คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ยิ่งเกลียดเธอ..ยิ่ง(เจอ)รัก
“ โจว คยู ฮยอน “ ผมยืนมองเจ้าของเสียงที่ยืนตะโกนเรียกชื่อผมซะดังลั่นโรงอาหารจนใครๆพากันมองมาที่ตัวต้นเสียงเป็นตาเดียว ปากแดงๆนั่นสั่นระริกก็คงเพราะความโกรธซินะ มันเหมือนกับว่าจะส่งคำพูดออกมาสรรเสริญผม แต่ผิดคาดแหะ!! เพราะว่ามันกลับเม้มแน่นไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาซักคำ ... ฮึ กลัวดอกพิกุลจะหล่นรึไงวะ!
“ ทำไม เรียกชื่อฉันทำไมหรือว่า กลัวว่าจะจำไม่ได้รึไงห๊ะ...เตี้ย “ ในเมื่อมันยังไม่ยอมพูดผมก็ต้องเล่นแบบนี้แหละ...ก็งัดเอาปมด้อยของมันมาล้อไง และทุกครั้งมันได้ผลอย่างดีเลยแหละ เพราะไอ้ปากแดงๆนั่นพ่นคำด่าผมไม่หยุด แต่ผมน่ะเป็นคนมองโลกในแง่ดี ก็เลยคิดซะว่าไอ้คำด่าเหล่านั้นเป็นคำสรรเสริญที่...
....ผมว่ามันเพราะมากๆเลยหล่ะ..ถ้าออกมาจากปากของ อีทงเฮ คนนี้
ใครจะว่าผมโรคจิตก็ช่างแต่ผมน่ะเสพติดการแกล้ง ไอ้เตี้ย ของผมเอามากๆเลยหล่ะ วันไหนไม่ได้แกล้งมันนะ วันนั้นท้องมันจะอืด กินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงขั้นตับอักเสบกันเลยทีเดียว และวันนี้ก็เหมือนกันผมเห็นมันเดินดุ่มๆมาซื้ออาหารที่โรงอาหารนี้คนเดียว ผมก็รอจนมันซื้อเสร็จก็มาดักหน้ามันไว้ มันขยับซ้ายผมก็ขยับซ้าย มันขยับขวาผมก็ขยับตาม มันขยับหนีผมอยู่สองสามรอบตอนแรกมันก็ไม่ได้มองหน้าผมหรอก แต่พอเห็นว่าหนีไม่พ้นมันก็เลยเอาหน้าขาวๆกับตาแป๋วๆของมันมาจ้องผม มันจ้องผมซะตาจะถลน
ฮึ...น่ากลัวตายหล่ะไอ้เตี้ยเอ้ย!!!
“ หลบไปนะ “ มันจ้องหน้าผมไม่ยอมหลบโว้ยคราวนี้... ฮึ...ดูซิว่ามันจะแน่ไปได้สักกี่น้ำกันเชียว
“ ไม่หลบแล้วจะทำไม “ ในความรู้สึกมันตอนนี้มันคงอยากจะตั้นหน้าผมซักหมัดเป็นแน่ ก็ดูสิ..มันกำหมัดซะแน่นเชียว
“ ทำไมต้องคอยหาเรื่องฉันด้วย นายเป็นบ้าอะไรห๊ะ!! “ มันตะโกนใส่หน้าผมอีกแล้ว แล้วเสียงมันก็นะไม่เห็นจะทุ้มต่ำอย่างผมซักนิด ออกจะติดแหบๆห้าวๆยังไงไม่รู้ฟังแล้วแปลกๆ แล้วที่มันถามมาเมื่อกี้นี้ที่ว่าทำไมถึงชอบหาเรื่องมันนักใช่ไหม จริงๆแล้วเพื่อนๆในกลุ่มมันเคยถามผมแล้ว แล้วผมก็ตอบมันไปแบบนี้
