คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 คำอำลาของใครสักคน
ผมไม่เคยคิดว่าตัวผมเองจะต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ กลิ่นเหล้าหึ่ง กลิ่นบุหรี่อบอวน สายตาพล่าเลือนเพราะฤกธิ์แอลกอฮอร์ ร่างกายหมดเรี่ยวหมดแรงไม่มีแรงแม้กระทั่งจะไขกุญแจเข้าห้องตัวเอง ผมก็ไม่รู้ว่าผมพาตัวเองขึ้นมาถึงห้องของผมได้ยังไงและขับรถมาถึงคอนโดตัวเองได้อย่างไร หรือว่าผมตายไปแล้วรถของผมอาจจะชนเข้ากับรถบรรทุกหรือไม่ก็ประสานงากับรถบนถนนสักคัน ตอนนี้ผมถึงไม่มีแรงแม้กระทั่งจะเปิดประตูเข้าห้องของตัวเอง ตามันจะปิดเสียให้ได้ สงสัยว่าผมจะกลายเป็นวิญญาณไปแล้วล่ะมั้ง เพราะทุกๆอย่างที่ผมทำก่อนจะมานั่งหมดสภาพอยู่หน้าห้องตัวเองแบบนี้ผมทำอย่างไร้สติทุกอย่างเลย ผมไม่คิดว่าการถูกทอดทิ้งมันจะเป็นอะไรที่เจ็บปวดและเสียใจขนาดนี้ คำว่าลาก่อนของผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ผมหมดสภาพ มาดหนุ่มธุรกิจหล่อเหลา ดูดีทุกระเบียบนิ้วทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ตอนนี้มันไม่มีอยู่ในตัวผมแล้วมีแต่ไอ้ขี้เมาที่นอนหมดสภาพอยู่หน้าห้องของตัวเองผมเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ เพียงเพราะแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินจากผมไปเนี่ยนะ ทำไมเธอมีอิทธิพลต่อชีวิตผมขนาดนี้ผมทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว นอกจากจะก้มหน้ายอมรับความจริงทั้งน้ำตา ผมรักเมยามาก ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆเธอมาบอกเลิกผมแบบนี้ ผมทำอะไรผิด ผมไม่เข้าใจ
"คุณ คุณ !!เป็นอะไรป่ะเนี่ย"
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้างหูผมพร้อมกับแรงเขย่าเบาๆจากมือน้อยๆของเธอ ผมไม่สามารถจะอ้าปากคุยกับเธอได้ว่าผมต้องการอะไร แต่จิตใต้สำนึกของผมมันบอกให้ผมยื่นกุญแจห้องที่อยู่ในมือผมให้กับเธอ
"อะไรอ่ะ กุญแจห้อง เปิดห้องหรอ ?? นี่คุณเมาจนขนาดเปิดห้องตัวเองไม่ได้เลยหรอ ไม่อยากจะเชื่อ คนอกหักเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยหรอเนี่ย" ผมได้ยินเธอบ่นพึมพำเรื่องที่ผมเมาจนหมดสภาพแบบนี้และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้ยินคือเรื่องอกหัก เธอรู้ได้ยังไงว่าผมอกหัก สงสัยนะแต่ไม่สามารถอ้าปากถามได้อึดอัดชะมัดเลย ร่างบางยังอุตส่าห์ลากผมเข้ามาในห้องด้วยความที่เธอเป็นคนตัวเล็กการที่จะพาผมที่ตัวสูงถึง 180ซม.เข้ามาในห้องมันจึงเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรแต่เธอก็พาผมเข้ามายังห้องของผมจนได้ ผมรู้สึกขอบคุณเธอจริงๆ ผมพยายามเพ่งมองหน้าผู้หญิงคนนี้ให้ชัดๆเพื่อพอผมสร่างเมาแล้ว ผมจะได้ไปขอบคุณเธอแต่พอจะปรับสภาพสายตาให้มองคนตรงหน้าให้ชัดๆมันก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อฤกธิ์แอลกอฮอร์สั่งให้ผมต้องหลับตาลงแล้วผมก็หลุดเข้าไปสู่ห้วงนิทราโดยที่ไม่ทันได้มองหน้าคนที่ช่วยผมให้ชัดๆ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย แค่ผู้หญิงคนเดียวทำให้ผู้ชายหมดสภาพได้ขนาดนี้”
