คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 ช่วงเวลาของเธอ
“อุ้ย !! ขอโทษค่ะ”
ฉันหันไปก้มหัวขอโทษบุคคลที่ฉันถอยหลังไปชน
“ซุ่มซ่ามแบบนี้ตลอดเลยนะ พลอยพราว”
คนตรงหน้าทำเอากล้องแทบหลุดออกจากมือของฉันเลยละค่ะ โลกนี้ทำไมมันเล่นตลกกับฉันแบบนี้หนอ นี่จะมาพักผ่อนสักหน่อยคงจะไม่ได้พักแล้วมั่ง เจอใครไม่เจอมาเจอแฟนเก่า โฮก !! อยากจะหมุดดิน แทรกก้อนหินหนีเสียจริง
“อ่า เบส มาทำอะไรที่นี่หรอ”
คือฉันไม่รู้ว่าจะทักทายคนที่ได้ชื่อว่าแฟนเก่าด้วยคำไหนดี เบสคือแฟนเก่าของฉันเมื่อ 3 ปีที่แล้วค่ะ เราก็คบกันนานพอสมควรก็เกือบ 5 ปีได้ แต่ด้วยความที่ฉันเป็นคนที่ไม่ยอมคน ไม่ง้อใคร เวลาใครทำผิดมาแล้วรู้จักสำนึกผิด ฉันจะยกโทษให้ไม่เกิน 3 ครั้ง แต่เบสเป็นผู้ชายที่ชอบคิดว่าผู้หญิงทั้งโลกโง่เหมือนกันเสียหมด และคิดว่าผู้ชายฉลาดล้ำ เบสเลือกที่จะคบผู้หญิงอีกหลายๆคนในขณะที่กำลังคบกับฉันอยู่ ฉันจับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเขามีคนอื่น แต่เพราะฉันเสียดายเวลาที่คบกันมาเลยทนคบจนเกือบจะ 5 ปี แต่แล้วเราก็ไปไม่รอด คนเราความอดทนมันมีขีดจำกัดใช่ไหมละ ฉันเลยเลิกเลย ไม่เอาค่ะ คบไปเสียเวลาเปล่า พอเลิกกันไปเบสก็พยายามมาตามง้อขอคืนดีกับฉันอยู่นานเกือบปีเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกฉันเป็นคนใจแข็งค่ะ ฉันไม่ยอมเจอเขาเลยเวลาจำเป็นต้องเจอหรือบังเอิญเจอฉันก็จะไปกับทรีตลอด แต่คราวนี้นี่ซิ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น เจอจังๆเลย คนเดียวด้วยนี่ซิ ซวยแท้ !!
“ฉันมาทำธุระที่นี่น่ะ วันนั้นผ่านร้านอรอิงแล้วเจอเธอนั่งอยู่ในร้าน วันนี้เลยลองมาหาดู แล้วเพื่อนเธอก็บอกว่าเธออยู่ที่นี่ ฉันเลยเดินตามมาดูแล้วก็เจอจริงๆด้วย”
มันจะมาทำธุระอะไรที่นี่ วันอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่มาทำ ฉันควรจะทำอย่างไรดี จะเดินหนีหรือจะยืนคุยกับเขาอีกสักแปบ หรือจะเอายังไงดี โอ้ย !! เพลีย
“อ่อ พอดีฉันจะไปไหว้พระ งั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
ฉันตัดบทเอาเองเสียดื้อๆใครอยากจะอยู่ตรงนี้นานๆละ ไม่อยากฟังคำพูดเดิมๆคำพูดขอคืนดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเรารักกันก็คงดี แต่เป็นตอนนี้ตอนที่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว มันคงจะแย่น่าดูเลยละ
“ฉันไปด้วยซิพลอย อยากจะคุยกับเธอสักหน่อย”
เบสเดินมาฉุดข้อมือฉันเอาไว้ นี่เขากล้าดียังไงเนี่ย มาจับมือถือแขนฉันแบบนี้ เป็นเมื่อก่อนมันอาจจะได้แต่เป็นตอนนี้ฉันรู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก
“ปล่อยฉันเถอะเบส ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ”
ฉันสะบัดมือของเบสทิ้งอย่างไม่ใยดี แต่เบสก็ยังพยายามรั้งฉันไว้อยู่
“เธอจะหนีฉันไปถึงไหนพลอย ฉันขอคืนดีกับเธอตั้งไม่รู้กี่ครั้ง เธอก็ไม่เคยสนใจหรือเธอมีแฟนใหม่ ห่ะ ??”
