ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ได้พบสบตาเมื่อเจอหน้าเธอ หัวใจมันเพ้อรักเธอเต็มทรวง
บทที่ ๓
ได้พบสบตาเมื่อเจอหน้าเธอ หัวใจมันเพ้อรักเธอเต็มทรวง
แล้ววันปิดเทอมในภาคเรียนแรกก็มาถึง และก็เป็นสัปดาห์แห่งการแข่งขันกีฬาบุรุษสามัคคีขึ้น ทางโรงเรียนได้ทำการจัดเตรียมป้ายประชาสัมพันธ์ขึ้นทั่วจังหวัด และขอใช้สถานที่ในโรงเรียนต่างๆ เพื่อใช้ในการแข่งขันกีฬาในแต่ละประเภท โดยเฉพาะโรงเรียนดรุณีศึกษาให้ความอนุเคราะห์สถานที่เป็นอย่างดี โดยให้นักเรียนหญิงกลับบ้านทั้งหมด แล้วใช้หอพักบางส่วนเป็นที่พักนักกีฬาด้วย ส่วนโรงยิมและหอประชุมก็ใช้เป็นสถานที่แข่งขันกีฬาด้วย
จากนั้นนักกีฬาจากโรงเรียนต่างๆ ก็เริ่มทยอยเดินทางมาเรื่อยๆ ซึ่งทางโรงเรียนก็ทำการต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อมาถึงวันแรกก็มีพิธีบายศรีสู่ขวัญแบบล้านนา เพื่อเป็นสิริมงคลกับนักกีฬาทุกคน และมีการจัดเลี้ยงแบบขันโตกล้านนา ซึ่งจะมีอาหารเหนือหลากหลายประเภทวางอยู่ในนั้น ซึ่งอาหารทุกประเภทล้วนมาจากฝีมือของนักเรียนชมรมอาหารพื้นเมืองของโรงเรียนทั้งสิ้น
ทางโรงเรียนของตั้มก็กำลังมาถึงเช่นกัน โดยมีนัดและพรรคพวกยืนรอต้อนรับอยู่บริเวณหน้าหอพักที่โรงเรียนของตั้มพัก พอนักกีฬาก้าวลงจากรถบรรดาอาสาสมัครก็รีบเอาพวงมาลัยกล้วยไม้คล้องคอทันที เป็นการต้อนรับและสร้างความประทับใจให้กับนักกีฬาที่มาถึง โดยเฉพาะโรงเรียนของตั้มที่จะเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปต้องสังเกตเป็นอย่างดี
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนบุรุษศึกษานะครับ” นัดทักทายและเอาพวงมาลัยมาคล้องคอตั้ม ตั้มพอเห็นนัดก็รู้สึกประทับใจทันทีตามประสาคนเจ้าชู้
“ขอบคุณมากๆ นะครับ” ตั้มยิ้มแล้วส่งสายตาให้นัด นัดก็ยิ้มอย่างเขินๆ
“ว่าแต่ชื่ออะไรเหรอครับ อยู่ชั้นอะไรเราจะได้เรียกถูกอ่ะครับ” ตั้มเริ่มสร้างมิตรภาพทันที
“ชื่อนัดครับ อยู่ชั้นม.4 ครับ” นนท์แนะนำตัว
“ครับงั้นก็เป็นรุ่นน้องเราสินะ พี่ชื่อตั้มนะครับ อยู่ชั้นม.5 ครับ” ตั้มแนะนำตัว
“ครับ งั้นเดี๋ยวเชิญพวกพี่ขึ้นไปพักผ่อนข้างบนได้เลยนะครับ เดี๋ยวสักหกโมงเย็นจะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญ และเลี้ยงขันโตกนะครับ” นัดพูด แล้วเอากุญแจห้องให้
“ได้เลยครับ พี่คงต้องคิดหนักแน่เลยครับ โรงเรียนน้องจัดได้ดีขนาดนี้ ประทับใจตั้งแต่ก้าวลงจากรถแล้ว แล้วปีหน้าโรงเรียนพี่เป็นเจ้าภาพด้วยสิ” ตั้มแกล้งเครียด
“ผมว่าโรงเรียนพี่ต้องทำได้ดีกว่าอยู่แล้วครับ อาจจะดีคนละอย่างก็ได้นะครับ” นัดพูด
“นั่นน่ะสิครับ งั้นพี่ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ” ตั้มบอกนัด แล้วเอากุญแจห้องนอนไปพร้อมกับอ๋อมและนัทเพื่อนในกลุ่ม
พอทั้งสามขึ้นไปบนห้องแล้วถึงกับตะลึง เพราะห้องพักสวยงามและดูสะอาดมาก และมีห้องน้ำในตัว เหมือนกับโรงแรม เพียงแต่ไม่มีแอร์เท่านั้น
“นี่หอพักเหรอวะ อย่างกะโรงแรมแน่ะ” อ๋อมพูดแล้วมองไปทั่วๆ ห้อง
“นั่นดิวะ สุดๆ” นนท์เห็นด้วย
“พวกมึงเอาเตียงไหน กูเอาเตียงนี้นะโว้ย” ตั้มรีบจองเตียงก่อน
“ตามใจมึงเถอะ” นนท์พูด หลังจากที่ได้เตียงกันแล้วทั้งสามก็คุยกัน
“เฮ้ย เมื่อกี้กูเห็นมึงคุยกับใครวะ ดูน่ารักเหมือนกันนะ” อ๋อมเริ่มเปิดประเด็น
“น่ารักดิวะ ชื่อน้องนนท์เว้ย” ตั้มพูด
“แล้วได้เบอร์น้องเค้ายังวะ” นนท์รีบถาม
“ยังโว้ย เพิ่งเจอกันจะขอเบอร์แล้วเหรอวะ ยังอยู่ด้วยกันอีกตั้งนานน่ะ” ตั้มพูด จากนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตั้มรีบไปเปิดประตู เห็นนัดยืนอยู่หน้าประตู
“ไม่ทราบว่าต้องการอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ” นัดเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ทั้งสองจึงรีบตามมาทันที
“ต้องการสิครับ ต้องการหัวใจของน้องยังไงล่ะครับ” อ๋อมแซวแล้วก็แตะมือกับนนท์ นัดยิ้มแบบเจื่อนๆ ตั้มส่งสายตาให้กับเพื่อนๆ
