คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บททดสอบสู่การเป็นผู้ชนะ
- 1 -
บททดสอบสู่การเป็นผู้ชนะ
“Checkmate”เสียงแผ่วเบาราวกระซิบของบุรุษหนุ่มในชุดสีดำทมิฬเหมือนนินจา นัยน์ตาสีมรกตส่องสว่างเป็นประกายแห่งความเจ้าเล่ห์ เขาโยนนาฬิกาทรายที่มีเพชรมูลค่าหลายล้านแทนทรายอยู่ในนั้น!!!
ไม่ต้องสงสัย...เขา คือจอมโจรเงา ผู้ที่ท้าทายแม้กระทั่งเสนารักษ์ขึ้นชื่อ!!!
ร่างสูงผอมเพรียวหายไปพร้อมกับลมที่หอบมาวูบหนึ่ง ทิ้งไว้เพียงชื่อของตนให้คนข้างหลังเห็นแล้วเจ็บใจเล่น...
จอมโจรเงา...ขอรับของไปก่อนเน้อ วะฮ่าฮ่า
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
เมืองทาร์นเซียร่า ที่ตั้งโรงเรียนทิทาร์เนียล
-ชุมชนร้านค้าทาร์เนียล-
“นี้พ่อ ถามจริงเฮอะ เอาจริงแน่นะ”น้ำเสียงเครียดของคนเป็นลูกส่งไปให้ผู้เป็นพ่อที่กำลังขี่ม้าส่งยิ้มแฉ่งกลับมา
“เออสิวะ!!คนเป็นพ่อเอ่ยพลางหัวเราะร่วน คนเป็นลูกชักสีหน้าปุเลี่ยน นัยน์ตาสีเขียวมองคนเป็นพ่ออย่างตัดพ้อ
“พ่อน่าจะไปเรียนแทนมากกว่า อยู่ดีๆก็บังคับให้เรียนหนังสือ ทั้งๆที่หนังสือมันอยู่คนละแนวกับคนบ้านเราแท้ๆเลยนะพ่อ!!!”
“เออน่า! แกก็...ทำบ่นเป็นผู้หญิงไปได้”คนเป็นพ่อกล่าวหัวเราะร่วนอีกครั้ง เป็นเหตุให้ อาโปเซีย เวอร์ลิน ถึงกับกุมขมับ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าตาอันมีความสุขของเจ้าพ่อตัวดี ดาคัส เวอร์ลิน ที่กำลังหัวเราะพุงกระเพื่อมอย่างสำราญใจ
“แล้วนี้เขาต้องมีสอบเข้าไม่ใช่หรอพ่อ แล้วไอ้น้ำหน้าอย่างเนี้ย ไม่เคยแม้แต่จะหยิบหนังสืออ่านมันจะไปสอบเข้าโรงเรียนหรูหรายังงั้นได้ไง”
“บ๊ะ แกนี้อย่ามัวแต่ดูถูกตัวเองสิว่ะ ถ้าเข้าไม่ได้ ก็ลอบเข้ามันเลย ให้เขารู้เลยว่า ตระกูลเวอร์ลินยอดหัวขโมยจะลอบเข้าไม่ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“พ่อนี้น่า...คิดแต่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เรื่อยเลย”
คนเป็นพ่อไหวตัว หันมามองลูกตัวยุ่งที่ทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ
“แกจะไปเครียดทำไม ถ้าจะเครียดมาเครียดเรื่องอาวุธที่แกจะเอาไปสู้ดีกว่า”
“เฮ้ยพ่อ!! มีสู้กันด้วยหรอ โถ่...พ่อก็น่าจะรู้ว่าฉันมันเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว จะไปสู้อะไรกับเขาได้”
“ก็ใครเค้าจะส่งแกไปสู้ให้โง่ล่ะ...ฉันให้แกมีอาวุธไว้เพื่อชูหน้าวงศ์ตระกูลเสียหน่อย เดี๋ยวจะเสียหายไปหมด”ดาคัสเปรย ก่อนควบม้านำหน้าออกไป ปล่อยคนเป็นลูกให้นั่งถอนหายใจ แล้วเอ่ยแย้งเงียบๆคนเดียวว่า
“มันยังมีให้เสียอีกหรอพ่อ”
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
เมืองทาร์นเซียร่า สนามหญ้าโรงเรียนทิทาร์เนียล (ระหว่างรอเรียกเข้าสอบ)
“เฮ้อ”เสียงถอนหายใจของเด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวหน้าตาดูออกเพียงปราดเดียวว่าไม่ใช่คนซื่อ นัยน์ตาสีเขียวเรียวเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และลูกเล่นอันแพรวพราว เรือนผมสีน้ำตาลเข้มตัดซอยสั้นเข้ากับรูปหน้าเรียว ชุดเสื้อตัว กางเกงตัวที่มีร่องรอยของการปะเย็บดูซ่อมซ่อ ยิ่งทำให้ใครๆพากันถอยห่าง ราวกับว่า อาโปเซีย เวอร์ลิน คือสัตว์ประหลาดที่หน้าตาเหมือนมนุษย์
