คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Killer 3: วางแผน
2 วัน ต่อมา
โรงเรียนเวทมนตร์ดาราเทียร์
“เมื่อไหร่คาร์ลจะมาสักที”ซัคกี้บ่นงึมงำอย่างอารมณ์เสีย ก่อนหันไปล้มตัวนั่งลงกับเก้าอี้ในสวนของโรงเรียนชื่อดัง
“เดี๋ยวก็คงมา”ไซน์กล่าว แม้ว่าตัวเองเริ่มจะอารมณ์เสียด้วยเหมือนกัน
“อ่ะ พี่ไซน์ พี่ซัคกี้”เสียงหวานๆดังทัก พร้อมกับร่างเล็กที่วิ่งหอบหนังสือตรงมาทางนี้
“เดี๋ยวดูอะไรนะชัคกี้...”
โครม~!
“อ๋อย เจ็บจัง”เอมี่ร้องแผ่วๆ ก่อนลุกขึ้นยืนปัดตัวเอง โดยมีซัคกี้มองอย่างเหลือเชื่อ
“เมื่อกี้ยัยเปี้ยกสะดุดอากาศล้มใช่ไหมล่ะนะ”ซัคกี้ถามเสียงแผ่ว
“ใช่เลยล่ะ”ไซน์กล่าวด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “น้องเอมี่ครับ แล้วนี้หอบหนังสือจะไปไหนล่ะเนี้ย”
เอมี่ที่กำลังเก็บหนังสือหันมามองส่งยิ้มแห้งก่อนกล่าวว่า “เป็นความลับคะ”
“หืม...เรื่อง หอคอยทมิฬกับเซอร์อเล็กซ์ผู้ชั่วร้าย”ไนต์ที่พึ่งมาถึงในชุดหล่อครบสูตรหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาเปิดดูด้วยความสนใจ
“อ๊าย อย่ายุ่งกับของของคาร์ลนะ อุ๊บ!”เอมี่รีบตะครุบปากตัวเอง ก่อนวิ่งไปแย่งหนังสือ แล้วหนีจากไป
“ของคาร์ลงั้นหรอ”ซัคกี้ทวน ก่อนหันไปมองหัวหน้าทีมที่กำลังแสยะยิ้มอยู่
“งั้น เราไปเที่ยวที่ห้องสมุดกันบ้างดีไหม พรรคพวก?”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ห้องสมุดประจำโรงเรียน
“ห๊า ว่าไงนะ โดนพวกนั้นเห็นหนังสือหรอ????”คาร์ลแผดเสียงดังลั่นห้องสมุดที่ไร้ซึ่งผู้คน ก่อนคว้าหนังสือต้นเหตุขึ้นมาพิจารณา
“เค้าขอโทษนะคาร์ล เค้าไม่ได้ตั้งใจ”เอมี่น้ำตาคลออย่างน่าสงสาร คาร์ลส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
“เธอรู้ไหมวินดี้ ว่าหนังสือที่โดนแอบอ่านไปนะ เป็นหนังสือที่มีคำสาป!!”คาร์ลบอกอย่างโมโห เอมี่ชะงัก หันมามองด้วยความเหลือเชื่อ
“หนังสือ ต้องคำสาปหรอคาร์ล?”เสียงหวานกับเสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกัน คาร์ลหันไปมองอย่างตื่นๆ ก่อนหันไปส่งสายตาโมโหอาฆาตให้เอมี่
‘มันน่านัก!!! ดันไปพาเจ้าพวกนี้มาอีก จะบ้าตาย!!!!’
“ว่าไงคาร์ล”ไซน์ทำเสียงเหี้ยม ในขณะ ‘ว่าที่ผู้ต้องคำสาป’ กำลังเดินดูหนังสือที่วางกระจัดกระจายบนโต๊ะ
“อย่าแตะหนังสือพวกนั้น!!!”คาร์ลแผดเสียงร้อง เมื่อไนต์จะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาดู ทำให้มือเรียวยาวนั้นชะงักทันควัน “มันเป็นหนังสือที่มีคำสาป และที่สำคัญมันต้องได้รับการจับอย่างทะนุถนอม ไม่ใช่จับเหวี่ยงไปมา!!”
