เที่ยวเมืองนรก - นิยาย เที่ยวเมืองนรก : Dek-D.com - Writer
×

    เที่ยวเมืองนรก

    หนังสือเที่ยวเมืองนรกเล่มนี้ จัดพิมพ์โดยสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งเมือไถ่ตง ไต้หวัน ประเทศจีน

    ผู้เข้าชมรวม

    4,673

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    33

    ผู้เข้าชมรวม


    4.67K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    8
    จำนวนตอน :  63 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.พ. 51 / 12:43 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บ า ป ก ร ร ม
    เที่ยวเมืองนรก
    ความเป็นมา

    ผมได้รับหนังสือเที่ยวเมืองนรกฉบับภาษาจีน เมื่อปี พ.ศ. 2524 จากคุณมนทิรา ติยะวัชราพงษ์ รู้สึกซาบซึ้งในเนื้อหาสาระ น่าที่จะได้เผยแพร่แปลเป็นภาษาไทย ก็ได้ปรารภกับคุณมนทิราอีกครั้ง ทราบว่าได้ให้คนแปลแล้ว และได้ให้เพื่อนๆ อ่านดู ปรากฏว่าไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะสำนวนและศัพท์บางคำหาคำไทยไม่ได้ข้าพเจ้าจึงขันอาสาว่าจะลองแปลดู และขัดเกลาสำนวนให้เป็นไทยๆ อาจจะติดศัพท์ที่เป็นชื่อเทพเจ้า ที่ผู้แปลไม่ทราบจริงว่าจะเทียบเคียงกันอย่างไร
    หนังสือเที่ยวเมืองนรกเล่มนี้ ได้พิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2525 ด้วยจำนวนเพียง 1,500 เล่ม ปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบของท่านผู้อ่านมาก จึงได้ทำการพิมพ์ต่อๆ มาอีกหลายครั้งครั้งนี้เป็นการพิมพ์ครั้งที่ 7 แล้ว จำนวนเล่มอาจลดน้อยลงบ้างเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ไม่สู้ดี ท่านผู้มีจิตศรัทธาที่บริจาคทุนทรัพย์ลดน้อยลง แต่เนื่องจากมีผู้ขอมาเป็นจำนวนมากอยู่ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ จึงพยายามจัดพิมพ์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
    การจัดพิมพ์ใหม่ครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้แก้ไขข้อบกพร่องและที่ผิดพลาดจากการพิมพ์ครั้งก่อนๆ ด้วย และได้พยายามแต่งเป็นบทกลอนตามต้นฉบับภาษาจีน ซึ่งครั้งที่ผ่านๆ มาได้ถอดความมาเป็นร้อยแก้ว เพื่อที่จะรักษาความหมายให้ได้ครบถ้วนบาทต่อบาทเหมือนความต้นฉบับเดิม จึงทำให้ความคล้องจอง และสำนวนไม่ดีนัก อีกสาเหตุนี้ ผู้แปลเป็นผู้ด้วยในภาษาจีนและไทยเป็นอันมากที่ทำไปเพราะมีจิตศรัทธาเป็นที่ตั้ง อีกทั้งอยากให้หนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องปลอบเตือนสติเพื่อนร่วมโลก ให้ประพฤติอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม เพื่อความสงบสุขของสังคมและประเทศชาติ
    อย่างไรก็ตาม แม้จะแก้ไขคำผิด ข้อบกพร่องต่างๆ แล้วก็ยังมีที่ผิดอีกแน่นอน เพราะข้าพเจ้าได้พิสูจน์อักษรเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นคำผิดที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ขออภัยท่านผู้อ่านด้วย
    สุดท้าย ข้าพเจ้าขอเชิญชวนท่านผู้อ่านที่ชอบและซาบซึ้งในหนังสือเล่มนี้ ช่วยเผยแพร่ให้กว้างขวางต่อไป
    จะเป็นท่านกุศลและกรรมดีที่ประเมินค่ามิได้

    ด้วยความปรารถนาดี
    บัญชา ศิริไกร
    23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529

    คำนำ
    ฉบับครบรอบ 15 ปี

    มีสิ่งที่น่ายินดีสองประการสำหรับหนังสือเที่ยวเมืองนรกเล่มนี้ ประการที่หนึ่ง หนังสือเล่มนี้ ได้มีการพิมพ์ต่อเนื่องกันมาสิบกว่าครั้ง ซึ่งนับรวมยอดพิมพ์ทั้งหมดก็มากกว่า หนึ่งแสนเล่ม ประการที่สอง ยังอยู่ในความสนใจของประชาชนนานถึง 15 ปี และคิดว่าทั้งยอดพิมพ์ และระยะเวลาที่มวลชนยังสนใจอ่านอยู่คงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นการยืนยันว่า หนังสือเล่มนี้มีสาระและคุณค่าดีพอสมควร เพราะว่าเป็นหนังสือธรรมะที่ถูกตีพิมพ์ติดต่อกันมาไม่หยุด แม้ดูเหมือนจะเป็นธรรมะแบบธรรมดาไม่มีความสำคัญ หรือซับซ้อนแต่อย่างไรแต่หนังสือเที่ยวเมืองนรกเล่มนี้ก็เป็นหนังสือที่ช่วยตักเตือน และป้องปรามให้คนกลัวบาป เพราะผลกรรมที่กระทำไว้ จะไม่หายไปไหน มันจะติดอยู่กับจิตวิญญาณรอจนถึงวาระสุกงอมจนได้ที่เสียก่อน แรงกรรมก็จะบังเกิดผลขึ้นทันที แม้อำนาจ และเงินทองก็ไม่อาจช่วยได้ บางครั้งกรรมที่ท่านก่อไว้ก็ยังสืบทอดถึงลูกหลานอีกด้วย ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอวิงวอนท่านผู้อ่าน จะได้ดูแคลนว่านรกไม่มี พิสูจน์ไม่ได้ จึงเที่ยวก่อกรรมทำเข็ญไม่หยุดหย่อนเพราะคิดว่านรกไม่มี หากสามารถเล็ดลอดกฎหมายไปได้หรือโทษไม่ร้ายแรงพอ ท่านก็เอาเปรียบสังคม ยักยอก ฉ้อโกงจนชาติล่มจมๆ เป็นต้น ไม่ต้องรอให้กฎหมายเล่นงานท่านหรอกกรรมที่ทำไว้จะสนองผลถึงที่สุดไม่ในปัจจุบันชาติก็ในอนาคตชาติ
    จึงใคร่วิงวอนท่านผู้อ่าน เมื่ออ่านแล้วก็ให้ผู้อื่นได้อ่านบ้างจะได้ช่วยกันกล่อมเกลาจิตใจ ผู้คนให้กลับคืนสู่สภาพปกติ มีศีลธรรมมีจรรยาบรรณ เพื่อความสงบสุขของส่วนรวม
    ขอผลบุญที่ท่านได้กระทำแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคทรัพย์ก็ดี แนะนำตักเตือนด้วยปิยะวาจาก็ดี ให้ความสะดวกชี้แนะก็ดีๆ จักเป็นกุศลหนุนส่งให้ท่านได้ไปสู่สุคติภูมิในสัมปรายภพเทอญ

