ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กว่าจะเป็นความรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ฉันชื่อพลอยพราว

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 56





    ในชีวิตนี้มีไม่กี่คนหรอกนะที่ฉันจะคบเป็นเพื่อนแบบนานแสนนาน คนที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนรักของฉันก็มีนายทรีนี่ละ ทรีเป็นผู้ชายที่แปลกๆเขาเรียนจบด้านศิลปะมาเลยมีอารมณ์ศิลปินแบบเต็มเปรี่ยมทรีมีพรสวรรค์ทางด้านนี้มาก ตั้งแต่เรียนจบมาฉันไม่เห็นทรีจะทำอะไรนอกจากวาดรูป การวาดรูปคือสิ่งที่ทรีสนใจมากที่สุดแล้วรูปของทรีแต่ละรูปขายได้ราคาเป็นแสนทั้งนั้นมีเศรษฐีจากหลายๆประเทศมาจ้างทรีวาดรูป สิ่งที่ทรีรักคือสิ่งที่สร้างเงินให้กับเขา ทรีเป็นผู้ชายที่รักสงบหน้าตาดี รูปร่างดี ทรีเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงหลายคนหมายปองเลยละ แต่ฉันไม่เห็นว่าทรีจะจริงจังกับใครสักคนเพราะทรีจะเป็นคนจริงจังกับการวาดรูปมาก ถ้าได้รับงานมาทำเขาจะวาดรูปอยู่ที่บ้านเป็นอาทิตย์ๆโดยที่ไม่ออกไปไหนเลยละเพราะเหตุนี้ละมั้งทรีเลยไม่อยากจริงจังกับผู้หญิงคนไหน ฉันชอบมาดื่มเบียร์กับทรีที่บ้านเขาเป็นประจำตอนนี้ทรีเป็นเพื่อนคนเดียวที่คอยรับฟังปัญหาต่างๆที่ฉันบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆทรีไม่เคยรำคาญฉันเลยที่ฉันเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังเขาเพียงแต่รับฟังและคอยให้คำแนะนำก็เท่านั้น ฉันเป็นเพื่อนกับทรีมาเกือบ 10ปีแล้วละมั้งก็ตั้งแต่เราเรียน ม.ปลายมาด้วยกันนั่นละ ความเป็นเพื่อนของเราก็เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
    "มาแล้วหรอ" ฉันกดกริ่งหน้าบ้านของทรีไม่นานนักเขาก็ออกมาเปิดประตูให้ฉัน ฉันซื้อพวกอาหารและขนมขบเคี้ยวมาด้วยและไม่ลืมพระเอกของงานปาร์ตี้ ฉันยกเบียร์มาอีกถาดหนึ่งเต็มๆเลยค่ะ สงสัยทรีกำลังวาดรูปอยู่เสื้อผ้าของเขาเลอะสีเต็มไปหมด แต่ฉันชินกับความเลอะเทอะของทรีแล้วละถึงเขาจะใส่เสื้อผ้าเลอะสียังไง เขาก็ยังหล่อเหลาเหมือนเดิมอยู่ดีละน่า