“มันก็แค่หนังสือไม่ใช่หรอ”ซัคกี้ถามอย่างสนใจ “ทำไมมันถึงเป็นหนังสือที่มีคำสาปล่ะ”
“มันเป็นหนังสือต้องคำสาปไงเล่า!!”คาร์ลกล่าวอย่างเดือดดาล “และมันเป็นทรัพย์สมบัติของหัวหน้าชมรมนักสืบอย่างฉันเท่านั้น!!”
“หัวหน้าชมรมนักสืบหรอ”ไนต์ถามอย่างตื่นเต้นน้อยๆ
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”ไซน์เอ่ยตัดบทอย่างน่ารำคาญ “แล้วเรื่องงานของเราล่ะ?”
“ก็อยู่ในหนังสือนั้นนะแหละ”คาร์ลเริ่มใจเย็น ก่อนรีบกวาดหนังสือมาไว้ใกล้ตัวให้มากที่สุด
“ฉันให้เวลา 2 วันเท่านั้นนะ”ไซน์หรี่ตามองอย่างไม่สบอารมณ์
“ยังเหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมงก่อนจะครบ 2 วัน”คาร์ลเอ่ยขณะกำลังกวาดสายตามองตัวหนังสือมากมายเหล่านั้น “และมันคงจะทัน ถ้าไม่มีใครมากวนเวลาของฉัน”
“งั้นฉันก็จะไม่กวน แต่จะช่วยหาให้”ไซน์กล่าวอย่างเรียบเฉียบ
“ไม่ได้ๆๆๆ งานนี้ฉันต้องทำเดียว เพราะฉะนั้น กรุณานั่งกันเงียบๆนะ”คาร์ลกล่าวปิดท้ายก่อนจะตัดสินใจไปอ่านหนังสือแล้วจดใส่สมุดของตัวเองอย่างรวดเร็ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ให้ตายสิคาร์ล เมื่อไหร่นายจะเสร็จเนี้ย”ซัคกี้บ่นเป็นรอบที่ 200 เธอมักจะบ่นพร้อมๆกับที่คาร์มักจะถอนหายใจแล้วเปลี่ยนหนังสือเล่มใหม่
“เฮ้อ~! งั้นเสร็จแล้วก็ได้”คาร์ลเอ่ยอย่างเซ็งๆ มือสองข้างทึ้งผมอย่างปวดหัว “หาเจอก็เหมือนไม่เจอ”
“แล้วข้อมูลที่นายหาได้มีอะไรบ้างล่ะ”ไซน์ถาม “หวังว่ามันจะมีนะ...”
“มีอยู่แล้วน่า...ทำเป็นตาแก่ขี้บ่นไปได้”คาร์ลบ่นงึมงำ “เอาล่ะ ฟังให้ดีนะ”
“นิทราราตรีมาเยือน
เหล่าเมฆคล้อยเคลื่อนเร่งรีบ
ฝูงป่าหลบหลีกจรลี
ไพรีเงียบเสียงรอฟัง
หอคอยทมิฬแห่งภพ
เสียงโหยหวนจากนรกเต็มที่
ปิศาจนรกแห่งอเวจี
กำลังรอคอยการมา
ผู้กล้าท่านใดมาถึง
โปรดรำพึงชีวันที่สดใส
เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ความตาย
คำสาปนิจนิรันดร์จะมาเยือน”
“มันมีความหมายว่าไง”ไนต์ถามทันทีที่คาร์ลลืมตาจากห้วงความคิดของตน “ปิศาจนรกแห่งอเวจิ กับ คำสาปนิจนิรันดร์นะ”
“อย่าถามฉัน เพราะนั้นคือคำถามในใจของฉันเหมือนกัน”คาร์ลกล่าวพลางยิ้มแห้งๆ “กลอนนี้มาจากห้องโถงใหญ่ในหอคอยทมิฬที่เจ้าชาติชั่วตัวดำอยู่”
“ไหนนายเคยบอกว่าไม่มีใครเข้าแล้วออกมาได้ไง”ซัคกี้แย้งขึ้นมา
“ไม่มีอะไรที่แน่นอน”คาร์ลเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันลองไปหาเรื่องเจ้าปิศาจที่ว่าจากหนังสือ...เอ่อ...ช่างชื่อหนังสือมัน เอาเป็นว่า ในหนังสือเล่มนั้นกล่าวว่า...