    ด้วยความเคารพนับถือ
    ทพ. บัญชา ศิริไกร
    13 เมษายน พ.ศ. 2540


    คำนำ
    (ในการพิมพ์ครั้งที่ 5)

    หนังสือเที่ยวเมืองนรกเล่มนี้ จัดพิมพ์โดยสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งเมือไถ่ตง ไต้หวัน ประเทศจีน ขั้นตอนการทำหนังสือเล่มนี้ก็คือลักษณะของสำนักเซี้ยเฉี้ยงตึ้งก็เหมือนๆ กับโรงเจในเมืองไทย มีการอัญเชิญเทพ เทวดา ให้มาเข้าทรงอยู่เป็นเนืองนิจ ทุกครั้งที่มีการทรง เทพต่างๆ ที่มาก็มักจะสอนธรรมะ โดยใช้หลักของเต๋าบ้างของพุทธบ้าง แล้วแต่วิสัยของเทพแต่ละองค์
    การจัดทำหนังสือเที่ยวเมืองนรกครั้งนี้ ก็ได้รับเทวโองการจากท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ (เง็กเซียนฮ่องเต้) โดยขอให้ท่านอรหันต์จี้กงนำเอาวิญญาณนายหยางเซิงไปเที่ยวเมืองนรก เยี่ยมชมเหตุการณ์ของชาวโลกที่ตายลงแล้ว และได้ก่อกรรมต่างๆ เอาไว้ในโลกจะได้รับโทษอย่างไรบ้างในขุมนรก โดยให้เทพเง็กฮือท่งจื้อ ใช้ตาทิพย์ถ่ายทอดสดเอาภาพเหตุการณ์ ที่เห็นจริงในระหว่างเดินทางในแดนนรก โดยให้นายหยางเซิงซึ่งมือถือพู่กันอยู่ เขียนออกมาทันทีและคณะกรรมการของสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งก็ได้รวบรวมมาเป็นรูปเล่มการไปเที่ยวเมืองนรกนี้ ได้ไปมาทั้งหมด 62 ครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2519 ครั้งสุดท้ายวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2521 ใช้เวลาประมาณ 2 ปี หนังสือเล่มนี้จึงสำเร็จลง
    หนังสือเที่ยวเมืองนรกนี้ เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นอย่างเป็นหลักฐาน มิใช่หนังสือที่แต่งขึ้นด้วยความสามารถของมนุษย์แน่นอน สำหรับความเชื่อถือเรื่องนรกหรือสวรรค์ ก็สุดแท้แต่ละบุคคล ศาสนา นิกาย และลัทธิต่างๆ กัน
    สำหรับพุทธศาสนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนิกายเถรวาท หรือมหายาน ต่างก็ยืนยันกันว่า นรกและสวรรค์มีจริง ซึ่งจะพบได้จากพระสูตรต่างๆ กัน หากท่านเชื่อถือพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านต้องเชื่อเรื่อง "กฎแห่งกรรม" ทั้งนรกและสวรรค์ก็เป็นผลจากกรรมอันเป็นเหตุปัจจัยทั้งสิ้น หลายๆ ท่านก็เข้าใจว่านรกและสวรรค์อยู่ที่ใจเท่านั้นอันนั้นก็เป็นเหตุผลอันหนึ่ง อันเนื่องด้วย ทุกข์ ซึ่งไม่เป็นที่พึงปรารถนาของคน ก็บอกว่ามันเป็นนรก และเมื่อไรมีความสุขก็บอกว่ามันเป็นสวรรค์
    หลายๆ ท่านก็พูดว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่าอนัตตา ก็เข้าใจว่าเมื่อคนตายแล้วย่อมดับสูญ เมื่อดับสูญแล้วจะเอาวิญญาณอะไรไปตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ อันนี้คิดว่า เขาเข้าใจผิดเพี้ยนไป คำว่าอนัตตาแปลว่า ไม่มีอัตตาที่เที่ยงแท้ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่สามารถคงทนอยู่ได้
    คำว่าอัตตามีอยู่ แต่ความมีอยู่ของอัตตา ไม่ใช่อัตตาที่แท้จริงคล้ายๆ ก้อนน้ำแข็ง ก้อนน้ำแข็งมีอยู่ใช่ไหม แต่มีอยู่ไม่นานก็ละลายไป มีอยู่อย่างไม่เที่ยง ดังนั้นจึงใช้คำว่าอนัตตา
    ตอนนี้ย้อนมาถึงวิญญาณ เมื่อคนยังไม่ตายวิญญาณย่อมมีอยู่เมื่อคนตายลงวิญญาณย่อมดับลง แต่ก่อนที่มันจะดับมันได้ส่งพลังงานออกไป และมี กรรมเป็นเพราะเหตุปัจจัย ให้เกิดวิญญาณดวงใหม่ขึ้นทำนองพ่อส่งให้ลูก ลูกส่งให้หลาน เป็น กรรมพันธุ์สืบต่อกันเพราะฉะนั้นดวงวิญญาณเก่าก็ดับไป แต่ก่อนจะดับมันจะส่งผลของพลังงานไปไว้ กับวิญญาณดวงใหม่ที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นดวงใหม่เกิดขึ้น ก็ต้องอาศัยดวงเก่าเป็นสมุฏฐาน คล้ายๆ ไฟ เราจุดเทียนไว้เล่มหนึ่ง แล้วมีคนเอาเทียนอีกเล่มหนึ่งมาต่อ ไฟจากเทียนเล่มหนึ่งกับไฟจากเทียนเล่มที่มาต่อ เป็นไฟคนละเล่ม แต่ไฟเล่มใหม่ก็มาจากไฟเล่มเก่าฉันใด
    วิญญาณดวงเก่าที่ดับไปก็เป็นเชื้อให้เกิดวิญญาณดวงใหม่ในภพใหม่ จะเป็นวิญญาณในนรกภูมิ หรือมนุษยภูมิ หรือ สวรรคภูมิที่สุดแท้แต่กรรมที่เราได้ทำไว้ในชาติที่แล้ว
    ลักษณะอีกอย่างหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ก็คือ เป็นลักษณะแบบเทวนิยม ซึ่งต่างจากศาสนาพุทธ เพราะศาสนาพุทธขึ้นต้นตั้งปัญหาว่า ทุกข์นี่มาแต่ไหน จะดับทุกข์ด้วยประการใด ซึ่งต่างจากศาสนาอื่น ก็คือว่า เขาถามว่าโลกมาแต่ไหน วิญญาณที่สืบมาจากใคร ใครเป็นผู้สร้างวิญญาณ ปัญหาเพ่งออกไปข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นเทวนิยม หรือไม่เป็นเทวนิยม ก็ตาม หนังสือเล่มนี้ไม่ทำให้โลกยุ่งไม่ทำให้ท่านทุกข์ แม้นพระพุทธเจ้าเองเคยตรัสถามแก่พระสาวกว่า ใบไม้ในป่าประดู่ลาย กับ ใบไม้ในกำพระหัตถ์นี่ ใครจะมากกว่ากัน พระสาวกก็ทูลบอกว่า ใบไม้ในป่าประดู่ลายมีมากกว่าพระเจ้าข้า จะเห็นได้ว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้นำมาสอนมีมากมายเหลือเกิน และที่สอนให้ก็จำนวนน้อย ทำไมจึงไม่สอนเล่า ก็เพราะว่าสิ่งเหล่านั้น ไม่เป็นเบื้องต้นของพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อละกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อนิพพิทา เพื่อวิราคะเพื่อนิโรธะ เพื่อนิพานะ เพราะปัญหาเหล่านั้นเป็นอจินไต โลกจินตาถือเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะคิด คิดแล้วมีส่วนแห่งความเป็นคนบ้าหาทางที่จะอันติมา (ทางสูงสุด) ไม่ได้
    ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุด ถ้าท่านได้พิจารณาคำพูดของพระอรหันต์จี้กง ที่พูดในตอนต้นๆ ของทุกๆ ตอน ท่านจะได้รับความรู้จากธรรมะ อันเป็นแก่นสาร สำหรับการดำรงชีวิตที่ดี อีกทั้งสอนให้ เลิก ละ ลด และเลิกจาก อบายมุข กิเลส ทั้งปวงได้เพื่อให้มนุษย์พ้นจากอบายมุข ขุมนรก เป็นอย่างน้อย สำหรับท่านที่มีบารมีสูง ท่านก็อาจเป็นพระอริยเจ้า บรรลุโสดาบัน สกินาคามี อนาคามี และอรหันต์ เป็นที่สุดไปสู่ พระนิพพาน
    ที่กล่าวเสียยืดยาว ก็เพื่อประโยชน์ที่ท่านผู้อ่าน จะได้รับเป็นที่ตั้ง ส่วนใครจะปฏิเสธก็ไม่ถือเพราะทุกคนเป็นผู้สร้าง วิถีแห่งตน
    สุดท้าย ขออวยพรให้ ท่านทั้งหลายจงปราศจากทุกข์ ภัยอันตราย ทั้งปวง
    ส่วนท่านที่สร้างกุศล ก็ขอให้กุศลผลบุญ จงเป็นพลวปัจจัยให้ท่านได้บรรลุนิพพานเทอญ