    "มาแล้ว ฉันซื้อของกินมาด้วย" ฉันเดินแทรกตัวเข้าไปในบ้านเมื่อยื่นถาดเบียร์และของกินส่งต่อให้กับทรี บ้านของทรีเต็มไปด้วยรูปภาพต่างๆนาๆทั้ง รูปสัตว์ รูปทิวทัศน์ รูปอะไรอีกตั้งมากมายที่ฉันดูไม่ออกว่ามันเป็นรูปอะไร ฉันชอบมาบ้านของทรีเพราะมันทำให้ฉันรู้สึกว่าหลงเข้ามาอยู่ในหอศิลป์แห่งชาติยังไงยังงั้นมันให้อารมณ์แบบนั้นจริงๆนะ
    "นี่จะเดินชมอีกนานมั้ย" เสียงทรีทำฉันตื่นจากอารมณ์ชื่นชมกับงานศิลปะ ฉันหันกลับไปมองข้าวของที่ฉันส่งให้ทรีเมื่อกี้มันถูกจัดวางใส่จานพร้อมรับประทานเรียบร้อยแล้ว ทรีเป็นคนทำอะไร
    เร็วแบบนี้ละแล้วยิ่งเรียกให้ฉันไปทานข้าวเร็วแบบนี้สงสัยเขาจะมัวแต่วาดรูปจนไม่ได้กินข้าวกินปลามาหลายวันแน่ๆ ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับทรี
    "จะมองฉันอีกนานมั้ย ทำไมไม่กิน"
    ทรีเงยหน้าจากอาหารแล้วส่งสายตาไม่พอใจมาที่ฉัน ทรีไม่ชอบให้ใครมองเขาเวลาเขากับกำลังกินข้าว ในกรณีที่เขาหิวโหยแบบนี้น่ะนะฉันยักไหล่แล้วลงมือกินข้าวที่อยู่ตรงหน้า
    "ไม่ได้กินข้าวมากี่วัน"
    ฉันลองๆถามทรีไปไม่ได้เงยหน้าถามเขาตรงๆหรอกเพราะทรีไม่ชอบตอบคำถามที่ฉันตั้งใจถามเพราะฉะนั้นฉันเลยแกล้งๆถามออกไป
    "3"
    ทรีตอบคำถามฉันมาในที่สุดว่าแล้วไงผู้ชายคนนี้พอทำงานแล้วจะจริงจังกับงานจนไม่รู้เวล่ำเวลา บางทีทรีไม่ยอมกินข้าวตั้ง 5วันแน่ะจนกว่างานจะเสร็จกินแต่น้ำกับกาแฟแล้วก็หมกมุ่นอยู่แต่กับงานของเขานั่นละ จนบางทีฉันต้องแอบโผล่มาบ้านเขาแล้วซื้อของกินมาให้วันนี้ฉันกะไว้แล้วว่าทรีต้องไม่ได้กินข้าวมาหลายวันฉันเลยซื้อของมาเยอะมากเป็นพิเศษ เราสองคนนั่งกินข้าวกันเงียบๆฉันกวาดตามองไปรอบๆห้อง ฉันก็สะดุดเข้ากับรูปๆหนึ่ง ซึ่งมันคือรูปของฉันเองแต่มันดูเก่าและฝุ่นเขรอะมากเลยทีเดียว ทรีไม่เห็นบอกฉันสักคำว่าวาดรูปฉันเมื่อก่อนฉันขอให้เขาวาดรูปให้ตั้งหลายครั้งแต่ทรีก็ไม่ยอมวาดให้ฉัน แต่ทำไมมีรูปฉันอยู่ที่ห้องฉันได้ละเนี่ย
    "ทำไม มองอะไรหรอ" ทรีเงยหน้าขึ้นมาจากอาหาร เขาทานไปได้เกือบหมดแล้วสายตาของทรีมองตามไปที่รูปของฉัน พอฉันเห็นว่าเขามองมาที่รูปของฉันแล้ว ฉันเลยหันไปมองหน้าเขาแล้วตั้งคำถามอยู่ในใจแต่ก็ยังไม่ได้ถามอะไรไป
    "อ่อ พอดีอยากจะวาดรูปผู้หญิงน่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะวาดใครเลยวาดเธอ" ทรีไม่ได้มีปฏิกิริยากับหน้าของฉันตอนนี้เท่าไหร่ ตอนนี้หน้าฉันงงสุดๆไปเลยวาดรูปของฉันได้โดยที่ไม่ต้องให้ฉันมาเป็นแบบเนี่ยนะ หมอนี่จะเทพเกินไปแล้วมั้ง แล้วอีกอย่างปกติทรีจะไม่วาดรูปคนอย่าบอกนะว่าฉันเป็นรูปแรกที่เขาวาด