“หวัดดี”น้ำเสียงทักทายเรียกให้สายตาตวัดไปมองบุรุษหนุ่มอีกคนที่อยู่ในชุดที่ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่ เรือนผมสีทองกับนัยน์ตาสีฟ้าดูทะเล้นแต่แฝงไปด้วยเล่ห์กลที่ทำเอาคนอย่างอาวิลถึงกับยิ้มน้อยๆออกมารู้สึกเหมือนเห็นพวกเดียวกันอย่างไงอย่างงั้น
“หวัดดี มาสมัครเรียนที่นี้เหมือนกันสินะ”อาวิล (=อาโปเซีย) เอ่ยพลางเขยิบตัวให้เพื่อนใหม่ยืนใต้เงาต้นไม้ร่วมกัน
“อืม ฉัน เคอัส เซโวส”เคอัสแนะนำตัว “นักผจญภัยจากเมืองไซฟาร์”
“ไซฟาร์หรอ?? ที่นั้นมีที่เที่ยวเจ๋งๆเยอะนะ...อ้อ ฉัน อาโปเซีย เวอร์ลิน หัวขโมยต้อยต่ำจากเนวิร่า เมืองสายชล อ้อ เรียกฉันว่า อาวิลก็ได้นะ”
ไซฟาร์ หรือที่ขนานนามว่า นครที่ไม่เคยหลับ ที่นี้เต็มไปด้วยสถานเริงรมย์ยามค่ำคืน ไม่มีใครสนใจที่จะนอนยามค่ำคืนที่มีแสงจันทร์สกาว เพราะถ้าคุณพลาดการท่องเที่ยวยามราตรีที่ไซฟาร์ นั้นหมายความว่า คุณจะอดเห็นความอลังการงานสร้าง ตั้งแต่บาร์สุดหรู ไปจนถึงคาสิโนที่ดังที่สุด แต่ในเวลาคุณกลางวัน คุณจะพบเพียงร้านอาหารให้กินเท่านั้น!
ส่วนเนวิร่า หรือ เมืองสายชล เมืองนี้เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีเส้นทางน้ำผ่านไหลไปทั่วเมือง การจราจรส่วนใหญ่ใช้เรือเล็ก และทุกๆปีในวันที่ 15 ของเดือน 6 จะมีงานยิ่งใหญ่ของการแข่งขันทางน้ำที่ทำให้วันนั้นเพียงวันเดียวก็สามารถกว่าเงินไปได้มากกว่าพันล้านเบรี!!!
“เนวิร่า? งั้นนายก็ต้องมีเชื้อภูติด้วยนะสิ”เคอัสถามอย่างสนใจ ส่วนคนโดนถามกลับยิ้มโชว์ฟันครบ 32 ซี่ แล้วตอบอย่างมั่นใจว่า
“ไม่มีเลย”
“อ่ะอ้าว”เคอัสทำหน้างงขั้นรุนแรง “มีคนกล่าวว่าคนที่อยู่ในเมืองสายชลต้องมีสายเลือดภูติ ไม่มากก็น้อยไม่ใช่หรอ”
“พอดีฉันดันไปเกิดที่เนวิร่า แต่ในความจริง ฉันมันไม่อยู่เป็นหลักแหล่งเท่าไหร่นะ”เจ้าตัวตอบพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะชะงัก เปลี่ยนสีหน้าทันควัน “ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อตัวดีที่ส่งฉันให้มาเรียนที่นี้ ป่านนี้ก็คงเดินทางไปนครแห่งไฟ เฟริล ได้อยู่ดูนางรำเพลิงสบายอารมณ์กว่าตั้งเยอะ”
เคอัสหัวเราะกับประโยคสุดท้ายที่เจ้าตัวทำสีหน้าเสียดายอย่างสุดซึ้ง
“งั้นนายจะมาเรียนทำไมล่ะ ก็แกล้งสอบตกเสียก็หมดเรื่อง”
“เห็นจะไม่ล่ะ เสียชื่อตระกูลหมด ถึงมันจะไม่ค่อยมีให้เสียแล้วก็เถอะ”เคอัสหัวเราะลั่นด้วยความขำกับประโยคสุดท้ายที่เจ้าตัวแสร้งถอนหายใจส่ายหัวไปมา ก่อนจ้องหน้าเพื่อนใหม่ที่ดูจะทำให้เขามีความสุขได้ถ้าอยู่กับหมอนี้
“ถ้าได้อยู่หอพักเดียวกับนายก็คงดี”เคอัสเปรย
“ไม่รู้สิ เอาแค่ตอนนี้สอบผ่านก่อนก็พอ เรื่องอื่นไว้ที่หลัง”เจ้าคนไม่ชอบคิดอะไรมากเรื่องอย่างอาวิลเอ่ยอย่างไม่สนใจ ก่อนหันไปมองรอบๆสนามหญ้าที่แสนกว้างขวาง แต่กับเต็มไปด้วยจำนวนคนที่ต้องการเข้าสมัครเรียน
