ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
ที่ตรงนั้น....ห่างจากที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้ เขาคือผู้ชายคนเดียวที่อยู่ในหัวใจและอยู่ในสายตา เขาตัวสูง ผิวขาว ตาคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางแดงระเรื่อ ดุจดั่งภาพวาดโดยจิตรกรชั้นเอก ข้างๆ เขาคือผู้หญิงตัวเล็ก หน้าตาหน้ารัก ทั้งคู่ยิ้มให้กันเหมือนว่าที่ตรงนี้มีเพียงเขาและเธอเท่านั้น
ฉันได้แต่มองภาพนั้นอย่างเจ็บปวด อยากจะไปยืนข้างๆ เขา อยากจะให้เขาเข้าใจ อยากให้เขาเห็นใจ อยากให้เขามองมาบ้าง มองมาที่ฉันสักนิด
เมื่อไรเขาจะมองมาสักที มองมาทางนี้...จะได้รู้สักทีว่าตอนนี้ฉันเห็นแล้ว!!!
“ไอ้พั้นซ์!!!”
ฉันตวาดลั่นพร้อมเดินฉับๆ ตรงไปหาไอ้ผู้ชายหน้าหล่อที่มันกำลังอี๋อ๋อกับสาวม.ต้นที่สวมชุดโรงเรียนคู่แข่งในร้านซเวนเซ่น ดูมัน มีฉันเป็นแฟนเป็นตัวเป็นตน ยังไม่พอใจ ยังไปหาเด็กใหม่ๆ ไปควงเป็นว่าเล่น แกตายแน่วันนี้!!
“มะนาว!” นายหน้าหล่อแฟนฉันมันหันมามองด้วยความตกใจพร้อมครางชื่อฉันเสียงสั่น
ฉัน...มะนาว สาว ม.5 หน้าตาน่ารัก กัดฟันกรอดๆ พร้อมรีบเดินไปหา ยัยน้องม.ต้นหน้าใสไร้สมอง ยัยเด็กนั่นมันยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ยังคงทำหน้าแอ๊บแบ๊ว
“ไอ้พั้นซ์ แกมากับใคร” ฉันวีนลั่นพร้อมยืนประกบข้าง สีหน้าท่าทางของฉันดุจดั่งนางยักษ์ นายพั้นซ์แฟนสุดหล่อได้แต่ทำหน้าเหมือนคนปวดท้อง มองมาที่ฉันอย่างหวาดกลัว
“เอ่อ มันไม่ใช่นะมะนาว คือ - - พั้นซ์ เอ่อ” นายหน้าหล่อแฟนฉันพูดอะไรไม่ออก ยัยนั่นก็ทำหน้าใสซื่อ
“พี่พั้นซ์ พี่สาวพี่พั้นซ์เหรอคะ”
กรี๊ด....อีเด็กบ้า แกว่าฉันหน้าแก่เหรอ
ฉันหันควับไปที่เด็กนั่น
“เอ่อ มะนาวเป็น - - ”
“ถามถึงพี่เหรอคะ” ฉันพูดสวนขึ้น ยัยน้องนั่นยังทำหน้าแอ๊บแบ๊วต่อไป ฉันยิ้มเย็นๆ ให้
“พี่ไม่ใช่พี่สาวของพั้นซ์หรอกค่ะ” ฉันตอบพร้อมยิ้มหวาน
“แต่พี่เป็น..แฟนค่ะน้อง ได้ยินชัดมั้ยคะว่าแฟน!!” ฉันแทบจะตะคอกใส่หน้า + กับอาการเหมือนฆาตกรโรคจิต
“พี่พั้นซ์!!” เสียงแหลมๆ ดังจนฉันต้องยกมือปิดหู ยัยเด็กนั่นหันไปตวาดพั้นซ์ที่นั่งตรงข้าม
“ที่ผู้หญิงคนนี้พูดจริงเหรอคะ เค้าเป็นแฟนพี่พั้นซ์จริงเหรอคะ” เสียงแหลมๆ ยังดังต่อ แหม...อยากจะเอากล้องส่องดูว่าในคอยัยนี่มีนกหวีดอยู่หรือเปล่า คนที่สมควรวีนปรี๊ดแตกต้องเป็นฉันไม่ใช่หล่อนย่ะ
พั้นซ์ทำหน้าอย่างกะกินขี้มูก ( ที่รู้เพราะเคยกิน! เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ เปรียบเทียบเฉยๆ )
“เอ่อ” มันอ้ำอึ้ง แกติดอ่างตั้งแต่เมื่อไรฟะ เอ...หรือว่าติดอ่างจริงๆ ( อาบอบนวด )
พั้นซ์ยิ้มแหยๆ ให้ แล้วหันมามองทางฉันที่กำลังตีหน้ายักษ์อยู่
และนี่คือคำพูดผ่านสายตาที่ฉันบอกมัน
‘พูดสิเมิง พูดไปเลยสิ พูดไม่ดีเจอตี... ( ตรู๊ส ดูดเสียง )แน่’
“เอ่อ” พั้นซ์หันกลับไปทางน้องคนนั้น
“ก็อย่างที่มะนาวบอกแหละครับ” มันพูดแล้วหลบตา ยัยเด็กนั่นอ้าปากค้าง ก่อนจะ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด” และ
“ซ่าส์” เสียงน้ำสาดกระแทกหน้าหล่อๆ ของพั้นซ์เต็มๆ ก่อนที่ยัยเด็กนั่นจะวิ่งพั่บๆ ออกไป( วิ่งประเทศไหน พั่บๆ เอาเป็นว่าวิ่งออกไปจนกระโปรงดังพั่บๆ แล้วกัน )