    สวัสดี
    ท.พ. บัญชา ศิริไกร
    23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529


    คำอนุโมทนา
    พระกวงเฮงฮูจื้อ
    ประธานสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ประทับทรง

    สำนักเราได้เปิดทำการบรรยายธรรม ด้วยการรับประทับทรงและพิมพ์แจกหนังสือธรรม ตำนานธรรมเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะปิดกั้นกระแสกามราคะอันไหลเชี่ยว ทำการเหนี่ยวรั้งคลื่นลมที่เลวร้ายลงทุกๆ ขณะจิต ซึ่งก็ได้รับผลแห่งความสำเร็จอย่างน่าพอใจ
    แม้ว่าได้พิมพ์แจกหนังสือธรรมะปลอบเตือนชาวโลกอย่างแพร่หลายกว้างขวางมาโดยตลอดเวลาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ว่าสำหรับจิตใจของมนุษย์อันดื้อรั้นนั้น ยังมิอาจมีพลังอันเฉียบขาดที่จะยับยั้งพอท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ทรงตระหนักในพระทัยถึงการนี้ จึงได้ตัดสินพระทัยในขณะที่มีการประชุมในเบื้องบนสวรรค์ ตกลงให้เลือกเฟ้นสำนักรับประทับทรงที่สุจริตบริสุทธิ์ โดยที่ประกอบด้วยสภาพการณ์ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อเทพเจ้า ทั้งผู้คนในสำนักที่มีความสนิทสนมกลมเกลียวสมัครสมานกัน และเป็นสำนักที่ศักดิ์สิทธ์ เพื่อความสะดวกในการท่องนรกแต่งหนังสือ โดยเผยเอาความจริงของนรกให้ชาวโลกได้รู้ได้เห็น จึงจะสามารถปลอบเตือนและหันเหจิตใจผู้คน ทำการปิดกั้นกระแสคลื่นลมที่เสื่อมทราม ให้สัมฤทธิ์ผลอย่างฉับพลันทันตาเห็น
    หลังจากการเลือกเฟ้นแล้ว สำนักเราได้รับเกียรติให้รับภาระนี้ ข้าพเจ้ามีความประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่ยิ่ง โดยเหตุว่าการท่องนรกแต่งหนังสือไม่เหมือนกับการรับประทับทรงบรรยายธรรมโดยทั่วไป หากว่าได้เกิดความพลาดพลั้งในขณะที่รับประทับทรงหรือนายหยางเซิงเกิดมีความเสียสมาธิขึ้น ก็จะทำให้ภาระใหญ่ยิ่งอันนี้ล้มสลายลงในทันที ซึ่งเป็นการขัดต่อเทวโองการและโทษฐานนั้นหนักหน่วงมาก อันเป็นที่ยำเกรงของมนุษย์และเทวดาทั้งหลายหากแต่ว่าเรามิอาจจะขัดขืนต่อคำสั่งจากสวรรค์ได้ จึงน้อมรับพระราชโองการด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด นับแต่วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2519 ที่ได้รับมอบเทวโองการเป็นต้นมา ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายตั้งจิตที่มั่นคงแน่วแน่คอยรับเสด็จวันกำหนดรับประทับทรงต่างก็ได้รับมารวมกันอย่างสงบเงียบในสำนัก นายหยางเซิง ต้องถือศีลกินเจคอยต้อนรับจนกว่าท่านอรหันต์จี้กงเสด็จมา จงนำเอาวิญญาณที่ออกจากร่างตรงไปยังยมโลกทำการเก็บหาข้อมูลต่างๆ เง็กฮื้อทงจื้อจะอยู่ในสำนักเพื่อทำการถ่ายทอดสภาพที่เป็นจริงนั้นๆ เช่น การโต้ตอบระหว่างพระอรหันต์กับมนุษย์ การสนทนาพาทีในขณะที่อยู่ในแดนนรก ได้ทำการเขียนออกเป็นตัวอักษรโดยทันทีทันใดจึงได้จัดแต่งเป็นหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ขึ้น
    ตลอดเวลา 2 ปี ที่ผ่านมานี้ได้ท่องไปในแดนนรกอย่างทั่วถึงหนังสือเล่มนี้จึงได้สำเร็จลง ข้าพเจ้ามีความปลาบปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง หนังสือเล่มนี้มีค่าเหลือที่จะประมาณได้ ซึ่งนับแต่สำนักเราได้ทำการรับประทานทรงบรรยายธรรมเป็นต้นมา ที่สิ้นเปลืองเวลามากที่สุด ที่มีเนื้อหาสาระมากที่สุด เป็นหนังสือที่ได้ผลในการปลอบเตือนจิตใจชาวโลกได้ดีที่สุดเล่มหนึ่ง ควรแก่การจะเทิดทูนถนอมไว้ เมื่อหนังสือเล่มนี้ได้ปรากฏต่อสายตาชาวโลกแล้ว นรกอันมืดทึบจะเปล่งปลั่งด้วยรัศมีรัศมี จึงอยากจะให้ผู้คนในพิภพทั้งหลายที่มีบุญได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ต่างได้หลุดพ้นออกจากห้วงเหวแห่งความทุกข์ ก้าวขึ้นสู่แดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์เทอญ

    ประธานแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง
    พระกวงเฮง
    ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2521


    คำอนุโมทนาของ
    กุมารเทพ เง็กฮือทงจื้อ

    กุมารเทพเง็กฮือทงจื้อ ลงประทับทรงกล่าวว่า :
    ฟ้าประทานพจน์วิเศษดุจเข็มทิศ
    อำมหิตเป็นนิจใช่อำพราง
    หากกลับใจนรกนั้นจะปิดทาง
    สำนึกตัวกลับใจประเสริฐจริง
    ชาวโลกมักจะมีความเห็นดีเห็นชอบในด้านเสพสุขทางวัตถุดูหมิ่นในด้านอบรมศึกษาทางจิตใจ ศีลธรรมเมื่อถูกทอดทิ้งละเลยแล้ว การก่อการลักขโมย ล้างผลาญฆ่าแกงข่มขืนกระทำชำระเราก็จะทวีความรุนแรงขึ้นโดยไม่ยุดยั้ง
    เมื่อจะยับยั้งแก้ไขเหตุร้ายอันไม่มีวันจะยุติลงได้ จึงควรเริ่มกระทำการอบรมทางศีลธรรม โดยให้บรรยายถึงความเป็นจริงแห่งการตอบสนองจากเหตุและผล ดวงวิญญาณนั้นไม่ได้สูญสลายและไม่ใช่เรื่องเท็จ โชคลาภวาสนาหรือภัยพิบัติมิได้เกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุผล แต่อยู่ที่การกระทำดีหรือความชั่วของมนุษย์เอง ถ้าหากตัวเราก่อกรรมทำเข็ญในตอนมีชีวิตอยู่ เมื่อตายลงแล้วดวงวิญญาณก็ต้องรับโทษที่ตนได้ก่อขึ้นไปเอง ต้องตกเข้าไปในทางชั่วร้ายรับการฝึกอบรมจากการเวียนว่ายตายเกิด นี่แหละคือต้นกำเนิดแห่งการเกิดขุมนรกขึ้น
    วิญญาณของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ผุดผ่อง จึงสามารถท่องไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างสบายอารมณ์ได้ เนื่องจากขณะนี้สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตงได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ข้าพเจ้าได้รับเกียรติในหน้าที่ให้ใช้ "ทิพยเนตรถ่ายทอดความจริง" จึงกราบรับโดยดุษฎี ในขณะเงียบสงัดของราตรีกาลแห่งการรับประทับทรง ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงมานำพาวิญญาณของคุณหยางเซิงไปท่องชมนรกทุกขุม ในขณะที่ทำการสนทนากับวิญญาณโทษข้าพเจ้าจะใช้ทิพยเนตรเก็บเอาเสียงและภาพของเขา ถ่ายทอดออกทันที โดยอาศัยร่างของเขานั่นแหละที่ได้ถือพู่กันไว้ในมือ เขียนออกเป็นตัวอักษรตรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทันด่วนซึ่งมีข้อความสนทนาโต้ตอบจากแดนนรกแล้วคัดลอกออกเป็นหนังสือขึ้น เพื่อเป็นการปลอบเตือนกล่อมเกลาชาวโลก
    ความอ่อนไหวพิสดารในการนี้ มีผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสรุมล้อมสังเกตการณ์อยู่รอบด้าน ล้วนได้เปล่งคำอุทานว่าหาที่ดูมิได้อีกแล้วต่างเชื่อมั่นว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้านั้นมีจริงพึงเชื่อถือได้ แต่ผู้ที่ยังมิได้ชมด้วยสายตาของท่านเองก็อาจจะเชื่อได้ แต่ไม่สู้จะสนิทนักเนื่องจากเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่เห็นชาวโลกทั้งหลายว่า สวรรค์นั้นได้สร้างอยู่บน "ดวงจิต" ของตัวท่านเอง เมื่อท่านหลอกลวงจิตใจอันดีงามของตัวท่านเองแล้ว ท่านยังมีความ "สุขใจ" ที่จะพักอาศัยในสวรรค์ได้อีกหรือ ? ผู้ที่ทำความชั่วไว้แล้ว เมื่อตอนสำนึกตัวได้ ทุกครั้งจึงเกิดความตำหนิติเตียนตัวเองอย่างขมขื่นทรมานจิตใจ ขณะนั้นแหละภาพแห่งนรกได้บังเกิดขึ้นในใจท่านแล้วแต่ว่านรกคือที่คุมขังผู้กระทำความผิด เป็นที่ซึ่งมวลมนุษย์ไม่พึงปรารถนา หรือบางคนจะเห็นเป็นบ้านเดิมของท่านเอง ? มนุษย์เราถือกำเนิดมาจากสวรรค์ บนสวรรค์จึงเป็นแหล่งพำนักพักพิงเดิมของท่าน ดังนั้นจึงหวังเป็นอย่างยิ่ง จงอย่าเร่ร่อนอยู่ในห้วงแห่งการเกิดตาย และต้องตกลงไปในทางเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    อาศัยในโอกาสที่หนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" จะคลอดออกสู่ตลาดในขณะนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ให้พู่กันอันศักดิ์สิทธิ์นี้ขยายความตามที่ทิพยเนตรได้เห็นมาเป็นเวลาร่วม 2 ปีในแดนนรก ที่มีสภาพเต็มไปด้วยความอเนจอนาถทรมาน หวังว่าผู้อ่าน เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลงแล้วการกระทำและความประพฤติของท่านทั้งหลายจะขาวสะอาดหมดจดปราศจากด่างพล้อย จะไม่ให้มีเมล็ดพันธุ์แห่งนรกหลงเหลืออยู่อีก จึงจะไม่เป็นการเสียแรงที่ข้าพเจ้าได้อุตส่าห์ติดตามถ่ายทอดมาตลอด