“พูดตามตรง ฉันไม่เข้าใจว่าโรงเรียนนี้มันมีอะไรดีนักหนา คนมาสมัครถึงเยอะยิ่งกว่าหนอนอีก”อาวิลถามเพื่อนข้างๆ
“ก็เพราะถ้าได้เรียนก็เหมือนมีงานดีๆมารองรับ ไหนจะเอาไว้ไปอวดกับคนอื่นได้อีก”
“มันก็แค่นั้นแหละ ไม่เห็นจะเจ๋งตรงไหน ก็แค่โรงเรียนที่...ดูดีกว่าที่อื่น”
“ใครบอกไม่เจ๋ง”เคอัสขมวดคิ้ว “นายรู้หรือเปล่าว่ามีการสอนวิชาฟันดาบ ทั้งใช้ดาบฟันจริงๆ กับใช้เวทผสมกับการโจมตี ไหนจะวิชาสวมหน้ากากที่เรียนเรื่องการโกหกแบบพระราชาอีกนะ”
คนฟังตาลุกวาว “ไอ้วิชาสุดท้ายเนี้ยน่าสนแฮะ”
“บอกไว้ก่อน ไม่เคยมีใครได้คะแนนเต็มวิชานี้เลยแม้แต่คนเดียว”
อาวิลลูบคางตัวเองอย่างเคยชินดวงตาเต็มไปด้วยประกายเหมือนคนอยากลองของ
“ไม่แน่ ประวัติศาสตร์จะได้จารึกก็ปีเนี้ยแหละ หึหึ”
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
“อาโปเซีย เวอร์ลิน หัวขโมยแห่งเนวิร่า”
เสียงประกาศเรียกชื่อพิธีกรร่างสูงสง่าที่อยู่ในชุดเสื้อสีดำขลิบทอง นัยน์ตาสีเทาเบื้องหลังแว่นตาคมกริบ โดยเฉพาะสายตาที่จ้องมายังหัวขโมยที่แต่งตัวปอนสุดขีด ยิ่งยืนเทียบกัน รัศมีความเป็นคุณชายกับขอทานยิ่งเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“อาโปเซียสินะ ยืนรอตรงนั้นหน่อยแล้วกัน รอเพื่อนก่อน”อาจารย์หญิงหน้าหวานส่งยิ้มพลางพาอาวิลไปยืนรออยู่อีกมุมหนึ่ง
“เคอัส เซโวส นักผจญภัยแห่งไซฟาร์”
ร่างในชุดปอนไม่ต่างกัน แต่กลับมีประกายตาที่ท้าทายส่งไปให้อย่างจองหอง แสยะยิ้มแล้วเดินไปยืนข้างอาวิลที่ยืนกอดอกผิวปากอย่างไม่สนใจใคร
“ชาเบียล เมเคียร่า เจ้าชายแห่งโทเรียส”
“นั้นมันเจ้าชายจริงๆหรอนะ”อาวิลหลุดปากออกมา ร่างสูงในชุดเสื้อสีดำกับกางเกงขายาวธรรมดาชะงัก ก่อนยิ้มนิดๆให้
“นายนี้กล้าเนอะ”เคอัสเอ่ยชมเพื่อน “ไม่รู้หรือไงนะว่าการพูดคุยกับเจ้าชาย โดยเฉพาะจากเมืองโทเรียส เจ้าชายจะเป็นฝ่ายพูดก่อน ไม่ใช่ให้เราไปทักเขาก่อน”
“อ้าว ไอ้เรามันคนปากไวนี้หว่า จะให้ทำไงได้”เจ้าคนปากไวบ่นอุบอิบ เหล่ตามองเจ้าชายร่างสูงที่มีเรือนผมสีน้ำเงินเป็นประกายบ่งบอกถึงการดูแลเป็นอย่างดี นัยน์ตาเยือกเย็นสีน้ำเงินอ่อนนั้นดูจะไม่ค่อยสนใจอะไรกับเสียงฮือฮาของบรรดาคนอื่นที่อยู่ด้านล่างเวที
“เคียร่า เซอร์เวล นักฆ่าแห่งเดธคิล”
บุรุษหนุ่มในชุดสีดำ เรือนผมสีดำถูกตัดซอยมาอย่างเท่เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆข้างล่างเวทีได้เป็นอย่างดี ทว่านัยน์ตาสีม่วงกับปรากฏความรำคาญออกมาอย่างเห็นได้ชัด
พลันสายตาก็มาสบกับอาวิลที่ยืนเหงื่อตกอยู่ข้างๆเคอัส เคียร่าขยับรอยยิ้มเย็นที่ชวนให้ขนลุกวูบ
และนี้เป็นคนเดียวที่อาวิลยอมสงบปากสงบคำไม่กล้าแซว จนทำให้เคอัสถึงกับต้องเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกมา
“เอาล่ะ สี่หนุ่ม ตามมาทางนี้เลยจ๊ะ”อาจารย์หน้าหวานคนเดิมกวักมือเรียกสี่หนุ่มสี่สไตล์ให้ไปหา
“เฮ้ย เคอัส อย่าบอกนะว่าเค้าจะให้เราสอบกันต่อหน้าประชาชีขนาดนี้”เจ้าคนช่างร้อนตัวเอ่ยร้องโวยวายโดยพยายามใช้เสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน
“ไม่เคยได้ยินเรื่องอย่างงั้นนะ แต่ก็ไม่แน่หรอก”คำตอบของเคอัสเรียกสายตาเซ็งจัดของอาวิลมาทันที
“ถ้าแกไม่รู้ ฉันก็ยิ่งไม่รู้นะสิ เฮ้อ ชะตาชีวิตทำไมช่างอับเฉา”
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
ชีวิตมันก็ไม่ได้อับเฉาเท่าไหร่
อาวิลนึกคิดในใจพลางมองรอบๆห้องที่แสนเงียบ เขากับเคอัสแยกกันตอนอาจารย์คนนั้นบอกให้พวกเขาไปสอบด่านแรกในตัวอาคาร
พอได้ยินแค่นั้น ความรู้สึกสองอันก็ตีกันอย่างแรง
ความรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องไปโชว์ความเอ๋อให้ขายขี้หน้าคนอื่น
แต่ความรู้สึกเหมือนอยากเป็นลมตอนได้ยินคำว่า “ด่านแรก” ยังคงทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย
ด่านเดียวจะผ่านหรือเปล่าเถอะ...เฮ้อ
สายตากวาดไปมองรอบห้องที่มีเพียงเก้าอี้สองตัว โต๊ะหนึ่งตัว และประตูอีกสองบาน ที่ผนังมีคบเพลิงจุดเอาไว้
“แอ๊ด...สวัสดี อาโปเซีย เวอร์ลิน สินะ”น้ำเสียงหวานๆเอ่ยทางประตูอีกด้านหนึ่ง อาวิลหันไปก็พบกับ...
หญิงสาวในชุดนักเรียนสีขาวขลิบสีฟ้าดูแปลกตา (เพราะเค้ายังไม่เคยเห็นใครใส่ชุดสีนี้มากก่อน) เรือนผมสีน้ำเงินอ่อนยาวปล่อยสยาย นัยน์ตาสีฟ้าครามมีประกายแววหยั่งรู้ที่ทำให้คนอย่างอาวิลรู้สึกตัวเล็กลงทันที
“ครับ”
“ดี งั้นเรามาเริ่มการทดสอบเลยดีกว่าไหม?”คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ หญิงสาวคนนั้นก็ใช้เวทมนตร์เรียกเอากระดานหมากรุกที่มีสีขาวกับสีดำมาตั้งตระหง่านไว้
“ด่านนี้เป็นด่านทดสอบสติปัญญา ฉัน เฟริส โดเบียร์ หัวหน้าหอพักกองทัพปราชญ์”
“กะ...กองทัพปราชญ์??”
“เฮ้อ...มานั่งเล่นหมากรุกกันสักตาแล้วกัน”เฟริสเลือกตัวหมากสีดำ อาวิลเลยจำใจเลือกสีขาวแทน
“เอาล่ะ...เชิญก่อน”
อาวิลคว้าม้าเดินทันที...
“โรงเรียนแห่งนี้มีสี่หอพัก คือ หอคอยอัศวิน ปราการขุนนาง กองทัพนักปราชญ์ และปราสาทราชันย์ แบ่งตามความกล้า ความเฉลียว ความฉลาด และความองอาจ
“ในโรงเรียนทิทาร์เนียสเรามีการเรียนการสอนแบ่งเป็น 7 ชั้นปี แต่ละชั้นปีมีนักเรียนไม่เกิน 80 คน ...ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเกิน 50 คนหรอก พวกนั้นมักจะแพ้เสียส่วนใหญ่ บางปีก็ไม่มีใครผ่านเลย”
“เอ่อ...แล้วเรามีสอบกี่ด่านหรอครับ”อาวิลถามพลางโยกตัวม้าบุกเข้าไปอีก “คงไม่ถึงกับสอบทั้งวันหรอกใช่ไหมครับ”
“เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับเวลาการสอบของแต่ละบุคคล”เฟริสกล่าวพลางจิบน้ำชาที่พึ่งเสกมา “เอาล่ะ ฉันจะถามบ้าง เราเคยไปเที่ยวที่เมืองโทเรียสไหม”
“ก็...เคยไปมาครั้งนึงครับ”
“ดี...ที่นั้นอาหารอร่อย แต่ติดแบ่งชนชั้นวรรณะมากไป”เฟริสเอ่ยพึมพำ “เราไปเที่ยวตรงไหนล่ะ”
“เอ่อ...ก็แถบชานเมืองครับ ไม่ได้เข้าไปข้างในตัวเมือง”
“อืม...”เฟริสทำหน้าครุ่นคิด “ปกติทำงานกับใคร”
อาวิลสะดุ้ง คำถามเหมือนจะถามแบบไร้สาระ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันยิ่งกว่านั้น มันเหมือนกำลังสืบเอาข้อมูล...จากเขา!