“เป็นไงล่ะ เย็นสะใจมั้ย” ฉันถามจิกเสียงพร้อมจ้องหน้าพั้นซ์ด้วยท่าทางเหมือนฆาตกรโรคจิต พั้นซ์หน้าเสีย ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ฉันถักให้ตอนแข่งกับยัยน้ำหวาน ออกมาเช็ดหน้า ดูมันสิ จะมากับกิ๊กยังกล้าเอาผ้าเช็ดหน้าของฉันมาใช้อีก เลวได้โล่จริงๆ แฟนฉัน
“มะนาว...พั้นซ์..” มันส่งสายตาอ้อนๆ มาให้อย่างน่าสงสาร แหม...คิดว่าฉันจะใจอ่อนหรือไง แกทำแบบนี้กี่ครั้งแล้วหละ เชอะ! ขี้เกียจนับ
“ไม่ต้องพูดมากเลย ไหนบอกว่าไปกินข้าวกับที่บ้าน แล้วนี่มากับผู้หญิงหรือไง ใส่แว่นคิดว่าฉันจะจำไม่ได้หรือไง” ฉันแว๊ดลั่น ก็มันทำมาเป็นใส่แว่นทำเป็นเด็กเรียน พั้นซ์ทำหน้าซื่อ ก่อนจะยิ้มกว้าง
“นั่นแม่ผมเอง”
แหม....ไอ้นี่เนียน ดูโฆษณามากไปป่าว คิดว่าบ้านฉันไม่มีทีวีดูเหรอยะ
“ไอ้บ้า เด็กออกอย่างนั้นฉันคงจะเชื่อหรอกว่าเป็นแม่ แม่ทูนหัวน่ะสิ”
“โอ๋ๆ มะนาวครับ พั้นซ์จะมีใครได้ ก็มีแต่มะนาวที่เป็นแม่ทูนหัวเท่านั้นแหละ” มันยังทำอ้อน แล้วทีเมื่อกี้ ป้อนไอศกรีมกันจนตัวแทบจะติดกันแบบนั้น ฉันคงจะเชื่อแกหรอกนะไอ้หัวงู
“คิดว่านาวโง่เหรอพั้นซ์ กี่ครั้งแล้วพี่พั้นซ์ทำแบบเนี้ย พั้นซ์ไม่เคยให้เกียรตินาวเลยนะ ไว้ใจกันไม่เคยได้เลย ได้แต่โกหก โกหก และโกหก เมื่อไรจะเลิกซะทีไอ้นิสัยแบบเนี้ย จะเจ้าชู้ไปถึงไหนพั้นซ์ เราคบกันมา 3 ปี พั้นซ์ก็ทำตัวแบบเนี้ย ถ้าจะเลิกเจ้าชู้เมื่อไหร่ก็ส่ง sms ไปบอกแล้วกัน” ฉันตวาดลั่นพร้อมทุบโต๊ะให้ดูน่าเกรงขามอีกทีพร้อมลุกขึ้น ครั้งแรกว่าจะสาดน้ำใส่หน้าหรือว่าทำอะไรที่มันโหดมากกว่านี้ แต่ก็เห็นว่าน้องคนนั้นทำไปแล้ว ก็เลยสงสาร ไม่ทำอะไรอีก ก็แค่มาสั่งสอนมันเล่นๆ
แต่....คิดหรือว่าคนอย่างพั้นซ์มันจะจำ!!
“เดี๋ยวก่อนสินาว” พั้นซ์ร้องลั่นพร้อมลุกขึ้นตาม
“ทำไม” ฉันถามสะบัดเสียงโดยไม่หันไปมองหน้า
“เอ่อ - - ช่วยไปจ่ายเงินให้ทีสิ ลืมเอากระเป๋าตังค์มา”
กึก!!!
รังสีอัมหิตกระจายรายรอบ ฉันค่อยๆ หันหน้าไปทางมัน ปากสั่นระริกค่อยๆ อ้าอย่างช้าๆ และมือที่กำแน่น แกตายแน่งานนี้!!
“แฮ่ๆ ล้อเล่นจ้า” พั้นซ์รีบพูดพร้อมยื่นมือมาปิดปากฉัน
“ดีกันนะมะนาว เค้าขอโทษ ต่อไปเค้าจะไม่ทำอย่างนี้ ถ้าไปกับกิ๊กเค้าจะไม่ให้ตัวเองจับได้อีก”<<< ดูคำขอโทษของมัน ควรให้อภัยดีมั้ยเนี่ย
ฉันยังหน้าบูด ส่วนมันก็หน้าระรื่น ยิ้มหวานให้ ไม่ต้องมายิ้มเลย...ใจละลายหมดแล้วรู้มั้ย อิอิ
“ล้อเล่นจ้า เค้าสัญญาจริงๆ ว่าจะไม่ทำให้ตัวเองเสียใจอีก”
“กี่ทีแล้วพั้นซ์ พั้นซ์สัญญากับนาวแบบนี้กีทีแล้ว” ฉันตวาดลั่น
“เอ่อ” มันทำท่าอึ้ง หน้าเจี่ยมเจี้ยม ก่อนจะหันมาพูดถ้อยคำกวนบาทาที่ว่า
“นาวอยากรู้จริงๆ เหรอ” พร้อมส่งสายตาสมเพชมาให้ แหม...มันน่าโดนสักเปรี้ยง
“ไอ้พั้นซ์!” เสียงฉันโหดกว่าเดิมหลายเท่า พั้นซ์หน้าเสีย ยิ้มแหยๆ ให้
“ล้อเล่นนิดเดียวเอง โอ๋ๆ อย่าโกรธนะ ใจพั้นซ์ก็มีแต่มะนาวเท่านั้นแหละ คนอื่นๆ ก็แค่ของเล่น ก็แค่ทำแก้เบื่อ ไม่คิดจริงจังหรอก” ดูคำพูดมันซะก่อน สุภาพบุรุษจริงจริ๊ง ฉันคบกันมันมาได้ไงเนี่ยตั้ง 3 ปี
“ไม่จริงจังแล้วไปยุ่งด้วยทำไม” ฉันแว๊ดต่อ
“ก็ - - เบื่อๆ อะ ไม่มีไรทำ”
“ว่างนักใช่มั้ย ได้ ไปพับดาว 1000 ดวงเอามาให้ภายใน 1 อาทิตย์” ฉันยื่นคำสั่งพร้อมเดินฉับๆ ออกไปทันที ทิ้งไอ้ตัวดีไว้โดยไม่หันกลับไปมอง
อย่างน้อยภายในอาทิตย์นี้ ไอ้ตัวดีก็คงไม่เวลาไปอี๋อ๋อกับสาวที่ไหนได้สักพัก เฮ้อ...