    "งั้นฉันขอนะ" ฉันวิ่งไปที่รูปของตัวเองแล้วยกมันขึ้นมา มันเป็นภาพขนาดกลางซึ่งไม่ใหญ่มากนักฉันยกมันได้สบายเลยละฉันชื่นชมรูปตัวเองอยู่ได้สักพักทรีก็เดินมาดึงรูปนั้นจากด้านหลังของฉันโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทีเดียว ทรีตัวใหญ่กว่าฉันเยอะเลยเมื่อเรามายืนใกล้ชิดกันแบบนี้พอได้รูปฉันไปแล้วทรีก็ถอยออกห่างจากตัวฉันแล้วเอารูปไปแขวนไว้บนที่สูงที่ฉันไม่สามารถหยิบถึงได้
    "ฉันไม่ให้ นี่มันเป็นภาพคนภาพแรกที่ฉันวาด เธอจะมาขอไปได้ยังไงฉันต้องเก็บไว้เป็นผลงานของฉันเองดิ" ทรีเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้แล้วหยิบกระป๋องเบียร์มาเปิดแล้วยกดื่มอึกใหญ่โดยไม่สนใจฉันที่ยืนหน้าระห้อยอยู่ที่เดิม
    "ไหนบอกจะมาปาร์ตี้ มาดิ ฉันเปิดปาร์ตี้ให้เธอแล้ว" ทรีกวักมือเรียกฉันให้มานั่งที่โต๊ะกับเขาพร้อมกับเปิดกระป๋องเบียร์แล้วยื่นมาให้ฉันฉันรับมันมาด้วยอารมณ์ที่น้อยใจนิดๆรูปตัวเองแท้ๆยังไม่มีโอกาสได้เอากลับไปชื่นชมที่บ้านเลย เซงจริงๆ
    "รูปฉันเองแท้ๆ ทำไมฉันเอากลับไปเชยชมไม่ได้นะ" อารมณ์น้อยใจเพื่อนยังไม่หายไปถึงแม้ว่าจะยกเบียร์เข้าปากไปอึกใหญ่แล้วก็ตาม
    "อยากได้แกก็จ่ายตังมาดิ ฮ่าๆๆ" นี่ฉันต้องเสียตังเพื่อซื้อรูปของตัวเองหรอเนี่ย เหอะ !!ฝันไปซะเถอะไม่เอาก็ได้ สู้ฉันเก็บเงินไว้ไปช้อปปิ้งซะยังดีกว่า ไอ้เพื่อนขี้งกเอ้ยฉันบ่นขมุบขมิบอยู่คนเดียว
    "เธอกำลังนินทาฉันอยู่ใช่มั้ย" นั่นไง นี่แหละความสามารถอีกอย่างหนึ่งของเพื่อนฉันก็คือทายความคิดของคนอื่นนี่แหละ รู้ดีจริงๆเชียว
    "ชิส์"
    ทรีหันมามองฉันด้วยสายตาเอ็นดูทรีเป็นคนที่อ่อนโยนเสมอแต่ถ้าเวลาเขาโมโหขึ้นมาก็แปลงร่างเป็นปีศาจได้เหมือนกันนะ เมื่อตอนอยู่ ม.6ทรีทะเลาะกับเพื่อนในห้องเขาโมโหทำลายข้าวของแล้วต่อยกับเพื่อนคนนึงจนคู่กรณีเข้าโรงพยาบาลไปหลายวันเลยละเวลาทรีโมโหฉันไม่ค่อยอยากจะอยู่ใกล้เขาสักเท่าไหร่หรอก
    "อย่าบอกว่าลาออกจากงานอีกแล้ว" ทรียื่นกระป๋องเบียร์มาชนกับกระป๋องเบียร์ของฉันแล้วหันมามองหน้าฉันด้วยความสงสัยทรีไม่เคยเดาผิดเลยที่ฉันมาหาเขาวันนี้ก็มาฉลองเรื่องลาออกจากงานนี่แหละ