พลอยพราวส่ายหัวเบาๆกับผู้ชายที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงหน้า เธอกำลังจะออกไปซื้อของมากินรอบดึกแต่พอเปิดห้องออกมาก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน นอนแบบหมดสภาพอยู่หน้าห้องของเขาเองเธอก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยและเธอก็พอจะจำได้บ้างแล้วล่ะว่าผู้ชายคนนี้คือใคร เช้านี้มันเป็นเช้าที่สุดแสนจะทรมานมากสำหรับผม จิตใจที่ไม่ปกติกับร่างกายที่ไม่ค่อยจะเต็มร้อยมันทำให้ผมไม่อยากลุกไปไหนเลย ผมหันไปมองนาฬิกาที่ข้างเตียงผมก็พบว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาเช้าอย่างที่ผมคิด แต่มันกลับเป็นเวลา 4 โมงเย็น นี่ผมหลับข้ามวันเลยหรอเนี่ย ว่าแต่ว่าผมมานอนอยู่ที่เตียงของผมได้ยังไง เพราะเท่าที่ผมจำได้เมื่อคืนผมยังนอนอยู่ที่หน้าประตูห้องผมอยู่เลย ผมประมวลความคิดของตัวเองอยู่พักหนึ่ง สมองก็ตอบผมมาว่าเมื่อคืนนี้มีผู้หญิงใจดีคนหนึ่งลากผมเข้ามาในห้องแล้วผมก็ตะเกียกตะกายเดินขึ้นมานอนที่เตียงของตัวเองเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆผมต้องไปขอบคุณผู้หญิงคนนั้นสักหน่อยแล้วละ แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าผมจำหน้าเธอไม่ได้น่ะซิ และไม่รู้ว่าเธอเป็นใครด้วย แต่เท่าที่พอจะสันนิษฐานได้เธอน่าจะเป็นคนในคอนโดนี้ เพราะไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มาเดินเผ่นพล่านอยู่ในคอนโดของผมยามวิกาลแบบนี้หรอก ผมพาตัวเองไปอาบน้ำอาบท่าเพราะตอนนี้ท้องของผมเริ่มจะส่งเสียงเรียกร้องหาอาหารแล้วละ พอผมจัดแจงกับตัวเองเรียบร้อยแล้วผมก็เตรียมตัวออกไปหาอะไรกินแต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเปิดประตูห้องออกมาเจอถุงก๋วยเตี๋ยวแขวนอยู่ที่ประตูหน้าห้องของผม ผมพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบติดมือกลับเข้าไปในห้องแล้วจัดการเอาถุงใส่ไมโครเวฟอุ่นก๋วยเตี๋ยวถุงนั้น ในถุงนั้นยังมีโพสอิทใบเล็กๆแปะอยู่ด้วย
-น้ำก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ มันน่าจะช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้นะค่ะ :)-
ผมอ่านโพสอิทแผ่นนั้นแล้วก็ต้องงงกับมัน ใครกันที่เอาก๋วยเตี๋ยวมาแขวนไว้ที่หน้าห้องผม แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าผมจะต้องมีอาการเมาค้าง นอกเสียจากว่าคนคนนี้จะเป็นคนเดียวกับคนที่พาผมเข้ามาในห้องเมื่อคืน ต้องเป็นคนเดียวกันแน่เลย แต่เธอไม่ได้ทิ้งเบอร์หรือทิ้งเลขห้องไว้นี่ แถมชื่อก็ไม่ได้เขียนบอกไว้ด้วย แล้วผมจะไปขอบคุณเธอยังไงละทีนี้