“ ก็..ไม่มีอะไรมาก ก็แค่หมั่นไส้ ก็..แค่ไม่ชอบหน้า ก็แค่นั้น “ ใช่ผมตอบเพื่อนๆมันไปแบบนี้จริงๆ แบบที่กำลังตอบไอ้เตี้ยที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้แหละ ดูสิมันจ้องผมตาไม่กระพริบเลย คงจะโกรธมากซินะ เอาเลยโกรธฉันให้มากๆเอาแบบให้กระอักเลือดไปเลยยิ่งดี
คนอะไรวะ แค่เห็นหน้าก็หมั่นไส้จนแทบบ้า
มันไม่พูดอะไรนอกจากยืนจ้องหน้าผมแบบนั้นอยู่อึดใจแล้วมันก็ทำท่าจะเดินหนีผมเลยขว้าหมับไปที่แขนของมันแล้วออกแรงดึงอีกนิด
“ อ๊ะ “ มันร้องออกมาแค่นั้นเมื่อตัวมันเซเข้ามาปะทะที่อกผม อะไรวะออกแรงแค่นิดเดียวตัวก็ปลิวติดมือมาซะแล้ว มือของผมที่จับแขนมันอยู่ทำให้ได้รู้ว่าแขนของไอ้เตี้ยมันเล็กนิดเดียวจริงๆ คนบ้าอะไรตัวเล็กชะมัด ปกติเวลาคุย อ๊ะ! ไม่ใช่ซิเวลาที่ผมหาเรื่องมันก็มักจะคุยกันเว้นระยะห่างพอสมควร ไม่ได้ใกล้กันมากแต่คราวนี้พอได้ยืนใกล้ๆกันถึงได้รู้ว่ามันตัวเตี้ยจริงๆ ดูสิหัวของมันเลยหัวไหล่ผมมานิดเดียวเอง
น่าสงสารว่ะ สงสัยแม่ไม่รักถึงได้ให้กินนมนิดเดียว ตัวมันเลยมีแค่นี้
“ ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะบอกให้ปล่อย โจวคยูฮยอนฉันบอกให้ปล่อยไงไอ้บ้า “ มันพูดวกไปวนมาแถมยังส่งเสียงดังจนผมรำคาญเลยเพิ่มแรงบีบที่แขนมันไปอีกนิด ท่าทางมันคงจะเจ็บน่าดูแล้วก็คงโกรธผมมากๆ ปากแดงๆของมันเลยเม้มแน่นมากขึ้น มันกัดปากตัวเองจนผมเห็นมันเป็นรอยแดงช้ำ ท่าทางมันจะบ้าไปแล้วกัดปากตัวเองทำไม....โง่จริงๆ
แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรต่อเพื่อนในกลุ่มก็เข้ามากระซิบบอกว่าอาจารย์กำลังเดินมาที่นี่ ถือว่าเป็นโชคดีของไอ้เตี้ยมันนะ ที่มีอาจารย์เข้ามาช่วยไว้ทันไม่งั้นมันคงจะเจ็บตัวมากกว่านี้เป็นแน่ ผมปล่อยแขนออกแล้วเดินหันหลังให้กับมันทันที ถึงผมจะไม่ได้หันไปมองผมก็พอจะรู้ว่ามันคงจะต้องร้องไห้อีกแน่ๆเพราะว่าทุกครั้งมันก็เป็นแบบนี้ ทุกครั้งที่มันต้องจบลงที่ อีทงเฮ ต้องเสียน้ำตาให้กับผม
หลังจากวันนั้นเหตุการณ์ที่โรงอาหารผมก็ไม่ค่อยเห็นหน้าไอ้เตี้ยนัก แต่ก็นั่นแหละเพราะช่วงนี้ผมมีการบ้านบวกกับรายงานอีกเป็นตั้งผมเลยไม่มีเวลาไปหาเรื่องให้มันต้องเสียน้ำตาอีก ที่มันกับผมไม่ค่อยได้เจอกันก็เพราะว่ามันกับผมน่ะอยู่กันคนละห้องแม้ว่าจะอยู่ชั้นเดียวกันก็ตาม ก็นะไอคิวระดับผมมันต้องห้องเอเท่านั้น ส่วนไอ้เตี้ยนั่นมันห้องบีไอคิวระดับนั้นได้ห้องบีก็ดีจะแย่แล้ว
แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเหงาที่ไม่ได้รับฝีปากกับผมหรอกนะ เพราะว่าเมื่อกี้อาจารย์เพิ่งจะบอกว่าจะให้พวกเราสองห้องจับคู่กันทำรายงาน แล้วก็เหมือนโชคจะเข้าข้างผมซะด้วยเพราะไอ้ชื่อที่อาจารย์ประกาศว่าจะได้คู่กับผมน่ะมันคือชื่อของไอ้เตี้ยนั่นแหละ อีทงเฮ นายหนีฉันไม่พ้นหรอก
“ ฮึ “ ผมทำแค่ส่งเสียงในลำคอแค่นั้นเมื่อหันไปสบตากับมันเข้าแบบบังเอิญมันหลบตาผมแทบจะในทันที ผมไม่คิดจะสนใจมันเพราะจะยังไงซะมันก็ต้องเจอกับผมไปอีกนานผมเลยหันไปสนใจที่อาจารย์พูดต่อ ปล่อยให้มันทำใจสักพัก
หลังจากที่อาจารย์พูดถึงรายละเอียดที่จะต้องทำส่งให้ฟังคร่าวๆแล้วอาจารย์ก็ให้แยกย้ายกันไปทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมกลุ่มที่ต้องทำรายงานร่วมกันไปอีกสองอาทิตย์ แต่สำหรับผมกับไอ้เตี้ยคงไม่ต้องเพราะว่าผมรู้จักมันดี ลูกเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรที่ขึ้นชื่อเรื่องความแพงชนิดที่เรียกว่าถ้าไม่มีเงินล้านอย่าหวังจะได้เหยียบเลย ถูกเลี้ยงมาแบบผิดๆที่ผมบอกว่าผิดน่ะก็คือไม่ยอมให้มันหยิบจับอะไรเลยน่ะซิ มันก็เลยเป็นแบบนี้เอะอะก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งตลอด ไปไหนมาไหนก็มีรถรับส่งจนผมคิดว่ามันจะทำอะไรเป็นบ้างไหมในชาตินี้
ผมนั่งจดอะไรต่อมิอะไรลงในสมุดไปเรื่อยในหัวก็คิดไปว่าจะหาหัวข้ออะไรมาทำรายงานได้บ้างจนไม่ได้สนใจว่าคู่ของผม ก็ไอ้เตี้ยไง มันทำอะไรอยู่พอหันไปอีกทีก็เห็นมันเดินดุ่มๆออกไปจากห้องแล้ว ไวเท่าความคิดผมใช้ขายาวๆของตัวเองให้เป็นประโยชน์โดยการก้าวไปทันขวางไอ้เตี้ยไว้ได้
“ จะไปไหน “ เสียงแข็งๆที่ส่งไปให้ผมรู้ว่ามันรู้ว่าผมไม่พอใจ
“ จะไปหาอาจารย์ “ มันตอบแค่นั้นแล้วเอี้ยวตัวทำท่าจะเดินไปต่อ
“ ไปหาทำไม ไม่ทราบ “ คราวนี้ไม่ได้ตั้งใจจะกวนแต่แค่อยากรู้ว่ามันจะไปหาทำไมในเมื่ออาจารย์เพิ่งจะออกไปตะกี้ ถ้ามีเรื่องสงสัยทำไมไม่ถามตั้งแต่แรกวะ ชอบทำให้มันยุ่งยากอยู่เรื่อยสิน่า
“ ฉันจะไปบอกอาจารย์ว่าฉันขอเปลี่ยนคู่ “ มันพูดแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าหลบตาผม เพราะตอนนี้หน้าตาผมคงจะน่ากลัวมากๆ ก็จะไม่ให้ผมโกรธได้ไงมันกำลังจะขอเปลี่ยนคู่ ก็คู่มันน่ะผมนะครับ