“ไม่มีหรอกครับ ที่นี่มีพร้อมหมดแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ” ตั้มพูดแล้วยิ้มให้นนท์
“ครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกผมได้ทุกเวลาเลยนะครับ” นัดพูด
“ครับ” ตั้มพูด จากนั้นนัดก็เดินจากไป ตั้มรีบปิดประตู
“แม่งน่ารักโคตรๆ หนุ่มเหนือเนี่ยสุดยอดเลยว่ะ” อ๋อมพูดออกมา
“อยากรู้จังเลยว่าน้องเค้าชื่ออะไร” นนท์ถาม
“ก็คนนี้ไง น้องนนท์อ่ะ” ตั้มพูด
“คนนี้เหรอวะ ขาวใส น่ารัก น่ากอดจริงๆ” นนท์พูด
“เฮ้ยๆ เบาๆ หน่อย คนนี้กูจองแล้วโว้ย เพราะกูเข้าไปทักเค้าก่อน มึงอย่า” ตั้มแสดงความหึงออกมาทันที
“อะไรวะ มึงมีตั้งหลายคนแบ่งกูบ้างดิวะ” อ๋อมพูด
“ไม่ได้โว้ยของแบบนี้ใครดีใครได้” ตั้มพูด
จากนั้นพอใกล้ถึงเวลาบายศรีสู่ขวัญ ตั้มกับเพื่อนก็ออกจากห้องเพื่อที่จะไปร่วมงาน แต่ก็ต้องสะดุด เพราะเห็นนัดยืนกอดเด็กม.ต้นคนหนึ่งซึ่งกำลังร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่
“บ่าเป๋นหยังเน้อปอ บ่าต้องไห้ เขาท่าจะแกล้งเฮาเล่นๆ บ่าดาย บ่าต้องไปกึ้ดนักน้อ” นัดพยายามเข้าปลอบ
“แต่น้องบ่าชอบน่ะ ยะหยังน้องเป๋นกะเทย แล้วต้องมาเป๋นตัวตลกฮื้อเขาโตยกะ อ้ายนนท์น้องอยากปิ๊กบ้านแล้ว น้องไม่อยากยะแล้ว” ปอยังร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ตั้มรีบไปถามทันที นัดเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามบ่ายเบี่ยง
“เออ ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องเค้าคงเครียดอยากกลับบ้านอ่ะ งอแงตามประสาเด็กอ่ะครับ” นัดพูดแล้วยิ้มให้ตั้ม แต่ตั้มไม่เชื่อ จึงค่อยๆ จับมือปอที่กำลังสั่นๆ อยู่ด้วยความนุ่มนวล
“ไหนคนดี บอกพี่มาสิครับเกิดอะไรขึ้น” ตั้มถามปอ ปอกำลังตัวสั่นร้องไห้และก้มหน้าอยู่
“ไม่เป็นไรนะครับ หายใจลึกๆนะครับ ไหนลองบอกพี่มาสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำอะไรเรานะ” ตั้มค่อยๆ ถามปอ
“พะเพื่อนของพี่ในห้องนั้น เค้า เค้าจับผมถอดกางเกง ผมกลัวครับ ผมกลัวครับ” ปอพูดแล้วร้องไห้ต่ออีก ตั้มจึงรีบคว้าตัวปอมากอด
“งามหน้าแล้วสิ มาวันแรกก็สร้างเรื่องเลยนะมึง” ตั้มบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วค่อยๆ ปล่อยปอให้อยู่กับนัด
“พี่ครับอย่ามีเรื่องมีราวกันเลยนะครับ ผมขอล่ะครับ” นัดขอร้องตั้ม
“ไม่ได้ครับ คนของพี่เค้าไม่ให้เกียรติคนในโรงเรียนน้อง เค้าอุตส่าห์ต้อนรับอย่างดี ต้องคุยกันหน่อยแล้ว” ตั้มพูด แล้วรีบไปเคาะประตูห้องเจ้าปัญหานั้นทันที
“ใครวะ” เจ้าของห้องเปิดประตูออกมา เห็นตั้มทำหน้าเคร่งเครียด จึงตกใจ
“ออกมาให้หมด ออกมาทั้งสามคนเลย” ตั้มตะโกนเรียกรุ่นน้องในห้องให้ออกมาที่ระเบียงให้หมด
“โหย พี่ครับเรียกผมออกมาทำไมเนี่ย กำลังแต่งตัวอยู่เลย” คนในกลุ่มนั้นถามตั้ม
“ยังจะมาถามกูอีกเหรอ ฮะ พวกมึงทำอะไรกับน้องคนนี้” ตั้มถามแล้วชี้ไปที่ปอ
“โธ่พี่ ก็แค่เล่นๆ ขำๆน่า” คนในกลุ่มพูด
“แล้วน้องเค้าเล่นกับมึงมั้ย ทำไมเห็นเค้าอ่อนแอกว่า ไม่ทางสู้จะทำอะไรกับเค้าก็ได้น่ะ ถ้าเป็นน้องมึงหรือญาติของมึงโดนแบบนี้จะทำไงฮะ” ตั้มเริ่มตำหนิ ทั้งหมดยังเงียบอยู่
“มึงดูสิ เค้าอุตส่าห์ต้อนรับเราอย่างดี เค้าอยู่โรงเรียนประจำกลับบ้านก็ไม่ได้กลับ มาช่วยงานเงินก็ไม่ได้สักบาท เค้าเสียสละแค่ไหน พวกมึงเคยคิดกันบ้างมั้ย พอเถอะว่ะ แค่นี้เค้าก็มองโรงเรียนเราแย่อยู่แล้วนะโว้ย อย่าให้มันแย่กว่านี้อีกเลยนะ มึงไม่อายเค้าเหรอวะ ถ้าเค้าเอาไปเล่าปากต่อปาก ยิ่งเราเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปด้วยน่ะ” ตั้มพูด ทั้งหมดยังก้มหน้าเงียบ
“อ้าวเงียบกันทำไมวะ เป็นผู้ชายป่ะ กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิวะ” ตั้มพูด
“ขอโทษครับ” ทั้งสามพูดด้วยเสียงเบาๆ อย่างไม่เต็มใจ
“ไม่ได้ยินว่ะ ทีมึงแกล้งเค้ายังเสียงดังกว่านี้อีก” ตั้มบอก
