนเฟลคกับนมไปเผื่อไว้ดีกว่า เผื่อกูไม่อยู่แล้วมึงหิว" มันพูดแล้วเดินเขินรถเข็นนำไป

     

    "ผ่านพอดี เกือบลืม กูเห็นในห้องน้ำยังไม่มีของใช้มึงเลย" อยู่ๆ มันหยุดที่แผนกพวกสบู่ ยาสีฟัน

     

    "กูใช้กับมึงก็ได้"

     

    "บางอย่างก็ต้องแยกป่ะวะ นี่ไงโฟมล้างหน้า เอาอันไหนดีนะ.... ไวท์เทนนิ่งดีกว่า ช่วงนี้ผิวมึงคล้ำว่ะ" มันคิดให้เสร็จสับแล้วหันไปตั้งหน้าตั้งแต่เลือกโฟมล้างหน้าให้ผม จริงๆ มันก็เป็นเรื่องดีนะที่มีคนคอนเทคแคร์เราดีแบบนี้

     

    ...ผมขาดมันไป จะอยู่ยังไงว่ะ

     

    "แกดูสิ ผู้ชายคนนั้นมาซื้อของกับแฟนโครตน่ารักอ่ะ" เสียงผู้หญิงสองคนซุบซิบกันเบาๆ จากอีกฝั่ง

     

    "เออดิ ช่วยกันเลือกของใช้ด้วยอ่ะ เหมือนเพิ่งแต่งงานกันเลยเนอะ น่าอิจฉาจัง" อีกคนตอบรับด้วยน้ำเสียงตื้นเต้นกับเพื่อน แปลกเหมือนกันทำไมผมไม่รำคาญ แต่กับรู้สึกดีด้วยซ้ำแหะ

     

    "ไหน เลือกอันไหนให้กู ดูหน่อย" ผมก้มหน้าเอาคางไปเกยไหล่มัน ขณะที่มันตั้งอกตั้งใจเลือกโฟมล้างหน้าให้ผม

     

    "ก็ อันนี้..." มันหันมาตอบ แต่พอหันมา กลับชะงักไป

     

    "...มีอะไร" ผมสบตามัน แต่มันกลับยืนนิ่งทำตาปริบๆ ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตา เบี่ยงตัวออก

     

    "ปะ...เปล่า จะบอกว่าเสร็จแล้ว ไปคิดเงินเหอะ" มันหยิบโฟมล้างหน้าโยนลงไปในรถเข็นแล้วรีบเดินนำไป

     

    อย่าบอกนะมึงเขินเนี่ยท่าทางแบบนี้ อะไรว่ะ เดี๋ยวนี้โดนนิดโดนหน่อยไม่ค่อยจะได้ เห็นแล้วหมั้นเขี้ยว ผมรีบเดินตามแล้วเอามือโอบไหล่มันเอาไว้

     

    "ทำอะไรเนี่ย" มันรีบหันมาโวยวาย

     

    "กูเมื่อยแขน วางหน่อยไม่ได้หรือไง" ผมเลิ่กคิ้วตอบส่งๆ ยืนข้างมันแบบนี้ ทำให้ผมเห็นว่ามันสูงประมาณหูผมเอง เอวบางร่างน้อย ไหล่เล็กๆ ขนาดแบบนี้ มันกำลังพอดีที่จะ....