    กุมารเทพเง็กฮือทงจื้อ แห่งพรหมปราสาท
    วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2521


    คำอนุโมทนาของพระบุพวิสุทธิเทพ
    (ไท้เสียงบ้อเก๊ก)

    พระบุพวิสุทธิเทพ เสด็จลงตรัสเป็นกลอนว่า :
    ชีวิตคนผ่านพ้นไปคล้ายความฝัน
    สะสมทรัพย์ทุกวันไว้คอยถ่วง
    กามคุณเกาะกุมติดตามทวง
    ลาภยศลวงให้หลงไปตามกัน
    คลื่นตัณหากระหน่ำซ้ำเป็นระลอก
    ความกลับกลอกของโลกีย์ชี้อาสัญ
    สิ้นชีวิตทุกข์ติดตามทุกวี่วัน
    หมดทุกข์พลันหน้าเบิกบานแบบกวนอิม
    ย้อนทวนถึงสมัยบุพกาล ในขณะที่สรรพสิ่งในพิภพยังอยู่ในสภาพปกติ วิญญาณดั้งเดิมยังคงรวมอยู่ในอากาศธาตุ อยู่อย่างสะดวกสบายเป็นตัวของตัวเอง ตกมาถึงตอนเปิดแยกออกเป็นฟ้าดินแล้ว มนุษย์จึงอาศัยอากาศธาตุอันบริสุทธิ์ลงมาเกิดในพิภพนิสัยใจคอของมนุษย์ในสมัยแรกเริ่มนั้นบริสุทธิ์งดงามมาก ด้วยเหตุนี้เมื่อตายลงแล้วจึงได้กลับไปยังสถานที่บริสุทธิ์แหล่งเดิม ต่อมาฝุ่นไอดินแห่งมนุษยโลกปกคลุมหนาขึ้น ความประพฤติจึงกลายกลับไปในทางชั่ว ถึงสมัยกลางจิตใจคนเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นสวรรค์ท่านจึงจัดตั้งนรกขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เป็นสถานที่อบรมบ่มนิสัย แต่เนื่องจากมวลมนุษย์ได้ติดนิสัยที่ชั่วช้าเลวทราม ยิ่งจมดิ่งลงทุกๆ ขณะ ครั้นมาถึงสมัยปัจจุบัน จิตใจมนุษย์ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมมากขึ้น ทำให้ในนรกเกิดมีสภาพที่ล้นหลามด้วยพวกวิญญาณโทษ ท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ มิอาจทนดูมวลชนต้องถูกทรมานในนรกอย่างล้นหลาม จึงได้แผ่เมตตาจิตด้วยแสงสว่าง คือ อนุญาตให้มมีการเปิดเผยถึงการลงโทษในแดนนรกขึ้นเพื่อเป็นการเตือนสติมวลมนุษย์ หวังว่าให้ชาวโลกได้กลับเนื้อกลับตัว ไม่ให้ไปเดินซ้ำรอยเก่าที่ชนรุ่นก่อนได้ทำเอาไว้ และหวังให้ได้กลับไปในทางดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ ไม่ต้องไปทรมานในห่วงแห่งเวียนว่ายตายเกิดอีก
    ขณะนี้ทราบว่าสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง ได้ตระหนักซึ้งถึงเจตนาของสวรรค์ จึงได้ทำการรับประทับทรงให้ การบรรยายประกาศธรรมขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และมีหลักการอันถูกต้องบริสุทธิ์ เผยแพร่ธรรมะอย่างสุดพลกำลัง จึงได้รับคำสั่งจากท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ให้มีภาระหน้าที่ท่องนรกเพื่อแต่งหนังสืออันใหญ่ยิ่งนี้ และได้สั่งให้พระอรหันต์จี้กง นำพาวิญญาณของหยางเซิงไปท่องนรกเก็บหาข้อมูลจากแต่ละขุม โดยได้ให้อี้ซี่ทงจื่อเป็นผู้ถือพู่กันวาดเขียน และอาศัยทิพยเนตรถ่ายทอดภาพที่ได้รับมาจากแดนนรกเขียนเป็นตัวอักษรต่อเหตุการณ์ที่ได้เห็นในขณะนั้นๆ มาแต่งเป็นหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" เผยถึงความลี้ลับในยมโลก ซึ่งความสามารถนี้แม้ภูติผีเทวดาก็ยังมิอาจจะทราบเท่าใด เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากในโลกปัจจุบันกาลนี้
    การนี้ใช้เวลาถึง 2 ปี มาสำเร็จลุล่วงในวันนี้ ชาวโลกผู้ที่ได้อ่านหนังสือนี้แล้ว ได้สำนึกและกลับเนื้อกลับตัว ละความชั่วทำความดี ขยันเดินในทางไปสู่สวรรค์ หากทุกๆ คนได้ทำตามนี้แล้วโดยทั่วถึงกัน ข้อมูลคดีที่เขียนลงในหนังสือเล่มนี้ ล้วนถูกต้องงเหมาะสมกับกฎมายของโลกมนุษย์ จึงนับว่าเป็นหนังสือที่ช่วยเหลือชาวโลกอันประเสริฐ ประกอบด้วยศักดิ์ศรีอันสูงส่งที่ไม่มีผู้ใดจะลบหลู่ดูหมิ่นได้ ขอให้ผู้อ่านจงช่วยเผยแพร่ปลอบเตือนผู้อื่นให้มากมีจิตศรัทธาพิมพ์แจกให้ชาวโลกได้อ่านโดยทั่วถึงกันแล้ว หากประสงค์อยากได้สิ่งใด จะได้รับการสนองตอบอย่างศักดิ์สิทธิ์ หวังในความเข้าใจของผู้ที่มีจิตมุ่งหวังในทางดี จงตระหนักให้ซึ้งจึงกล่าวเป็นอนุโมทนาด้วยประการเช่นนี้

