คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 สิ่งที่ต้องยอมรับ
“ทำไมไม่เข้าไปละ ยืนอยู่ทำไม”
นนทร์โผล่มาจากไหนไม่รู้เขาเดินมาถือโน๊ตบุ๊คและกระเป๋ากล้องให้ฉันและเดินนำหน้าฉันไปฉันเลยเดินตามเขาเข้าไปในสตูดิโอ
“คุณนนทร์ สวัสดีคะ”
ทุกคนในสตูดิโอทักทายนนทร์อย่างเป็นกันเองวันนี้นนทร์แต่งตัวสมกับเป็นผู้บริหารมากใส่สูทผูกเนคไทน์ซะเนี๊ยบเลย หล่อมากๆเลยละ นนทร์ยิ้มทักทายเหล่าพนักงานด้วยรอยยิ้มหล่อกระชากใจ ฉันเดินตามนนทร์ไปด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย นนทร์พาฉันไปที่ห้องๆห้องหนึ่งซึ่งฉันคิดว่าคงจะเป็นห้องทำงานของฉัน นนทร์เปิดประตูห้องเข้าไปในห้องนั้นมีผู้ชายอยู่ 1 คนและผู้หญิงอีก 1 คน ทั้งคู่กำลังจดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ตรงหน้าโดยไม่สนใจฉันกับนนทร์เลย
“อะแฮ่มๆ ว่าไงจ่ะ หนุ่มๆสาวๆ งานยุ่งมาเลยหรอ”
นนทร์กระแอมกระไอเสียงดังจนคนทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ของตัวเอง คนทั้งคู่ยืนขึ้นพร้อมกับบิดขี้เกลียด ผู้ชายหน้าตาดีพอสมควรมีเครานิดหน่อย หน้าตาออกแนวแบตบอยด์เล็กๆส่วนผู้หญิงตัวสูงผอมผมสั้น หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักเหมือนกัน ทั้งคู่เดินมาหานนทร์
“ไม่ได้ทำงานอ่ะ เล่นเกมส์แข่งกันอยู่”
ผู้หญิงคนนั้นหันมามองฉันแล้วยิ้มให้
“โห่ว พวกแกสองคนนี่ โคตรตั้งใจทำงานเลยว่ะ เล่นเกมส์แข่งกัน ฉันไล่พวกแกออกดีไหมเนี่ย”
นนทร์แกล้งแหย่สองคนนั้น
“แกอย่าโหดไปหน่อยเลยนนทร์ ก็งานมันเครียด ก็ต้องรีแลกซ์กันบ้าง ว่าแต่แกพาใครมา”
ผู้ชายมีเคราหันมองฉันหน้าฉันและยิ้มให้ ชายหญิงทั้งคู่ให้คามสนใจฉันอย่างเห็นได้ชัด
“เธอชื่อพลอยพราว เธอจะมาเป็นตากล้องประจำสตูดิโอของฉัน และสองคนนี้เป็นเพื่อนของผมเองและเป็นคนดูแลที่นี่ มาร์ค กับ กี้”
นนทร์แนะนำเพื่อนทั้งสองให้ฉันรู้จัก มาร์คกับกี้มีสีหน้างงๆเล็กน้อยก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
“ปกติแกไม่รับตากล้องผู้หญิงนี่นา”
กี้จ้องหน้านนทร์ด้วยความสงสัยและมาร์คก็หันมาจ้องหน้าฉันด้วยความสงสัยเหมือนกัน
“ก็พลอยเป็นคนแรกไง พวกแกดูผลงานของพลอยซะก่อนแล้วแกค่อยมาถามฉัน”
นนทร์บอกให้ฉันเอาผลงานของฉันออกมา ฉันเลยนั่งลงที่โต๊ะและเปิดโน๊ตบุ๊คของฉันพร้อมกับเปิดภาพที่ฉันได้ถ่ายมาทั้งหมด มาร์คและกี้เดินมานั่งประกบฉันคนละฝั่ง สองคนนี้แลดูจะสนิทกับคนเร็วเหมือนกันนะดูซิ มานั่งข้างฉันซะแนบชิดเลย