“ขอโทษครับ” ทั้งสามพูดเสียงที่ดังขึ้น
“เออ อย่าให้กูเห็นอีกนะโว้ย จำไว้นะ ป่ะไปเข้าพิธีได้แล้ว เค้าอุตส่าห์ทำเพื่อเราสำรวมด้วยล่ะ” ตั้มบอก ทั้งสามรีบเดินจากไป ตั้มจึงหันมาคุยกับนัดและปอต่อ
“เออ ยังไงพี่ต้องขอโทษแทนรุ่นน้องพี่ด้วยนะครับ ที่เสียมารยาท อายเค้าจริงๆ เลยครับ มาวันแรกก็ก่อเรื่องเลย” ตั้มพูด
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่เลยครับ” นัดพูด
“ไม่ได้หรอกครับ ถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่เราไม่ควรมองข้ามไม่ใช่เหรอครับ” ตั้มพูด
“ไม่ร้องแล้วนะครับคนดี” ตั้มเข้าไปปลอบปออีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ปอก็ยิ้มทั้งน้ำตา
“ตอนนี้พิธีใกล้จะเริ่มแล้ว งั้นเชิญพี่ไปร่วมพิธีก่อนนะครับ” นัดเชิญทั้งสามไปร่วมพิธี หลังจากที่พิธีบายศรีสู่ขวัญเสร็จ ก็มีการเลี้ยงขันโตก ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองกินกับข้าวเหนียว ซึ่งบางคนปั้นข้าวเหนียวไม่เป็น บรรดาอาสาสมัคร ก็ไปช่วยสอนให้
“อาหารอร่อยดีเนาะ ข้าวเหนียวกินแล้วอิ่มเร็วจังเลยอ่ะ” อ๋อมพูดแล้วปั้นข้าวเหนียวไปด้วย
“แกงที่ใส่สามชั้นนี่ก็อร่อยดีนะ มันแกงอะไรวะ แกงกะหรี่ก็ไม่ใช่ มัสหมั่นก็ไม่ใช่ ออกเปรี้ยวๆ แล้วก็ใช่ขิงด้วยอ่ะ” นนท์ยังสับสนกับชื่ออาหาร
“เค้าเรียกแกงฮังเลโว้ย ส่วนใหญ่จะมีเฉพาะภาคเหนือเท่านั้นน่ะ” ตั้มบอก
“เออ แล้วมึงไปรู้มาจากไหนวะ” อ๋อมถาม
“กิ๊กกูเป็นคนเหนือ เค้าซื้อมาฝาก” ตั้มบอก
“ตลอดนะมึง มีกิ๊กเยอะก็ดีไปอย่างนะ มีความรู้เพิ่มไปด้วย” นนท์พูด
“เฮ้ยมึงดูนู่นดิ” อ๋อมพูดแล้วชี้ไปที่นัด ที่ใส่ชุดพื้นเมืองแล้วดูเข้ากับชุดมาก สไตล์หนุ่มล้านนา
“โคตรน่ารักเลยวะ แล้วเค้าใส่มาทำอะไรวะ” ตั้มพูด จากนั้นก็มีนักดนตรีพื้นเมืองขึ้นมาโชว์บนเวทีขนาดเล็กๆ ไม่สูงจากพื้นมากนัก เพราะขันโตกจะต้องนั่งกินกับพื้น
“สวัสดีครับ ปี้น้องกู้คน ยินดีต้อนฮับสู่ฮั้วของโรงเรียนบุรุษศึกษาเน้อครับ วันนี้วงตรีปื๊นเมืองของเฮาจะมาบรรเลงเพลงเย็นๆ ฮื้อปี้น้องกู้คนฟังนะครับ ขอเจินฮับฟังได้เลยครับ” นนท์พูดด้วยภาษาพื้นเมือง จากนั้นวงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลงพื้นเมืองเบาๆ คลอไปกับบรรยากาศแบบล้านนาโดยแท้
“โหย อาหารก็อร่อย แล้วยังมีเพลงบรรเลงให้ฟังอีก ปีหน้ากูยอมว่ะ” อ๋อมพูดอย่างยอมจำนน
“นั่นดิวะ แล้วโรงเรียนกูจะเอาอะไรไปสู้ได้วะเนี่ย แค่ที่จะให้หายใจก็ยังจะไม่มีอยู่แล้ว” ตั้มบ่น
“นี่ขนาดเลี้ยงต้อนรับนะ ยังไม่ถึงพิธีเปิดพรุ่งนี้อีกนะ จะขนาดไหนวะเนี่ย” นนท์พูด
“เออๆ พอแล้วอย่าพูดถึงเรื่องที่มันยังมาไม่ถึงเลยว่ะ เอาตอนนี้ให้สนุกไปก่อนดีกว่า” ตั้มพูด แล้วมองนัดที่กำลังเล่นซึงแล้วก็ร้องเพลงไปด้วย
พอหลังจากงานเลี้ยงเลิกแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปนอน แต่ตั้มยังนอนไม่หลับ จึงลงมาเดินเล่นอยู่ข้างล่างเห็นนัด นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนคนเดียว จึงรีบเดินเข้าไปหา
“มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวเหรอครับ น้องถั่ว” นัดที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ก็หันมาตั้มทันที
“ผมชื่อนัดครับ ไม่ได้ชื่อถั่ว” นัดหันพูดกับตั้มด้วยสีหน้างงๆ
“ก็นั่นล่ะ นัดในภาษาอังกฤษก็แปลว่า ถั่ว ไม่ใช่เหรอครับ” ตั้มบอกนัด
“อ๋อครับ พี่เสียงกลอง” นัดเอาคืนบ้าง
“เสียงกลองคืออะไรเหรอครับ” ตั้มงงบ้าง
“ไม่เคยได้ยินเพลงของแม่ผึ้งเหรอครับ ที่เค้าร้องว่า แว่วกลองย่ำค่ำ เสียงดัง ตั้มตั้ม ตุ๋มตุ๋ม อ่ะครับ” นัดพูดแล้วก็ยิ้มให้
“เออ พอดีพี่ก็เกิดไม่ทันอ่ะครับ” ตั้มบอกนัด
“ผมก็เกิดไม่ทัน แต่ทันได้ฟังอ่ะครับ” นัดบอกตั้ม
“เออ ครับ แล้วนัดมานั่งทำอะไรตรงนี้อ่ะครับ” ตั้มถาม
“อ๋อ พอดีผมนอนไม่ค่อยหลับอ่ะครับ เลยมานั่งสูดอากาศเย็นๆ แบบนี้ไปก่อนอ่ะครับ แล้วพี่ล่ะครับนอนไม่หลับเหรอครับ” นัดถาม