“ เปลี่ยนทำไม “ เสียงแข็งๆของผมเอ่ยถามมันออกไปตามแรงอารมณ์
“ ทำไม คู่กับฉันแล้วมันจะตายหรือไงห๊ะ! “ ผมยังคงใส่อารมณ์กับมันเหมือนเดิม ก็ดูมันซิทำเป็นก้มหน้าหลบสายตา
“ ก็...นายไม่ชอบหน้าฉันไมใช่เหรอ แล้วยังจะให้ฉันคู่ด้วยทำไมล่ะ “ มันตอบผมด้วยเสียงที่ดังไม่ต่างกัน แต่ว่าความน่ากลัวของผมคงกินขาด
“ ไม่...ห้ามเปลี่ยนถ้านายไปบอกอาจารย์ว่าจะขอเปลี่ยนคู่ล่ะก็...เราเห็นดีกันแน่ อีทงเฮ “ พูดจบผมก็เดินกลับเข้าไปในห้องแล้วรวบบรรดาอุปกรณ์ต่างๆบนโต๊ะเข้ากระเป๋าอย่างเร็วแล้วเดินออกมาจากห้องทันที ตอนเดินออกจากห้องผมยังเห็นไอ้เตี้ยมันยืนนิ่งเป็นอนุสาวรีย์อยู่ที่เดิมก่อนที่ผมจะเข้าห้องไป มันเป็นบ้าอะไรอีกแล้ว หรือว่าดีใจที่ผมไม่ยอมให้เปลี่ยนคู่ล่ะมั้ง ก่อนจะเดินผ่านมันไปผมส่งสายตาให้มันอีกรอบ มันสบตาผมแค่แวบเดียวแล้วก็ก้มหน้ามองพื้นต่อ
ฮึ...ถ้าไม่ทำตามที่บอกล่ะก็...เราเจอกัน
“ นี่..คยูฮยอนนายช่วยดูตรงนี้หน่อยซิ “
“ อยากทำก็ทำเองดิ “
“นี่คยูฮยอน อย่าเพิ่งหลับได้ไหมอ่ะ “
“ ก็คนมันง่วงนี่นา อย่าเสียงดังได้ไหมล่ะ “
“ คยูฮยอนเจอกันที่เดิมนะ อย่าไปสายล่ะ “
“ ก็อย่าไปเร็วซิ... แต่ถ้าอยากรอก็ตามใจ “
“ คยูฮยอนลุกมานั่งดีๆซิ แล้วก็มาช่วยเขียนตรงนี้ด้วย “
“ อยากทำอะไรก็ทำไปซิ อย่ากวนใจได้ป่ะ รำคาญ “
วันนี้ล่วงเข้าวันที่สามแล้วที่ผมกับไอ้เตี้ยต้องมานั่งทำรายงานด้วยกัน โต๊ะหินอ่อนหน้าอาคารเรียนคือที่ๆมันนัดให้ผมมานั่งทำรายงานพร้อมกับมัน แต่ถ้าจะให้พูดให้ถูกทุกครั้งที่มานั่งทำรายงานด้วยกันก็คือผมเอาแต่นอนแล้วปล่อยให้มันทำไป ถึงมันจะไม่ฉลาดเท่าผม แต่ผมก็รู้ว่าไอ้เตี้ยมันเก่งเรื่องการเขียนรายงานเป็นที่สุด เพราะฉะนั้นให้มันทำไปน่ะดีที่สุดแล้ว ส่วนสุดหล่ออย่างผมก็เอาแค่ร่างกายมานั่งเป็นเพื่อนมันเท่านั้นเอง อา..แล้วก็ทนรำคาญกับเสียงของมันที่ค่อยแต่จะเรียกผมอยู่นั่นแหละทั้งๆที่รู้อยู่ว่าเรียกไปก็โดนผมว่า โดนผมดุอยู่ดี แล้วทุกครั้งที่โดนว่ามันก็จะทำหน้าเหมือนลูกสุนัขโดนทิ้งยังไงยังไงแหละ น่าสงสารตายหล่ะ
“ นี่คยูฮยอนวันเสาร์นี้มาทำรายงานด้วยกันนะ “ มันได้ฤกษ์พูดออกมาหลังจากโดนผมตะคอกไปที่มันเอาแต่เซ้าซี้ให้ผมดูที่มันเขียนว่าดีหรือยัง คนอะไรน่ารำคาญสุดๆไปเลย..