“ปิศาจแห่งแดนนรก
ผู้เจนจบมนตรามหาเวทย์
พละกำลังพิเศษเหลือคณา
รูปร่างสูงใหญ่ปานตึก
หน้าตาพิลึกขบขัน
ว่ากันว่าเป็นลูกมือคนสำคัญ
ของจอมมารในวังแห่งซาตาน”
“สรุปว่าเจ้าตัวนี้มันเก่ง”ไซน์สรุปถามกล่าวความเงียบ “แล้วเรื่องหอคอย สรุปว่าก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าขึ้นมา นอกจากกลอนงี่เง่ายาวเหยียดตอนแรก กับกลอนสั้นทุเรศตอนสุดท้ายนี้หรอกนะ”
“เฮ้ย! มาดูถูกกันได้ รู้ไหมว่าต้องเสี่ยงขนาดไหน แถมยังลำบากอีกตั้งหาก เออ เรื่องอีกกลอนหนึ่ง...”
“ฉันเบื่อจะฟังกลอนแล้วนะ”ซัคกี้กล่าวอย่างเดือดๆ “ถ้างั้นบุกไปพังหอคอยบ้านั้นให้ราบคาบแล้วกลับมานั่งเล่นในเมืองยังจะดีกว่า”
“เฮ้อ...”คาร์ลถอนหายใจ ก่อนก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือของตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืนมองทุกคน ก่อนเดินออกจากห้องสมุดพร้อมกับกลอนสุดท้ายที่เขาอยากจะบอกเพื่อนๆชุดลุยแหลก
“มนตราพิฆาตใดๆ
หาทำลายมันได้นอกจากความมืด
พลังเวทย์ที่มาก หรือ จะสู้พลังกายที่เฉียบแหลม
จอมปิศาจหรือจอมคน
ล้วนเป็นเพียงหน้ากากแก้ว
เพียงเพ่งพิศจิตคิดตามแล้ว
ท่านจะเข้าใจแจ่มแจ้งว่าทำไม”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ห้องประชุมลับ โรงแรมเดธคิล (เจ้าเดิม)
“สรุปแล้ว ต้องมีพลังมืดถึงจะล้มเจ้าปิศาจได้”ซัคกี้เอ่ยขึ้นมา เมื่อในที่ประชุมมีเพียงเหล่า นักฆ่า ที่นั่งจมความคิดของแต่ละคน
“ต้องเป็นพลังเวทย์ที่ใช้กับร่างกาย น่าจะใช้ควบกับดาบ”ไนต์เอ่ยแสดงความคิดเห็น
“ถ้ามีเจ้าคาร์ล ป่านนี้เจ้านั้นคงบอกเราแล้วล่ะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”ซัคกี้เอ่ยอย่างไม่พอใจนิดๆ “ดันทำตัวเป็นนางเอก ว่านิด บ่นหน่อยก็ไม่ได้”
“ว่าใครเป็นนางเอกครับเจ๊”คาร์ลที่มาในมาดชุดนักสำรวจเต็มยศ ข้างหลังพวงด้วยเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่อยู่ในชุดสีขาว...ชุดของพระเจ้า
“เรียก-ใคร-ว่า-เจ๊!!!”ซัคกี้ตวาดออกมา แม้จะดูโกรธๆ แต่ก็มีรอยยิ้มน้อยๆระบายอยู่บนมุมปาก
“อุ๊ย ”คาร์ลเผลอร้องออกมาด้วยความผวา “ฉันไปหาพาหนะเดินทางให้แล้วนะ วันเดียวถึง”
“วันเดียว!?! ไหนตอนแรกบอกว่าสองวันไงล่ะ”ซัคกี้หลุดปากถามเสียงหลง
“เอาเป็นว่าผมทำได้แล้วกันครับ“คาร์ล (ซึ่งคงยังผวาอยู่) เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “วินดี้ เอาอาวุธออกมา”
“ได้เลยคะ!!”เอมี่รับเสียงแข็งขันจนคนอยากไนต์เผลอยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ก่อนรอยยิ้มจะหายไปทันทีที่เห็นอาวุธที่ว่า
“ดาบเห่ยๆเนี้ยนะ!”ซัคกี้เผลอร้องเสียงหลง (อีกรอบ)
ดาบสีเงิน...เอ่อ...ดาบสีสนิมเกาะ ที่จับด้ามกับตัวดาบดูเหมือนจะหลุดไม่หลุดแหล่ นี้มันดาบหรือเศษเหล็กกันแน่!!