“เห้ย !! ฉันชอบรูปนี้ รูปฝนดาวตกใช่ไหมคะคุนพลอย กี้ชอบมากเลยคะ อยากเห็นของจริง”
ฉันเปิดรูปไปเรื่อยๆรู้สึกว่าสาวกี้จะถูกใจกับรูปฝนดาวตกมากเลยทีเดียว
“เห้ยๆ นี่มันแกนี่หว่า นนทร์ แกแอบไปเป็นนายแบบตั้งแต่ตอนไหนว่ะ หล่อมากกกก”
มาร์คตื่นเต้นกับภาพของนนทร์มากแต่ส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่ฉันแอบถ่ายเขามากกว่า นนทร์ดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่ามีภาพของตัวเองด้วย นนทร์รีบเดินมาดูรูปของตัวเองอย่างเร็ว
“พลอย คุณถ่ายรูปผมมาเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย”
นนทร์ไล่ดูรูปของตัวเองไปเรื่อยๆ
“โอเค เรารับคุณพลอยเข้าทำงาน เพราะคุณพลอยมีความสามารถถ่ายรูปไอ้นนทร์มาได้เยอะขนาดนี้ เรานับถือ เพราะว่าปกติไอ้นนทร์ไม่ยอมให้ใครถ่ายรูป คุณพลอยเก่งมาก”
มาร์คพูดขึ้นมา ฉันได้งานทำแล้วหรอเนี่ย
“ใช่ๆคุณพลอยเก่งมาก”
ฉันยิ้มรับคำชมจากคนทั้งคู่ นนทร์แอบเขินไปเหมือนกันที่เพื่อนทั้งสองพูดขึ้นมาแบบนั้น ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่านนทร์ไม่ชอบถ่ายรูป
“เอ๊ะๆ แต่ฉันว่าคุณพลอยหน้าตาคุ้นๆนะ”
มาร์คหันมาจ้องหน้าฉันอีกครั้งฉันรู้สึกประหม่านิดหน่อยเมื่อมีคนมาจ้องหน้าใกล้ๆแบบนี้ กี้เดินมาดึงคอเสื้อมาร์คให้ถอยห่างฉันทันที
“นี่ๆ ใกล้ไปเปล่าแก จะดมหน้าคุณพลอยได้อยู่แล้วน่ะ”
“อ่อๆ ฉันรู้แล้ว คุณพลอยเคยไปเดินแบบที่ผับเปิดใหม่ไง ที่ฉันไปกับไอ้นนทร์อะ ที่แกไม่ยอมไปกับพวกฉันอ่ะใช่ไหมครับคุณพลอย”
หา...มาร์คไปงานที่ฉันไปเดินแบบด้วยหรอเนี่ย อ่า เขินเหมือนกันนะ
“ใช่คะ พอดีไปเดินแบบช่วยเพื่อนอ่ะค่ะ”
“นั่นไง ถ่ายรูปเก่งแล้วยังเดินแบบเก่งอีก สุดยอดจริงๆ”
มาร์คชมฉันแบบไม่ขาดปากทำเอาฉันทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“ชมเยอะไปแล้วมั้งไอ้มาร์ค ดูซิ พลอยเขาเขินหมดแล้ว”
นนทร์ปามเพื่อนของเขา ฉันยิ้มรับคำชมจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว
“เอ่อ ว่าแต่คุณจะเริ่มงานได้วันไหนครับ”
นนทร์หันมาถามฉันถึงวันเริ่มงาน
“พรุ่งนี้เลยก็ได้คะ”
ฉันตกลงว่าจะเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ วันนี้นนทร์ มาร์คและกี้เลยพาฉันไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารใกล้ๆสตูดิโอ