     

    "ไหล่กูใช่ที่วางไหมเนี่ย หนัก เอาออกไป" มันรีบดิ้นออก นั้นพอจะเรียกสติให้ผมกับมาอยู่กับมัน

     

    "อยู่เฉยๆ" ผมกระชับอ้อมแขนตัวเองขึ้นเล็กน้อยให้มันเข้าใกล้ขึ้น มันทำท่าจะโวยวายแต่ก็ยอมเดินไปแต่โดยดี

     

    ลองผมพูดนิ่งๆ รายนี้ไม่กล้าขัดใจผมหรอก มันบ่นนิดหน่อย ตามประสา แต่ก็ยอมเดินให้ผมโอบแบบนี้พร้อมกับเข็นรถเข็นไปคิดเงินด้วยกัน

     

    ปรกติผมไม่ชอบ และไม่เคยมาเดินซื้อของอะไรแบบเลยนะ แต่เวลามากับไอ้พิศ ผมกับไม่รู้สึกอึดอัด และไม่รู้สึกอายที่เดินกับมัน อาจจะเพราะมันเป็นคนที่คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอแหละมั้ง เพื่อนๆ ทุกคนถึงรักมัน

     

    วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่ามันจะผ่านร้านเสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกาอะไร มันจะเข้าไปเลือกซื้อ จับผมทาบ จับผมลอง ส่วนของตัวเอง มันบอกไว้มันมาเดินซื้อคนเดียว สบายใจกว่า

     

    "เฟิร์ส มึงเมื่อยยัง กูว่าจะไปเดินซื้อสมุด ปากกาอะไรหน่อยอ่ะ กูช่วยถือไหม" มันหันมาถามผมที่เดินถือข้างของพะรุงพะรัง

     

    "ไม่ต้อง ขืนให้มึงถือ มีหวังคนอื่นมองกูไม่เป็นสุภาพบุรุษกันพอดี" จริงๆ มันจะแย่งไปช่วยถือแหละ แต่ดูตัวมันดิเล็กขนาดนี้ ถือหมดนี่ไหล่ทรุดพอดี

     

    "เออๆ ที่แท้ก็ห่วงภาพพจน์จะไม่ดี" มันทำหน้าชิชะ สล้วสะบัดตูดเดินไปร้านเครื่องเขียน

     

    พอเห็นมันเลือกหยิบแฟ้ม สมุดจดน่ารักๆ กับบรรดาปากกาหลากสีของมัน ผมก็อดนึกถึงเหตุการณ์สมัยเด็กไม่ได้ เหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องยอมรับมันว่าเป็นเพื่อนที่ดี เพื่อนที่ผมควรจะต้องรักษา และปกป้องไว้อย่างดีที่สุด

     

    "มาสายอีกแล้ว อย่าลืมเอารายงานอาจารย์พจน์ ไปส่งไว้หน้าห้องพักครูนะ ชอบเล่นบาสเพลิน" พิศในเวอชั่นหนุ่มน้อยผอมกระหร่องหันมาเตือนผมด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    "รายงานอะไรว่ะ"

     

    "ก็ที่ให้รายงานที่เป็นคะแนนเก็บตั้ง 20 คะแนนแนะ กำหนดส่งถึงแค่ตอนพัก"

     

    "โอ้ย กูลืมได้ไงว่ะเนี่ย"

     

    "ลืมเนี่ยนะ ตั้ง 20 คะแนนแนะ ทำไงดีอ่ะ" มันเริ่มทำหน้าตกใจ

     

    "กูก็ไม่รู้เว้ย ช่างแม่ง" ผมตอบปัดไปอย่างอารมณ์เสีย พิศเองก็ดูจ๋อยไปทันที มันคงคิดว่าผมหงุดหงิดที่มันซักไซร้ แต่ป่าวเลยผมโมโหตัวเองที่ดันลืมงานชิ้นสำคัญแบบนี้ต่างหาก

     

    บางทีผมก็สงสัยว่าทำไมตัวเองต้องตามใจพ่อ ยอมเรียนพิเศษสรรพัดวิชา เรียนจนผมเริ่มจะมึนไปหมดแล้ว เพราะเวลากลับบ้านทีไรการบ้านมันเต็มไปหมด ยิ่งช่วงที่ผ่านมา ผมแทบน็อคจริงๆ

     

    "อาจารย์ครับ คือ..." เมื่อถึงเวลาพัก ผมรีบวิ่งไปห้องพักครู คงต้องสารภาพความจริง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร

     

    "อ้าว เป็นเอก ครูกำลังจะชมพอดี หัวข้อรายงานที่ทำมาน่าสนใจมากเลยนะ"

     

    "ครับ?" ผมรับคำอาจารย์อย่างงงๆ

     

    "ก็เธอเลือกหัวข้อดี คอนเทนส์ด้านในก็น่าสนใจ ครูจะเลือกของเธอไปวางไว้ให้รุ่นน้องดูในซุ้มกิจกรรมอาทิตย์หน้าด้วยนะ"

     

    "ผมขอดูหน่อยได้ไหมครับ" ผมเดินเข้าไปขอดูเล่มรายงานที่อาจารย์เอ่ยปากชม

     

    "อือ เอาสิ"

     

    "ตอนแรกครูกะจะให้ 20 เต็มนะ แต่เสียดายมักง่ายไปหน่อย เล่นเขียนชื่อผิดละเอาลิกขวิดลบ เขียนปากกาทับแบบนี้ เอาไป 19 พอ" อาจารย์พจน์ตำหนิผมเล็กๆ ก่อนจะก้มลงไปทำงานต่อ ผมไม่ได้ใส่ใจคำพูดของอาจารย์ เพราะในหัวมีแต่หน้าใครคนนึง ผมจับสมุดรายงานแน่นจนมือผมสั่น ก็รายงานตรงหน้า...

     

    "แล้วฝากบอกพิชชากรด้วยนะ ว่าไม่ต้องเอางานมาส่งแล้วเลยกำหนดแล้วครูไม่รับ แล้วเธอมีเรื่องอะไรจะพูดล่ะ"

     

    ใช่ ต้องใช่ของมันแน่ๆ ผมก็ว่าอยู่ พอพักแล้วมันวิ่งหายไปไหน

     

    "ผมขอตัวก่อนนะครับ..." ผมวางรายงานคืนอาจารย์และรีบวิ่งออกมาตามหามัน พิศมันต้องอยู่กับน้ำเงินแน่ๆ ผมรีบวิ่งไปห้องชมรมเสียงตามสายที่มันชอบไปนั่งระหว่างพัก

     

    "มึงทำแบบนี้ทำไม" ผมกระชากมันทันทีที่เจอ

     

    "เฟิร์สใจเย็นๆ" น้ำเงินรีบห้ามผม มันเป็นหัวหน้าห้อง คงไม่อยากให้ผมต้องมีเรื่องกับใคร แถมตรงนี้ยังมีรุ่นน้องหลายคน แต่ครั้งนี้มันเกินไปจริงๆ ผมผลักน้ำเงินออก และกระชากมันออกมาจากห้อง ตรงไปที่ห้องน้ำใต้ตึกที่น่าจะเงียบที่สุด

     

    "มึงเอารายงานตัวเองเขียนชื่อกูลงไปทำไม" ผมตวาดใส่มัน เมื่อลับตาคน

     

    "ก็..." ไอ้พิศมันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ตาเริ่มแดง จนในที่สุดมันก็ไหลออกมา

     

    "มึงอย่ามาทำตัวอ่อนแอ มาร้องไห้ กูรำคาญ" ผมผลักมันอย่างเหลืออด นั้นทำให้มันร้องหนักกว่าเดิม

     

    น้ำเงินที่วิ่งตามมารีบจะห้าม

     

    "ไอ้เงินมึงอย่าเพิ่งพูดอะไร กูจะฟังมัน" ผมหันไปบอกเงิน มัวแต่โอ๋กันแบบนี้มันเลยไม่โตสักที

     

    "ว่าไง ตอบกูมา" ผมหันไปถามมันอีกครั้ง

     

    "ฮึก....ก็...เราแค่กลัวเฟิร์สไม่งานส่ง งานนี้ตั้ง 20 คะแนน" มันพูดสะอึกสะอื้น

     