วันนี้คือวันที่ฉันว่างอีกหนึ่งวัน ก็คนมันไม่มีงานทำนี่นาตั้งแต่งานของบอยฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่ไหนอีกเลย บอยโอนเงินค่าขนมมาให้ฉันเรียบร้อยไปทำงาน 2วันได้เงินเยอะพอสมควรเลยละ งานถ่ายภาพก็เท่าที่รู้ๆกันว่ามันเป็นงานที่ได้เงินเยอะถึงแม้จะมีงานแค่วันหรือสองวัน แต่ค่าแรงมันก็พอที่จะใช้จุนเจือชีวิตของฉันได้เกือบทั้งเดือนเลยละ ฉันชักจะหลงไหลกับงานนี้แล้วละซิ :) คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ต้องแบกผู้ชายตัวโตที่เมาไม่รู้เรื่องรู้ราวเข้าห้องของเขาเอง ทั้งๆที่อยู่หน้าห้องของตัวเองแล้วแท้ๆยังไม่มีแรงแม้กระทั่งไขกุญแจเข้าห้องมันช่างน่าขำเสียจริง มาดผู้ชายหล่อเหลาที่ฉันเคยเห็นเมื่อครั้งก่อนมันหายไปไหนกันนะ ทำไมฉันต้องมาเจอเขาในมาดไอ้หนุ่มขี้เมาด้วย มันไม่น่าประทับใจเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะตื่นแล้วหรือยัง คงจะยังหรอกก็เล่นดื่มมาซะหนักขนาดนั้น ก่อนที่ฉันจะออกไปข้างนอกฉันได้แวะเอาก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยที่ฉันชอบกินไปแขวนไว้ที่หน้าห้องของผู้ชายขี้เมาคนเมื่อคืน เผื่อตื่นขึ้นมาเขาอาจจะไม่มีแรงไปหาอะไรกินอย่างน้อยก็มีก๋วยเตี๋ยวของฉันแขวนอยู่หน้าห้องเขาละ ฉันนี่สวยแล้วยังใจดีอีก ฮ่าๆ วันนี้ฉันจะไปฝึกฝีมือการถ่ายรูปของตัวเองสักหน่อยเผื่อจะได้ไปถ่ายรูปรับจ้างบ้างเพราะถ้าเอาความจริงแล้วฉันก็รักการถ่ายรูปเหมือนกัน ครั้นจะให้ฉันไปเปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองก็ไม่ไหวไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น รับจ้างเค้าเอาละกัน ฉันมาเดินถ่ายรูปเล่นแถวสวนสาธารณะใกล้ๆกับคอนโดนี่แหละขี้เกียจขับรถออกไปข้างนอก รถติด วุ่นวาย วิวยามเย็นของสวนสาธารณะก็สวยเหมือนกัน ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า สนามหญ้ามีเด็กๆวิ่งเล่นไปมากับลูกหมาตัวเล็กๆภาพครอบครัวที่นั่งคุยกัน หนุ่มสาวที่มาออกกำลังกาย มันเป็นภาพที่ทำให้ฉันผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว ฉันเดินถ่ายโน่นถ่ายนี่ไปเรื่อยมองผู้คนมากมายผ่านเลนส์กล้อง แล้วเลนส์กล้องของฉันก็ไปจับอยู่ที่ใบหน้าของชายคนหนึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ผมสีน้ำตาลเข้มกระทบกับแสงแดดยามเย็น สายตาเหม่อลอยที่ไม่สนใจสิ่งรอบตัวใดๆมันยิ่งทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้นแต่เสน่ห์ของเขามันแฝงไปด้วยความเศร้าที่ครอบคลุมหัวใจเขาอยู่ ฉันถือวิสาสะถ่ายรูปของเขาไว้ ผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกันกับผู้ชายที่ฉันแบกเข้าห้องเมื่อคืนนี้นั่นเองฉันจำเขาได้เพราะฉะนั้นเขาคงจะไม่ว่าอะไรฉันถ้าฉันจะถ่ายรูปเขามาสักรูป