    "อืม ก็ฉันไม่ชอบเจ้านายหัวงูนี่น่า ฉันก็เลยลาออก" ทรีมองหน้าฉันอย่างเอือมระอาเขาก็คงจะจำได้บ้างว่าฉันเป็นคนยังไง อยู่ที่ไหนนานๆไม่ค่อยจะได้ทำงานแต่ละที่ไม่เคยเกิน 6 เดือน
    "แล้วต่อไปจะทำอะไรล่ะ มาเป็นนางแบบภาพนู้ดให้ฉันเอามั้ย เงินดีนะ" ความคิดประหลาดๆแบบนี้มักออกมาจากหัวสมองบ้าๆบอๆของเพื่อนฉันคนนี้นี่แหละ คิดได้ไงให้เพื่อนมาเป็นนางแบบนู้ดให้ หน้าตาดีซะเปล่าไม่เคยคิดอะไรแบบสร้างสรรค์เลยจริงๆ ฉันหันไปค้อนใส่ทรีเพื่อบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่พอใจอย่างมาก
    "สมองหรอที่ใช้คิดน่ะ คิดอะไรไม่เคยสร้างสรรค์เลยนะนาย" ทรีหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งกับความคิดของตัวเองมันน่าขำตรงไหนเนี่ย
    "มันน่าขำตรงไหนห่ะ" ฉันฟาดมือไปที่ไหล่ของทรีไปป้าบหนึ่งจนเขาทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บแสบถึงมือฉันจะเล็กแต่ถ้าได้ฟาดใครเข้าไปทีก็เจ็บใช่เล่นเหมือนกันนะ
    "พอนึกถึงเธอตอนแก้ผ้าแล้วมันฮาอ่ะ"
    "ไอ้เพื่อนเลว ทะลึ่ง" ความคิดของทรีมันไม่เคยสร้างสรรค์เลยจริงๆนะ นี่ขนาดฉันค้อนเขาไปหลายทีแล้วยังไม่หยุดหัวเราะอีกแต่เสียงหัวเราะของเขาก็ทำให้ฉันยิ้มไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ลืมเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นวันนี้ไปหมดเลยทีเดียว ฉันกับทรีนั่งดื่มเบียร์ไปคุยกันไปจนฉันเริ่มจะเมาฉันคิดว่าฉันกำลังเมานะเพราะโลกรอบข้างฉันเริ่มจะหมุนติ้วๆแล้วละ ฉันมองไปที่ทรีก็เห็นทรีแยกร่างได้แล้วด้วยแค่เบียร์ 10 กระป๋องทำให้ฉันเมาได้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ฉันพยายามกระพริบตาถี่ๆเพื่อมองทรีชัดๆแต่กระพริบยังไงก็ยังเห็นทรีเป็นสองร่างอยู่ดี
    "เอ้ย!!ทรี สงสัยฉันจะเมาละ" ทรียิ้มให้ฉันบางๆแล้วเดินมาพยุงฉันให้ลุกขึ้นพาเดินไปที่ห้องนอนของเขาพอถึงห้องนอนทรีก็ผลักฉันลงบนเตียงทันที นี่มันอะไรกันเนี่ยทรีจะทำอะไรฉันเนี่ย
    เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะแล้วฉันก็เคยมาค้างที่นี่ตั้งหลายครั้งแล้วเขาจะมาเกิดอารมณ์อะไรตอนนี้เนี่ย ไม่นะ..
