คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Friendnemy
- Chapter 1 -
“เฮ้ยคชา ทางนี้ๆ”
ผมมองตามเสียงไปยังคนบ้าที่โดดเหยงๆอยู่บนโต๊ะกินข้าวกลางโรงอาหารท่ามกลางผู้คนนับล้าน เอิ่ม…ไอ้ปอ มึงกลัวกูมองไม่เห็นมึงรึไงวะครับนั่น ถ้าจะขึ้นไปยืนเต้นแร้งเต้นกาอยู่บนโต๊ะขนาดนั้น กูเห็นแล้วโว้ย พูดเบาๆก็ได้ กูอายเค้า
“เฮ้ยลงมา เดี๋ยวโดนอาจารย์ด่า” ใครสั่งใครสอนให้เหยียบโต๊ะอาหารล่ะครับนั่น
“ก็กูกลัวคนส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมึงมองไม่เห็นไงเพื่อน” กร้ากกกกกกกกกก ขำจริงจริ๊ง เอาตรงๆนะเว้ยปอ พูดกันแมนๆเลย กูต่ำกว่ามึงไม่เท่าไหร่เอง จริงๆผมสูงเท่ามาตรฐานชายไทยนะครับ แค่เตี้ยกว่าคนอื่นในกลุ่มเพื่อนแค่นิดหน่อยเท่านั้น ไม่เห็นจะน่าเอามาล้อตรงไหนเลย
วันนี้ในโรงอาหารคนเยอะมากครับ ถ้าจะแห่กันมาขนาดนี้นะ พวกผมก็หนึ่งในนั้นแหละเนื่องจากไอ้คุณเบนเพื่อนของพวกเราสอบชิงทุนไปต่างประเทศสำเร็จครับ มันเลยบอกว่าจะเลี้ยงข้าวกลางวันพวกผม แหม! ไอ้เราก็เตรียมเลือกเมนูที่แพงที่สุด กะจะสั่งแบบให้ไอ้เบนจนไปสามชาติอะไรประมาณนั้น นี่เลือกร้านแล้วด้วยนะ แต่เจ้ากรรมพ่อคุณดันพาพวกเรามาเลี้ยงที่โรงอาหารของมหาลัยแทน แพงที่สุดก็แค่ 30 บาท orz…
“เอ่อเว้ย! ไอ้คนที่มันบอกว่าจะเลี้ยงเนี่ยหายหัวไปไหนวะ” นั่นสิหายไปไหน ป่านี้ยังไม่โผล่หน้ามาเลย
หิวข้าว ยูโน้ว!
“หัวหาย? แล้วตัวล่ะ?”
ห้ะ? วี๊ดๆๆๆ หงีดๆๆๆ คุณได้ยินเสียงจิ้งหรีดและจักจั่นแข่งกันแหกปากร้องไหมครับ?
กูไว้อาลัยให้มึง 3 วิ…
ช่วยไว้อาลัยให้เพื่อนเฟรมของผมด้วยละกัน อาเมน…
“บอกกูทีตะกี้มึงเล่นมุข?”
“อืม ขำล่ะซิ ฮ่าๆ หัวเราะฉี่กันทั้งโต๊ะเลย”
เพิ่มเวลาไว้อาลัยให้อีก 10 วิ…
“เชี่ยเฟรม มุขห่าอะไรมึงเนี่ยเฮ้ย โหแป้กแล้วแป้กอีก นับถือว่ะเพื่อน มุขมึงนี่ไม่พัฒนาเลย”
“คนเรามันพัฒนากันได้เหอะน่า” มุขกากๆระดับมึงนะเฟรม ต่อให้อีก 10 ปี ก็ยังไม่ไปไหน”
“มึงคงต้องลาออกจากมหาลัยแล้วไปเรียนเล่นมุขอ่านะเพื่อน” ผมพูดขำๆ แต่…
“อ่าว! ไอ้ห่า จะให้กูออกทำไมเล่า กูก็เรียนของกูดีดี เกรดกูก็ดีเหอะเพื่อน” ไอ้เฟรมมันไม่ขำครับ แถมยังทำหน้าเครียดเหมือนขี้ไม่ออกมา 3 วัน เอ่อเฟรมครับตะกี้คือกูประชดนะครับ มึงไม่เก็ทใช่ไหม?