“ผมก็ทำงานกับคนอื่นเขาไปทั่วแหละครับ”
งานอะไรคงไม่ต้องบอกหรอกนะครับ!!
“งั้นหรอ...”เฟริสทำหน้าตาครุ่นคิด ก่อนยิ้มแล้วพูดคำว่า “รุกฆาต...ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติเลยนะ”
เอ๋...?
“เอาล่ะ งั้นเราก็จบกันแค่นี้”
ฉับพลัน!! ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืด อาวิลลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว สอดส่ายสายตาไปรอบๆห้องพลางพยายามปรับสายตาไปในตัว
...รุ่นพี่เล่นอะไรของเขาเนี้ย...
“ฉันคือความมืด อาโปเซีย มีกี่ความมืดในใจเธอ อาโปเซีย ตอบมาสิ ความมืดที่ครอบงำจิตใจให้ว้าวุ่น และหวั่นไหวที่สุด...”
อาวิลเคลิบเคลิ้มกับคำกล่าวเหล่านั้นราวกับต้องมนต์สะกด ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อย
“ความมืด?? มันเยอะแยะไปหมดเลย”
“ลองบอกมาสักอย่างสิ ตอนนี้กลัวอะไรมากที่สุด อาโปเซีย”
“กลัวถูกจับได้แล้วแผนแตก...”
กึก~! อาวิลหยุดสายตาเคลิบเคลิ้มนั้นๆได้ทันควัน สายตาโกรธเคืองมองไปรอบด้านที่ยังคงมืดมิด
“อ่า...รู้สึกตัวแล้วสินะ คงเป็นเพราะกลัวแผนแตกจริงอย่างว่า คิก...”
แสงสว่างกลับมาดังเดิม เฟริสยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน หมากรุกบนโต๊ะหายไป เหลือเพียงแฟ้มสีดำเล่มเดียวที่มีตราสัญลักษณ์ของอะไรสักอย่าง
“เชิญเดินไปที่ประตูที่ฉันเข้ามา ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนุกด้วยกัน”เฟริสกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มน้อยๆ พลางลุกขึ้นยืนเหมือนส่งแขก
“เอ่อ...ผมผ่านแล้วหรอครับ??”
“นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเธอ...ไปได้แล้ว”
“คะ...ครับ”
...โอ้ย งงโว้ย
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
ตอนนี้เขาแยกกับหัวขโมยมานั่งอยู่ในห้องที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย...
“เธอคงเป็น เคอัส เซโวส นักผจญภัยจากไซฟาร์สินะ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าว พร้อมกับพาร่างสูงสง่าเข้ามาในห้อง เรือนผมสีเขียวอ่อน กับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลทำให้ดูเป็นคนใจเย็น เขารีบลุกขึ้นทำความเคารพทันที
“องค์ชายเซฟาน!?!”
“ฮ่าฮ่า ไม่ยักรู้ว่ามีคนจะรู้จักข้าด้วย”เจ้าชาย เซฟาน เมอคิล เจ้าชายรัชทายาทอันดับสามของไซฟาร์ หัวเราะออกมา ก่อนยิ้มน้อยๆส่งไปให้เขาที่กำลังยืนอยู่
“ไม่ต้องไปสนใจกฎระเบียบอะไรหรอก ยังไงคนที่เข้าเรียนที่นี้ ห้ามเอายศถาบรรดาศักดิ์มาอวดกันนะ”
“เอ่อ...ครับ”
“เอาล่ะ! ฉันจะเริ่มบททดสอบแล้วนะ บททดสอบนี้ไม่มีอะไรมาก ง่ายสุดๆ แค่ตอบว่าอาวุธขนิดใดที่คิดว่ามีประโยชน์สำหรับตัวเองมากที่สุด”
“อืม...”
...อะไรดีล่ะ ดาบหรอ? ไม่ล่ะ เขาไม่ชอบใจกับดาบเท่าไหร่...
...อาวุธอะไรที่เหมาะกับเขามากที่สุด
ไอ้นั้นไง!!!...