เบสเริ่มขึ้นเสียงใส่ฉัน มีไม่มีแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา ในเมื่อเราเลิกกันไปแล้ว เขาเองนี่นาที่ทำให้ชีวิตรักของเราพังลงแล้วเขาจะมาเอาอะไรกับฉันอีก
“เธอจะมาอะไรกับฉันอีก ที่ฉันหนีก็เพราะฉันไม่อยากเจอหน้าเธอ ไม่อยากคืนดีกับเธอ ต่างคนต่างไปเถอะเบส ฉันอยากมีชีวิตของฉัน เธอก็ไปมีชีวิตของเธอเถอะ”
ฉันขึ้นเสียงกลับเหมือนกัน อย่าคิดว่าผู้หญิงจะเหมือนกันทั้งโลกซิ ฉันพยายามเดินหนี แต่เบสก็ยังจะรั้งฉันเอาไว้ ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ เดี๋ยวแม่ต่อยสักทีดีไหม
“เค้าไม่อยากคุยด้วยแล้วจะไปรั้งเขาไว้ทำไม”
ฉันกำลังจะหันไปง้างกำปั้นใส่เบสสักที แต่แล้วเจ้าชายขี่ม้าขาวก็เข้ามาช่วยฉันเอาไว้
“นนทร์”
นนทร์มาจากไหนไม่รู้ เขาเดินมายืนข้างฉันพอเบสเห็นนนทร์เท่านั้นแหละ เขาก็ทำสีหน้าไม่พอใจทันที
“นายเป็นใคร แล้วมายุ่งเรื่องของผมกับแฟนทำไม”
โฮ !! กล้าเนอะ ใช้คำว่าแฟนเฉยๆ แฟนเก่าเถอะ ขอร้องละอย่ามาแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของได้ไหมเนี่ย ฉันเริ่มจะโมโหจริงๆแล้วนะ
“แฟนเก่าเหอะ โปรดระบุด้วย แล้วก็เป็นแฟนเก่าที่เลิกกันมานาน นานมากแล้วด้วย เกือบจะ 3 ปีแล้ว ใช้คำว่าแฟนเฉยๆคงไม่ได้หรอกมั้ง”
ณ.จุดจุดนี้ ฉันวีนแตกแล้วละค่ะ ไม่สนใจแล้ว น่ารำคาญเป็นที่สุด ตัวเองเป็นคนทำตัวแย่ๆจนเราทนไม่ไหวเองแท้ๆ ยังจะมาเล้าหรืออีก
“แล้วต่อไปก็ไม่ต้องมาง้อ มาขอคืนนี้อีกนะ เพราะฉันมีแฟนแล้ว นี่ไง แฟนฉัน ชัดไหม แล้วก็ไม่ต้องตามมานะ น่ารำคาญ !!”
ฉันเดินควงแขนนนทร์แล้วพาเดินออกมาจากตรงนั้น เบสอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดพอฉันบอกว่านนทร์เป็นแฟนของฉัน ส่วนนนทร์ก็คงจะงงกันไปเลยทีเดียว ว่านี่มันคือสงครามอะไรกันแน่เนี่ย เราเดินออกมาจนถึงวัดที่ฉันอยากมาไหว้พระ
“คุณนี่ โหดชะมัดเลย ควงแฟนใหม่เย้ยแฟนเก่า ฮ่าๆ”
นั่นไง โดนนนทร์แซวซะแล้วซิ ฉันปล่อยมือที่เกาะแขนนนทร์อยู่ เอ้อ !! ลืมสนิทเลยว่าเกาะแขนเขามา ตายๆ ผู้หญิงหน้าไม่อายแท้ๆฉันเนี่ย
“เอ่อ ฮ่าๆ ฉันใจร้ายด้วยนะ ขอบอก มันน่ารำคาญอ่ะคุณ เลิกกันไปเกือบจะ 3 ปีแล้ว ยังจะมาตามง้อ ตามยุ่งอยู่ได้ แล้วตัวเขาเองนะ ที่ทำให้ฉันต้องเลิกกับเขา ใจชู้ เสเพลสุดๆ คบผู้หญิงทีละหลายๆคน ทั้งๆที่คบฉันอยู่ ใครจะไปทนไหวละ เห๊อะ !!”