“กูประชด! แหม ทีของง่ายๆแบบนี้เสือกไม่เก็ท ไอ้หอก”
“เอ่อ แล้วเมื่อไหร่ไอ้เบนจะมาว้า รอจนท้องกูซิงหมดแล้ว”
“ท้องซิง เชี่ยไรมึงอีกเนี่ยเฟรม” พอเฮ้อ เลิกเล่นมุขเหอะ ก่อนที่กูจะแบนมุขมึงไปตลอดชีวิต
“เอ้า ท้องซิง ก็ท้องร้องไงเพื่อนปอ ฮ่าๆๆ” เดี๋ยวกูต่อโปรไว้อาลัยมึง 100 วันเลย ครบปุ๊บก็เผาแล้วเอาไปลอยอังคารให้เสร็จสับ จะได้ไปสู่สุขคติซะที เพลียกับมุขไอ้เฟรมจริงๆครับ
“มาแล้วๆ” นั่งด่าไอ้เฟรมไปได้สักพัก พ่อคุณเบนมันก็โผล่หัวมา เหอะ! มาสักทีนะพ่อคุณ
“โหยกว่าจะมา พวกกูรอจนแดกหมาได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย โคตรหิวเลย”
“ไอ้ห่าเลี้ยงทั้งทีแม่งเลี้ยงข้าวโรงอาหาร งกสึด!”
เมื่อมันมาถึง พวกผมก็รุมด่ามันทันทีในข้อหาที่มันมาช้าและงก จำไว้ๆ หลายกระทงนะมึงเนี่ย
“เอ่อน่า กินๆไปเหอะ นานๆทีจะเลี้ยงนะ กินที่ไหน สุดท้ายมันก็ออกมาเป็น waste อยู่ดี พวกมึงจะเรื่องมากทำไม” เอ่อว่ะ! จริงของมันแฮะ ถุ๊ย! อย่ามาทำเป็นเทศน์พวกกูเลย มึงงกก็บอกมาเหอะ ฮ่ะ ไอ้เบนมันกระแดะเวิ่นฝรั่งซะด้วยเฮ้ย เตรียมตัวโกอินเตอร์ละ
ยิ่งใกล้เที่ยงผู้คนก็ยิ่งมหาศาล ยังกับงานลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลของแบรนด์ยังไงยังงั้นแหละ คนเยอะ หูย ร้อนนนนน ผมยืนต่อแถวอยู่หน้าร้านแกงกระหรี่อาหารโปรดของผม แต่แถวยาวเป็นไมล์ แล้วแบบนี้จะมีเหลือให้ผมไหมละเนี่ย
ป๊าบ!
“โอ๊ยยย เจ็บ!” อยู่ของกรูดีดี ก็ยังมีคนเดินมาตบหัวเล่นเว้ย ใครมาบังอาจตบหัวนนทนันท์วะครับ! พวกเพื่อนผมแหงมๆ หันไปซัดกลับสักทีสองที ช๊ะ!
“ไอ้ ปะ- อ่าว ไม่ใช่!” ผมหันกลับไปเตรียมจะด่ากลับ แต่ก็ต้องปิดปากทันที เอ…หมอนี่ใครล่ะเนี่ยคนอะไรโคตรขาวอ่ะ หน้าตาดีด้วย ชาติที่แล้วมึงแดกหลอดไฟแทนข้าวใช่ป่ะครับ เหยดดด มีคนหน้าตาแบบนี้ในมหาลัยผมด้วยหรา ทำไมไม่เคยเห็นหว่า เนียบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อ่ะ…” ยังไม่ทันอ้าปาก พ่อคุณที่ตบหัวผมเมื่อกี้ก็เดินแว๊บหายไป ขอโทษสักคำยังไม่มีเลย เดี๋ยวเซ่! ยังไม่ได้ชำระหนี้เลยเฮ้ยยยยย แรงเสือกเยอะอีก ตบซะซีรีเบลลั่มกูแทบจะแหลก ช่างมันละกัน ถือซะว่าฟาดเคราะห์ (ด้วยกระบาล)
ในที่สุดก็ถึงคิวของผมยังเหลือแกงกระหรี่อยู่ เย้ะ! จานสุดท้ายพอดี ผมเดินถือข้าวอย่างระมัดระวัง คอยหลบคนนู้นคนนี้ ก็แน่ล่ะครับ คนมันเยอะนี่นา เกิดชนขึ้นมา ก็อดกินกันพอดี
โครม!