    "เธอกำลังคิดอะไรของเธออยู่ห่ะ พลอย คิดว่าฉันจะทำอะไรเธองั้นซิ ยัยบ้า" รอยยิ้มของทรีทำให้ฉันโล่งใจขึ้นอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ยิ้มแบบหื่นๆเหมือนที่เจ้านายหัวงูของฉันชอบยิ้มให้ฉันก็แล้วกัน ฉันหัวเราะชอบใจแล้วก็ผลอยหลับไปด้วยฤกธิ์แอลกกอฮอร์ทรียืนยิ้มมองคนตรงหน้านอนหลับตาพริ้มอยู่ที่ข้างเตียงมันเป็นแบบนี้มากี่ปีแล้วนะที่เขาต้องคอยดูแลเธออยู่แบบนี้ เมื่อไหร่จะมีคนมาดูแลเธอต่อจากฉันสักทีนะ พลอยพราว..
    เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน..เงียบๆคนเดียวไม่อยากตื่นขึ้นพบเธอ
    ~เสียงเพลงลอยเข้าสู่โสตประสาทของฉันจนฉันต้องลืมตาตื่นขึ้นเผชิญกับแสงแดดยามเช้า โอ้ย..มึนหัวเบาๆนะเนี่ยฉันยกมือกุมขมับของตัวเองแล้วยันตัวลุกขึ้นมองซ้ายมองขวานี่มันไม่ใช่ห้องของฉันนี่นาถ้าจำไม่ผิดเมื่อคืนนี้ฉันนอนบ้านทรีซินะแล้วเจ้าของบ้านหายไปไหนละเนี่ยฉันลุกออกจากเตียงเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปหาทรี ทรียืนวาดรูปอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขกแผ่นหลังของทรียามที่กำลังวาดรูปอยู่มันดูดีจริงๆฉันยืนมองแผ่นหลังของทรีจนไม่อาจละสายตาไปจากแผ่นหลังนั้นได้
    "ตื่นแล้วหรอ" สงสัยทรีจะมีตาหลังละมั้งฉันว่าฉันเดินมาแบบเงียบๆแล้วนะเขายังรู้อีกว่าฉันตื่นแล้ว นี่ละน้าที่เขาบอกว่าพวกที่เป็นศิลปินประสาทสัมผัสจะดีกว่าคนปกติ ฉันตื่นจากภวังค์เมื่อทรีรู้ตัวว่าฉันมายืนอยู่ข้างหลังเขาฉันเลยแสร้งทำเป็นเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากบ้านของทรีมาโดยไม่ได้กล่าวร่ำลาทรีสักคำ ไม่บ่อยมากนักหรอกนะที่ฉันจะยืนมองดูทรีวาดรูปแต่ทุกครั้งที่ฉันยืนมองทรีวาดรูปมันทำให้ฉันหวั่นไหวไปกับเพื่อนคนนี้ทุกทีจริงๆสงสัยเพราะความใกล้ชิดละมั้งที่ทำให้ฉันเผลอไผลไปกับอารมณ์พวกนี้ได้ ฉันนี่มันแย่จริงๆเผลอคิดแบบนั้นไปได้ไงนั่นมันเพื่อนรักของฉันนะ เห้อ..กลับบ้านไปนอนต่อดีกว่า
    วันนี้บรรยาศเย็นสบายมากจริงๆฉันขับรถกลับคอนโดด้วยความเบิกบานเป็นที่สุดเมื่อไม่ต้องรีบร้อนที่จะต้องไปทำงานเหมือนทุกๆเช้าฉันจึงมีความสุข ขอพักงานสักอาทิตย์ก่อนละกันแล้วค่อยคิดหางานใหม่คราวนี้จะทำงานเกี่ยวกับอะไรดีน้า อะไรที่เหมาะกับฉันมันก็หายากเหมือนกันงานที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่และบางทีงานที่คิดว่าไม่ใช่ก็อาจจะใช่ก็ได้ คราวนี้ต้องเลือกงานดีๆซะแล้วเรา