ฉันลดกล้องลงแล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวเดียวกับเขา เขาไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าฉันเป็นใครเขาเพียงแค่ขยับตัวไปอีกมุมหนึ่งของม้านั่งเท่านั้น ฉันอดขำในใจไม่ได้เมื่อนึกถึงตอนที่แบกเขาเข้าห้องเมื่อคืน หนุ่มขี้เมากับหนุ่มที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนี้เหมือนเป็นคนละคนกันเลยละ เห็นทีฉันต้องทักทายเขาซะหน่อยแล้ว
"ไงคุณ หายแฮ้งค์แล้วหรอ "ทันทีที่ฉันทักออกไปแบบนั้นเขาก็หันมามองหน้าฉันทันทีแล้วทำสีหน้าสงสัยพยายามมองฉันสลับกับกำลังใช้ความคิดไปด้วย
"คุณรู้ได้ไงว่าเมื่อคืนผมเมา"ฉันหัวเราะกับคำถามของเขา อย่าบอกนะว่าเขาจำฉันไม่ได้ในเมื่อคนที่พาเขาเข้าห้องได้ก็คือฉัน
"นี่คุณจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ"ฉันใช้นิ้วชี้หน้าของตัวเอง ผู้ชายคนนี้ก็ประหลาดจำคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ฉันเลยทำเป็นไม่สนใจเขาแล้วหันมาสนใจกับรูปที่ตัวเองถ่ายมาเมื่อกี้
"คุณเองหรอที่พาผมเข้าห้องเมื่อคืนนี้อ่ะ คุณจริงๆใช่มั้ยเนี่ย" ฉันหันไปยิ้มให้กับผู้ชายคนนั้นเล็กน้อยเมื่อเขาบอกว่าเขาจำฉันได้แล้ว คิดซะนานเลยนะพ่อรูปหล่อ
"จำได้แล้วหรอ"ผู้ชายตรงหน้ายิ้มกว้างแต่ก็ยังมีร่องรอยแห่งความเศร้าหลงเหลืออยู่ในดวงตา เขาดูจะดีใจมากที่เธอเป็นคนที่ช่วยเขาไว้
“ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง”ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิดแล้วมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา มองมุมไหนเธอก็ดูคุ้นไปเสียหมด เขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้จากที่ไหนกันนะ
“จะไม่คุ้นได้ยังไงละ ก็เราอยู่คอนโดเดียวกัน”ฉันคลายความสงสัยให้กับชายตรงหน้าจากที่เขาจ้องมองฉันอยู่นานดูจากภาพการณ์แล้วเขาคงจะคิดไม่ออกว่าเคยเจอฉันจากที่ไหน แต่ฉันว่าฉันเคยเจอเขาที่คอนโดอยู่หลายครั้งเหมือนกัน ตอนก่อนที่เขายังไม่เลิกกับผู้หญิงคนนั้นฉันก็เคยเจอ
“ไม่ซิ นอกจากเจอคุณที่คอนโดแล้ว ผมว่าผมต้องเคยเจอคุณที่ไหนอีกแน่ๆแต่ผมนึกไม่ออกแห่ะ”ชายหนุ่มยังพยายามคิดให้ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน แล้วสมองเขาก็ประมวลผลไปถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำผ้าพันคอหล่นไว้ที่บนเรือ เขารู้สึกคุ้นหน้าเธอมากแล้ว พอเขามองเธออย่างพิจารณาอีกเธอเขาก็นึกออกทันที เธอคือผู้หญิงคนที่เมาเรืออย่างเป็นบ้าเป็นหลังคนนั้นนั่นเอง
“อ้อ !! ผมรู้แล้วว่าเราเคยเจอกันที่ไหน”