พูดยังไม่ทันขาดคำเลย อ้ากกกกกกกกกก ข้าวแกงกระหรี่ของโพ้มมมม
“เฮ้ย! เดินไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ” ผมก้มไว้อาลัยให้กับข้าวแกงกระหรี่ของผมที่ลงไปนอนตายอยู่ที่พื้น แล้วเงยหน้ามองไอ้คนที่มาชนผมอย่างหัวเสีย ทำไมวันนี้มันซวยแบบนี้เนี่ย
อ่าว ไอ้เผือกนี่อีกแล้วเหรอ!!
“คุณอีกแล้ว!” คือต้องเข้าใจนะครับว่าเจอกันใหม่ๆ ไม่สนิท จะมึง หรือจะกูก็ไม่ได้
“อะไร?” ถามโง่ๆ มึงชนกูแล้วไม่ขอโทษ ไอ้ฟายยยยยยยยยย
“นี่คุณสายตาสั้นรึปล่าวเนี่ย ตะกี้ก็ตบหัวผม นี่ก็ชนผมอีก”
“คุณน่ะแหละ เดินไม่ดูทางเอง แย่จริงๆ” หา? กูเหรอ กูเนี่ยน้า?! มึงชัดๆเลยไอ้เผือกที่เดินชนกูเอง โทษกูอีก มันส่งสายตาหาเรื่อง แถมพูดเสียงเข้มอีกต่างหาก นนทนันท์ยอมไม่ได้ครับ
“อ๋อ คือผมผิดใช่ไหมครับ? ก็เห็นๆกันอยู่ว่าคุณนั่นแหละที่เดินชนผม” เต็มสองตาเลย เบ๊ะๆ
“…แล้วตะกี้คุณยังไม่ได้ขอโทษผมเลย ที่ตบหัวผมเนี่ย”
“…” มันยืนถอนหายใจเฮือก ส่ายหัวแล้วก็เดินไปเฉย อยากจะเอาส้อมจิ้มตาแม่ง ขอโทษเป็นไหมเนี่ยไอ้เผือกเอ๊ย! หล่อซะปล่าว แต่มารยาทไม่มี ผมจะไม่โกรธเลยถ้ามันยอมรับผิดและไม่โยนความผิดให้ผม
…รู้สึกไม่ถูกชะตากับหมอนี่จริงจัง
อย่าให้กูเจอนะ!
“เอ้าไอ้คชา เดี๋ยวนี้มึงใช้เสื้อแดกข้าวแทนปากเหรอวะ”
“ตะกี้โดนหมาชนมา” ผมวางข้าวผัดที่ไปซื้อมาใหม่จากป้าร้านข้างๆลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย
“เอ้า! ทิชชู เช็ดซะ เดี๋ยวก็ซักไม่ออกหรอก เสื้อขาวด้วยเนี่ย”
“เอ่อเว้ย เดี๋ยวไอ้เต๋าเพื่อนกูจะมากินข้าวด้วยนะ กูจะแนะนำให้คชากับเฟรมรู้จัก มันเพื่อนกูกับไอ้เบนสมัยเรียนประถม” เหรอ หน้ายังมึงเคยมีเพื่อนด้วยเหรอวะปอ
“ไอ้เต๋า ดาวคณะนิเทศน์ใช่มะ” เอ่อ…เฟรมครับ
“ดาวพ่องงงงง เดือนเว้ยเดือน” เรอะ! เป็นเดือนคณะของผมด้วย ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยแฮะ
ไม่ใช่ว่าผมจะไม่สนใจงานประกวดสุดจะยิ่งใหญ่ของมหาลัยนะครับ ผมสนแต่ดาวคณะครับ เดือนช่างมัน ฮ่ะๆ
“เฮ้ย มาแล้วๆ เต๋าโว้ยทางนี้ๆ” เอาอีกละ จะปีนโต๊ะอีกละ ไอ้ปอเฮ้ย!