“ครับ พอดีมันแปลกที่ไปหน่อยพี่เลยนอนไม่ค่อยหลับอ่ะครับ” ตั้มพูด นัดก็ยิ้มให้ จากนั้นตั้มก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“นัดครับ พี่มีอะไรอยากจะถามพอดีเลยอ่ะครับ” ตั้มเริ่มเปิดประเด็นคุยก่อน
“ครับ เรื่องอะไรเหรอครับ” นัดถามอย่างสงสัย
“ได้ข่าวมาว่า โรงเรียนของนัดแบ่งนักเรียนออกเป็น 4 สี มันยังไงเหรอครับ” ตั้มถาม นัดยิ้มก่อจะตอบไป
“ครับ โรงเรียนเราแบ่งเป็น 4 สี คือ สีดำ สีฟ้า สีขาว และสีชมพูครับ” นัดตอบ
“แล้วดูจากอะไรเหรอครับ ส่วนใหญ่พี่จะเห็นแต่สีดำอ่ะครับ” ตั้มยังสงสัย
“เราแบ่งตามรสนิยมทางเพศอ่ะครับ” นัดตอบทำเอาตั้มถึงกับตะลึง
“แล้วแต่ละสีหมายถึงอะไรบ้างอ่ะครับ” ตั้มถามต่อ
“สีดำ คือ กลุ่มชาย ก็คือผู้ชายทั่วไปที่ชอบผู้หญิงนั่นล่ะครับ สีฟ้าคือกลุ่มรุก หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าเกย์รุก นั่นล่ะครับ ส่วนสีขาวคือกลุ่มรับ คือเกย์รับ และสีชมพู ก็คือกลุ่มเพศที่สาม หรือที่ภาษาใหม่ที่เรียกว่าสาวข้ามเพศนั่นล่ะครับ” นัดอธิบาย
“แล้วนัดอยู่สีอะไรล่ะครับ” ตั้มถามหัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ ถ้าเป็นสีดำกับสีฟ้าหมดสิทธิแน่กู ตั้มพูดกับตัวเอง นัดยังทำท่าเขินๆก่อนจะตอบไป
“สีขาวครับ” นัดตอบเบาๆ
“บิงโก” ตั้มอุทานออกมาเสียงดัง ทำเอานัดตกใจไปด้วย
“หวังว่าพี่คงไม่รังเกียจผมนะครับ ที่ผมอยู่สีขาวอ่ะครับ” นัดพูดแล้วทำหน้าหงอยๆ
“ไม่ครับ ไม่รังเกียจเลยครับ” ตั้มพูดอย่างดีใจและตื่นเต้น
“ดูพี่ตื่นเต้นจังเลยนะครับ” นัดพูดอย่างสงสัย
“ปะป่าวสักหน่อยนะครับ” ตั้มพยายามทำตัวให้เป็นปกติ
“มีผู้ชายสีดำไม่กี่คนหรอกครับที่จะยอมรับพวกผมได้ ขนาดในโรงเรียนเดียวกันบางคนยังแอบต่อต้านเลยครับ แต่ผมก็ไม่ได้โกรธพวกเค้าหรอกนะครับ เพราะผมก็เป็นของผมแบบนี้เอง” นัดพูดอย่างน้อยใจ
“ไม่เป็นแบบนั้นทั้งหมดหรอกครับ อย่างน้อยก็มีพี่คนหนึ่งเนี่ยล่ะที่เข้าใจ” ตั้มพูดแล้วจับมือนัด นัดถึงขั้นตกใจแล้วรีบปล่อยมือออก
“ขอโทษด้วยนะครับ” นัดรีบพูด
“ไม่เป็นไรครับ พี่นั่นล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษมากกว่า” ตั้มพูดแล้วยิ้มให้นัด นัดก็ยิ้มให้เช่นกัน
“แล้วพี่ล่ะครับ อยู่สีไหน” นัดแกล้งถามแล้วยิ้มให้ ตั้มทำท่าครุ่นคิดอยู่นาน เพราะตัวเองชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง
“พี่อยู่สองสีได้ป่ะครับ ทั้งสีดำและสีฟ้าเลยครับ” ตั้มบอก
“หลายใจจังเลยนะครับ ถ้าเป็นที่อื่นได้ แต่ถ้าเป็นเด็ก บ.ศ. ไม่ได้นะครับ ต้องเลือกได้สีเดียว เพราะจะมีผลต่อการเลือกคู่ครองในอนาคตได้” นัดตอบ
“อ้าวแล้วถ้ามีคนชอบทั้งสองแบบล่ะครับจะทำไงอ่ะครับ” ตั้มถาม
“ก็จะมีนักจิตวิทยามาประเมินอ่ะครับ ว่ามีความรู้สึกเร็วต่อแบบไหนมากกว่ากันถึงจะได้เป็นสีนั้น” นัดตอบ
“งั้นพี่ต้องมาอยู่ที่นี่ก่อนใช่มั้ย ถึงจะรู้ว่าตัวเองอยู่สีอะไรอ่ะ” ตั้มถาม
“ครับ” นัดตอบแล้วยิ้มไปด้วย
“แสดงว่านนท์ก็ต้องมีหนุ่มสีฟ้าแวะเวียนมาจีบอยู่ล่ะสิ” ตั้มแซว
“ก็ไม่นะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นพี่น้องกันหมดล่ะครับ” นัดพูด
“ที่ว่าพี่น้องอ่ะ เราคิดไปเองหรือเปล่า บางทีเค้าอาจจะไม่ได้คิดกับเราแบบนั้นก็ได้นะ” ตั้มพูด
“ไม่รู้สิครับ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ก็ยังไม่อยากจะไปคิดแบบนั้นหรอกครับ เห็นเพื่อนผมบางคนมีแฟนแล้วก็ทะเลาะกัน เสียการเรียนหมดอ่ะครับ” นัดพูด
“คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วครับ” ตั้มพูดแล้วยิ้มให้นัด จู่ๆ โน้ตก็โผล่มาจากไหนไม่รู้แล้วเข้ามาทักนัด
“อ้าวนัด มานั่งยะหยังแถวนี้น่ะ แล้วนี่ไผน่ะ” โน้ตถามนัด แล้วมองมาที่ตั้มด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
“อ๋อนี่อ้ายตั้มครับ เป๋นนักกีฬาจากโรงเรียนเทพศิลป์ครับ” นัดแนะนำ