“ไอ้น้ำ แกทายดูสิว่าเมื่อวานเค้าไปเจอพั้นซ์ไปกับใคร”
ฉันถาม ‘น้ำแข็ง’ เพื่อนสาวแสนสนิทตัวสูง ผิวขาว ใส่แว่น ตากลมโต หน้าหวาน ผมปล่อยยาว ไว้หน้าม้าที่นั่งข้างฉัน
“กิ๊กคนที่ 150” น้ำแข็งตอบอย่างเฉยชา บ่งบอกว่าชินสุดๆ
“ไอ้กิ๊กน่ะก็ใช่ แต่ไม่แน่ใจว่า 150 หรือเปล่า แต่แกช่วยตอบให้มันระบุมากกว่านี้หน่อยสิวะ” ฉันโวย น้ำแข็งเงยหน้าจากหนังสือวรรณกรรม หันมาจ้องหน้า
“ก็เค้าไปไม่ได้ไปกับแก เค้าจะรู้เหรอ”
“ก๊ากๆๆ” เสียงหัวเราะแหบๆ ดังมาจากผู้ชายที่นั่งโต๊ะข้างหน้า เป็นผู้ชายตัวสูง ผิวขาว ผมทรงสกินเฮด ตอนนี้มันกำลังหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ
“ไอ้ออม! หยุดไปเลย นี่ไอ้น้ำ เค้าให้แกทายโว้ย ก็ถ้าแกรู้เค้าจะทายทำไมเล่า” ประโยคท้ายหันไปตวาดยัยน้ำแข็งที่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสือ
“แกเฉลยมาเหอะ ทายไปก็ไม่ถูกหรอก อย่างแฟนแกมันเกินความคาดหมายเสมอๆ ” น้ำแข็งพูดต่อ
“ก็ได้ ก็เมื่อวานนะ เค้าไปเจอพั้นซ์กินไอติมกับยัยน้องนิ้ม เด็ก ม.3 ชื่อดัง ดาวโรงเรียนคู่แข่งโรงเรียนเรา”
“เฮ้ย! จริงดิ” เสียงจากไอ้ออมสินที่นั่งด้านหน้าดังขึ้นอย่างสนใจ
“เออดิ ตกใจปะล่ะ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ใครๆ ก็บอกว่าจีบยาก แต่พั้นซ์ก็จีบติด น่าตกใจอะดิ” ฉันพูดด้วยความภาคภูมิใจเต็มที่ หุหุ แสดงว่าแฟนฉันมีเสน่ห์
“โห ไอ้พั้นซ์มันเจ๋งจริงๆ ว่ะ” ออมสินเห็นด้วยพร้อมทำท่าคารวะ ส่วนน้ำแข็งที่นั่งข้างเงยหน้ามามองฉัน ด้วยสีหน้าท่าทางอึ้งๆ
“ฟังจากน้ำเสียง...ดูเหมือนแกปลื้มนะเนี่ย”
ฉันยิ้มกว้าง พร้อมพยักหน้าทันที
“ก็ใช่น่ะสิแก แกคิดดูนะ ผู้หญิงที่ใครๆ อยากจีบ แต่สุดท้ายก็มาพ่ายรักกับแฟนเรา แต่สุดท้ายกว่า แฟนเราก็เลือกเรา เราก็ชนะแบบใสๆ ไม่น่าภูมิใจเหรอแก” ฉันหันไปมองหน้ามันอย่างถามความคิดเห็น น้ำแข็งจ้องหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“แกนี่บ้าผู้ชายติดอันดับโลกเลยนะ” มันพูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอา
“บ้า ระดับเอเชียก็พอแล้ว” ฉันพูดพร้อมหัวเราะ
“ไม่ใช่บ้าผู้ชายโว้ย แต่ก่อนหน้าเนี้ย ไอ้โอ๊คห้อง 5 มันเคยประกาศว่าจะจีบยัยน้องนิ้มให้ติด แถมมาโม้ให้ฟังว่าน้องเค้าจีบยาก ต่อให้เป็นไอ้พั้นซ์ก็จีบไม่ติด ฉันก็เลยพนันกับมันว่าพั้นซ์จีบติดชัวร์ ก็แล้วไงล่ะ สุดท้ายก็ติด ส่วนมันก็แป้ก น่าจะเยาะเย้ยมันถึงหน้าห้อง” ฉันพูดอย่างสะใจ อยากเห็นหน้าคนขี้คุยแบบนายโอ๊คแย่แล้วว่าจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าสุดท้ายพั้นซ์ก็จีบติด
“นี่สรุปว่าดีใจที่ชนะพนันได้ นี่แกแน่ใจนะว่าแกเป็นแฟนไอ้พั้นซ์มันจริงๆ” น้ำแข็งถามพร้อมจ้องหน้าด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง
“อ้าว! ทำไมถามงั้นอะ”
“ก็ดูที่แกทำสิ แกเอาแฟนแกไปพนันว่าจะจีบผู้หญิงคนนึงได้หรือเปล่า คิดบ้างหรือเปล่ามะนาว ว่าถ้าแฟนแกเลือกผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แกจะทำยังไง แล้วแกคิดยังไงของแกถึงทำเหมือนว่าพั้นซ์มันไม่มีหัวใจ เล่นอะไรบ้าๆ ถ้ามันไม่เลือกแกคิดมา แกยังจะหัวเราะแบบนี้อยู่มั้ย”
น้ำแข็งร่ายยาว ฉันหน้าจ๋อย หันไปทางออมสินเพื่อให้มันช่วย ออมสินได้แต่ทำตาปริบๆ ฉันเลยทำท่ากำมือแล้วแบออก เป็นการส่งซิกว่าถ้ามันไม่ช่วยพูดให้ ฉันจะบอกความลับของมันให้น้ำแข็งฟัง ความลับที่มันปกปิดมาตลอดและมีแต่ฉันเท่านั้นที่รู้เพราะเราทั้ง 3 เป็นเพื่อนสนิทกัน และความลับนี้ ออมสินไม่อยากให้น้ำแข็งรู้เด็ดขาด
และแล้วก็สำเร็จ...