ฉันระบายความโมโหของตัวเองออกมา นนทร์ก็ยังยิ้มอยู่ นี่เรื่องของฉันมันน่าขำขนาดนั้นเลยหรอ
“คุณคบกับเขามากี่ปีเนี่ย”
นนทร์ถามฉันกลับ เมื่อฉันทำหน้าหงิกใส่เขา
“ก็เกือบ 5 ปีอ่ะ”
นนทร์เลิกคิ้วสูง
“ก็นานอยู่เหมือนกันนะ เท่าผมกับเมยาเลย”
ใบหน้าเศร้ามองฉายแววออกมาอีกครั้ง แล้วเขาจะเศร้าทำไมเนี่ย มันเป็นเรื่องของฉันไม่ใช่หรอ แฟนเก่าฉันมานะ ไม่ใช่แฟนเก่าเขามาสักหน่อยจะตีหน้าเศร้าทำไม
“ไม่นานหรอก แค่ 5 ปีเอง ฉันไม่เห็นจะแคร์เลย จะไปสนใจทำไมกับเวลา 5 ปี สู้เอาเวลาที่เหลือไปตามหาคนที่จะอยู่กับเราไปอีกครึ่งชีวิตไม่ดีกว่าหรอ จริงม่ะ”
ฉันตบไหล่นนทร์เบาๆ แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง
“นั่นน่ะซิ จะมัวเสียใจไปทำไม คุณนี่เก่งเนอะ เจอแฟนเก่าแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย”
“ก็ฉันไม่ได้รักเขาแล้วนี่ เขาก็กลายเป็นแค่คนแปลกหน้า แล้วฉันจะต้องรู้สึกอะไรละ จริงไหม”
ฉันคิดแบบนั้นจริงๆนะ แฟนเก่าเมื่อเราหมดรักเขาแล้ว เขาก็เป็นได้แค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้นแหละ
“ก็จริงนะ”
ฉันลืมสังเกตผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า วันนี้เขาใส่กางเกงยีนต์สีอ่อนกับเสื้อยืดสีขาวธรรมดา แต่ตรงที่ไม่ธรรมดาก็ตรงลายสกรีนนี่แหละ มันสกรีนคำว่าอะไรรู้เปล่า มันสกรีนคำว่า “โสด”ค่า มันแรงตรงนี้
“ลายเสื้อนี่ไม่ค่อยเท่าไหร่เลยนะ แหมๆ โสดสนิทรึเปล่าเนี่ย”
ฉันแอบแซวนนทร์เล็กน้อยทำเอานนทร์เขินไปตามๆกันเลยละ ผู้ชายอะไรกล้ามาก ฮ่าๆ
“พอดีเห็นมันวางขายอยู่ที่ถนนคนเดินเมื่อวานอ่ะ มันเข้ากับสถานะดี เลยซื้อมาใส่ ความจริงมีอีกตัวหนึ่งนะ ทีแรกว่าจะให้คุณแต่ไม่กล้าให้ กลัวไม่โสด ฮ่าๆ”
นนทร์หัวเราะยกใหญ่เมื่อพูดถึงลานเสื้อของตัวเอง ฉันก็อดที่จะหัวเราะไปกับเขาไม่ได้ แต่เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้เขาบอกว่าฉันไม่โสดหรอ ทำไมจะไม่โสด โสดเต็มๆเลยละ
“ทำไมฉันจะไม่โสดละคุณ ฉันนี่แหละ โสดสนิทเลยละ”
นนทร์ยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เป็นรอยยิ้มที่ฉันคิดว่ามันสดใสอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
“อ่าว แล้วผู้ชายที่เจอในผับนั่นละ ไม่ใช่แฟนคุณหรอ?”