“วินดี้...”คาร์ลเอ่ยเสียงเย็น มองเด็กผู้หญิงที่ตอนนี้ตัวหดเล็กลง “ใครให้เธอเอาดาบเซ็งเคร็งนี้มาห๊ะ ฉันบอกให้หยิบดาบสีดำ ไม่ใช่สีสนิม!!”
“เอมี่ล้อเล่นค่ะ อันจริงอยู่นี้”เอมี่ยิ้มกว้างๆ (อย่างหวาดกลัว) ก่อนหยิบดาบสีดำที่มีรูปร่างและลักษณะแตกต่างกันออกมาวางหน้าซัคกี้และไนต์
ดาบที่วางหน้าซัคกี้ เป็นดาบที่มีตัวดาบสีเงินวาววับคมกริม ด้ามจับสีดำ ตรงปลายมีลูกแก้วสีดำขุ่นเป็นตัวถ่วงให้ดาบมีน้ำหนักในการเหวี่ยงมากขึ้น สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดก็คงเป็นอัญมณีสีแดงสดที่อยู่ตรงข้อต่อระหว่างตัวดาบกับด้าม
“อัญมณีอะไรนะ”ซัคกี้อุทานเบาๆกับตัวเอง เพราะเธอเป็นคนที่ชอบสีแดงมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นอัญมณีที่มีสีสวยขนาดนี้
“อัญมณีของซัคกี้มีชื่อว่า โลหิตแห่งพระเจ้า มีคุณสมบัติในการใช้พลังธาตุไฟผสมกับธาตุมืดที่อยู่ท้ายดาบ ทำให้มีพลังเวทย์ผสม”คาร์ลอธิบาย “ส่วนของไนต์เป็นอัญมณี พระหัตถ์ของพระเจ้า มีคุณสมบัติในการใช้พลังธาตุลมกับธาตุมืด เป็นพลังเวทย์ผสมเช่นกัน”
ดาบของไนต์...ตัวดาบเป็นสีดำขุ่น ดูเหมือนดาบทือ ๆ ด้ามดาบก็เหมือนของซัคกี้ ต่างกันที่อัญมณีของไนต์เป็นสีเทาอ่อน
“ดูจะชอบใจกันมากล่ะสิ ส่วนของไซน์ไม่มี ใช้ของเดิมของตัวเองไปเถอะ”คาร์ลกล่าว ก่อนยิ้มแฉ่งไปให้เอมี่ที่กำลังดีใจที่มีคนชอบดาบที่ตัวเธอเป็นคนเลือก “เอมี่ คราวหลังก็มาช่วยเลือกอาวุธด้วยล่ะกันนะ”
“แล้วตกลงเราก็พร้อมจะเดินทางกันแล้วสินะ”ไซน์บอก ก่อนยิ้มน้อยๆ “นายวางแผนหรือยังล่ะว่าจะให้พวกเราทำอะไรกันบ้าง”
“โห ฝีมือชั้นนี้แล้ว”คาร์ลยืดอก “ผมกับเอมี่จะเป็นแบ็คกราวน์ให้ข้างหลัง เพราะไม่ถนัดบู๊ ส่วนคนถนัดบู๊ก็เอาให้เต็มที่ ก็เท่านั้นเอง”
“ที่พูดมานั้น...วางแผนแล้วหรอ”ไนต์ถามอย่างงงๆ
“วางไม่วางก็เหมือนกันนั้นแหละ เพราะไอ้ที่เราจะไปเจอมันไม่ใช่ตัวที่เรากำหนดคุณลักษณะมันได้ ดังนั้น ห้ามประมาท”
คาร์ลกล่าวจบ เอมี่ก็เดินนำลงไปข้างล่างยังที่ๆพาหนะรออยู่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การเดินทาง ที่ไม่ใช่ของเหล่าผู้กล้า แต่เป็นการเดินทาง เพื่อฆ่าใครสักคนที่แสนจะรกโลก
โปรดติดตามตอนต่อไป
เร็วๆนี้
ความคิดเห็น