“เอ่อ น้ำแข็ง ค่อยๆ พูดกันก็ได้ คือ ไอ้นาวมันคงไม่คิดอะไรหรอก เพราะไอ้นาวมันก็ไม่ได้ให้พั้นซ์ไปจีบน้องเค้า แต่พั้นซ์มันทำของมันเอง น้ำแข็งก็รู้นิสัยของพั้นซ์ไม่ใช่เหรอ ส่วนที่ไอ้นาวไปพนัน มันก็แค่เล่นขำๆ น่ะ” ออมสินช่วยออกหน้าให้ ฉันยิ้มกว้าง ส่วนมันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ก็เล่นขำๆ ตลอดนั่นแหละ ชอบนักนะไอ้เรื่องพนัน แล้วไง ที่แกต้องปวดหัวคอยเครียดเรื่องสาวๆ ที่มาเป็นกิ๊กพั้นซ์ไม่เว้นแต่ละวัน ก็ไม่ใช่เพราะพนันเหรอ แกถึงต้องเป็นแฟนพั้นซ์น่ะ” น้ำแข็งว่าเสียงแข็งเหมือนชื่อ ฉันได้แต่นั่งหน้าจ๋อย
ก็เพราะการพนัน...ทำให้ฉันต้องเป็นแฟนกับพั้นซ์โดยไม่ได้ตั้งใจ
ก่อนหน้านี้ 3 ปี ขณะที่ฉันยังเป็นเด็กน้อย ม.2 อันใสซื่อ ( เหรอ? )
‘ขอบคุณค่ะ’ เสียงใสๆ วัยเกือบรุ่นของฉันดังพร้อมแจกรอยยิ้มหวานๆ ให้เหล่านักเรียนชาย รุ่นพี่ รุ่นน้องและรุ่นเพื่อน ที่ต่างแวะเวียนเอาดอกกุหลาบสีแดงมาให้ในวันวาเลนไทน์
‘มะนาว เค้าให้ดอกไม้’ นายออมสินเพื่อนlove ยื่นกุหลาบสีแดงดอกโตให้ ฉันไม่มีความขวยเขินใดๆ ทั้งสิ้นเพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกัน เราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่เราทั้ง 3 ( รวมน้ำแข็งด้วย ) เป็นเพื่อนสนิทกัน
‘เค้ายังไม่ว่างนะออมสิน ออมสินเอาไปให้น้ำแข็งก่อนแล้วกัน มันนั่งอ่านหนังสือตรงนั้นน่ะ’ ฉันชี้ไปที่โต๊ะม้าหินอ่อนใกล้ๆ ในมือออมสินมีดอกไม้ 2 ดอกเพราะจะเอามาให้น้ำแข็งกับฉันคนละดอก ออมสินยืนนิ่ง ทำหน้าแปลกๆ
‘เอางี้ เดี๋ยวเค้าค่อยเอามาให้ใหม่นะ’ แล้วออมสินก็เดินออกไป
‘อ้าว!’ ฉันอุทานเบาๆ ด้วยความแปลกใจเพราะเห็นว่าออมสินไม่ได้เดินเอาดอกไม้ไปให้น้ำแข็ง แต่กลับเดินออกไปที่อื่น น้ำแข็งที่นั่งไม่ไกลก็คงจะเห็นภาพนั้นเช่นเดียวกัน
‘น้ำแข็งๆ รู้ปะว่าออมสินเดินไปไหน’ ฉันเดินไปถามน้ำแข็งที่กำลังนั่งอ่านหนังสือวรรณกรรม น้ำแข็งเงยหน้ามามองแล้วส่ายหน้า
‘ไม่รู้สิ’ แล้วก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ขณะที่เรานั่งกันอยู่นั้น ใครคนนึงก็เดินผ่าน
‘โหพั้นซ์ นายให้เราแบบนี้จะดีเหรอวะ’ เสียงจากเด็กผู้ชายคนนึงดังขึ้น ส่วนนายคนที่ชื่อ พั้นซ์ กลับหัวเราะ เหมือนว่ามันเป็นเรื่องน่าขำ
‘ดีสิ เอาไปเหอะ ฉันกินคนเดียวไม่หมดหรอก’ นายคนที่ชื่อพั้นซ์อะไรนั่นพูดอย่างใจดี...มันคงดีหรอกนะถ้าสิ่งที่นายนั่นจะให้ไม่ใช่เป็นชอคโกแลตที่สาวๆ ให้ในวันวาเลนไทน์
‘แล้วสาวๆ ที่ให้นายเค้าจะไม่โกรธเอาเหรอ’ นายเพื่อนที่ดูท่าทางตะกละ อยากกินชอคโกแลตถุงโตถามหยั่งเชิง นายคนที่ชื่อพั้นซ์หันไปยิ้ม
‘ไม่โกรธหรอก ใครจะกล้าโกรธนายพั้นซ์ ภูมิบดี ภมรบดินทร์ วะ สาวๆ พวกนั้นไม่โกรธฉันหรอกน่า’ แล้วนายพั้นซ์ผู้หลงตัวเองนั่นก็เดินจากไป
‘โห! น้ำแข็ง แกได้ยินเหมือนที่เค้าได้ยินปะ’ ฉันหันไปถามน้ำแข็งที่ยังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือวรรณกรรม
‘ได้ยินอะไรล่ะ’
‘อ้าว ก็ที่นายพั้นซ์ นายเพิ้นอะไรนั่นว่าไง’ ฉันพูดต่อ น้ำแข็งเงยหน้า ทำท่าคิด ยังไม่ทันที่น้ำแข็งจะตอบอะไร บางสิ่งก็โผล่ขึ้นมาด้านหน้าเสียก่อน
‘ดอกไม้ดอกนี้ เรามอบให้น้ำแข็งนะ ส่วนเธอ...คงได้เยอะแล้ว คิดว่าไม่ต้องเอาก็ได้’ อยู่ดีๆ นายพั้นซ์ก็มาปรากฏกายตรงหน้าพร้อมยื่นดอกกุหลาบดอกโตมากๆๆๆ ให้น้ำแข็ง แถมยังหันมาคุยกับฉันอีกด้วย ( นี่เรียกว่าคุยใช่มั้ย ) ฉันทำหน้างงใส่ ก็ฉันไม่รู้จักหมอนี่นี่นา แต่ก็แอบเคืองนิดๆ ว่าทำไมสาวป๊อป สวยเลือกได้อย่างฉันถึงไม่ได้กุหลาบ แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากได้ดอกไม้จากอีตาบ้าเห็นผู้หญิงไม่มีค่าแบบนายพั้นซ์อะไรนี่หรอก
‘ขอบใจจ๊ะพั้นซ์’ น้ำแข็งพูดแล้วยิ้ม เอ๊ะ! ทำไมหน้าน้ำแข็งแดงแบบนั้นนะ แล้วน้ำแข็งไปรู้จักอีตานี่ได้ไง ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย
‘งั้นพั้นซ์ไปก่อนนะ แล้วเจอกันครับน้ำแข็ง’ นายพั้นซ์พูดพร้อมยิ้มหวานอีกทีก่อนจะเดินไป หน้าน้ำแข็งอีกรอบ
‘น้ำแข็ง บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าไปรู้จักนายพั้นซ์อะไรนั่นได้ไง ไปรู้จักตอนไหน เค้าเป็นใคร บอกมานะ’ ฉันถามรัว น้ำแข็งทำหน้าปุเลี่ยนๆ
‘ค่อยๆ ถามสิ ก็คือว่า จำได้มั้ยที่เค้าเคยเล่าให้ฟังว่าเค้าไปอ่านหนังสือแล้วมีคนเตะลูกบอลมาโดนแล้วก็มีคนพาไปห้องพยาบาลน่ะ - - ’
‘อย่าบอกนะว่าเป็น - - ’
‘ใช่จ๊ะ คนที่พาไปส่งห้องพยาบาลคือพั้นซ์’ น้ำแข็งพูดแล้วยิ้มหวานให้ ฉันหน้าแหย ไม่น่าเชื่อว่านายนั่นจะแมนปานนี้
‘แล้วนายนั่นเป็นใคร ทำไมดูป๊อปจัง เห็นสาวๆ ให้ชอคโกแลตเป็นถุงเลย เค้าไม่เห็นรู้จัก’ ฉันถามต่อเพราะดูท่าว่าน้ำแข็งจะรู้จักดีกว่า
‘พั้นซ์เพิ่งย้ายมาเมื่อเทอมก่อนน่ะ อยู่ห้อง 4 เค้าดังในหมู่สาวๆ มากเลยนะ ที่นาวไม่รู้จัก ก็เพราะว่านาวไม่ได้สนใจไง’ น้ำแข็งอธิบาย ฉันพยักหน้าหงึกๆ น้ำแข็งนี่ยังคงคอนเซปเดิม เห็นนิ่งๆ เฉยๆ แต่ทุกอย่างในโลกนี้เอ๋ยเธอรู้หมด!