“ฮ่าๆ ไม่ใช่ๆ นั่นเพื่อนฉันเอง เขาคิดว่าคุณจะมาจีบฉันน่ะ เขาเลยกันซีนแสดงเป็นแฟนหนุ่มแสนดีให้ ก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรๆ”
ฉันพูดไปหัวเราะไป นนทร์พูดถึงวันที่ฉันไปผับกับทรีนนทร์เข้าใจว่าฉันเป็นแฟนกับทรี ทรีก็ตีบทแตกเหมือนกันนะเนี่ยสามารถแสดงให้คนอื่นเชื่อได้ เก่งๆ
“อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง ผมก็คิดว่าคืนนั้นผมจะโดนต่อยซะแล้ว”
“แหม !! คุณก็พูดไป ใช่ที่ไหนละ ใครจะมาต่อยคุณกัน ไม่เอาๆเลิกคุยๆไปไหว้พระกันดีกว่านะ ฉันอยากจะถ่ายรูปแล้วละ”
ฉันดึงมือนนทร์เพื่อเดินไปยังโบสถ์ วันนี้ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน เพราะมันเป็นวัดที่ไม่ใหญ่โตเท่าไหร่นักคนจึงไม่ค่อยนิยมเข้ามา แบบนี้แหละฉันชอบ เงียบสงบดี
เราสองคนเข้ามาไหว้พระกันในโบสถ์ วัดที่นี่เงียบสงบมากฉันรู้สึกสบายใจมากหลังจากที่เมื่อกี้เจอกับเรื่องแย่ๆมา การไหว้พระทำบุญเป็นสิ่งที่ฉันชอบมากที่สุด พอฉันไหว้พระเสร็จแล้วฉันก็เดินออกมาถ่ายรูปบริเวณรอบๆวัดกับนนทร์ วันนี้ฉันมาทำบุญก็จริง แต่ฉันคิดว่ามันเป็นวันที่ไม่โอเคเลยละ ก่อนจะเข้าวัดฉันก็เจอกับแฟนเก่า นี่พอจะออกจากวัดเราเจออะไรกันรู้หรือเปล่าค่ะ เราเจอแฟนเก่าของนนทร์ค่ะ นางเดินควงแขนมากับผู้ชายค่ะ โอ้ว !! อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ ฉันหยุดเดินและดึงแขนนนทร์ไว้ ฉันไม่รู้ว่านนทร์จะเห็นแฟนเก่าของเขาหรือเปล่า แต่ฉันคิดว่าน่าจะเห็นนะ เอายังไงดีละทีนี้ ฉันครุ่นคิดและหาวิธีเพื่อที่จะพานนทร์ไปจากตรงนี้ แต่มันก็สายไปเสียแล้วเมื่อคนที่ฉันจับแขนไว้ได้เดินตรงไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้ว
“เมยา คุณมาทำอะไรที่นี่”
นนทร์เดินเข้าไปคุยกับเมยาแบบไม่เกรงใจผู้ชายที่เธอมาด้วย เมยามองนนทร์ตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ สงสัยจะขำลายเสื้อของนนทร์แน่ๆเลย ให้ตายซิอะไรมันจะแย่ไปกว่านี้เนี่ย
“ใครคับ เม”
ผู้ชายที่มากับเมยาถามขึ้นเมื่อเห็นว่านนทร์เดินเข้าไปทักเธอ
“อ่อ แฟนเก่าน่ะคะ รัน อย่าไปสนใจเลยค่ะ เราไปไหว้พระกันดีกว่า”
โอ้ว !! นางไม่สนใจใยดีนนทร์เลยสักนิด พอเธอบอกกับผู้ชายที่เธอมาด้วยว่านนทร์คือแฟนเก่า เธอก็สะบัดก้นงอนๆของเธอเดินไปเลย ปล่อยให้นนทร์ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มันคงจะเจ็บน่าดูเลยซินะเจอภาพบาดตาบาดใจขนาดนี้ ฉันจะเดินไปหาเขาดีไหมหรือว่าไม่ไปดี ปลอบคนไม่เก่งซะด้วยซิเรา เอาไงดีเนี่ย !!