“ ขี้เกียจ อยากนอน “ ผมตอบไปตามที่ใจคิดเป๊ะๆ
“ แต่ว่า..รายงานเรามันยังไม่ไปไหนเลยนะ “ มันพูดเสียงอ่อยๆเหมือนหมาหงอยที่ผมบอกเป๊ะ พูดจบมันก็เงียบมันเงียบจนผมต้องหันหน้าไปดูว่ามันเฉาตายไปหรือยัง เห็นหน้ามันแล้วบอกตรงๆหงุดหงิดชะมัด ก็ดูซิหน้ามันจะเฉาไปไหน ตาที่เคยแป๋วๆนั่นก็เหมือนกำลังจะฉ่ำน้ำซะงั้น แปลตรงๆก็คือมันกำลังจะร้องไห้
“ เออๆก็ได้ ไม่ต้องร้องไห้เลยนะ หยุดๆเลยรำคาญ “ ผมรีบบอกให้มันหยุดบีบน้ำตาทันทีที่เห็นว่าไอ้น้ำใสๆนั่นกำลังกลั่นตัวแล้วตั้งท่าจะทิ้งตัวลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่รอมมะร่อ
“ งั้น...แล้วจะโทรไปบอกอีกนะว่าที่ไหน “ นี่ผมเป็นบ้าไปแล้วรึไง ผมกำลังตามใจไอ้เตี้ยนั่นเพราะแค่เห็นมันจะร้องไห้ใช่ไหม
...ผมคงใกล้บ้าเพราะอยู่ใกล้มันแน่ๆ
อีทงเฮ โทรมานัดผมเรื่องสถานที่ตอนค่ำๆหลังจากที่แยกกันที่โรงเรียน ผมไม่เข้าใจว่ามันจะบอกตอนที่อยู่ด้วยกันมันจะเป็นอะไรต้องโทรบอกให้เปลืองเงินค่าโทรทำไมวะ แต่อย่างว่ามันลูกคุณหนูแต่กำเนิดเศษเงินแค่นี้ไม่ระคายผิวพ่อแม่มันหรอก
ผมมาถึงสถานที่นัดหลังจากปล่อยให้เวลาผ่าน9โมงไปซัก20นาทีได้ ไม่เข้าใจว่ามันจะตื่นมานัดทำไมแต่เช้าคนมันง่วงนะเว้ย!! พอมาถึงสายตาผมกำลังส่องหาไอ้คนที่มันนัดผมไว้แต่ว่ายังไม่เห็นแม้แต่เงา ขายาวๆก้าวเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินที่ปูด้วยก้อนหินวางห่างๆแซมด้วยหญ้าเขียวชอุ่มตา ไอ้เตี้ยมันนึกยังไงถึงได้นัดมาทำรายงานในสวนสาธารณะแบบนี้วะ ผมล่ะไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ สามลมที่พัดเอาอากาศบริสุทธิ์มากระทบจมูกทำให้ผมเผลอตัวสูดรับเอาความสดชื่นเข้าไปเต็มปอด อากาศรอบๆตัวทำให้ผมผ่อนคลายอย่างประหลาดแฮะ แต่ว่าไอ้ตัวดีมันไปแอบอยู่ไหนเนี่ย ถ้าจะให้เดินหาอยู่แบบนี้ไม่ไหวนะเว้ย แม้ว่าอากาศจะดีแต่อย่าให้คนหล่อหงุดหงิดนะขอร้อง..
“ คริ ๆ “
“ ฮ่า..ฮ่าๆๆ “ เดินไปเดินมาหูผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังหัวเราะ ดูเหมือนจะเป็นเสียงเด็ก แต่ว่าอีกเสียงน่ะผมว่ามันคุ้นๆนะ ผมเดินตรงไปอีกนิดพอเลยพุ่มไม้ตรงหน้าเท่านั้น นั่นไงไอ้เตี้ยมันกำลังเริงร่าอยู่กับเด็กๆสองสามคนที่ยืนรายล้อมมันอยู่ ท่าทางที่ดูผ่อนคลาย รอยยิ้มที่ผมเองแทบจะไม่เคยได้เห็น ไม่ซิ..ไม่เคยเห็นเลยต่างหากกำลังถูกส่งไปให้เด็กน้อยเหล่านั้น เด็กน้อยที่กำลังวิ่งไล่ไอ้เตี้ยที่ในมือของมันถือลูกโป่งอยู่ มันวิ่งไปรอบๆโดยมีเด็กวิ่งตามเสียงหัวเราะที่ดังออกมาจากปากสีแดงนั่นมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าผมยืนมองดูภาพนั้นนานแค่ไหน แต่รู้อีกทีก็ตอนที่เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้าเพราะว่าลูกโป่งใบน้อยดันลอยไปติดอยู่กับปลายกิ่งไม้ซะแล้ว