‘อ๋อ!’ ฉันพยักหน้ารับรู้และไม่สนใจเท่าไรนัก
‘แล้วนี่ทำไมเค้าเอาดอกไม้มาให้แกล่ะ เค้าแอบปิ๊งแกเหรอ’ ฉันยิงคำถามทันที ยัยน้ำแข็งหน้าซีด ตาโตด้วยความตกใจ
‘เปล่า ก็แค่รู้จักกันน่ะ’
‘แหม...รู้จักกัน’ ฉันเลียนเสียงยัยน้ำแข็ง
‘รู้จักกันแบบไหนเอาดอกไม้มาให้กัน’
‘ก็ทีออมสินยังจะเอาดอกไม้มาให้เลย’ น้ำแข็งแถไปได้ แต่เอ พูดถึงออมสิน ตอนนี้มันไปไหน
‘แล้วนี่ไอ้ออมมันไปไหน’ ฉันว่าพร้อมมองหาออมสิน ไหนมันบอกจะให้ดอกไม้ แต่อยู่ดีๆ ก็หายหัวไปไหน ทั้งฉันและน้ำแข็งก็ยังไม่มีใครได้ดอกไม้จากมันสักคน แล้วจะเจอตอนไหนเนี่ย เรียนก็คนละห้องกัน
‘ไม่รู้สิ ไปเรียนแล้วมั้ง แต่เดี๋ยวตอนเย็นก็ได้เจอกัน ไปเหอะ’ น้ำแข็งว่าพร้อมลุกขึ้น เตรียมเดินไปห้องเรียน เพราะนี่ใกล้เวลาเรียนช่วงบ่ายแล้ว
ขณะที่พวกเรากำลังจะเดินไปห้อง เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้น
‘ว่าไงมะนาว!’ เสียงแปร๊นๆ ดั่งช้างตกมันดังขึ้น ฉันกับน้ำแข็งหันควับไปมองทันที ก็เสียงๆ นี้จะเป็นใครถ้าไม่ใช่...
‘มีอะไร แตงโม’ ฉันหันไปถามพร้อมส่งสายตาจิกๆ กลับไป
‘หุหุ ไม่มีอะไรหรอกย่ะ ฉันก็แค่อยากจะมาดูว่าเธอจะได้ดอกไม้เท่าไร ไหน หุหุ ก็ไม่เห็นจะเยอะเท่าไรเลยนี่ หุหุ’ เสียงหัวเราะแบบแม่มดดังขึ้น ฉันกับยัยแตงโมเป็นคู่กัดตั้งแต่ม.1 เพราะต่างคนต่างก็สวย ต่างคนต่างก็เด่น เราจึงแย่งชิงตำแหน่งดาวโรงเรียนกันตลอด และเวทีการแข่งขันแต่ละครั้งก็เป็นช่วงเทศกาล เช่นวันวาเลนไทน์วันนี้เป็นต้น
‘อืม ก็งั้นๆ อะ เพราะส่วนมากจะเก็บไว้ที่ห้อง เท่าที่เห็นนี่ก็เพิ่งได้มาเมื่อตอนเที่ยงนะเนี่ย’ ฉันใส่กลับทันทีพร้อมท่าทางอีกหน่อย ยัยแตงโมแทบกรี๊ดเลยทีเดียว
‘อ๋อเหรอ หุหุ นี่ เห็นดอกกุหลาบนี่มะ’ ยัยแตงโมพูดพร้อมชูช่อกุหลาบสีแดงช่อสวยให้ดู
‘เออ ทำไมอะ’
‘หุหุ ก็เนี่ย พลับห้อง 1 ให้ฉันมาแหละ หุหุ’ ยัยแตงโมพูดถึงนายพลับ หนุ่มหล่อชั้น ม.2 ฉันเบ้ปาก เชอะ! ฉันไม่เห็นจะอยากได้จากนายนั่นเลย เตี้ยจะตาย ถึงหล่อแต่ก็เตี้ย สาวตัวสูงอย่างฉันไม่สนใจหรอกย่ะ
‘อ๋อเหรอ? แต่นี่ เห็นนี่ปะ’ ฉันพูดพร้อมดึงช่อกุหลาบออกจากมือยัยน้ำแข็งพร้อมหาเรื่องเกทับยัยแตงโมทันที
‘เนี่ย ดอกไม้เนี้ย พั้นซ์เอามาให้ รู้จักพั้นซ์ห้อง 4 ใช่มั้ย หนุ่มป๊อปของโรงเรียนคนล่าสุดน่ะ หุหุ เค้าเพิ่งเอามาให้ฉันเมื่อกี้เองนะ’ ฉันโม้เต็มที่ ยัยน้ำแข็งทำหน้าอึ้ง ฉันขยิบตาใส่เพื่อให้มันเงียบ ส่วนยัยแตงโมกำลังปรี๊ดแตก หุหุ แสดงว่ายัยนี่ก็หนึ่งในสาวๆ ที่กำลังปลื้มนายพั้นซ์อะไรนั่น
‘แกโกหกฉันใช่มั้ยเนี่ย ไม่จริงอะ พั้นซ์เค้าจะให้ได้ไง ก็เค้าบอกว่าเค้ากำลังพักใจอยู่นี่ ไม่จริง’ สีหน้าท่าทางยัยแตงโมเหมือนคนบ้า ลนลาน ตกใจเหลือหลาย
‘เธอจะไปรู้เค้าได้ไงว่าเค้ากำลังพักใจ เป็นอะไรกับเค้ารึก็เปล่า’ ฉันถามด้วยความแปลกใจ ก็ท่าทางของยัยแตงโมออกจะโอเวอร์ขนาดนั้น
‘ฉันเป็นแฟนเค้าน่ะสิ’ ยัยแตงโมโพล่งออกมา ฉันกับน้ำแข็งมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองหน้ายัยแตงโม
‘จริงเหรอ แล้วทำไมเค้าเอาดอกไม้มาให้น้ำ เฮ้ย! มาให้ฉันล่ะ’ ฉันเกือบพูดออกไปแล้วว่าเอามาให้น้ำแข็ง ส่วนน้ำแข็งเองก็คงอยากรู้เหมือนกัน
ยัยแตงโมหน้าแดง หน้าซีด แล้วก็แดง แล้วก็ซีด ยัยนี่เป็นจิ้งจกหรือเปล่าเนี่ย
‘เป็นไปไม่ได้ พั้นซ์มาจีบเธอเนี่ยนะ ไม่จริงอะ คนอย่างฉันจะแพ้เธอได้ไง ไม่จริงอะ’ ยัยแตงโมพร่ำรำพัน เอ๋! หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่ายัยนี่ถูกตาพั้นซ์อะไรนั่นหักอกเอา
‘อ๋อ! ทำไมจะไม่ได้ล่ะจ๊ะ ก็แค่ฉันสวยกว่าเธอ น่ารักกว่าเธอ พั้นซ์ก็เลยเลิกกับเธอมาคบกับฉันก็เท่านั้นเอง หุหุหุ’ ฉันหัวเราะใส่หน้าด้วยความสะใจ ยิ่งเห็นท่าทางของยัยแตงโมตอนนี้ บอกได้เลยว่าที่ฉันทายไปมันถูกเต็มๆ ยัยแตงโมถูกนายพั้นซ์หักอกชัวร์ๆ
‘ทำมาเป็นหัวเราะไปเถอะ คนอย่างพั้นซ์เค้าไม่หยุดที่ใครง่ายๆ หรอก เค้าก็แค่เล่นๆ กับเธอเท่านั้นแหละ’ ยัยแตงโมตะคอกใส่หน้า ฉันทำหน้าเหรอหรา กวนประสาทใส่
‘อ๋อเหรอจ๊ะ แต่เค้าคงไม่เล่นๆ กับฉันหรอก เพราะฉัน...ไม่เหมือนเธอ!!’ ฉันตะคอกกลับ ยัยแตงโมแทบกรี๊ด หุหุ สะใจๆ