ผมหันหลังไปมองเพื่อนไอ้ปอที่กำลังเดินทอดน่องอย่างช้าๆตามมาดเดือนคณะจริงๆ เอ่อว่าแต่…หน้าตามันคุ้นๆว่ะครับ
เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ไอ้เชี่ย!” มึงด่าใครเชี่ยห้ะ!!!
“ไอ้!” (*@#*&!^ ฟหด่าสว
“อ่าว รู้จักกันแล้วเหรอไอ้คชา ไอ้เต๋า”
“จะไม่ให้รู้จักได้ยังไงล่ะ มันนี่แหละ คนที่ทำเสื้อกูเปื้อน”
“มึงบื้อเองต่างหาก มาเดินชนกู” จนป่านี้ยังไม่ยอมรับผิดอีกนะเฮ้ย มันเดินถือจานมาวางแหมะข้างๆไอ้เบน พลางบอกไอ้เบนเขยิบให้อีก
“ตรงนั้นก็ have space นี่หว่าไอ้เต๋า ทำไมไม่นั่งวะ” ไอ้เบนก็บ่นพลางชี้มาที่ที่นั่งตรงข้ามผม
“กูไม่อยากนั่งตรงข้ามมัน” พูดพร้อมจิกตามองผม ไอ้เชี่ยยยยยย กูก็ไม่อยากนั่งตรงข้ามมึงเหมือนกันแหละ
“งั้นจะแนะนำล่ะนะ เอ่อเพื่อนๆครับนี่เต๋า เพื่อนกูครับ ส่วนนี่ก็เฟรม แล้วก็…”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” มันหันมายิ้มให้ไอ้เฟรม แล้วก็ก้มลงไปกินข้าวต่อ แสรดดดดดดดดดด เมินกูเฉย เอ้อ! ก็ได้ ให้มันรู้ไป กูเองก็ไม่ได้อยากจะรู้จักมึงหรอก
“คนนี้ก็...”
“กินข้าวต่อเว้ยปอ” ไอ้ปอก็พยายามจะแนะนำผมต่อ แต่ไอ้เชี่ยเต๋าดันพูดขัด ได้ มึงเล่นงี้ใช่มะ เดี๋ยวรอเจอกูๆ
บรรกาศเปลี่ยนไปแบบฉับพลันกลายเป็นบรรยากาศมาคุระหว่างผมกับมัน พาทั้งโต๊ะนั่งเงียบกริบ
“เอ่อ…มึงพูดอะไรกันหน่อยได้ไหมวะ เงียบเกิน” ไอ้เฟรมถาม ทุกคนก็ได้แต่มองหน้ามัน
ยิ้ม แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ชนิดที่แทบจะยัดข้าวเข้าปากกันด้วยความเร็วแสง เพราะรังสีอาฆาตระหว่างผมกับไอ้เต๋ามันแผ่ไปทั่วโต๊ะ
“เฮ้ยเต๋า มึงเรียนนิเทศเหรอ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลยวะ” มึงคงจะเห็นอยู่หรอกเพื่อนเฟรม ก็มึงเรียนวิศวะนี่หว่า อยู่ห่างกันคนละโยชน์เลยนะ คณะมึงกับนิเทศเนี่ย กินข้าวเสร็จก็ออกมาเดินทอดถุ่ยรอย่อยเพราะตอนบ่ายพวกผมไม่มีเรียน ไอ้เต๋าก็เสือกตามมาด้วย กูเกลียดขี้หน้ามึง มึงจะมาทำไมฟร้า