ความเบิกบานของฉันเมื่อกี้มันหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อฉันเดินลงจากรถแล้วเจอกับสายตาของผู้หญิงคนที่ฉันเจอในลิฟท์เมื่อวานเธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าคงจะจำได้ซินะว่าฉันเป็นคนคนเดียวกับผู้หญิงในลิฟท์เมื่อวานแถมยังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมอีกคงจะมองว่าฉันเป็นผู้หญิงเสเพลละซิที่เที่ยวจนไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่องแต่ฉันไม่สนใจหรอกเธอเป็นคนที่ฉันต้องใส่ใจด้วยหรอ ไม่เลยสักนิดฉันไม่สนใจสายตาของเธอคนนั้นแล้วเดินขึ้นคอนโดไป ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นจะเดินตามฉันมานะอย่าบอกนะว่าเธออยู่คอนโดนี้พอฉันเดินเข้าลิฟท์ก็เดินเข้ามาตามฉันแถมกดลิฟท์ชั้นเดียวกับฉันอีกฉันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเหมือนโดนพวกโรคจิตตามยังไงก็ไม่รู้ ฉันรีบก้าวออกจากลิฟท์เธอคนนั้นก็ก้าวตามฉันมาฉันพยายามเดินเร็วๆเพื่อให้ถึงห้องของตัวเองผู้หญิงคนนั้นก็ยังเดินตามมาอีกพอฉันถึงห้องฉันก็รีบควานหากุญแจเพื่อเปิดห้องของฉันทันทีในขณะที่ฉันหากุญแจเพื่อเปิดห้องของตัวเองอยู่นั้นห้องตรงข้ามก็เปิดประตูออกมาฉันหันไปมองห้องตรงข้ามเล็กน้อยนั่นมันผู้ชายคนเมื่อวานนี่นา ผู้ชายคนนั้นหันมามองฉันเล็กน้อยแล้วผู้หญิงคนที่เดินตามฉันมาก็มาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าประตูห้องของผู้ชายคนนั้น อ่อ..ที่แท้ก็มาห้องตรงข้ามฉันนี่เองนึกว่าตามฉันมาซะอีก โล่งใจไปพอเปิดห้องฉันได้ฉันก็รีบเข้าห้องของฉันทันทีอยากอาบน้ำเต็มทนแล้วละ เห้อ !! แฮ้งค์จังเลย เบียร์ 10กระป๋องเองสงสัยจะแก่แล้วมั่งเราแค่นี้ก็เมาเกือบหัวราน้ำเลย
    การพักผ่อนอยู่ห้องเฉยๆมันช่างเป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะสำราญใจเสียจริงๆเสียงเพลงเบาๆจากทีวี ขนมขบเคี้ยวกับน้ำอัดลมเย็นๆมันช่างเพลิดเพลินเสียนี่กระไรฉันดื่มด่ำความสุขของการว่างงานอย่างมีความสุขแล้วเสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมก็มาขวางความสุขฉันจนได้ ฉันชั่งใจอยู่พักหนึ่งว่าจะรับหรือไม่รับดีพอหันไปมองหน้าจอฉันก็เลยตัดสินใจรับเพราะเพื่อนสมัยมหาลัยโทรมาน่ะซิไม่ได้คุยกันนานรับสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร
    'ฮัลโหล ว่ายังไงจ้ะเพื่อนสาว'ฉันกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ด้วยเสียงที่หวานแหววชวนเลี่ยน
    'ย่ะ ฉันคงเป็นเพื่อนสาวของแกที่หน้าตาหล่อที่สุดเลยละ'บอยคือเพื่อนสมัยมหาลัยที่ตัวเป็นชายแต่ใจเป็นสาวนั่นเองเราอยู่กลุ่มเดียวกันตอนเรียนซึ่งก็สนิทกันมากในระดับหนึ่ง