“โอเคนะ”
สุดท้ายฉันก็เดินไปแตะไหล่นนทร์ นนทร์หันหน้ามามองฉันเขาไม่ได้ร้องไห้หรือทำหน้าเศร้า แต่เขากลับยิ้มให้ฉัน แต่รอยยิ้มนั้นมันแฝงไปด้วยความเศร้า เศร้ามากเหลือเกินจริงๆ
“ผมไม่เป็นไรพลอย ดีซะอีก อย่างน้อยตอนนี้มันก็ทำให้ผมรู้ว่า เมยาเป็นแค่ผู้หญิงที่ผมเคยรักเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ”
คำพูดของนนทร์มันสะท้อนให้ฉันเห็นอะไรหลายๆอย่างในตัวเขา มันทำให้ฉันเห็นว่าเขาเริ่มเข้มแข็งขึ้นมาบ้างแล้ว การลืมใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนกันกับการที่เราจะรักใครสักคนอีกครั้ง
“โอเค งั้นวันนี้ฉันจะพาคุณไปเที่ยวให้หายเซงไปเลย วันนี้ฉันยกให้คุณ 1 วัน อยากไปไหนบอกมาเลย”
ฉันเดินไปกอดคอนนทร์ซะสนิทสนม นนทร์หันมามองหน้าฉันเล็กน้อย
“นี่เราสนิทกันขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย”
ฉันรีบลดแขนตัวเองลงอย่างฉับไว ก็คนมันลืมตัวนี่นาเลยมือไวไปหน่อย ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ
“แหะๆ โทษทีนะ ลืมตัว”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ”
แล้วนนทร์ก็จับแขนฉันให้ไปพาดคอเขาอีกครั้ง ฉันพานนทร์ไปเดินเล่นที่วัดอีกหลายๆแห่ง เราไม่ได้เอารถไปเพราะเราขี้เกลียดขับ ฉันพานนทร์ขึ้นรถโดยสารสีแดงที่เราสามารถเหมาได้ทั้งคัน เรา 2คนไปไหว้พระที่โน้น ที่นี่ จนเกือบจะครบ 9 วันกันเลยทีเดียว ถ้าไม่ติดว่าค่ำก่อนฉันพาเขาไปไหว้พระต่ออีกแน่ๆ ฉันเห็นรอยยิ้มจากผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านับครั้งไม่ถ้วน ทุกๆครั้งที่เขาได้เข้าไปกราบพระ ทำบุญ ฉันรู้สึกว่าจิตใจของเขาสงบขึ้นและจิตใจของฉันก็สงบขึ้นมากเหมือนกัน
“อ่ะ คุณ”
นนทร์ยื่นน้ำดื่มมาให้ฉันในขณะที่ฉันกำลังนั่งดูรูปที่ตัวเองถ่ายอยู่ นนทร์โฉงกหน้าเข้ามาดูด้วย แต่ฉันไม่ให้ดูเพราะมันมีรูปที่ฉันแอบถ่ายเขาไว้ด้วยน่ะซิ
“ไม่ให้ดูหรอก”
ฉันเดินหนีนนทร์ไปเพื่อไม่ให้เขาได้เห็นรูปในกล้องฉัน แต่นนทร์ก็ยังไม่วายเดินตามมาขอดูรูปกับฉัน
“ขอดูหน่อยซิ ผมเห็นรูปตัวเองอยู่ในกล้องอ่า ขอดูหน่อยๆ”
นนทร์พยายามจะแย่งกล้องไปจากมือฉัน ฉันพยายามหลบเต็มที่ แต่แล้วนนทร์ก็แย่งกล้องไปได้ แต่ฉันว่าเขาคงไม่ทันได้ดูหรอก เพราะแบตกล้องมันใกล้จะหมดอยู่แล้ว