“คทาครับ เหมาะกับผมที่สุดแล้ว”
“ยังไงล่ะ”เซฟานถามกลับ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มน้อยๆ
“ก็ผมคิดว่าคทา เอาไว้สู้ก็ได้ ป้องกันตัวก็พอไว้ พอเจ็บก็เอามาประคองตัว...มันเหมาะกับผมที่สุดแหละครับ”
“อืม...มีเหตุผลดี เอาล่ะ เธอไปด่านต่อไปได้แล้ว เดี๋ยวเพื่อนๆจะรอกันให้แย่”เซฟานกล่าวพลางยิ้มให้เคอัสที่กำลังยืนอ้ำอึ้งอยู่
“เอ่อ...องค์ชายครับ ไม่คิดจะกลับราชวังหรอครับ พระราชินีทรงห่วงท่านมากนะขอรับ”
“ฉันว่าเราคุยกันจบแล้วนะ โชคดี”สายตาที่อ่อนโยนเมื่อกี้นี้กลายเป็นสายตาประดุจเหยี่ยวที่ส่งมาทำให้ขนในกายพลันลุกซู่ เขารีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วทันที
“...เจ้าไม่รู้อะไรหรอก นักผจญภัยแห่งไซฟาร์”
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
“องค์ชายชาเบียล แห่งโทเรียส ข้า เซเวส แม็คกิล ยินดีต้อนรับ”
สายตาของเขาตวัดมองคนพูดอย่างเฉยชา มองคนตรงหน้าที่ดูแล้วไม่น่าใช่คนธรรมดา...
เรือนผมสีดำยาวมัดรวบไว้ นัยน์ตาสีเงินสกาวดูไม่ออกว่าเป็นคนที่มีจิตใจแบบไหน ทำให้เขารู้สึกสนใจชายผู้นี้เหลือเกิน
“ข้าคงต้องขออนุญาตถามท่านบางคำถาม ได้โปรดตอบด้วยแล้วกัน”เซเวสกล่าว
“กรุณาตอบว่าทำไมท่านถึงคิดจะเข้าเรียนที่นี้”
...อะไรของเขา มันคำถามสอบเข้าโรงเรียนจริงหรอเนี้ย...
“ก็แค่อยากเรียน...”
“หืม...อย่างงั้นหรือกระหม่อม”น้ำเสียงกลั้วหัวเราะทำให้เขาเริ่มอารมณ์เสีย โดยเฉพาะพวกที่ใช้คำศัพท์เรียกเพราะๆแต่นัยน์ตากลับดูชั่วร้ายสุดๆ
“งั้นก็ขอเชิญกระหม่อมออกไปพบกับเพื่อนๆแล้วกันขอรับ”เซเวสกล่าว “อ้อ...พี่ชายของท่านเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งมาก หวังว่าน้องชายคงไม่ต่างกัน หม่อมฉันจะรอดู”
“เรากับพี่...ไม่ใช่คนคนเดียวกัน ขอตัวก่อน”
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
ห้องรอสู่ด่านสอง
“อ้าว เฮ้ เคอัส โหยทำไมเสร็จช้าจังอ่ะ”เจ้าหัวขโมยบ่นกระปอดกระแปด เขาหัวเราะน้อยๆ แล้วถามกลับไปแทน
“แล้วทำไมอาวิลเสร็จเร็วนักล่ะ”
“โหย ไม่อยากจะบอก ฉันนะมันยอดชายแท้ แปบเดียวก็ผ่านแล้ว”เจ้าตัวพูดพลางทำหน้าตาภาคภูมิใจที่เขาเห็นแล้วรู้สึกเหมือนมันจะไม่เหมือนที่เจ้าตัวพูดเอาซะเลย
“ไม่ต้องมาทำหน้างง...ว่าแต่ แกสอบกับใครอ่ะ”
“รุ่นพี่เซฟาน จากปราการขุนนาง”
“หือ งั้นก็ต้องเป็นคนที่มีความเฉลียวนะสินะ"อาวิลเก๊กท่าเหมือนตัวเองเก่งเต็มทน พอหันมาเห็นหน้าตาสงสัยของเขาก็ยิ้มร่าออกมา “แล้วนายจะรู้ ว่าฉันมันมีดีมากกว่านี้เยอะ”
“นั้นสินะ นายมันมีดีจนอยากจะฆ่าให้ตายรู้แล้วรู้รอด”
ร่างโชกเลือดกล่าว นัยน์ตาสีม่วงเจิดจรัสไปด้วยประกายกระหายเลือด เขาพร้อมกับอาวิลกลื้นน้ำลายอึกใหญ่พลางมองอย่างระแวง
“หวัดดี พวกเราครบกันทุกคนแล้วใช่ไหม”เจ้าของร่างสูงสง่าเดินยิ้มตรงเข้ามาหา “ผมชาเบียล เมเคียร่า ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เอ๋...ไหนไอ้เคอัสบอกว่าเจ้าชายจะไม่คุยกับพวกเราไง”
...ไปบอกตอนไหนไม่ทราบ!....
“ตอนนี้ผมอยู่ในฐานะของเด็กคนหนึ่งที่จะสอบเข้าโรงเรียน ดังนั้น ถ้าเข้าโรงเรียนได้ ผมหวังว่าพวกคุณจะเป็นเพื่อนกับผม”ดวงตาคู่งามนั้นฉายแววอบอุ่นไม่เหมือนตอนแรกที่แสนจะเย็นชาไร้อารมณ์
“เอาดิ! เพื่อนเยอะหนุกหนาน”เจ้าตัวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี ส่วนเขาก็ได้แต่ส่งยิ้มไปให้ “ถ้านายยินดีเป็นเพื่อนกับหัวขโมยต่ำต้อย กับนักผจญภัยยาจกล่ะก็นะ”
...ใครยาจกมิทราบ!...