    บุพวิสุทธิเทพ
    ประทับทรง ณ สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง ไต้หวัน
    ลงวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2521


    เทวโองการจากท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่

    ประธานสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เทพกวงเฮงประทับบนอาสนะประกาศเทวโองการของท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ ขณะนี้เทวโองการจะเสด็จลงแล้ว สั่งให้ผู้ว่าการเมืองออก 5 ลี้* เจ้าโชคเจ้าชัยออกจากสถานที่ 10 ลี้ เพื่อทำการต้อนรับศิษย์ทั้งหลายให้ทุกท่านตั้งอยู่ในความสงบสมาธิ ตั้งแถวคอยรับเสด็จ
    ท่านเสนาบดีฉีแห่งพระราชวังฝ่ายใน ลงประทับทรงกล่าวเป็นความว่า :
    เง็กเสียงอ๊วงตี่ ทรงห่วง วิญญาณชน
    เสียงสวดมนต์ สวดพร่ำ ไม่ขาดสาย
    ถึงเดือนแปด จันทร์สาดส่อง งามพร่างพราย
    แต่งเครื่องกาย น้อมรับ ราชโองการ
    ความในเทวโองการ : ราตรีนี้จะประกาศเทวโองการให้เจ้าและมวลมนุษย์ที้งหลายกราบลงคอยฟังเทวโองการ
    ได้รับเทวโองการด้วยเกล้า เนื่องจากท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่เซียนหลิงเกาสั้งตี้ตรัสมีความว่า
    ข้าสถิต ณ เบื้องสวรรค์มีความห่วงใยในมวลมนุษย์ เมื่อเห็นฝุ่นละองเหลืองอร่ามปกคลุมทั่วพิภพ ศีลธรรมจรรยาธรรมเสื่อมทรามสูญสลาย ฝ่ายชายไม่ประพฤติในทางซื่อสัตย์กตัญญูฝ่ายหญิงไม่รักนวลสงวนตัว กล่าวหาว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งไร้สาระไม่เคารพต่อเทวดาอารักษ์ จึงเป็นเหตุให้สังคมเสื่อมทรามเลอะเทอะความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างมนุษย์ขาดสะบั้นลง สร้างความสะเทือนอารมณ์แก่ข้าฯ เป็นที่ยิ่ง แต่ข้าฯ ไม่อาจจะทนดูทอดทิ้งโดยไม่ช่วยกอบกู้ให้พ้นจากขุมนรกได้ ณ บัดนี้ ได้ทรงตรวจพบว่าสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตง ซึ่งขึ้นตรงต่อมณฑลไต้หวัน ได้เปิดบรรยายประกาศธรรมะมาจนถึงทุกวันนี้ ได้ทุ่มเทสิ้นเปลืองกำลังคนและกำลังเทพยดาอย่างมากมาย ได้ผลแห่งการกอบกู้ช่วยเหลือชาวโลก และปัจจุบันได้อาศัยวารสาร "เซี้ยเฮี้ยงตึ้ง" ช่วยชักจูงผู้ลุ่มหลงกิจการในการประทับรับทรงจึงเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ งานกุศลอันศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นที่เลื่องลือกระฉ่อนมาก ดังนี้ ข้าฯ จึงมีคำสั่งให้แต่งหนังสือขึ้นเป็นกรณีพิเศษ โดยให้ชื่อว่า "เที่ยวเมืองนรก" และได้สั่งให้พระอรหันต์จี้กงนำพาวิญญาณของนักทรงเอกนายหยางเซิงไปท่องนรก 10 ขุม เผยสภาพการณ์ในแดนนรกให้ชาวโลกรับทราบไว้ให้ผู้คนได้รู้เห็นถึงวิญญาณโทษที่ตกอยู่ในแดนนรกที่มีความทุกข์ทรมานอย่างไรบ้าง เพื่อผลแห่งการปลอบเตือนชาวโลก หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือวิเศษสุด เนื่องจากได้ซึ้งในความกตัญญูอันบริสุทธิ์ของศิษย์ทั้งหลายในสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง จึงได้สั่งให้รับภาระอันยิ่งใหญ่นี้ หวังว่าท่านจงตั้งจิตให้มั่นคง ประกาศธรรมแทนฟ้าสวรรค์โดยได้สั่งให้ด่านต่างๆ ในแดนนรกว่า หากมีศิษย์ท่องเที่ยวที่จากสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งไปเยือนแล้ว ให้เปิดประตูต้อนรับ ช่วยเสริมสร้างตำราทองเล่มนี้ ผู้ใดที่ฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกทำโทษอย่างหนักโดยทั่วถึง เมืองได้รับทราบเทวโองการนี้แล้ว ในวันเวลาที่ทำการประทับทรงท่องนรกแต่งหนังสือ ให้ทุกท่านเข้าใจในความมุ่งหมายแห่งสวรรค์ และปฏิบัติตามคำสั่ง เมื่อหนังสือได้แต่งเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว จะมีรางวัลในความดีความชอบ จงอย่าขัดคำสั่งของข้าฯ.