พวกผมอยู่ปี 2 กันแล้วครับ มีผมกับปอเรียนนิเทศ เฟรมเรียนวิศวะ ไอ้เบนเรียนอยู่สถาปัตย์ กำลังจะไปต่อเมืองนอก และยังมีโตโน่เรียนหมอและมีไอ้น้องริทอีกคนนี่ก็หมอแต่มันเป็นรุ่นน้องผมนะ
“เย็นนี้ไปต่อไหนดีเนี่ย เลี้ยงไอ้เบนมันซะหน่อย ไอ้พวกหมอจะได้มาแจมด้วย”เพราะไอ้พวกหมอทั้งหลายนี่ติดเรียน เลยมากินข้าวกับพวกผมไม่ได้ หมอก็ยังงี้แหละ เรียนหนัก ฮ่าๆ
“โหย กูไปต้นปีหน้านะ อีกตั้งหลายเดือนจะรีบเลี้ยงทำไม”
“เอ้า! เลี้ยงแสดงความยินดีให้มึงไง ดีใจด้วยนะเพื่อน” อยากกินล่ะสิไม่ว่า
“ไปบ้านไอ้เบนเลยดิ” ผมเสนอ ผมรู้บ้านมันรวยถึงรวยมาก ไปกินข้าวบ้านมันนี่ยังกับไปกินภัตตาคาร
“No! ป๊าอยู่ โดนด่าตาย”
“ไอ้โง่…” เสียงหมาด่าแทรกขึ้นมากลางอากาศ มึงไม่พูดก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้หรอกไอ้เต๋า เดี๋ยวปั๊ดเตะปากแตกเลย เดี๊ยะๆ
“มึงเตะปากกูไม่ถึงหรอกไอ้เตี้ย” ว้อท???! ตะกี้มึงพูดอาร๊าย ไหนใครเตี้ย พูดดีดีนะไอ้น้อง เสือกรู้ทัน มึงอ่านใจกูออกเหรอเนี่ย อันตรายจริงๆ
“เฮ้ยพอเลยมึงสองคน จะกัดกันให้ได้โล่ห์เลยไหม” ถ้าได้ผมก็เอาแหละ
สุดท้ายก็ลงเอยที่บ้านผมเนี่ยแหละ โชคดีที่วันนี้หม่ามี๊ไม่อยู่บ้าน เหลือก็แต่ไอ้เค้นท์ ไอ้คิว น้องชายผมเฝ้าบ้าน สบายๆเลยแหละวันนี้
เมื่อได้เวลาก็อพยพมาตั้งหลักที่บ้านผม คืนนี้จะเป็นคืนที่ผมมีความสุขที่สุด ถ้าไม่มีไอ้เต๋ามาด้วย หึ่ม!
“เปิดประตู” มันพูดเสียงเรียบปิ๊ง แต่หน้ามันนี่แบบแทบจะฆ่าผมอยู่ละ ไม่กลัวหรอก แบร่
“…” ผมก็ทำเป็นหูทวนลมไปเรื่อย เจอกูซะบ้างนะไอ้เต๋าเอ๊ย พวกไอ้ปอมันเดินเข้ามาก่อนแล้วไปเตรียมข้าวเตรียมของโดยมีน้องชายผมเป็นลูกมือ และเพราะพรุ่งนี้พวกผมมีเรียนเช้างานเลี้ยงวันนี้เลยต้อง โนแอลกอฮอลล์นะครับ
“กูบอกให้เปิด” ม่ายยยยยยยยยเปิด!
“เฮ้ยเค้นท์ เดี๋ยวมาเอากระติกน้ำแข็งในครัวด้วยนะ” ทำเป็นไม่สนใจ หันไปสั่งไอ้เค้นท์
“จะเปิดไม่เปิด ไม่งั้นกูจะพังเข้าไป” แน่จริงพังดิ๊
แกกๆ โครม!