‘นี่ ยัยมะนาว แกคิดว่าแกแน่แค่ไหน เธอก็เป็นแค่กิ๊ก ไม่มีทางได้เป็นแฟนเค้าหรอก เชื่อฉันมั้ยล่ะ ไม่เกิน 2 อาทิตย์พั้นซ์จะขอเลิกกับแก ไม่เกิน 3 วันพั้นซ์ต้องมีคนอื่น’ ยัยแตงโมชี้หน้าว่า ฉันทำท่าไม่ยี่หระ กวนประสาทต่อไป
‘เชื่อฉันมั้ยละ ไม่เกิน 2 วันพั้นซ์ต้องเลิกกับทุกคน ไม่เกิน 3 ชั่วโมง พั้นซ์ต้องเป็นแฟนฉัน’ ฉันชี้หน้ากลับ ก็คนอย่างฉันฆ่าได้หยามไม่ได้ แล้วอีกอย่าง...ความสวยมันไม่เข้าใครออกใคร หุหุ
‘เธอทำไม่ได้หรอกมะนาว’ แตงโมพูดอย่างปรามาส ฉันแสยะยิ้ม
‘ก็ถ้าฉันทำได้ เธอจะให้อะไรล่ะ’ การพนันเริ่มเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ นี่ฉันไปติดนิสัยขี้พนันมาจากใครน่ะ?
‘ถ้าเธอทำได้ ฉันจะให้ดอกไม้ ให้ชอคโกแลต ให้ของทุกอย่างที่ได้ในวันนี้ให้เธอเลย’ ยัยแตงโมยื่นข้อเสนอ
‘มันไม่น้อยเกินไปเหรอแตงโม!’ ฉันทอดเสียงยาว
‘พั้นซ์ไม่ใช่เล่นๆ นะ เค้าเป็นถึงอดีตแฟนเธอเลยนะ เธอเห็นเค้ามีค่าแค่ขนมแค่นี้เองเหรอ?’ ฉันถามเสียงเย็นๆ ชำเลืองตามอง ยัยแตงโมหน้าแดง
‘แล้วเธอจะเอาอะไร’ แตงโมถามเสียงชวนหาเรื่อง
‘ก็...’ ฉันทำท่าคิด
‘แค่ตำแหน่งดาวโรงเรียนไง’ ฉันเฉลย พร้อมๆ กับเสียงของแตงโมที่ว่า
‘อะไรนะ!!’
ฉันอมยิ้ม ทำหน้าตาท่าทางร้ายเต็มที่
‘ก็แค่เธอยอมยกตำแหน่งดาวโรงเรียนให้ฉัน ต่อไปจะไม่กล้ามาสู้อีก จะยอมแพ้โดยดี จะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอแพ้ฉัน ก็แค่นั้น’
แตงโมอึ้ง หน้าแดง กำหมัดแน่นเมื่อฟังฉันพูดเสร็จ ฉันอมยิ้ม ยัยแตงโมมันคงไม่กล้ารับคำท้าหรอก แล้วฉันเองก็ไม่กล้าทำเหมือนกัน เรื่องอย่างนี้มันหนักหนาเกินไป เรื่องความรักมาพนันกันได้ยังไงล่ะ
คนอย่างยัยแตงโม หวงตำแหน่งยิ่งกว่าค.ร.ม.หวงเก้าอี้ ไม่มีทางที่ยัยนี่จะเสี่ยงหรอก สาธุ ขอให้ยัยนี่ปฏิเสธเถอะเพี้ยง
‘ตกลง!!’ เฮ้ย! ผีตนใดเข้าสิงมันวะ เอะ หรือว่าเมื่อกี้มันไม่ได้ยิน
‘เธอต้องประกาศให้ทุกคนฟังเลยนะว่ายอมแพ้ฉันน่ะ’ ฉันทวนข้อเสนออีกครั้ง ยัยแตงโมสบตาด้วยสายแต่แข็งกร้าว มั่นอกมั่นใจ
‘ใช่! ฉันตกลง’ ฟังน้ำเสียงมันสิ มั่นใจจริงจริ๊งแม่คุณ
‘ต่อไปก็ตาฉันล่ะ ถ้าเธอทำไม่ได้ เธอต้องเป็นฝ่ายประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเป็นคนแพ้ฉัน ว่าไง ตกลงมั้ย’ ยัยแตงโมย้อนถาม ฉันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก โอ้ละหนอตำแหน่งดาวโรงเรียนที่หมายปอง จะลอยหลุดละล่องไปเพราะความขี้โม้ มั่นใจในตัวเองเกินไปและการบ้าพนันหรืออย่างไร ไม่นะมะนาวผู้หน้าสวย เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ น่าสงสารต่างหากล่ะ อนาคตเธอจะมาดับลงเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้
เชอะ! กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว เรื่องจิ๊บๆ น่ะ
‘ตกลง!’ ฉันตอบเสียงดังฟังชัด
‘มะนาว!’ น้ำแข็งเรียกชื่อด้วยความตกใจพร้อมดึงฉันไว้ แหม..เพิ่งมีบทน่ะหล่อน เดี๋ยวก็หักค่าตัวเสียเลย ฉันก็นึกว่าฉันมีเพื่อนเป็นใบ้มาตั้งนาน
‘หุหุ’ ยัยแตงโมหัวเราะเป็นแม่มดอีกแล้ว เค้ามีญาติฝ่ายไหนเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์หรือเปล่านะ
‘เธอรู้มั้ยมะนาวว่าทำไมฉันตกลงท้าพนันกับเธอ ก็เพราะว่า...หุหุ ฉันมั่นใจว่าเธอจะทำไม่ได้น่ะสิ!’ ยัยนี่ท่าจะบ้า ถามเองตอบเองหมด เว้นที่ไว้ให้ฉันตอบบ้างสิยะ
‘ไม่ต้องมาพูดมาก เธอว่ามาเลยดีกว่าว่าจะให้เริ่มเมื่อไร’ ฉันถามเสียงห้วน เบื่อพวกขี้โม้
‘ไม่ต้องรีบก็ได้ กลับไปบ้านไปทำใจก่อน หรือว่าจะไปไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยก่อนก็ได้นะ’ ยัยแตงโมเสียดสีกันจริง
‘ตอนนี้เลยก็ได้ จับเวลาเลยนะ ก่อน 4 โมงเย็นวันนี้ ฉันได้เป็นแฟนเค้าแน่’ ฉันประกาศกร้าว สงคราม( ว่าที่ ) ดาวโรงเรียน ( อย่างเป็นทางการ ) กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
เราทั้งคู่ ฉันกับแตงโมมองหน้ากัน สายตาแข็งกร้าว ท่าทางน่ากลัว บรรยากาศรายรอบอึมครึม ศึกครั้งใหญ่ระเบิดขึ้นแล้ว
‘เราเป็นแฟนกันนะมะนาว!!’