    "ไม่มีงานนี้ เท่ากันเฟิร์สแทบหมดโอกาสได้เกรด 4 แล้ว...พ่อเฟิร์ส ก็โกรธเฟิร์สนะสิ" มันเอามือปาดน้ำตาบนหน้าที่ยังไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด

     

    "แค่นี้เนี่ยนะ โธ่เว้ย" ผมเอามือกุมหัวตัวเอง ไอ้นี่แม่งโตรตบ้า คะแนนเก็บตั้งเยอะขนาดนั้น

     

    "แล้วมึงรู้เรื่องพ่อกูได้ไง" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

     

    "กูบอกมันเอง" น้ำเงินพูดขึ้น

     

    "มึงนี่นะ แม่ง" ผมผลักหัวพิศมันเบาๆ

     

    "หยุดร้องซะที มึงจะร้องอะไรกันนักกันหนา" ก่อนจะเอ็ดมัน แต่ไม่ได้ขึ้นเสียงแบบเมื่อตะกี้

     

    "ก็มึงน่ากลัว" มันตอบเสียงค่อย

     

    "ถ้ามึงกลัว มึงก็อย่าทำแบบนี้อีก" ผมพูดขู่ มันหน้าจ๋อยไป แต่กลับ...ส่ายหน้า

     

    ดูมันพูดขนาดนี้ยังจะดื้อด้าน

     

    "อยากทำให้กูมากใช่ไหม งั้นถ้ามึงอยากทำ ต่อไปนี้ พักเที่ยงมึงไปนั่งลอกสมุดเลขให้กู ที่ข้างสนามบาสแทน เข้าใจไหม" ผมพยายามหาทางออก ผมไม่อยากให้มันมาเดือดร้อนเพราะผมอีก

     

    "เรานั่งลอกในโรงอาหารก็ได้ เดี๋ยวคนอื่น.." มันพูดเสียงสั่นแต่น้ำตาเริ่มหยุดแล้ว

     

    "กูบอกว่า ข้างสนาม" ผมพูดตัดบทแล้วลากมันไปล้างหน้า ผมรุ้มันจะพูดว่ากลัวคนอื่นล้อผมมีเพื่อนเป็นตุ๊ด แต่เพื่อนผม ยังไงก็คือเพื่อน อีกอย่างมานั่งในสายตาผม จะได้ไม่มีใครกลิาแกล้งมันด้วย

     

    "มึงนี่แม่งขี้แยจริงๆ" ผมพูดแล้วขยี้หัวมันที่กำลังวักน้ำล้างหน้า โดยมีไอ้เงินลอบยิ้มมาจากในกระจก ก่อนจะเดินมาตบไหล่ผมแล้วกลับห้องชมรมไป

     

    "ไปเหอะ ซื้อหนมกินกัน"พอน้ำเงินไป ผมก็เอื้อมมือไปจะดึงพิศที่เช็ดหน้าอยู่ แต่ผมกลับรู้สึกถึงมือนิ่มๆ สัมผัสลงบนแขนของตัวเอง

     

    "เฟิร์ส!" เสียงเรียก และมือที่เอื้อมมาดึงผมจากด้านหลัง เหมือนกระชากผมกลับมาจากอดีต

     

    "นี่ ยืนเหม่ออะไร ไปคิดเงินได้แล้ว กูซื้อเผื่อมึงด้วย จะได้ไม่ต้องมายืมของกู" ใบหน้าสวยๆ พูดเจื้อยแจ้ว พลางอวดของในมือ

     

    มันคนนี้ กับมันในวันนั้นก็ยังเหมือนเดิม คอยทำเพื่อผมเสมอ

     

    "เดี๋ยวกูก็ทำหายยืมของมึงอยู่ดี" ผมพูดยิ้มๆ กับนิสัยมักง่ายของตัวเอง เพราะตั้งแต่รู้จักมันผมเปลี่ยนไปเยอะเลย...ในทางที่ไม่ดี