    เทพเลขาลงประทับทรง ประกาศว่า :
    เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2521

    คำบรรยาย
    1. หนังสือเล่มนี้ได้แต่งขึ้น โดยเทวโองการท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่แม้ว่าสำนวนนั้นจะเป็นคำพูดพื้นๆ ง่ายๆ แต่มีเนื้อหาที่เปี่ยมท้นด้วยหลักธรรมความจริง ซึ่งเป็นตำนานอันวิเศษล้ำเลิศ ที่จะอบรมบ่มนิสัยบำเพ็ญธรรมอย่างดีเยี่ยม

    2. หากปรากฏว่ามีตัวอักษรใดที่ขาดตกหรือผิดเพี้ยนบ้างซึ่งเป็นความสับเพร่าในการคัดลอก ผู้อ่านจงอย่าดูหมิ่นสบประมาทเป็นอันขาด

    3. ตำนานเล่มนี้ได้สูญสิ้นพลกำลังและจิตใจของเทพเจ้าและมนุษย์อย่างใหญ่หลวง จึงได้ประสบความสำเร็จจนจัดพิมพ์เป็นเล่มขึ้น ซึ่งใช้เวลาถึง 2 ปีเต็ม ในตำนานเล่มนี้ได้เปิดเผยความลี้ลับแห่งยมโลก แนวทางการลงโทษแห่งแดนนรกได้ประกาศให้ทราบอย่างแจ่มแจ้ง ชอบที่เป็นเสียงระฆังที่คอยกล่อมโลก และเป็นตำนานที่หาได้ยากยิ่งในระยะเวลานับหมื่นๆ ปีที่แล้วมา จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่มวลมนุษย์ควรจะอ่านควรจะถนอมควรจะเข้าใจ และควรที่จะบำเพ็ญด้วย

    4. ตำนานเล่มนี้ได้รับการร่วมมือจากแดนสวรรค์ ยมโลกและชาวมนุษย์ จึงสามารถเขียนแต่งให้สำเร็จลงได้ซึ่งมีความดีความชอบร่วมกันด้วย ดังนั้น เมื่อผู้ใดได้พิมพ์แจกแม้จะเพียงเล่มเดียวจะต้องได้รับความสนองในทางดีจาก 3 แดนด้วย

    5. คำประกาศิตจากท่านจินกวาน ประดาที่พิมพ์แจกตำนานเล่มนี้ เพื่อเป็นการช่วยให้ได้กอบกู้ผู้คน ไม่ว่าจะพิมพ์เองหรือช่วยพิมพ์หรือช่วยเรี่ยไรเงินเป็นค่าพิมพ์ บรรยาย หรือช่วยเผยแพร่ล้วนได้รับอนุมัติให้ลดหย่อนโทษที่ตัวเองได้ก่อไว้ในปางก่อนหากสะสมความชอบนี้ได้เต็มขั้นแล้ว จะได้ขึ้นสู่สวรรค์รับความสุขสบายกายโดยถือเอาความดีที่สร้างสมไว้ในการน
    ี้
    6. บรรดาที่มีความประสงค์อยากได้อายุยืนยาว หรือหวังในการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ หรือขจัดโรคภัยไข้เจ็บ หรืออาถรรพณ์ในการจองเวรจองกรรม หรือบำเพ็ญธรรม หรือลบล้างบาปที่ตัวสร้างไว้ หรือจะช่วยกอบกู้บรรพบุรุษให้พ้นภัยพ้นทุกข์ หรือประสงค์จะมีความสุขเมื่อตัวเองได้ตายลงไป เมื่อได้ตั้งอธิษฐานจะพิมพ์แจกตำนานเล่มนี้แล้วล้วนต้องได้รับความประสงค์นั้นๆ ทั้งนี้ควรจุดธูปต่อหน้าเทพเจ้าหรือต่อหน้าวัดวาอารามศาลเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออยู่ที่กลางแจ้งแล้วให้อธิษฐานตามที่ประสงค์ เทพเจ้าจะได้ไปทูลให้ในทันที มีการตอบสนองอย่างทันใจด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีการหลอกลวงแต่อย่างไร

    7. ตำนานนี้สถิตอยู่แห่งใดแห่งนั้นย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากสากลโลกให้การคุ้มครอง เมื่ออ่านแล้วต้องเก็บไว้ ณ ที่ๆ สะอาดห้ามทำให้เปรอะเปื้อนสกปรก ผู้ที่ดูหมิ่นกล่าวร้ายต่อตำนานเล่มนี้ หรือขัดขวางการเผยแพร่ จะต้องตกเข้าในนรกตลอดกาล ซึ่งนับว่าเป็นโทษที่ให้อภัยไม่ได้ หวังว่าชาวโลกทั้งหลายจงกลับเข้าในทางธรรมและจงคิดรอบคอบถ้วนถี่เทอญ.