‘
’ สรรพสิ่งหยุดนิ่ง เพราะประโยคนั้นประโยคเดียว เสียงนุ่มๆ ดังขึ้นพร้อมร่างชายหนุ่มที่ชื่อ ‘พั้นซ์’ มาปรากฏกายตรงหน้า
‘
.’ ความเงียบยังคงครอบคลุม ทุกอย่างยังหยุดนิ่งอยู่เช่นเดิม
‘ว่าไงมะนาว เรามาเป็นแฟนกันนะ’ นายพั้นซ์พูดเสียงดัง จนฉันแทบจะสะดุ้ง เราทั้ง 3 อันประกอบด้วยแตงโม น้ำแข็งและฉันมองหน้ากันด้วยความตกใจ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
‘เมาแดดหรือเปล่า’ นี่เป็นประโยคแรกที่ฉันพูดหลังจากเงียบไปนาน
นายพั้นซ์ยิ้มเย็นๆ ให้ ยัยแตงโมหน้าแดงด้วยความโกรธ น้ำแข็งอึ้ง อ้าปากค้าง หนังสือวรรณกรรมในมือร่วงสู่พื้น
‘มะนาวครับ เราเป็นแฟนกันนะ - - แตงโมครับ ได้เวลาประกาศยอมแพ้แล้ว’ ประโยคแรกนายพั้นซ์พูดกับฉัน ส่วนประโยคหลังหันไปพูดกับแตงโมที่ยังยืนอึ้งอยู่
‘เอ่อ คือ เอ่อ’ แตงโมเกิดอาการติดอ่างขึ้นมาดื้อๆ คงจะช็อคเรื่องที่นายพั้นซ์ตกลงเป็นแฟนกับฉันเนี่ยแหละ ยังไม่ถึง 3 นาทีด้วยซ้ำไป
‘เร็วสิครับ แฟนพั้นซ์รอนานแล้ว’ นายนั่นเหมารวมว่าฉันเป็นแฟนด้วยเฉยเลย ฉันยังไม่ได้รับคำเลยนะ
‘ได้ไงล่ะพั้นซ์’ แตงโมว่าเสียงเขียว ส่งสายตาจิกตบมาให้
‘มะนาวยังทำไม่ครบทุกข้อเลย ข้อที่บอกว่าจะทำให้พั้นซ์เลิกกับผู้หญิงทุกคนภายใน 2 วันไง’ ยัยแตงโมทวงกติกา ยัยนี่นิ จะจดจำอะไรนักหนา จำเก่งดีนัก ไปสมัครรายการแฟนพันธุ์แท้ไป๊
คราวนี้ทุกคนหันหน้ามาทางฉัน นายพั้นซ์ยิ้มเย็นๆ ให้อีกครั้ง ฉันยิ้มแหยๆ ตอบ หมอนี่คิดอะไรของเค้านะ
‘ไม่ต้องห่วงหรอกนะแตงโม พั้นซ์สัญญาว่า ภายใน 2 วันนี้ พั้นซ์จะเลิกกับผู้หญิงทุกคน ได้ฟังอย่างนี้แล้ว แตงโมจะประกาศยอมแพ้มะนาวได้หรือยัง’ นายพั้นซ์ทำแมน กรี๊ด
‘เอ่อ’ แหมๆๆ ทำมาเป็นติดอ่าง ประกาศได้แล้วย่ะหล่อน ยอมแพ้มาซะดีๆ หุหุ ฉันจะได้เป็นดาวโรงเรียนคนเดียวแล้ว อิอิ เส้นทางดาวรุ่งพุ่งแรง
‘เร็วสิ เราสัญญานะว่าเราจะเลิกแน่ๆ แล้วแตงโมไม่รักษาสัญญาเหรอ’ กรี๊ดๆ ทำแมนอีกแล้ว ชักหวั่นไหวนะเนี่ย เอ๊ะ! อย่าบอกนะว่านายพั้นซ์คิดอะไรกับฉันจริงๆ แต่ไม่หรอกมั้ง นายพั้นซ์จีบน้ำแข็งไม่ใช่เหรอ จะมากิ๊กฉันได้ไง แต่เอ...ยัยแตงโมก็บอกแล้วนี่นาว่านายนี่มันเจ้าชู้ มันก็คงหยอดไปแค่นั้นแหละ เชอะ! ฉันไม่สนใจนายหรอกย่ะ ให้มันรู้ซะบ้างว่าสวยเลือกได้
‘ว่าไงแตงโม เมื่อไรจะพูดจ๊ะ’ ฉันได้ทีเหยียบซ้ำ
‘ก็ได้’ แตงโมพูดอย่างไม่เต็มใจ สีหน้าท่าทางแย่ ส่วนฉัน...ก็ดีใจสุดๆ น่ะสิถามได้
‘ฉัน เอ่อ ฉัน’
‘ฉันอะไร’ ฉันถามเสียงดัง ตอนนี้สายตาทุกคู่กำลังจ้องมาที่พวกเรา เท่าที่เดาผ่านสายตาก็น่าจะ 50 คนขึ้นไป เพราะนี่อยู่ทางเดินระหว่างตึก
‘ฉัน - - ฉันยอมแพ้ ฉันยอมแพ้เธอ เธอเป็นดาวโรงเรียน ฉันยอมแพ้แล้ว’ แตงโมประกาศเสร็จก็รีบวิ่งออกไปทันที โดยมีเพื่อนๆ วิ่งตามไป ( เพื่อนของแตงโมไร้บทบาทมากกว่าเพื่อนฉันอีก ดูสิ ไม่ได้พูดเลยสักคำ )
‘ฮะฮะ ก๊ากๆ สะใจๆ น้ำแข็ง แกดูสิ วิ่งไปโน่นแล้ว สุดท้ายเค้าก็ได้เป็นดาวโรงเรียนคนเดียว ไม่มีคู่แข่งแล้ว’ ฉันหันไปพูดกับน้ำแข็งด้วยความดีใจปนสะใจ น้ำแข็งยิ้มแหยๆ ให้ ดูท่าว่ามันจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไรนัก
‘เออนี่ ขอบใจนายมากนะที่ช่วยฉันน่ะ’ ประโยคหลังฉันหันไปพูดกับนายพั้นซ์ที่อยู่อีกข้าง นายพั้นซ์ยิ้มเย็นๆ ให้แล้วพูดว่า...