หันไปอีกที บานประตูมุ้งลวดของผมหลุดติดมือมันไปทั้งบาน เชี่ยยยยยยยยยย เอาจริงเหรอเนี่ย! มันก็ไม่ได้แรงเยอะอะไรหรอกครับ เพราะประตูมุ้งลวดนี่ก็ไม่ได้หนักอะไรมากแค่ยึดด้วยบานพับ 3 ตัวเอง แต่รับไม่ได้ตรงที่มันพังบานประตูบ้านผมเข้ามาเนี่ยดิ หยามกูเกินไปแล้วเต๋า
มันเอาบานประตูผมพิงกำแพง แล้วก็เดินเอามือล้วงกระเป๋าลอยหน้าลอยตาเข้าบ้านไป อ้ากกกกกก เจ็บใจแสรด ทีกูก่อนเถอะมึ้งงงง
เมื่อถึงยามวิกาล เหล่าสิงสาราสัตว์ที่อยู่ภายในบ้านผมก็เริ่มออกลาย เดินเพ่นพ่านทั่วบ้านผมไปหมด ค้นนู่นค้นนี่ หยิบนู่นหยิบนี่ออกมาเล่นกันให้วุ่น เอ่อ…มึงช่วยดูแลความสะอาดบ้านกูหน่อยเซ่
“เฮีย เกมส์เพล์เฮียอยู่ไหนอ่ะ” ไอ้คิวถาม
“อยู่บนห้องไอ้เค้นท์อ่ะ ถามมันดิ”
“เฮ้ยคชา เปิดทีวีได้ป้ะวะ บ้านมึงเงียบเกิน”
“เอ่อ อยากเปิดก็เปิด แต่อย่าให้ดังมากนะ รบกวนข้างบ้านเค้า”
“มึง กูร้อนอ่ะ เปิดแอร์นะ”
“อืม”
“ชาจานใหญ่ๆอยู่ไหนอ่ะ จะเอามาใส่ไก่ย่าง”
“ตู้เก็บจานบนเคาท์เตอร์อ่ะ หาดูๆ”
“อยากกินโค้กอ่ะชา มีไหมวะ”
“เอ่อ มีมั้งหาเอาในตู้เย็น”
“มึงงงง ห้องน้ำด่วน อยู่ไหนวะ ฉี่จะราด”
“ข้างห้องครัวเลี้ยวซ้าย”
“พี่โน่ อย่าแกล้งริท เอาเล็กเชอร์เค้าคืนมาน้า”
“สัญญาก่อนว่าจะเขียนพรอบพอร์ซอล (proposal) ให้”
“งานพี่ พี่ก็ทำเองดิ”
“มึงเป็นน้องรหัสกูนะ”
“ม่ายเอาง่า เอามาๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เชร้ดดดดด เห็นกูเป็นอะไร ทศกัณฐ์มั้ยมีสิบหน้ายี่สิบมือเนี่ยตอบคำถามพวกมึงให้ครบเลยทีเดียว บ้านนะครับไม่ใช่ตลาดสด
“บ้านมึงนี่โคตรรกเลยว่ะ” ไอ้เชี่ยเต๋า พังประตูบ้านกูยังมาหาว่าบ้านกูรก เพราะพวกมึงน่ะแหละ หยิบนู่นหยิบนี่ออกมาแล้วเคยเก็บไหม ดอก! มันก็เดินสำรวจบ้านผมไปเรื่อย จะหาอะไรล่ะครับ อาหารเม็ดหรืออะไรดี
"ก็น่าอยู่ดีนี่หว่า"
"มาอยู่ด้วยกันไหมล่ะครับพี่เต๋า" ไอ้เค้นท์ อย่าชักศึกเข้าบ้าน เฮียขอ
พอถึงเวลากินข้าว เราก็มาล้อมวงไพบูลย์กินหมูกระทะกัน กินยังกับแร้งทึ้ง ฮ่าๆ
“ไอ้ริท!! นั่นหมูกู จองแล้วเว้ย!”
“ไหน ไอ้พี่โน่ไม่เห็นเขียนจองเลย ตอแหลว่ะพี่” ไอ้ริทแลบลิ้นใส่
“เดี๋ยวนี้กล้าด่ากูเหรอวะไอ้ริท ห้ะ!”