    ประวัติ พระอรหันต์จี้กง

    พระนามเดิมของท่านคือ ซิวอ้วง แซ่ลี้ เป็นชาวเมืองเทียนไถ เกิดในสมัยราชวงศ์ซ้อง ท่านได้บวชอยู่ที่วัดเล่งอุ้ง ตำบลไซโอ้ว เมืองหางโจว ประเทศจีน และใช้พระนามทางศาสนาว่า เต้าจี้ ท่านโปรดสัตวโลกด้วยวิธีพิสดาร จนชาวบ้านขนานพระนามว่า "พระสติเฟื่อง" (จี้เตียง) ท่านเป็นองค์อวตารของพระอรหันต์ได้บรรลุพระธรรม 3 ประการ ที่สำคัญได้แก่ "สรรพสิ่งเกิดจากจิต" ท่านยึดมั่นแต่ พุทธจิต ไม่คำนึงถึงเครื่องทรงภายนอก ดั่งคำกล่าวว่า "รักษาศีลทางจิต ไม่ถือศีลทางปาก ปฏิบัติตามสบาย" (ความหมายว่า พระภิกษุในประเทศจีนต้องฉันเจ ไม่ฉันเนื้อสัตว์ ท่านไม่เคร่งครัดกับการฉันอาหาร สดแท้แต่โอกาส) ที่ท่านประพฤติเช่นนี้ เพราะว่าในสมัยนั้นได้แต่ถือศีลปาก คือฉันเจ แต่ไม่รักษาศีลทางใจ เพื่อเป็นการสอนธรรมะโดยใช้วิธีรุนแรง เหมือนเอาไม้กระบองตีให้เจ็บจนรู้สึก ท่านพยายามทำให้ภิกขุสมัยนั้นให้ตื่นจากผู้ติดอยู่ในพิธีกรรม ให้มาพิจารณาทางวิปัสสนาธุระ
    ท่านมีอิทธิฤทธิ์กว้างขวาง โปรดช่วยมวลมนุษย์มากมายโดยอาศัยวิธีการต่างๆ เพื่อช่วยให้ชาวบ้านพ้นภัย ช่วยกอบกู้พวกที่ดูภายนอกเหมือนมีบุญ แต่ใจบาป กลั่นแกล้งจนคนเหล่านั้นรู้สึกสำนึกตัว ต่อกับผู้ที่โหดร้ายทารุณ จะถูกตอบโต้จนไม่สามารถจะอยู่ต่อไปได้ ทำให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้น ทุกผู้ทุกนามจึงสรรเสริญว่าเป็น พระศักดิ์สิทธิ์ เหมือนพระพุทธที่ยังมีชีวิตซึ่งไม่ใช่สิ่งธรรมดาสามัญ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
    พระอรหันต์จี้กงเคยอยู่วัด "เจ็งชื้อ" ต่อมาวัดนี้ถูกไฟไหม้จำเป็นต้องได้รับการปลูกสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งต้องการได้ไม้จากเขา "เงี้ยมเล้ง" ท่านแสดงอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ โดยใช้จีวรกางออกไปฉับพลันนั้น จีวรก็ปกคลุมเขาเงี้ยมเล้งทั้งหมด ไม้จากเขาถูกถอนขึ้นมาหมด แล้วถูกนำลงแม่น้ำร่องมาสู่เมืองหางโจว เสร็จแล้วท่านก็มาบอกชาวบ้านว่า ไม้ที่จะใช้ก่อสร้างนั้นบัดนี้อยู่ในบ่อธูป (บ่อธูปนี้เป็นบ่อที่ขุดขึ้น ใช้สำหรับเทขี้ธูปและก้านธูป) ทั้งพระและชาวบ้านต่างไปดูที่บ่อธูป ก็ ปรากฏว่าเป็นเช่นนั้นจริง สิ่งที่เล่าต่อๆ กันมานี้ยังมีหลักฐานปรากฏอยู่อีกมากมาย
    พระอรหันต์จี้กงได้นั่งสมาธิ จนเข้าฌานปลงสังขาร ในรัชสมัยพระจักรพรรดิ์ "เกียเตีย" อัฐิของท่านถูกบรรจุไว้ในเจดีย์ "เสือผ่าน" ก่อนที่ท่านจะปลงสังขาร ท่านได้ให้ปริศนาธรรมไว้ว่า "หกสิบปีมานี่ กำแพงตะวันออกล้มตีกำแพงตะวันตก รวบรวมจนถึงบัดนี้ ก็ยังคงเหมือนเดิม ท้องน้ำก็ยังจดขอบฟ้าเช่นเดิม" หลังจากท่านปลงสังขารแล้วไม่นาน ก็มีพระภิกขุรูปหนึ่งได้พบพระอรหันต์จี้กงนั่งอยู่ใต้เจดีย์ ชื่อ "หลักฮั้ว" และยังได้ฝากหนังสือให้บทหนึ่งว่า "หวนรำลึกสมัยก่อน มีศรยิงมาทางด้านหน้า ถึงบัดนี้รู้สึกหนาวเหน็บกระดูกไปทุกขุมขน เนื่องจากไม่มีใครรู้จักหน้าตาแล้วยังขึ้นไปวิ่งเล่นบนดาดฟ้าหนึ่งรอบ" ที่ท่านลงมาอีกครั้งเป็นพระประสงค์ของมหาโพธิสัตว์
    ตลอดพระชนมชีพของท่าน ได้ช่วยเหลือและอบรมชาวบ้านโดยวิธีการเสแสร้งต่างๆ กันมาตลอดเวลาโดยไม่มีอุปสรรค ตัวท่านเป็นพระภิกษุ และมีจิตที่เป็นมหาโพธิสัตว์ ท่านมีแต่จีวรขาดๆ รองเท้าขาดๆ คู่หนึ่ง โดยไม่สนใจว่ามันจะเปื้อนโคลนหรือไม่ มือก็ถือพัดเล่มหนึ่ง ไม่กลัวทั้งที่ต่ำและที่สูง ศีรษะก็โล้น ลมก็ไม่พัดฝนก็ไม่ตก ไม่จำเป็นต้องมีหมวกงอบ เท้าที่เปลือยเปล่า ความหนาวก็ไม่ระคาย ความร้อนก็ไม่รู้สึก ไม่ต้องมีย่าม ไม่ต้องบิณฑบาตเพราะไม่หิวไม่กระหาย ไม่ต้องแต่งทรง เพราะศีรษะไม่มีผมพบใครก็เอาแต่ยิ้ม เพื่อจะได้แผ่บุญ ไม่หลบสังคม ค้นหาเสี่ยงทุกข์เพื่อจะได้ช่วยเหลือ ชาวบ้านนับถือ ทุกครัวเรือนมีแต่พระอรหันต์หลักการของท่านพระภิกษุทั่วไปไม่ชอบ เนื่องจากความไม่สำรวมของท่าน ทำให้พระภิกษุที่มีความรู้ รู้สึกเสียหน้าไม่สบายใจ ดังนั้นพระภิกษุผู้ใหญ่จึงไม่กล่าวขานถึง ไม่พูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน
    สืบเนื่องจากอรหันต์จี้กงมีเมตตาจิตไม่ถือสา การปรากฏตนของท่านเอาแน่นอนไม่ได้ กิริยาวาจาล้วนเป็นปริศนาธรรม ซึ่งทำให้ธรรมะของท่านเป็นที่กล่าวขาน จนได้รับการยกย่องว่าเป็นอาจารย์ทางกัมมัฏฐาน แม้ว่าท่านละสังขารจากโลกไปแล้วก็ตามแต่ธรรมะของท่านยังมีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์เสมอมา ดังนั้น จึงได้สมัญญาว่า เป็นพระพุทธที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็เนื่องด้วยเหตุฉะนี้
    ในสมัยกลียุคนี้ มวลชนหลงใหลอยู่ในกิเลส วนเวียนอยู่ในทะเลทุกข์ อรหันต์ใจร้อนและเพื่อกอบกู้ชาวโลกอีกวาระหนึ่งท่านจึงยอมลงมาประทับทรง ที่สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งนี้ โดยเอาวิญญาณคุณหยางเซิงไปเที่ยวเมืองนรก เปิดเผยความลับของยมโลก เพื่อปลอบเตือนชาวโลก
    ชาวโลกนับว่าโชคดี ดั่งอาบน้ำฝนอันศักดิ์สิทธิ์ ออกจากทางมารโดยตลอด สาธุ! หนังสือเล่มนี้สำเร็จลง สืบทอดนับหมื่นปีอันนับว่าเป็นผลงานของท่าน
    บทสรรเสริญ :
    เริ่มแรกต้องตีหัว เพื่อปลุกตัวตื่นจากหลง
    ยิ้มยื่นดอกไม้ดง ยังคงเป็นปริศนาธรรม
    ชีวิตคือละคร สะท้อนได้เหมือนจริงจัง
    สรรพสิ่งสู่จิตดัง ท่องสวรรค์แลยมบาล

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น