“พี่ตั้มครับ นี่พี่โน้ตเป็นรุ่นพี่ของผมเอง เป็นคนคิดการแสดงโชว์พิธีเปิดและพิธีปิดครับ” นัดแนะนำต่อ
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ตั้มทักทายก่อนแล้วยื่นมือให้โน้ต โน้ตต้องยื่นมือไปจับอย่างจำใจและไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
“เห็นทีผมต้องให้คุณโน้ตไปช่วยคิดการแสดงให้กับโรงเรียนผมในปีหน้าแล้วล่ะมั้งครับ” ตั้มแกล้งแซว แต่โน้ตก็ยังดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
“คุณพูดแบบนี้ ประธานนักเรียนโรงเรียนคุณจะยอมเหรอครับ” โน้ตพูดด้วยสายตาที่ดูถูก
“ก็เค้ายืนอยู่ตรงหน้าคุณที่ไงครับ” ตั้มพูดออกมานิ่งๆ ทำเอาโน้ตกับนัดถึงกับตกใจ
“ผมเชื่อว่าโรงเรียนคุณคงจะมีบุคลากรที่มีฝีมือทางด้านนี้อยู่บ้างพอสมควรนะครับ ไม่ต้องไปพึ่งโรงเรียนอื่นหรอกครับ” โน้ตพูดประชดอีกครั้ง ตั้มก็ยิ้ม
“แหม ผมก็ล้อเล่นน่ะครับ มันก็พอมีอยู่บ้างล่ะครับ แต่มันก็คงไม่ยิ่งใหญ่อลังการมากมายหรอกนะครับ เราคงจะเน้นที่ความสนุกสนานมากกว่าอ่ะครับ” ตั้มพูด
“เหรอครับ งั้นก็ขอให้โชคดีนะครับ ผมขอตัวก่อนล่ะ นัดไปลับดึกแก่เน้อ” โน้ตยังใช้สายตาที่ดูถูกมองตั้มอยู่ แล้วเดินจากไป
“พี่ว่าคุณโน้ตเค้าคงเป็นสีฟ้าชัวร์เลยใช่ป่ะครับ” ตั้มเข้ามาถามนัด
“ครับ พี่รู้ได้ไงครับ” นัดถามอย่างสงสัย
“เรื่องแค่นี้พี่มองแว้บเดียวก็มองออกแล้วครับ” ตั้มพูดด้วยความภูมิใจ นัดยังยิ้มอยู่
“แล้วดูเหมือนเค้าจะห่วงและหวงน้องชายของเค้าคนนี้มากเลยนะครับ” ตั้มพูดแล้วเน้นคำว่าหวง
“ไม่หรอกครับ พี่โน้ตเค้าก็เป็นแบบนี้กับทุกคนนั่นล่ะครับ เค้าเป็นคนที่จริงจังไปหน่อยอ่ะครับ พี่อย่าไปถือสาเค้าเลยนะครับ” นัดพูด
“ไม่หรอกครับ เพราะเค้าไม่ได้สำคัญอะไรกับพี่” ตั้มพูดแล้วสายตายังมองมาที่นัด นัดทำท่างงๆ อยู่
“เออ ผมว่านี่ก็ดึกแล้วเราขึ้นไปนอนกันเถอะนะครับ” นัดชวนไปนอนเพราะเห็นว่าดึกแล้ว
“ครับ เออแล้วนัดนอนไหนอ่ะครับ” ตั้มถามอย่างสงสัย
“นอนในห้องเรียนครับ” นัดตอบ
“ทำไมเป็นงั้น แล้วให้พวกพี่นอนในหอพักเนี่ยนะ ไม่แฟร์เลยอ่ะ” ตั้มพูด
“มันเป็นธรรมเนียมครับ เมื่อมีแขกบ้านแขกเมืองมาเราต้องต้อนรับและดูแล้วเค้าให้ดีที่สุด แล้วอีกอย่างพวกพี่ก็มาไม่นานไม่ใช่เหรอครับ พอพวกพี่กลับผมก็มากลับมานอนที่เดิมไม่เห็นเป็นไรเลยครับ” นัดอธิบาย
“เหรอครับ งั้นยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ สำหรับที่นอน” ตั้มพูด จากนั้นทั้งสองก็แยกกันไปนอน
พอรุ่งเช้าก็ลงมาฝึกซ้อมเพื่อทำการอบอุ่นร่างกายตามประสานักกีฬา ก่อนที่จะเข้าร่วมพิธีเปิดที่จะเริ่มต้นขึ้นในเวลาหกโมงเย็นที่สนามกีฬากล้วยไม้ ซึ่งทางโรงเรียนเจ้าภาพก็ได้จัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี โดยมีรถบริการรับ-ส่งจากโรงเรียนบุรุษศึกษาไปยังสนามกีฬากล้วยไม้ ซึ่งเป็นระยะทางไม่ไกลมากนัก โดยตั้มได้นัดนักกีฬาทุกคนของโรงเรียนมารวมตัวกันที่หน้าหอพักเพื่อที่จะไปด้วยกันทีเดียว
จากนั้นพิธีเปิดก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ มีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย โดยในพิธีก็มีการกล่าวรายงาน และประธานในพิธีทำการเปิดงาน มีขบวนนำนักกีฬาเข้าสู่สนาม นัดซึ่งถือป้ายของโรงเรียนเทพศิลป์ ได้แต่งชุดล้านนาทำให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นมาอีก พอตั้มและพรรคพวกเห็นก็ต้องตาค้างและตะลึงในความน่ารักของนัด ก่อนที่เข้าสู่สนามตั้มซึ่งเป็นคนถือธงประจำของโรงเรียนก็เข้ามาทักนัดอีกครั้ง
“สวัสดีครับน้องนัด วันนี้แต่งตัวหล่อจังเลยนะครับ” ตั้มเข้าทัก