     

    "กูรู้ กูเลยซื้อมาสำรองเต็มเลย" มันเงยหน้าขึ้นมาตอบ

     

    "รู้ดีนักนะ" ผมขยี้หัวมันเหมือนที่ทำในวันนั้นและกอดคอมันแน่นๆ ก่อนเดินไปจ่ายเงิน ไม่สนใจมันที่ดิ้นดุกดิกๆ ในอ้อมแขน พร้อมก่นด่าผมไปด้วย

     

    ผมชอบแกล้งมันแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะมันตัวเล็ก แล้วอีกอย่างผมรู้สึกว่าโอบมันไว้แบบนี้แล้วมันจะหนีผมไปไหนไม่ได้ ผมรู้สึกว่าในเรื่องร้ายๆ ตัวเองโครตโชคดีเลย ที่ไนชีวิตนี้ได้รู้จักมัน เป็นเพื่อนกันมัน ฉะนั้นผมจะไม่ปล่อยมันไปไหนแน่นอน

     

     

    ผมกลับหอกับมันด้วยข้าวของพะรุงพะรัง พอเข้าห้องผมก็นอนแผ่กับเตียง ปล่อยให้พิศมันจัดของไป ส่วนผมหยิบมือถือขึ้นมาดู...ใครทักแชทผมมาเต็มเลยว่ะ ผมไล่มองผ่านๆ ก่อนจะไปสะดุดอยู่ที่ชื่อนึง...จิลล์

     

    'คืนนี้ว่างไหมสุดหล่อ สนใจก็ตามมานะ'

     

    จิลล์ทิ้งข้อความไว้พร้อมกับแชร์โลเกชั่นไนท์คลับที่เธอไป

     

    ผมกับจิลล์ เราสองคนจะเป็นอะไรกันดีล่ะ มากกว่าเพื่อน...แต่ไม่ใช่แฟน?

     

    เธอเป็นลูกครึ่งยุโรป ความสวยเรียกได้ว่าไปเป็นดาราได้สบาย เรารู้จักกันมานาน ในฐานะที่เธอเป็นลูกสาวเพื่อนแม่ผม เราต่างใช้กันและกันหลอกผู้ใหญ่ว่าคบกัน...จะว่าหลอกก็ไม่เชิง เราคบกันจริงๆ มีสัมพันธ์กัน แต่แค่เพียงร่างกาย ไม่ใช่หัวใจ

     

    บรรดาผู้หญิงที่ผมคุย ดูจิลล์จะเป็นคนที่ผมว่าคุยรู้เรื่องสุด หรือเรามีจุดประสงค์ตรงกันก็ไม่รู้...เหงา พร้อมสนุก ไม่ผูกมัด...บางทีผมก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในตัวจิลล์ เราคบกับไม่ได้ อาจเป็นเพราะเราเหมือนกันเกินไป จิลล์เองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่หากต้องไปเจอผู้ใหญ่ก็เป็นอันรู้กัน แสดงละคร เพื่ออิสระของเราทั้งคู่

     

    "พิศ คืนนี้กูไม่กลับนะ" ผมเด้งตัวลุกจากเตียง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

     

    "ไปไหนว่ะ" พิศชะโงกหน้ามาถามผม

     

    "คงค้างกับจิลล์อ่ะ" ผมตอบไปตามตรง กับมัน ผมไม่ต้องปิดบังอะไร มันพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเก็บของต่อ

     

    ผมเดินออกมาจากห้องขึ้นรถแล้วขับออกไปสู่ถนนยามราตรี ถ้าหากผมมองขึ้นไปที่ระเบียงห้องสักนิด คงจะเห็นว่ามีใครบ้างคนยืนมองผมอยู่...จากตรงนั้น

     

    ...เธอคนนั้น

                  .................................................................................................................................................


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×