“พอๆ งั้นเดี่ยวกูปิ้งให้มึงใหม่ละกันนะโน่นะ” ง่ายๆ จบเรื่อง ไม่เห็นต้องมาทะเลาะกันเลย
เนื่องจากวันนี้โนแอลกอฮอลล์ การกินเลยไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกผมเพราะเน้นดูหนังกัน ไอ้เฟรมมันเป็นคนรีเควส silent hill มา หนังก็ใหม่จังอ่ะ มันไม่กล้าดูคนเดียว เลยอยากจะมาชวนพวกผมหลอนกันเล่นๆ ตอนดูเพื่ออรรถรสในการรับชมเลยปิดไฟดูกัน ง่า ผมกลัวผีอ่ะ
“มึง ขอนั่งด้วยดิ กูกลัว” ผมสะกิดไอ้เฟรม ให้มันกระเถิบไปหน่อย เพื่อที่ผมจะได้หย่อนตูดลงไปนั่งสบายๆ
“ป๊อดว่ะ” เอ่อดิ๊ จะป๊อดไม่ป๊อดก็เรื่องของกู มึงเกี่ยวไรด้วยห้ะ ผมหันไปมองหน้าไอ้เต๋าที่นั่งกอดเข่าอยู่
ข้างๆไอ้เฟรม
“บ้านมึงบึ้มรึไง”
“หึ” ผลัดกันส่งรังสีอำมหิต เล่นเอาไอ้เฟรมที่อยู่ตรงกลางนั่งตัวลีบเลย
“มึงสองคนจะไปกัดที่ไหนก็ไปเลยไป อย่ามากัดกันข้ามหัวกู กลัวโดนลูกหลงว่ะ” มันบ่น แต่กูเคยแคร์ซะที่ไหนล่ะครับ
“เลิกกันกัดได้แล้ว ดูหนังๆ มาแล้วเนี่ยมึง เตรียมพร้อมสำหรับความระทึก ฮี่ๆ” ไอ้กรีนมันหัวเราะเสียงแหลมแบบแม่มด บอกไอ้เต๋าดิวะ มันเริ่มก่อนอ่ะ
อย่าให้ผมโม้เลยครับ จะบอกว่าผมนั่งหลับตาเอามือปิดหูตั้งแต่หนังเริ่มแล้ว พากูระทึก หลอนเวอร์ๆ ไอ้เบนก็เล่นเปิดเสียงซะดังลั่นเลย บ้านผมตอนนี้กลายเป็นมินิเทียร์เตอร์ไปเรียบร้อยแล้ว ง่า…เห็นใจเจ้าของบ้านอย่างกูบ้างเด้เฮ้ย!
“Oh my god!” เสียงไอ้เบนตะโกนลั่นเลย สงสัยเป็นฉากผีโผล่ออกมาหรือต้องเห็นอะไรไม่ดีๆแน่ๆ ผมไม่รู้ครับ ปิดตาอยู่ ฮือออ
“หัวพีระมิดนี่มันตัวอารายยยยยยยยยยยยยยยยย”
“ไอ้ห่านี่แม่งโรคจิตว่ะ” อื้มกูก็คิดเหมือนมึงเว้ยเฟรม แต่ที่แน่ๆ คนดูโรคจิตกว่า บรื๋ย
และก็เงียบไป…
เงียบอีก…
เงียบได้อีก…
อ่าว ทำไมเงียบวะครับ ผีไปแล้วเหรอ? ผมแง้มมือออก เพื่อดูความเป็นไปของโลกภายนอก นี่ผมนั่งปิดตามาเกือบชั่วโมงแล้วเนี่ยบอกก่อน
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!” แว้ก! เพื่อนๆผมหายไปไหนหมดเนี่ย ทำไมเหลือผมนั่งอยู่คนเดียว ผมมองดูทีวี เป็นฉากอะไรไม่รู้มืดๆ แล้วก็มีไอ้ตัวห่าอะไรเนี่ยเด้งออกมา เชี่ยเอ๊ย!