“เห้ย !! ไรอ่ะ แบตหมดเฉยเลย”
นั่นไง ว่าแล้วไม่มีผิด กล้องแบตหมดก็แปลว่านนทร์ก็อดดูรูป ฮ่าๆ ฉันเห็นหน้านนทร์ตอนนี้แล้วขำชะมัดเลย อารมณ์เหมือนแบบเด็กโดนแย่งของเล่นอ่ะ แบ๊วซะไม่มี เราสองคนเดินไปตามถนนที่ไร้ซึ่งผู้คนเพื่อตรงไปยังถนนใหญ่
“พลอย คุณทำงานที่ไหนหรอ”
นนทร์ถามขึ้นในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ
“ไม่ได้ทำอ่ะ ตอนนี้ตกงานอยู่ รับจ๊อบพิเศษไปเรื่อย”
ตอนนี้ฉันเป็นประชากรที่กำลังตกงานอยู่ ไม่ได้ทำงานใดๆทั้งสิ้นเลยมีเวลามาเที่ยวนี่ไงละ
“อ่า งั้นคุณสนใจมาทำงานบริษัทผมไหม ผมเปิดสตูดิโอไว้อยู่ที่หนึ่งอ่ะ แต่ผมไม่ได้ดูแลเอง ผมให้ลูกน้องผมดูแล ตอนนี้ต้องการช่างภาพอยู่พอดี คุณสนใจรึเปล่า”
หืมม !! งานถ่ายภาพพอฉันได้ยินว่าเป็นช่างภาพ ฉันก็หูผึ่งขึ้นมาทันทีทันใด มันคืองานที่ฉันกำลังอยากจำทำพอดีเลยละ
“คุณจะรับฉันเข้าทำงานจริงหรอเนี่ย งานช่างภาพเนี่ยนะ คุณมีสตูดิโอด้วยหรอ เห้ย ! จริงหรอเนี่ย”
ฉันเผลอพูดออกไปอย่างตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ คนที่อยู่ตรงหน้าถึงกับหัวเราะร่วน
“รับซิ ถ้าคุณอยากทำ ผมรับอยู่แล้วละ”
“ทำๆๆๆ เมื่อไหร่ดีละ”
ฉันรีบถามนนทร์ทันทีว่าจะให้ฉันเริ่มงานได้เมื่อไหร่
“ทันทีที่คุณอยากเริ่มงาน”
โอ้ว !! สวรรค์ ฉันจะมีงานทำแล้วหรอเนี่ย แถมยังเป็นงานที่ฉันรักด้วยนี่ซิ ยอดไปเลย
“เอ่อ เหมือนฉันเป็นเด็กเส้นยังไงไม่รู้เนอะคุณ มันจะดีหรอเนี่ย”
มาคิดดูอีกทีมันก็เหมือนกับว่าฉันเป็นเด็กเส้นยังไงก็ไม่รู้นะ อยู่ๆก็มีคนพาเข้าทำงาน
“ผมรู้ว่าฝีมือคุณไม่ใช่เล่นๆ คุณไม่ใช่เด็กเส้นหรอก ผมอยากให้คุณไปทำงานที่สตูดิโอผม และอีกอย่างผมอยากตอบแทนคุณ ที่คุณทำให้ผมผ่านช่วงเวลาแย่ๆมาได้ ไปทำงานด้วยกันเถอะ นะครับ”
รอยยิ้มสุดแทนจะจริงใจ ฉันสัมผัสได้จากใจเหมือนกัน ฉันคิดว่าเขาก็คงอยากให้ฉันไปร่วมงานกับเขาจริงๆ เพราะเขาก็เห็นฉันถ่ายรูปมาหลายงานและอีกอย่างการได้ทำงานกับคนรู้จักมันก็เป็นเรื่องที่ดีกว่า ดีกว่าที่จะชวนใครที่ไหนก็ไม่รู้ไปทำงานด้วย ฉันรู้สึกยินดีกับงานใหม่นี้มากๆและรู้สึกยินดีมากๆอีกด้วยที่ได้เจอกับเพื่อนคนนี้ เขาช่างเป็นคนดีเสียจริงๆ ฮ่าๆ ดีเพราะพาฉันไปทำงานด้วยนี่แหละ ก๊ากกกก,,,
ความคิดเห็น