เรา 4 คนนั่งทานข้าวกลางวันด้วยกันบรรยากาศเป็นกันเองมาก มาร์คเป็นผู้ชายที่ฮามากเขาชอบชวนฉันถ่ายรูปแล้วทำหน้าตาประหลาดๆแล้วอัพลงเฟสบุ๊คของเขา ส่วนสาวกี้เธอเป็นผู้หญิงที่ยิ้มเก่งพูดเก่งและกินเก่งมาก เธอสั่งอาหารมาเหมือนเรามากินกันสัก 6 คนได้ ฉันละไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆผอมๆจะกินเยอะขนาดนี้ เราคุยโน่นคุยนี่กันไปเรื่อย จนถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับไปทำงานแต่วันนี้ฉันยังไม่ได้เริ่มงานฉันเลยขอตัวกลับก่อน
“พรุ่งนี้เจอกันนะค่ะ คุณพลอย”
กี้ยืนโบกมือบ๊ายบายให้ฉัน มาร์คกับนนทร์ก็โบกมือบ๊ายบายด้วยเหมือนกัน ฉันโทรบอกให้ทรีขับรถมารับฉันเพราะวันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมา
“โห่ว ช่างภาพของเรามีแฟนแล้วหรอว่ะ ดูซิ ขับรถหรูมารับถึงที่ทำงานเลย อิจฉาว่ะ”
มาร์คบ่นอุบอิบเมื่อเห็นว่าพลอยขึ้นรถคันหรูกลับไป
“รู้สึกว่าจะไม่ใช่แฟนนะ เห็นพลอยบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกัน”
นนทร์จำหน้าผู้ชายที่ขับรถมารับพลอยได้เพราะผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่เขาเจอในผับ แต่นนทร์หารู้ไม่ว่าตอนนั้นคนทั้งคู่เป็นเพื่อนกันก็จริงแต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว
ทรีขับรถมารับฉันเราคุยกันไว้ว่าเราจะไปเดินห้างกัน ทรีบอกว่าอยากจะซื้อของพวกเสื้อผ้าสักหน่อยเพราะเขาไม่ค่อยได้ออกมาช็อปปิ้งเลยมัวแต่วาดรูปขายไม่ค่อยได้สนใจตัวเองเท่าไหร่
“สัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง”
ทรีถามขึ้นในขณะที่กำลังเลี้ยวไปที่ลานจอดรถ
“ก็โอเคนะ พรุ่งนี้ก็เริ่มทำงานแล้วละ”
ทรีพยักหน้ารับกับคำตอบของฉัน เราสองคนเดินดูของโน่นนี่ในห้าง ทรีเดินนำหน้าฉันโดยที่เขาใส่แว่นกันแดดตลอดเวลาทำตัวเหมือนดาราเลยนะแฟนฉันเนี่ย
“พลอย !!”
ฉันได้ยินเสียงเรียกมาจากที่ไหนสักแห่งพอฉันมองไปตามเสียงเรียกฉันก็เจอกับเพื่อนของฉันสมัยที่เราเรียนมหาลัยด้วยกัน ซึ่งเพื่อนของฉันก็เป็นเพื่อนของทรีด้วย
“อ่าว ทรี มาด้วยหรอ”
เพื่อนของฉันหันไปเห็นทรีที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ทรีเลยเดินมาหาฉัน
“แกสองคนมาด้วยกันได้ไง”
เพื่อนของฉันมองหน้าฉันกับทรีสลับไปมาแล้วอมยิ้ม ฉันก็ยิ้มกลับไปเหมือนกันทรีก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ขยับแว่นกันแดดให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้นเท่านั้น
“หรือว่าพวกแกสองคนคบกัน”
เพื่อนของฉันเหมือนจะมีตาทิพย์เลย แค่นี้ก็มองออกแล้วหรอว่าฉันกับทรีกำลังคบกันฉันอมยิ้มจนเห็นได้ชัดและฉันก็หวังว่าทรีจะตอบเพื่อนของฉันไปว่าเรากำลังคบกันอยู่
“บ้าหรอ ก็มาด้วยกันเฉยๆคบเคิบอะไร เธอก็..”