“ โอ๋ๆๆๆอย่าร้องนะครับเดี๋ยวพี่จะเก็บให้นะครับ “ เสียงห้าวๆที่ผมต้องทนฟังมาสามวันเอ่ยออกมาพร้อมกับที่ไอ้เตี้ยมันเอื้อมมือไปลูบหลังเด็กน้อยเพื่อปลอบให้หยุดร้องไห้ พอพูดจบมันก็เดินไปหยุดมองดูลูกโป่งที่ลอยเด่นอยู่ที่ปลายกิ่งไม้ ไอ้เตี้ยมันพยายามกระโดดเอื้อมมือเพื่อจะจับเอาปลายเชือกที่ห้อยอยู่ แต่อย่างว่าหละเตี้ยๆอย่างมันจะจับถึงได้ไง ปลายนิ้วมันเลยแตะได้แค่ปลายเชือกแค่นั้น มันกระโดดอยู่สองสามทีก็ทำท่าเหนื่อย มันหันมองไปรอบๆคงจะหาตัวช่วยล่ะซิแต่ว่าสุดท้ายก็แห้วมันเดินกลับมาแล้วพยายามกระโดดอีกครั้ง
“ ฮือ..ฮือๆๆๆ “ เด็กน้อยผู้รอคอยความหวังจากไอ้เตี้ยยังคงร้องไห้ต่อไปเพราะว่าไอ้เตี้ยมันยังไม่สามารถจะเอาลูกโป่งลงมาได้ แล้วดูท่ามันคงกำลังจะหมดแรงซะแล้วซิ
“ อึบ..อึบ “ ไอ้เตี้ยมันส่งเสียงเพื่อเรียกพลังและส่งตัวเองให้สูงขึ้น แต่ว่าทุกครั้งขามันก็แตะพื้นพร้อมกับมือที่ว่างเปล่าไม่มีลูกโป่งใบน้อยที่เด็กๆตั้งตารอ ผมว่าท่าทางมันคงจะตายก่อนที่จะได้ลูกโป่งมาคืนเด็กๆแล้วหละ
“ หวา!! “ ไอ้เตี้ยมันร้องซะเสียงหลงที่จู่ตัวเองก็ถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอย....ก็จะใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่สุดหล่ออย่างผมที่...นี่ผมเป็นบ้าอะไรไปแล้ว ก็ที่ผมทำอยู่ตอนนี้คือสองแขนของผมโอบรอบต้นขาของไอ้เตี้ยแล้วยกมันขึ้นไปจนสุดตัว ด้วยความตกใจบวกกับความกลัวล่ะมั้งเลยทำให้ไอ้เตี้ยมันร้องซะดังแถมสองมือของมันยังจับบ่าผมซะแน่นชียว สายตาที่มันจ้องผมเต็มไปด้วยคำถามที่ผมรู้ว่ามันคงอยากรู้ว่าผมทำแบบนี้ทำไมแน่ๆ
“ เอ้า!!รีบๆจับเชือกเร็วๆดิ หนักนะเว้ย! “ ก่อนที่มันจะอ้าปากถามผมก็รีบเอ่ยบอกมันไปก่อน ก็ตัวไอ้เตี้ยน่ะใช่ว่าจะเบาซะเมื่อไหร่ มันก้มหน้ามองผมอยู่แวบหนึ่งแล้วเหมือนจะนึกได้ว่าผมหมายถึงอะไร ก็อย่างที่บอกไงว่าไอคิวระดับมันน่ะได้อยู่ห้องบีก็ดีตายห่าแล้ว ผมมองดูความพยายามของไอ้เตี้ยที่ถูกผมอุ้มอยู่แล้วก็ให้ขำว่ะ แขนสั้นๆของมันยืดเต็มที่สุดๆเพื่อที่จะเอื้อมเอาปลายเชือกของลูกโป่งให้ได้
“ คยูฮยอน..ยกฉันขึ้นไปอีกซิ เกือบจะถึงแล้ว “ มันร้องบอกผมในขณะที่มือก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะจับปลายเชือกให้ได้
“ ก็ยืดตัวขึ้นไปอีกดิ คนอะไรวะแขนขาสั้นไปหมด “ ปากผมยังไม่วายจะเอาปมด้อยมันมาล้อ ก็อย่างว่าล่ะมันเคยตัวนี่นา
..เพี๊ยะ..