“แล้วนายจะรับฉันเป็นเพื่อนไหมล่ะ...อาวิล”เสียงเย็นๆกล่าว ทำเอาขนลุกซู่ อาวิลหันไปส่งยิ้มแหย่ๆให้
“นายมันเพื่อนฉันอยู่แล้วน่าคีย์”
“ฮึ...เอาเถอะ เราไปด่านต่อไปกันดีกว่า ฉันไม่ชอบอยู่ในห้องแคบๆแบบนี้นานๆ”คีย์กล่าว แต่สายตายังจ้องอาฆาตอาวิลไม่เลิก “จริงไหม...อาวิลเพื่อนรัก...หึหึ”
“เออๆๆ...ไปกันเถอะ เอ้า ไปโว้ยไป”
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
“โอ๊ย ให้ตายเถอะ”อาวิลร้องคร่ำครวญ “ทำไมต้องสู้กับพวกรุ่นพี่ด้วยเนี้ย”
เขาและที่เหลือหันไปมองบนกำแพงด้านหนึ่งที่ติดใบประกาศขนาดใหญ่เอาไว้
++++++++++++++++++++++
ด่านสอง
หนทางสู่ชัยชนะ
กติกา: ให้ทั้งสี่คนร่วมมือกันต่อสู้กับเขตอาคม อสูร ร่างเวทของรุ่นพี่และกุญแจที่ผ่านสู่ห้องต่อไป โดยภายใน 30 นาที ถ้าผ่านหมดทุกอย่างก็คือเป็นสมาชิกใหม่ของโรงเรียนเรา
ข้อห้าม: ห้ามใช้ชีวิตของใครลงไปเดิมพันกับการต่อสู้
รายชื่อผู้คุม: เฟริส โดเบียร์ จาก กองทัพนักปราชญ์
เซฟาน เมอคิล จาก ปราการขุนนาง
เซเวส แม็คกิล จาก ปราการขุนนาง
คริสเซ่น เรนิส จาก ปราสาทราชันย์
++++++++++++++++++++++
“เขตอาคม...อสูร แล้วก็ ร่างเวท”เขาเอ่ยทวน “ชารับมือกับเขตอาคม ร่างเวทของฉัน อสูรของคีย์...ส่วนอาวิลรับหน้าที่ขโมยของ”
“เหมาะกับหมอนั้นดี”คีย์เอ่ยสนับสนุน “แต่ทำไมฉันถึงรับหน้าที่กำจัดอสูรล่ะ”
“เจ้าชายแห่งโทเรียส ย่อมเรียนเรื่องเขตอาคมมามากพอตัวแหละ ส่วนร่างเวทฉันถนัดเพราะอะไรนั้นบอกไม่ได้ ส่วนนายเป็นนักฆ่าก็เหมือนกับงานฆ่าๆอยู่แล้วนี้”เขาแจกแจง “เอ่อ...หมายถึง มันงานถนัดของนายนี้”
คีย์หรี่ตามองก่อนพยักหน้าตกลง เหลือเพียงหัวขโมยที่ยืนทำหน้าซีดเซียวอยู่
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า”ชาเอ่ยถาม “หน้าซีดๆ”
“รุ่นพี่เฟริส...เป็นหัวหน้ากองทับปราชญ์เชียวนะ!!!”
“ว้า...รุ่นน้องปีนี้ขี้กลัวเหลือเกินนะเนี้ย”น้ำเสียงที่โผล่มาพร้อมกับร่างสี่ร่างในชุดผ้าคลุมสีดำที่มีตราของโรงเรียนปักอยู่ที่หน้าอกฝั่งซ้าย
“แต่ฉันว่าปีนี้ซ่อนคมเยอะออกน่า...คริส นายก็อย่าไปดูถูกรุ่นน้องสิ”เฟริสกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง “อีกอย่างหนึ่ง นายอย่าลืมนะว่า...พวกเราแค่อายุไม่ต่างจากน้องๆเท่าไหร่เอง”
“มีเธอคนเดียวนั้นแหละที่อายุน้อยที่สุดเฟริส...ปีสามแต่เป็นถึงหัวหน้าหอพักที่ฉลาดที่สุด”บุรุษหนุ่มหน้าหวานคนแรกกล่าวชมด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เรือนผมสีดำตัดเท่ นัยน์ตาสีเพลิงจับจ้องไปยังเฟริสที่ทำสีหน้าเรียบๆ “อีกอย่าง เรามีเซฟี่กับเซวี่มาช่วยอีกตั้งหาก”
“เซฟาน เมอคิล ไม่ใช่ เซฟี่ครับ”บุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแย้งขึ้นมา “ผมจะพยายามไม่เป็นตัวถ่วงแล้วกัน”
“นายตั้งมั่นใจในฝีมือให้มากกว่านี้...นายสอนมายังไงเนี้ยเซวี่”คริสเอ่ยถามด้วยสีหน้ากวนบาทาสุดๆ
“ฉัน เซเวส...”น้ำเสียงไม่พอใจของนักเวทแห่งปราการขุนนางดังลั่น “นายว่าคนอื่นเขา ก็หัดดูตัวเองก่อนเถอะ!!”