“ไอ้ห่า เล่นอะไรเนี่ย พวกมึงกลับมานะ” โอย น้ำตาจะเล็ด
“เฮ้ย กูกลัวจริงๆนะเว้ย อย่าแกล้งแบบนี้ดิ กูกลัว”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดใด เอาแล้วครับคชาเอ๊ย เสียงในทีวีก็หลอน เพื่อนๆก็หายหัวไปกันหมด อ้ากกกกก ว้อทเดอะเฮลอิสโกอิ้งออน
“ฮึก!...ฮือออ พะ-พวกมึงอ่ะ จำไว้ กูงอนแล้วด้วย” ร้องไห้แม่งเลย ก็คนมันกลัวนี่หว่า ไอ้เพื่อนบ้า เพื่อนเลว
ฟึ่บ
เชร้ดดดดดดด ทีวีปิดเองได้! มึงจะให้กูช็อกตายคาทีเลยไหม แง….แม่จ๋า
“โห่ แค่นี้ก็ร้องไห้ เป็นผู้ชายประสาอะไรวะ” ประสามนุษย์เดินดินธรรมดานี่แหละวะ แง…มึงจะเอาอะไรกับกูนักหนา
“ฮืออออ” ไม่รู้ว่าเสียงใครนะ หูอื้อตาลายเพราะน้ำตามันปริ่มแถมมืดเลยมองไม่ชัด รู้แค่เป็นเพื่อนสักคนนี่แหละ ไม่รู้ไม่ชี้วิ่งเข้าไปกอดแม่งเลย แง…ชากลัวผี ไอ้เพื่อนบ้าพวกนี้มันแกล้งผมอ่ะ ฮืออออออออออออออ
“เฮ้ย!”
“พวกมึงอ่ะ ฮึก อย่าแกล้ง ฮึก อย่าแกล้งกูแบบนี้อีกนะ กูกลัว ฮืออ” หมดแล้ววว ไม่เหลือแล้วคชา เพื่อนๆผมคงชินแล้วล่ะเนอะ
“เฮ้ยชา มึงไม่ชอบขี้หน้าไอ้เต๋าไม่ใช่เหรอ ฮ่ะๆ” เอ่อ ไม่ชอบ ถามไมวะ? ผมเงยหน้าออกจากแผ่นอกของใครสักคนที่ผมใช้เป็นที่เช็ดขี้มูกไปเรียบร้อยแล้ว มองไอ้โน่ที่ยืนแกว่งสายทีวีหัวเราะไปมา
“ตายล่ะ ดูดิ้ กอดไอ้เต๋าแน่นเลย กร้ากกกกก” ก็กูกลัวนี่หว่า สึด! ถ้าเพราะไม่ใช่พวกมึงกูคงไม่ร้องไห้แงๆแบบนี้หรอก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น…เอ่อว่าแต่
ตะกี้มึงว่ากูกอดใครนะ???
“เชี่ยยยยยย” ผมผลักมันเกือบหงายท้อง ไปหมดแล้วความกลัวของผม หายแว๊บบบบ อ้ากก เสนียดติดตัว นี่ผมจะเป็นสังฆังไหมเนี่ยเฮ้ย!! สงสัยต้องไปแช่แอลกอฮอลล์ฆ่าเชื้อโรค
“ไอ้ห่าเต๋าทำเสียแผนหมด”
“ก็รำคาญอ่ะ ทำตัวเป็นเด็กประถมไปได้ อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว” กูจะเป็นเด็กประถมแล้วไงวะ ห้ะ!
“โอ๋ๆ คชา อย่าร้องไห้นะลูกนะ ทีหลังพี่ปอจะไม่แกล้งอีกแล้ว ตะแง้วๆ” ดี หัวเราะกันเข้าไป สะใจกันเข้าไป รอบนี้พวกมึงทำกูโกรธจริงแล้ว แกล้งให้อยู่คนเดียว ปิดไฟ แถมกอดไอ้เชี่ยเต๋าอีก เหวี่ยงใส่แม่ง หึ!
“…” ตอนนี้ผมกำลังเข้าสู่โหมด silent แน่นอนทุกคนรู้ว่าถ้าผมเงียบ คือผมโกรธ
“เฮ้ยชา ล้อเล่นๆ อย่าโกรธเลยน้า”
“พวกกูไม่ทำอีกแล้ว สัญญาๆ นะๆๆๆ” คุ้นๆว่ามึงเคยพูดแบบนี้ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอ่ะเฟรม
จ้า ไอ้พวกนกสิบล้านหัว แต่ละคนนี่แทบจะกราบแทบเท้าผมอยู่ละ มีก็แต่ไอ้เชี่ยเต๋าที่ยืนกอดอกพิงผนังมองผมพลางยิ้มเยาะด้วย ไอ้เลววววววว ชาตินี้กูขอสาบานเลยว่าจะไม่มีทางญาติดีกับมึงแน่นอน!
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> つづく
ความคิดเห็น