    'จ้า โทรมามีไรรึเปล่าเนี่ย'การโทรมาของบอยไม่บ่อยนักหรอกที่มันจะโทรมาเฉยๆส่วนใหญ่แล้วมีเรื่องให้ฉันช่วยทุกครั้งไป
    'มีซิ ถ้าไม่มีฉันไม่โทรมาหาแกหรอก พรุ่งนี้แกว่างหรือเปล่า'เสียงของบอยดูตื่นเต้นและกังวลสงสัยจะมีเรื่องสำคัญให้ฉันช่วยอีกละซิ
    'ว่างๆ ทำไมหรอ มีอะไร'
    'ดีเลย งั้นแกเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวเลย ไปต่างจังหวัดกับฉันหน่อย ไปถ่ายรูปให้ฉันที ฉันมีงานอีเว้นท์ที่ต่างจังหวัดอ่ะแก แล้วทีนี้ตากล้องของฉันดันป่วยแล้วก็หาใครถ่ายแทนไม่ได้ แล้วฉันก็นึกได้ว่าในกลุ่มเราแกถ่ายรูปเก่งสุด แล้วแกก็เคยทำงานให้กับสตูดิโอถ่ายรูปด้วยเพราะฉะนั้นแกคือคนที่เหมาะที่สุดสำหรับงานนี้แล้วอีกอย่างฉันมีค่าขนมให้แกด้วย ไปกับฉันนะแกนะ'
    เสียงของบอยออกแนวอ้อนวอนแกมขอร้องแถมงานสนุกๆได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยแถมได้ค่าขนมอีกต่างหากแล้วมีหรือว่าเพื่อนอย่างฉันจะไม่ช่วยเพื่อนอย่างมัน ฉันก็ต้องตอบตกลงน่ะซิ ถ้าไม่ช่วยก็คงแล้งน้ำใจแย่
    'โอเค ที่ไหน กี่โมง เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันขับรถไป'บอยบอกสถานที่ที่ฉันต้องไปทำงานและบอกที่พักให้กับฉันพรุ่งนี้บอยจะเดินทางไปก่อนตอนเช้ามืดแล้วฉันค่อยตามไปทีหลังก็ได้ เอาละพรุ่งนี้ฉันมีงานทำแล้วละพึ่งลาออกจากงานมาเมื่อวานวันนี้ก็มีงานเข้ามาซะแล้วฉันนี่ช่างเป็นมนุษย์ที่โชคดีเสียจริง ฉันวางสายจากบอยแล้วรีบไปค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมเสื้อผ้าสำหรับไปทำงาน ฉันต้องไปทำงานให้บอยเป็นเวลา 2วันกับอีก1 คืนฉันเก็บเสื้อผ้าไปเผื่อดีกว่าไม่แน่ถ้าติดใจที่นั่นก็อาจจะอยู่เที่ยวต่อก็ได้ พอเก็บเสื้อผ้าเสร็จฉันก็ไปรื้อหากระเป๋ากล้องที่ฉันเคยใช้ทำมาหากินเมื่อไม่นานมานี้มาขัดมาเช็ดทำความสะอาดเลนส์ ฉันเคยเป็นตากล้องให้กับสตูดิโอเล็กๆแห่งหนึ่งค่ะฉันชอบนะเวลาที่มีคนยิ้มให้กล้องฉันเพราะมันเหมือนเขากำลังยิ้มให้ฉันอยู่น่ะซิ ฉันรักอาชีพนี่นะ แต่สตูดิโอที่ฉันทำงานอยู่กลับต้องมีอันปิดลงเพราะเจ้าของสตูดิโอเกิดอยากเปลี่ยนสตูดิโอเป็นร้านอาหาร ฉันก็เลยต้องเลิกทำงานนั้นตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา บอกแล้วไงละว่างานที่เราชอบหรืองานที่ใช่เรามักจะไม่ค่อยได้ทำไปนานๆมันต้องมีอุปสรรคมาขัดขวางเราอยู่เสมอแหละ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×