“ขอบคุณนะครับ” นัดตอบแบบเขินๆมีการแสดงซึ่งการแสดงออกเป็น 4 ชุดใหญ่ๆ ซึ่งแต่ละชุดก็มีการแสดงอย่างอลังการมีการตีกลองสะบัดชัย ประชันกับกลองปู่จา มีการนำท่ารำมาประยุกต์กับท่าของกีฬาในแต่ประเภท ไม่ว่าจะเป็นฟ้อนเจิง ฟ้อนแง้น ฟ้อนผาง ตบผะ แต่ละชุดแสดงเสร็จก็จะมีจุดพลุขึ้นมาด้วย พอพิธีเสร็จ ตั้มและกลุ่มเพื่อนก็มาขอถ่ายรูกับนนท์เป็นการใหญ่ ทั้งการถ่ายหมู่และถ่ายคู่ นัดก็ยินดีให้ถ่ายรูปด้วยโดยไม่ได้คิดอะไรเลย พอทุกคนทยอยออกจากสนามเสร็จ ก็รอรถรับ-ส่งมารับไปที่โรงเรีบนบุรุษศึกษาเพื่อกลับที่พัก ในระหว่างที่รอตั้มก็ชวนนนท์พูดไปพลางๆ
“นัดครับ วันนี้นัดจะกลับไปกับพวกพี่เลยมั้ยครับ” ตั้มถาม
“ก็ต้องกลับด้วยสิครับ เผื่อพวกพี่มีอะไร จะได้ช่วยเหลือกันได้อ่ะครับ” นัดบอก
“จริงเหรอครับ” ตั้มพูดด้วยความดีใจ
“พิธีเปิดวันนี้เป็นไงบ้างครับ” นัดถาม
“ก็งั้นๆ ล่ะครับ” ตั้มแกล้งพูดแล้วทำหน้าเฉยๆ นัดก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร
“พี่ล่อเล่นอ่ะครับ สวยงามมากเลยครับ ครั้งหน้าโรงเรียนพี่ต้องคิดหนักแน่นอนเลยครับ ใช่มั้ยพวกเรา” ตั้มพูดเพื่อไม่ให้นัดรู้สึกไม่ค่อยดี
“ใช่” อ๋อมกับนนท์ตอบพร้อมกัน นัดก็ยิ้มให้
“แต่พี่ขอติหน่วยนะครับว่า อยากให้คนถือป้ายมาแสดงแทนอ่ะครับ เพราะคนถือป้ายหน้าตาดีกว่านักแสดงตัวเอกตั้งเยอะอ่ะครับ” อ๋อมพูด
“ใช่ๆ เห็นด้วยๆ” นนท์พูดอย่างเห็นด้วย
“เออ เราดูจากความสามรถมากกว่าอ่ะครับ หน้าตาไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ พี่ลองคิดดูสิ ถ้าเอาคนหน้าตาดีแต่เต้นไม่เป็น รำไม่เป็น ไปเก้ๆกังๆ อยู่กลางสนามอันไหนจะอายเค้ามากกว่ากันล่ะครับ” นัดพยายามอธิบาย แบบปกปิดความจริง
“อืม ที่น้องนัดพูดมันก็ถูกอยู่นะ แสดงว่าพวกนี้เค้ามีพื้นฐานมาก่อนใช่มั้ยครับ” นนท์ถาม
“ใช่ครับ เค้ามาจากชมรมนาฏศิลป์พื้นบ้านอ่ะครับ” นัดบอก
“ถึงว่าล่ะ แอ่นหลังแทบจะไม่มีกระดูกเลยอ่ะ” อ๋อมพูด นัดยิ้ม
“อาจารย์โรงเรียนท่าจะดุน่าดูล่ะสิครับ” ตั้มพูด
“ก็ไม่นะครับ แต่จะเน้นความเป็นระเบียบมากกว่าอ่ะครับ” นัดแก้ต่าง
“แบบนี้พวกพี่เค้าเรียกว่าดุนั่นล่ะครับ” อ๋อมพูด นัดยิ้มอีก
“เออ แล้วพวกพี่มีแข่งนัดแรกกับที่ไหนเหรอครับ” นัดถาม
“ปทุมคงคาครับ” ตั้มบอก
“เค้าก็เก่งอยู่เหมือนกันนะครับ ถ้าว่างพวกผมจะไปเชียร์นะครับ” นัดพูดแล้วยิ้มให้ตั้ม
“ครับผม ขอบคุณนะครับ อืม แล้วถ้าพี่ได้แข่งกับบุรุษศึกษาล่ะ นัดจะเชียร์โรงเรียนไหนอ่ะครับ” ตั้มแกล้งถามนัด
“แหม ผมก็ต้องเชียร์โรงเรียนของผมก่อนสิครับ” นัดพูดแล้วหัวเราะแบบเด็กๆ เพราะเริ่มมีความคุ้นเคยกับพวกของตั้มแล้ว ตั้มแอบอมยิ้มในความน่ารักของนัด
“รถมาแล้วครับ ขึ้นรถดีกว่าครับ” นัดชวนพวกของตั้มขึ้นรถ พอไปถึงที่นั่งบนรถตั้มจึงแทรกตัวเข้ามานั่งคู่กับนัดทันที ท่ามกลางความอิจฉาของอ๋อมและนนท์
“นัดครับ แล้วถ้าวันไหนพี่ว่างพี่กะว่าจะออกไปเที่ยวสักหน่อยอ่ะครับ ไม่ทราบว่าล้านนามีที่เที่ยวไหนบ้างครับ” ตั้มถาม
“ก็มีหลายที่นะครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัดอ่ะครับ แล้วก็มีน้ำพุร้อนด้วยนะครับ เอาไข่ไปต้มกินก็ได้นะครับ แต่ไข่ต้มที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นนะครับ พี่เคยเห็นไข่ต้มแบบว่า ไข่แดงสุก แต่ไข่ขาวไม่สุกมั้ยครับ” นัดถาม ทั้งส่ายหน้า
“ลองไปเที่ยวดูนะครับ” นัดพูดแล้วยิ้มให้
“ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากให้นัดเป็นไกด์ให้พี่จังเลยครับ” ตั้มพูดแนวขอร้อง นัดยิ้ม
“คงไม่ได้อ่ะครับ นัดต้องไปช่วยงานอย่างอื่นด้วยอ่ะครับ ไม่ใช่ว่านัดไม่อยากไปนะครับ” นัดพูดแล้วทำหน้าตื่น
“พี่เข้าใจครับ เอางี้งั้นเดี๋ยวนัดจดสายรถให้พี่ดีกว่าครับ พวกพี่จะได้ไปผจญภัยกันอ่ะครับ” ตั้มพูด
“ได้เลยครับ” นัดตกลง แล้วก็บอกเส้นทางให้ตั้ม แล้วก็บอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถโดยที่จะไป ตั้มส่งสายตาของนัดและยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“พี่ยิ้มอะไรเหรอครับ” นัดถามอย่างสงสัย