“ โอ้ย!!ตีทำไมวะ เจ็บนะโว้ย “ ผมร้องโวยวายทันทีที่ไอ้เตี้ยมันตีมือของมันลงมาที่ไหลผมอย่างไม่เบาแรงเลย มันไม่ตอบอะไรนอกจากส่งสายตาขุ่นๆมามองผม ผมเงยหน้าขึ้นมองมันแป๊บหนึ่งในขณะที่มันก็กำลังมองมาที่ผมเหมือนกัน
...ตึก..ตึก.
...ตึก...ตึก...
ชั่วอึดใจที่สบตากันผมรู้สึกเหมือนว่าหัวใจตัวเองเต้นผิดจังหวะ...แต่อาจจะเพราะน้ำหนักตัวของไอ้เตี้ยที่ผมกำลังอุ้มอยู่ก็ได้ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนแน่นที่หน้าอกด้านซ้ายแปลกๆ
“ เร็วๆดิ ชักช้าจริงๆหนักนะคิดว่าตัวเองเป็นนุ่นหรือไงห๊ะ “ แต่ก่อนที่ความรู้สึกแปลกจะเข้าครอบงำผมก็หันเร่งไอ้คนที่ปล่อยน้ำหนักตัวทำร้ายหัวใจผมแทน ไอ้เตี้ยมันพยายามยืดตัวเพื่อจับเชือกอยู่สองสามทีสุดท้ายความพยายามของผมกับมันก็ประสบความสำเร็จมันสามารถคว้าปลายเชือกไว้ได้ซะที แต่กว่าจะได้ก็เล่นเอาแขนผมชาไปพักหนึ่งเลย
“ อา...ได้แล้ว “ ไอ้เตี้ยร้องออกมาอย่างดีใจพร้อมกับก้มหน้ามามองผมในขณะที่รอยยิ้มนั่นยังอยู่บนใบหน้ามัน
..และเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่มันยิ้มให้ผม
รอยยิ้มของมันทำให้ผมเผลอตัวยิ้มตอบมันไปก่อนจะวางมันให้ขามันแตะพื้นอย่างที่ควรจะเป็น ไอ้เตี้ยรีบวิ่งไปหาเด็กน้อยที่ตอนนี้รอยยิ้มไร้เดียงสาปรากฏขึ้นเต็มใบหน้า
“ ขอบคุณครับ “ เสียงใสๆของเด็กน้อยที่เอ่ยออกมาทำให้ผมอดจะยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ นี่ซินะ..ที่เข้าเรียกว่าการให้มันทำให้เราอิ่มในอกแบบที่ไม่เคยเป็น ที่เขาเรียกว่ามันอิ่มใจเป็นแบบนี้นี่เอง ผมกับไอ้เตี้ยยืนมองเด็กๆที่เดินตามผู้ปกครองเดินห่างออกไป แต่จู่ๆไอ้เตี้ยมันก็หันมาหาผมแบบไม่ให้ตั้งตัวรอยยิ้มยังอยู่บนใบหน้าหมวยๆของมัน มันท่าจะบ้าไปแล้วหรือว่ามันลืมไปว่าคนที่มันยิ้มให้อยู่ตอนนี้คือผมไม่ใช่เด็กๆพวกนั้น
“ มัวแต่ทำเรื่องไร้สาระอยู่นั่นแหละ เมื่อไหร่จะได้ทำล่ะรายงานน่ะ ถ้าไม่ทำฉันจะได้กลับ “ ได้ผลแหะรอยยิ้มประหลาดๆของมันหายวับไปกับตาเหลือแต่ตาวาวๆที่ดูก็รู้ว่ามันขุ่นใจมิใช่น้อย ขาสั้นของมันก้าวเดินเข้ามาใกล้ผมและกำลังจะเดินผ่านไป แต่...
“ ขอบใจนะ “ มันหันมาหาผมแล้วพูดคำนั้นออกมาเบาๆให้ได้ยินกันสองคน พูดจบมันก็เดินผ่านผมไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันท่าจะบ้าโดนด่ายังจะมีหน้ามาขอบใจผมอีก.......
.......อีทงเฮคนบ้า
.........................................................................
จบตอนที่1 หลังจากหายไปนานมากกลับมาแล้วฮิฮิ
ยังไงก็เข้ามาอ่านหน่อยนะ
ความคิดเห็น