“ฉันเคยเจอคุณไปกับแฟนที่งานเวดดิ้งที่เกาะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะไขข้อข้องใจให้กับตัวเอง พอชายหนุ่มได้ยินว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเคยเจอเขากับแฟนที่งานเวดดิ้งเขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขาเจอเธอได้อย่างไร ทำไมเขาไม่เห็นเธอเธอไปในฐานะแขกเหมือนเขาหรือเปล่า หรือเธอจะไปกับแฟนของเธอ ต่อมอยากรู้อยากเห็นของเขามันเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว
“ฉันไปทำงานที่นั่น ฉันเป็นตากล้อง คุณไม่เห็นฉันหรอกเพราะกล้องบังหน้าฉันอยู่”
เขาพอจะนึกออกแล้วละ เพราะตอนที่เขาไปร่วมงานนั้นกับเมยาเขาสังเกตเห็นตากล้องคนหนึ่งเป็นผู้หญิงท่าทางดูดีใช้ได้เลย แต่เขาไม่ได้สนใจเธอมากเพราะเธอไม่ยอมลดกล้องลงจากหน้าเลย ที่แท้ก็เป็นเธอคนนี้นี่เอง
“แต่ผมเคยเห็นคุณบนเรือ”
พอได้ยินคำว่าเรือหญิงสาวก็ทำหน้าแหวะทันที เธอไม่ถูกกับเรือเป็นอย่างมาก แค่ได้ยินคำว่าเรือเธอก็อยากจะอ้วกแล้ว แล้วเขาไปเห็นเธอตอนไหน หรือว่าเขาจะเป็นผู้ชายคนที่ใส่แว่นกันแดดสีชาคนนั้น
“ผมชื่อ นนทร์ นะ”
ชายหนุ่มตัดบทเมื่อเห็นหญิงสาวท่าทางไม่ค่อยดีสงสัยจะนึกถึงอาการเมาเรือของตัวเองแล้วรู้สึกไม่ดี
“พลอยพราวค่ะ เรียกพลอยก็ได้”
รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด มันเลยทำให้คนที่ได้รับรอยยิ้มนี้ถึงกลับเผลอยิ้มตามเธอไม่ได้
“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ ว่าโลกจะกลมขนาดนี้”
นนทร์พูดขึ้นหลังจากที่มองรอยยิ้มของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ รอยยิ้มของเธอทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย พลอยพราวละสายตาจากกล้องของตัวเอง
“ไม่กลมหรอก มันเอียงต่างหาก”
นนทร์ขมวดคิ้วกับคำพูดของพลอยพราว มันไม่กลม แต่มันเอียง เขารู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจคำพูดของเธอเลยจริงๆเธอจะสื่ออะไรกันแน่ นนทร์เหลือบไปมองกล้องที่อยู่ในมือพลอยพราว แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรูปของตัวเองอยู่ที่กล้องของเธอ
“เห้ย !! คุณถ่ายรูปผมตอนไหนอ่ะ”
ชายหนุ่มพยายามจะขอดูรูปตัวเองจากในกล้องของพลอยพราว แต่หญิงสาวกลับเอากล้องหลบไปทางอื่น นนทร์รู้สึกขัดใจที่หญิงสาวมีปฎิกิริยาตอบโต้
“เห้ย !! ขอดูหน่อยซิ”
หญิงสาวเบ้หน้นและปิดกล้องทันที
“ไม่ให้ดู”
“แต่นั่นมันรูปผมนะ”
“แต่ฉันเป็นคนถ่ายอ่ะ”
พลอยพราวลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วหันมาแลบลิ้นใส่นนทร์
“ไปดีกว่า ไม่ให้ดูหรอก ไว้อารมณ์ดีเดี๋ยวให้ดูนะ ฮ่าๆๆ”
พลอยพราวกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อจะกลับไปที่ห้อง หลังจากที่นนทร์พยายามจะแย่งกล้องไปจากเธอเพื่อจะดูรูปที่เธอถ่ายเมื่อกี้ เธอยังไม่อยากให้นนทร์เห็นรูปของเขา เพราะเธอรู้สึกว่ารูปที่เธอถ่ายมันช่างหมองหม่นไม่สดใสเลยดูไปก็พลอยแต่พากันหดหู่ไปซะเปล่าๆ เอาไว้ให้เธอได้มีโอกาสถ่ายภาพเขาอีกครั้งนึง รับรองว่ามันจะเป็นภาพที่ดูสดใสมากกว่านี้แน่นอน
ความคิดเห็น