“ปะป่าวครับ พี่ดีใจอ่ะครับที่จะได้ไปเที่ยวล้านนาเป็นครั้งแรกอ่ะครับ” ตั้มพูดแล้วยิ้มแบบเขินๆ ให้นัด จากนั้นนัดก็ยื่นกระดาษให้ตั้ม และรถก็มาถึงโรงเรียนพอดี พอทั้งหมดลงจากรถนัดก็ได้พบกับต้น แบงค์ และโน้ตยืนรออยู่
“พี่ไปนอนก่อนนะครับ” ตั้มกล่าวลานัด และส่งสายตาแปลกๆให้โน้ต
“ครับ” นัดพูดแล้วยิ้มให้
“สงสัยเปื้อนเฮาท่าจะมีแฟนเป๋นบ่าวเมืองกรุงแล้วก้าหา” แบงค์เริ่มแซวเป็นคนแรก
“นั่นน่ะก่ะ ยิ้มส่งสายตาฮื้อตลอดเลยน่อ” ต้นเริ่มแซว
“ว่าไปเรื่อยแล้ว บ่าใจ้เน้อ เป๋นปี้น้องกั๋นบ่าดาย” นัดพูดแล้วยิ้มเขินๆ แบบเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่
“ปี้น้องๆ หน้าท้องติดกั๋นก่อเน้อ” แบงค์แซว
“ว่าไปเรื่อยแล้วเน้อ” นัดบ่ายเบี่ยง
“ระวังเต๊อะ จะโดนหมู่คนไทยมันจุ๊เอาเน้อ” โน้ตพูดด้วยสายตาเคร่งเครียด
“บ่ามีทางครับ เพราะผมบ่าเกยกึ้ดกับอ้ายเขาจะอั้น” นัดยืนยัน
“ขอฮื้อมันแต๊อย่างที่อู้เน้อ โดนเปิ้นจุ๊มาจะมาไห้ทีหลังบ่าได้หนา” โน้ตพูดแล้วเดินจากไป นัดทำหน้างงกับพฤติกรรมของโน้ต
“เปิ้นเป๋นหยังของเปิ้นน่ะ” นัดถามเพื่อนๆ
“จะเป๋นอะหยัง ก่ะลมเพชรหึงเข้าน่ะก่ะ ผ่อบ่าออกกะ” แบงค์พูด
“ลมเพชรหึง มันคืออะหยังอ่ะ” นัดถามเพื่อน ทั้งหมดหัวเราะกับความไร้เดียงสาของนนท์
“เอาจะอี้อู้ง่ายๆ เลยเน้อ อ้ายโน้ตเปิ้นหึงสูเขาน่ะตี้ไปอู้กับบ่าวกรุงเทพฯคนนั้นน่ะ” ต้นพูดแบบตรงๆ
“โค๊ะ บ่าไจ้แล้วสูเขาก่อฮู้ว่าเฮาบ่าได้กึ๊ดกับอ้ายเขาจะอั้นน่ะ” นัดทำหน้าเครียดขึ้นมา
“ก่อฮู้ว่าสูเขาบ่าได้กึ๊ด แต่อ้ายเขากึ๊ดน่ะก่ะ นัดหมู่เฮาขอแนะนำฮื้อไปบอกอ้ายเขาฮื้อมันเคลียร์ๆ ไปเลยว่า สูเขาบ่าได้กึ๊ดหยัง เดียวมันก่ะเป๋นจะอี้ตลอดหนา แล้วสูเขาจะอยู่บ่าม่วนเน้อ” ต้นแนะนำ
“แล้วสูเขาจะฮื้อเฮาบอกอ้ายเขาว่าจะไดล่ะ โอ้ยเจ็บหัว” นัดพูดแล้วกุมขมับ
“ก่อบ่อฮู้ สูเขาต้องหาจังหวะบอกคนเดียว” ต้นบอก
“เอออู้ถึงบ่าวกรุงเทพฯ คนนั้นจื้อหยังแนะ แนะนำฮื้อฮู้จักโตยก่ะ” แบงค์เริ่มเปลี่ยนประเด็น
“จื้อ ตั้ม เป๋นนักกีฬาฟุตบอลของเทพศิลป์ แล้วก่อเป๋นประธานนักเรียนโตย” นนท์แนะนำ
“โห เป๋นประธานนักเรียนโตย แสดงว่าก่อจะต้องมาฮับธงต่อจากของเฮาน่ะก่ะ” ต้นถามอย่างตื่นเต้น
“อืม” นัดตอบแบบผ่านๆ
“แต่ผ่ออ้ายเขาหล่อดีเนอะ ล่ำโตย หล่อกว่าอ้ายโน้ตเฮาแหม” แบงค์ชมตั้มเป็นการใหญ่
“เว่อร์ไปแล้วๆ หันบ่าวกรุงเทพฯดีกว่าบ่าวบ้านเฮาแล้วกะ” ต้นแซว
“ก่อน้อยนึ่งเป๋นอาหารต๋าน่ะ จะฮื้อเอาบ่าเอาโล๊ะ กั๋วโดนจุ๊” แบงค์พูด
“คนเฮา ก่อบ่อได้บ่าดีไปเหียกู้คนก้า ก่อยังมีคนดีๆ เหลืออยู่พ่องก้า” นัดพูดแก้ต่าง
“ฮั่นแน่ แก้ตั๋วฮื้อแฟนเลยน่อ” แบงค์แซว นัดเริ่มหน้าแดง
“บ่าไจ้จะอั้นเลาะ” นัดตอบแบบเขินๆ อีกครั้ง
“อู้หยังกั๋นอยู่ครับบ่าวน้อย” มีเสียงหนึ่งทักขึ้นมา ทั้งหมดหันหลังมาดู ตั้มนั่นเอง
“อ้าวพี่ตั้ม ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” นัดทักขึ้นก่อน
“ก็กำลังจะหลับอยู่ครับ พอได้ยินพวกนนท์คุยกันก็เลยอยากจะมาคุยด้วย ภาษาเหนือเนี่ยน่ารักดีนะครับ” ตั้มแซว
“แล้วคนล่ะครับ ไม่น่ารักเหรอครับ” แบงค์แซว นัดรีบเอาศอกไปสะกิด
“น่ารักสิครับ น่ารักมากๆ เลย” ตั้มพูดแล้วมองมาที่นัด ที่ยิ้มอย่างเขินๆ
“เออ ผมลืมแนะนำ นี่เพื่อนผมเองนะครับ นี่แบงค์ แล้วนี่ต้นครับ” นัดรีบเปลี่ยนเรื่องมาแนะเพื่อนแทน ทั้งสองไหว้อย่างสวยงาม ตั้มรีบรับไหว้
“โห ไม่ต้องไหว้หรอกครับ คนกันเองอยู่แล้วครับ” ตั้มพูด ทั้งหมดยิ้ม
“พี่เป็นประธานนักเรียนเทพศิลป์เหรอครับ” แบงค์ถาม
“ครับ แล้วรู้ได้ไงครับเนี่ย” ตั้มสงสัย แล้วทำท่าเข้าใจทันที
“เป็นไงบ้างครับ มาแข่งที่นี่เจอปัญหาอะไรป่ะครับ” ต้นถาม
“ไม่มีเลยครับ ความรู้สึกเหมือนได้มาแข่งกีฬาระดับชาติยังไงไม่รู้อ่ะครับ เพราะทุกทีที่พี่ไปแข่งก็จะได้นอนที่ห้องเรียนแล้วปูผ้านอนเอาอ่ะครับ ไม่คิดว่าจะได้มานอนห้องหรูๆแบบนี้อ่ะครับ” ตั้มพูด
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” แบงค์พูด
“ครับ” ตั้มพูด