‘ต่อไปก็ได้เวลาที่เธอมาเล่นพนันกับฉันแล้วนะ’
‘
’ ความเงียบครอบคลุมชีวิตฉันอีกครั้ง ที่ไอ้หมอนี่พูดหมายความว่าไงอะ พนันอะไรอีกเนี่ย
‘เอ่อ หมายความว่าไงอะ’ ฉันถามเสียงเบา มองด้วยความไม่เข้าใจ นายพั้นซ์ยิ้มเย็นๆ ส่งให้อีกครั้ง
‘ภายใน 2 วันนี้ ฉันจะเลิกกับสาวๆ ทุกคน แต่ในวันถัดไป ถัดไปและถัดไป ฉันจะคบกับสาวๆ อีกนับไม่ถ้วน’ นายพั้นซ์ร่ายยาว ฉันมองด้วยความไม่เข้าใจ
‘แล้วไง’ ก็มันจะมาบอกฉันทำไมเล่า ฉันไม่ใช่แม่นายนะ ที่จะต้องเล่าทุกเรื่องให้ฟังน่ะ
‘ก็เธอเป็นแฟนฉันนี่นา เธอก็จะต้องทำให้ฉันเลิกกับผู้หญิงเหล่านั้นให้ได้’
‘อะไรน๊ะ!!!’ ฉันตะโกนถามด้วยความตกใจ ไอ้บ้านี่ ใครจะทำได้ วันๆ ไม่ให้ทำอะไรเลยหรือไง ไล่ตามมันตลอดเนี่ย
‘อะไรของนายเนี่ย จะบ้าเหรอ ฉันไม่เอาด้วยหรอก’ ฉันโวยวายใส่ นายพั้นซ์ยังคงทำหน้าเหี้ยม ยิ้มเย็นๆ ให้เสียวสันหลังเล่น
‘อะไรกันมะนาว ก็เธอเป็นแฟนฉันนี่นา เธอก็ต้องทำให้ได้ กติกาของเราคือเธอจะต้องทำให้ฉันเลิกกับสาวๆ จนกว่าฉันจะหยุดที่เธอ ระยะเวลาไม่มีกำหนด’
‘ห๊ะ ว่าไงนะ’ ก็ดูสิ แต่ละข้อช่างโหดร้าย
‘นี่ถ้านายไม่หยุดที่ฉัน ฉันก็ไม่ต้องตามนายจนตายเหรอเนี่ย’ ฉันโวยอย่างอดไม่อยู่ ก็ดูกติกาบ้าบอนี่สิ ไม่เอาเชือกมาผูกฉันเลยเล่า
‘คงไม่ถึงขนาดนั้น ก็เธอพูดเสมอไม่ใช่เหรอว่าตัวเองสวย เก่ง ดี เพอร์เฟคทุกอย่าง กับอีแค่เอาชนะใจผู้ชายแบบฉัน มันจะไปยากอะไร’ เหอๆ นี่อย่าบอกนะว่าหมอนี่ได้ยินประโยคที่ฉันพูดกับแตงโมน่ะ
‘แล้วถ้าฉันไม่ยอมล่ะ’ ฉันโพล่งออกมา นายพั้นซ์ยิ้มเย็นๆ ให้อีกแล้ว หมอนี่ยิ้มแบบอื่นไม่เป็นหรือไงนะ หัดร้อนๆ บ้างก็ได้ บ้านเป็นโรงงานน้ำแข็งเหรอ
‘ฉันก็จะไปบอกแตงโม และเธอก็จะกลายเป็นฝ่ายต้องประกาศยอมแพ้ จะเอาไงล่ะ เธอจะตกลง หรือไม่ตกลง’ ฮื่อฮื่อ ไอ้บ้านี่ ใจร้าย แกแบล็คเมล์ฉัน เมื่อกี้ก็แสดงว่าแกแอ๊บแมนน่ะสิ ไอ้บ้า
‘แล้วถ้าฉันชนะจะได้อะไร’
นายพั้นซ์ทำท่านึก ก่อนจะยิ้ม...เย็นๆ
‘อะไรก็ได้ แล้วแต่เธอเลย’ โห ใจสปอร์ตหน้าดู อย่างนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย คุ้มแน่เรา
‘แล้ว..ถ้าฉันแพ้ล่ะ’ ฉันหยั่งเชิงต่อ นายพั้นซ์ก็ยังคงยิ้ม...เย็นๆ ให้เหมือนเดิม
‘ยังนึกไม่ออก เอาไว้ถึงเวลานั้นแล้วจะบอกนะ’ แล้วมันก็ยิ้มเย็นๆ ให้อีกแล้ว ก่อนจะหันหลังให้
‘อ้อ! ลืมบอกไป ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่เธอจะจัดการได้ง่ายๆ หรอกนะ แล้วเธอจะได้รู้ว่า บางทีคนอย่างเธอ ก็อาจจะต้องเป็นฝ่ายแพ้บ้าง’ มันพูดเสร็จก็เดินออกไป
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไอ้บ้านี่ แกมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันอย่างนี้ คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหน ได้! อยากเล่นกับคนอย่างฉันนักใช่มั้ย แล้วนายจะได้รู้ว่าคำว่า ‘แพ้’ เป็นอย่างไร
‘ฉันก็ลืมบอกนาย ว่าคนอย่างฉันแพ้ไม่เป็น!!’ ฉันตะโกนไล่หลังด้วยความโมโห
แล้วภารกิจแสนปวดหัวในปฏิบัติการปราบนายหวานใจก็เกิดขึ้นจากวันนั้นเป็นต้นมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น