“พอสักที!”เสียงตวาดของเฟริสทำให้ทุกอย่างเงียบลงอย่างรวดเร็ว “เรามาแนะนำตัวให้น้องๆรู้จักกันก่อนดีกว่า”
“พี่เฟริส รับตำแหน่งเรื่องเขตอาคมจ๊ะ”
“สุดหล่อคริส รับตำแหน่งสัตว์อสูร”
“เซฟาน...ตำแหน่ง...เดี๋ยวนะครับ เราจะไปบอกรุ่นน้องทำไมล่ะครับเนี้ย”เซฟานทำหน้างงใส่คนแรกที่เริ่มแนะนำตัว เฟริสเกาแก้มแบบเขินๆ
“เซเวส รับตำแหน่งอะไร เดี๋ยวเรารู้กัน”
สี่หนุ่มที่ยืนฟังการคุยตั้งแต่แรกมองหน้ากัน ก่อนอาวิลจะถอนหายใจ เดินนำเพื่อนๆตรงไปหารุ่นพี่ทั้งสี่ที่รออยู่
“ขออนุญาตวางแผนสัก 5 นาทีนะครับ”
“...”รุ่นพี่ทั้งสี่ทำหน้าตาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนที่เฟริสจะหัวเราะเสียงใส
“เอาสิ...แต่ 3 นาทีเท่านั้นนะ”
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
“อาวิล นายนี้หน้าด้านไม่เปลี่ยนเลยนะ”คีย์กล่าวอย่างชื่นชม “เผลอๆหนากว่าเดิมอีก”
“เออ ขอบคุณที่ชม แต่ตอนนี้เราต้องวางแผนกันหน่อย...รุ่นพี่เฟริสท่าทางจะเก่งมากๆ ชา นายต้องระวังไว้นะ เมื่อกี้ที่พี่แกทดสอบฉันนะ สุดยอดจริงๆ”
“ครับ ขอบคุณที่เตือน”ชาตอบรับ ใบหน้าไร้รอยกังวล “ผมจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
“เออ...เอ๊ย อืม...เรื่องสัตว์เวทก็น่าจะผ่าน ฉันรู้ในฝีมือแกดีไอ้คีย์”อาวิลกล่าวพลางมองหน้านักฆ่าที่ยิ้มกริ่มอยู่ “ไม่ต้องมาเสือกยิ้ม...แกทำแค่ล้มสัตว์อสูรพอนะโว้ย พอเห็นเลือดที่ไร แกอาการกำเริบทุกที”
“ยังดีที่จำได้นะ...อาวิล”
“เออน่า... ส่วนนาย ฉันไม่รู้ว่านายกับฉันจะรับมือกับใคร แต่เราต้องช่วยกัน ร่างเวทที่ออกมาไม่รู้ว่าจะเป็นคน หรือยังอื่น”อาวิลทำหน้าเครียดเล็กน้อย “แต่ยังไงฉันว่าสองเซๆเนี้ย อยู่ปราการขุนนาง น่าจะฉลาดแกมโกงพอตัว ต้องระวังเป็นพิเศษ”
“เอาล่ะ...หมดเวลาแล้วนะน้องๆจ้า”เฟริสกล่าวพลางยิ้มแกมปริ “กรุณามายืนเรียงหน้ากระดานด้วยน่า...”
“เอาล่ะ...สุดท้าย จำไว้ สู้จนกว่าจะได้ชัย จนกว่าจะได้จารึกในประวัติศาสตร์ว่า เราสู้ได้แมนสุดๆ”
“ตอนแรกก็เท่อยู่หรอกนะ...แต่ไอ้ประโยคหลังรับไม่ไหว”เขาเอามือกุมหัวแต่ก็ปกปิดรอยยิ้มไว้ไม่มิด ทั้งหมดมองหน้ากัน แล้วยืนเรียงหน้ากระดานพร้อมกับประโยคหนึ่งที่ดังขึ้นในใจทุกคน
...สู้จนกว่าจะได้ชัย...
...จนกว่าประวัติศาสตร์จะจารึกว่า...
...เราสู้ได้ แมน สุดๆ...
*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---*---**---*---*---*---*---*---*---*---*---*
โปรดติดตามตอนต่อไป
+++ การต่อสู้ต่อรุ่นพี่มากฝีมือทั้งสี่ และพวกเขาจะผ่านได้หรือไม่ โปรดติดตาม+++
+++ตอนที่ 2 เซนส์หัวขโมย+++
BY: D E V I L H A N D
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา เพื่อความบันเทิง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
(100%)
ความคิดเห็น