“เด็กโรงเรียนนี้น่ารักกันจังเลยนะครับ เป็นระเบียบเรียบร้อยดีมากๆ เลยครับ” ตั้มชม
“ก็นิดหน่อยอ่ะครับ” แบงค์ตอบแบบเขินๆ
“เออ แล้วพวกน้องอยู่สีขาวกันหมดเลยเหรอครับ” ตั้มถาม
“ใช่ครับ อุ้ย พี่รู้จักสีของเราด้วยเหรอครับ” ต้นถาม
“ครับ นัดบอกพี่วันนั้นอ่ะครับ” ตั้มบอก
“แล้วพี่ล่ะครับ อยู่สีอะไร” แบงค์ถาม
“พี่เป็นสีผสมอ่ะครับ สีดำกับสีฟ้าอ่ะครับ” ตั้มบอก
“ว้า งั้นก็เป็นแฟนเด็ก บ.ศ.ไม่ได้แล้วสิครับ” ต้นพูดแล้วมองมาที่นัด
“ทำไมครับ” ตั้มถามอย่างสงสัย
“จะเริ่มอธิบายยังไงดีอ่ะ” ต้นพูด
“เอาแบบว่า เรามีกฎใต้ดินที่ต้องปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดอ่ะครับ เรื่องการเลือกคู่” ต้นพูด
“ต้น บ่าต้องบอกเขาแล้ว บอกไปเขาก่อบ่าเจื้อ” นัดบอก
“บอกมาเถอะครับ พี่ยินดีรับฟังครับ” ตั้มบอก
“แบบประมาณว่า เด็ก บ.ศ. ไม่ใช่ของเล่นของใคร รักใครรักจริง และจะรักได้เพียงคนเดียวเท่านั้นนะครับ แบบว่าถ้าพี่จะคบใครก็ต้องคบด้วยความจริงใจเท่านั้นอ่ะครับ ถ้าคบแบบหวังมีอะไรกันเท่านั้น อย่าทำ เพราะเค้าจะไม่ยอมให้พี่ทำแบบนั้นแน่ ถือว่าพี่ได้สร้างตราบาปไว้กับคนๆ หนึ่งเลยนะครับ สมมติว่าพี่หลอกให้เค้ารัก แล้วมีอะไรกับคนนั้นแล้ว พี่บอกเลิกไป คนที่พี่บอกเลิกนั้นเค้าจะต้องเข้าพิธีล้างตาภายในเจ็ดวันหลังจากที่บอกเลิก” ต้นพูด
“พิธีล้างตา คืออะไรครับ” ตั้มถาม
“เป็นพิธีการลงโทษที่โหดร้ายและเจ็บปวดที่สุดของโรงเรียนเราอ่ะครับ เพราะเลือกคู่ผิดชีวิตคู่ถึงไม่ประสบผลสำเร็จ เค้าต้องมีความผิดด้วย พิธีล้างตาก็จะให้กรีดเลือดที่นิ้วมือตัวเองผสมกับน้ำแล้วป้ายไปที่ตาตัวเอง เป็นการชำระดวงตาที่มองหาสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาชีวิต เมื่อทำพิธีนี้เสร็จคนๆ นั้นก็จะรักใครไม่ได้อีกเลยจนตลอดชีวิต และไม่สามารถเห็นหน้าอดีตคนรักของตัวเองได้อีกเลย เพราะถ้าผ่านพิธีนี้กฎเค้าบอกว่าห้ามให้เห็นหน้าอดีตคนรัก เวลามีเหตุจะต้องคุยกันก็ต้องเอาผ้ามาคลุม หรือต้องหันหลังคุยกันเท่านั้นอ่ะครับ พี่คิดดูสิครับว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน มันเหมือนตายทั้งเป็นเลยนะครับ” ต้นพูด
“แล้วพิธีล้างตาเนี่ย มีวิธีแก้มั้ยครับ” ตั้มถาม
“ไม่มีครับ” แบงค์รีบตอบ
“ทำไมถึงโหดร้ายแบบนี้นะ แสดงว่าน้องๆ ทุกคนถ้ามีแฟนถ้าเกิดถึงขั้นมีอะไรกัน ก็จะมีได้กับคนๆนั้นเพียงคนเดียวเหรอครับ ถ้าคนคนนั้นบอกเลิก ก็จะไม่สามารถรักใครได้อีก” ตั้มถาม
“ใช่แล้วครับ” ต้นบอก ตั้มทำหน้าจริงจัง แล้วก็หัวเราะออกมา
“พวกน้องเนี่ย เล่าเอาซะพี่เชื่อเลยนะครับ ในชีวิตจริงไม่มีแบบนั้นหรอกครับ มีอะไรกันได้แค่คนเดียว พี่ไม่เชื่อหรอกครับ” ตั้มพูดแล้วหัวเราะ
“พี่ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ต้องเจอกับตัวเองถึงจะรู้” ต้นพูด
“เอาล่ะครับ พี่ว่าพี่ไปนอนก่อนดีกว่านะครับ ยังไงก็หลับฝันดีกันทุกคนนะครับ” ตั้มพูดแล้วกล่าวลาทุกคน แล้วเดินขึ้นไปบนหอพัก
“เฮาบอกสูเขาแล้วว่าบ่าต้องไปบอก บอกไปเขาก็บ่าเจื้อ” นัดต่อว่าเพื่อนๆ
“ก่อบ่อฮู้ หันเขาสนใจ๋นึกว่าจะเจื้อน่ะก่ะ” ต้นพูด
“เออ แล้วสูเขากึ๊ดจะไดกับอ้ายเขาน่ะ จุ๊เปื้อนบ่าดีเน้อ” แบงค์ถามนนท์
“เฮาก่อบ่อฮู้ แต่เวลาอู้กับอ้ายเขาแล้วเฮาฮู้สึกดีอ่ะ” นัดบอกเพื่อน
“เหอ จะอี้แสดงว่าสูเขาลักเมาอ้ายเขาแล้ว บ่าต้องปฏิเสธเลย” ต้นบอก
“อืม เฮาก่ะยอมฮับว่าเฮาชอบอ้ายเขาน่ะ แต่จะฮื้อเอาเป๋นแฟน เฮาท่าจะบ่าเอา เฮากั๋ว ลักเมาจะอี้ดีกว่า แหมบ่ากี่วันอ้ายเขาก่อจะปิ๊กกรุงเทพฯแล้ว” นัดพูด
“สูเขากึ๊ดจะอั้นเฮาก่อโล่งใจ๋ขึ้นมาน้อย บ่าดีลืมหนาว่าอ้ายเขาชอบแม่ญิงโตย อันนี้น่ากั๋วเนาะ” ต้นพูด
“นัด สูเขาแน่ใจ๋กะว่าลักเมาบ่าดาย บ่าได้ไปฮักเปิ้นหนา” แบงค์ถาม
“เออ อันนี้แน่ใจ๋ก่ะ เจอกั๋นบ่ากี่วันจะไปฮักอย่างใดล่ะ” นัดพูด
“อืมก่อดีแล้ว” แบงค์พูด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น