เอ่อ !! ฉันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ทรีตอบเพื่อนของฉันไปว่าเราไม่ได้คบกันเราแค่มาด้วยกันเฉยๆ แล้วอย่างนี้มันหมายความว่าอะไรกันแน่ แล้วที่เราตกลงคบกันนี่มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยหรอ ฉันหันไปมองหน้าทรีอย่างไม่เข้าใจก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับเพื่อนของฉัน
“อ่าวหรอ เอ้อ ฉันก็แซวไปงั้นแหละถ้างั้นฉันไปก่อนนะ พอดีรีบน่ะ”
เพื่อนของฉันล่ำลาฉันกับทรีแล้วก็เดินจากไป ฉันหันไปมองหน้าทรีทรีทำเป็นไม่สนใจสายตาของฉันและเดินไปเลือเสื้อผ้าของเขาต่อ เขาเป็นอะไรไปทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ฉันก็เลยเอาแว่นกันแดดของฉันขึ้นมาใส่บ้างซ่อนแววตาสงสัยและไม่เข้าใจเอาไว้ภายใต้แว่นดำ ถ้าเขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจฉันก็จะไม่ถามอะไรทั้งนั้น ฉันกับทรีเดินเลือกซื้อของกันจนหนำใจ แล้วฉันจึงชวนทรีกลับ
“ทรี กลับเถอะ เหนื่อยแล้วอ่ะ อยากกลับไปนอน”
ทรีก็พยักหน้ารับและไม่ได้พูดอะไร เราไม่พูดอะไรกันมาตลอดทางจนถึงคอนโดของฉัน ทรีเปิดประตูไปหยิบถุงเสื้อผ้าแล้วเดินมาส่งฉันที่หน้าห้อง ฉันเปิดประตูห้องเข้าไป ทรีก็เดินตามเข้ามาเขาวางของไว้ที่โซฟาแล้วนั่งลง
“อ่าว ยังไม่กลับหรอ อยู่ต่อทำไม”
อารมณ์ของฉันตอนนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วละตั้งแต่ตอนที่ทรีบอกว่าเราไม่ได้คบกัน ฉันก็ถึงกับจุกจนงงๆไปไม่น้อย
“ที่ฉันบอกเพื่อนของเราไปแบบนั้นน่ะ ฉันไม่อยากให้เพื่อนของเรารู้ว่าเราคบกัน”
อยู่ๆทรีก็พูดเรื่องที่ทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา เขาไม่อยากให้เพื่อนรู้เรื่องของเรางั้นหรอ นี่พวกเราไม่ใช่เด็กๆกันแล้วนะ ที่เวลาคบกันก็คบแบบหลบๆซ่อนๆกลัวพ่อแม่ว่าเนี่ย เราโตพอที่จะตัดสินใจอะไรเองได้ละมั้ง
“ทรี เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ที่เวลามีแฟนจะต้องหลบๆซ่อนๆแอบพ่อแม่คบกันน่ะ”
ฉันเริ่มจะมีน้ำโหบางทีมันก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นป่ะ ไม่อยากให้คนอื่นรู้แล้วจะมาขอฉันคบทำไมฉันเดินไปที่ระเบียงพยายามมองออกไปดูทิวทัศน์ข้างนอกเผื่อมันจะทำให้จิตใจฉันเย็นลงบ้าง ฉันรู้สึกได้ว่าทรีเดินมากอดฉันจากข้างหลัง
“ฉันขอโทษนะพลอย ฉันไม่กล้าที่จะบอกกับใครเรื่องที่เราคบกัน เพราะฉันคิดว่าการที่เราจะรักกันไม่จำเป็นต้องไปบอกให้ใครเขารู้ไปทั่วนี่นา แค่เรารู้ว่าเรารักกัน แค่นั้นก็เกินพอแล้วไม่ใช่หรอ”
ทรีเอาใบหน้ามาซบที่ไหล่ของฉัน สัมผัสของเขามันทำฉันใจอ่อนขึ้นมาทันที ฉันเลยไม่อยากพูดอะไรต่อ คิดๆดูแล้วมันก็จริงอย่างที่ทรีพูด คนสองคนคบกันจำเป็นด้วยหรอที่จะต้องไปป่าวประกาศให้ใครเขารู้ ก็ไม่จำเป็นจริงๆนั่นแหละก็ปล่อยให้มันเป็นไปแล้วกัน ในเมื่อฉันเลือกที่จะเดินทางนี้แล้วนี่นาฉันก็คงต้องเคารพการตัดสินใจของทรีแล้วละ...
ความคิดเห็น