คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : การเดินทางครั้งสำคัญ
5
“ขอร้องล่ะนะเฟย์ ฉันไม่รู้จะทำยังไงจริง”
ฉันแทบจะก้มลงไปขอร้องเขาหลังจากที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้เฟย์ฟัง ตอนนี้คนเดียวที่จะช่วยฉันได้ก็คือชายผู้มีดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าฉันคนนี้เท่านั้น
“เฮ้อ...ลุกขึ้นเถอะ อย่าลืมสิว่าเธอเป็นเจ้าหญิง จะก้มหัวให้ใครไม่ได้นะ”
“นายก็ต้องรับปากฉันก่อนสิเฟย์ ว่านายจะช่วยฉันน่ะ นายเป็นถึงเจ้าชายแห่งเจมิลัสเชียวนะ ยังไงก็ต้องมีหนทางที่ดีแน่”
ยังไงฉันก็ต้องตื๊อจนกว่าเขาจะยอมช่วย หลังจากตระหนักแล้วว่าเรื่องนี้มันใหญ่เสียจนฉันคิดเองคนเดียวไม่ไหว แถมพึ่งยัยมิมิก็ไม่มีท่าทีว่าจะไปรอด เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องพึ่งเฟย์ ผู้ซึ่งช่วยเหลือฉันในทุกๆ เรื่องตั้งแต่เมื่อครั้งยังเด็ก คราวนี้เขาจะปฏิเสธฉันเชียวเหรอ
“อืม...ตกลง”
“จริงนะ!!! นายน่ารักที่สุดในโลกเลย”
ว่าแล้วฉันก็ทำท่าจะกระโดดไปกอดเฟย์ด้วยความดีอกดีใจ แต่เขากลับรีบปัดป้องตัวพัลวัน
“เฮ้...อย่ามายุ่งกับฉันนะ เธอเป็นเจ้าหญิงนะเฟ้ย อย่าลืมเซ่!!!”
“อะไรกันเล่า นายก็เป็นเจ้าชายไม่ใช่หรือไง”
“ไม่เหมือนกันซักหน่อย ถ้าเกิดใครมาเห็นเข้า เธอนั่นแหละที่จะถูกครหาเอาได้”
“กลัวฉันถูกครหา หรือว่ากลัวสาวๆ คนอื่นมาเห็นแล้วจะเข้าใจผิดนายกันแน่”
“แมกซี่!!!”
เขาทำเสียงดุใส่ฉันอีกแล้ว อ๊าก! ตาบ้านี่มาเป็นพ่อฉันเลยดีกว่า >_<
วันรุ่งขึ้น
เจ้าชายเฟย์นัดฉันออกมาข้างนอกวัง เขาบอกว่าจะพาฉันไปยังที่แห่งหนึ่ง พอฉันซักไซ้ว่าที่ไหนเขาก็ไม่ยอมบอก ทำตัวลึกลับอยู่เป็นประจำ นี่แหละแบบฉบับของเจ้าชายเฟย์แห่งเจมิลัส -_-
“ทางนี้!”
ฉันมองไปที่หัวมุมถนนเลยซุ้มประตูวังออกไปก็เจอเฟย์ยืนส่งสัญญาณอยู่ตรงนั้น ฉันเลยรีบรี่เข้าไปหา
“มาแล้วจ้า นายคงไม่ได้รอนานสินะ เพราะฉันมาเร็วกว่าเวลานัดตั้งเยอะ”
“เร็วอะไรกันล่ะ เธอมาช้าไปตั้งสิบกระจึ๊ก!!!”
“-O-“
อย่าเพิ่งงงหรือคิดว่านายเฟย์เล่นมุกอะไรนะคะ กระจึ๊กเป็นหน่วยของเวลาในโลกที่ฉันอยู่ค่ะ บนโลกมนุษย์คงมีหน่วยวัดที่ต่างออกไป
“สิบกระจึ๊กเลยเหรอ!!! เวอร์ไปแล้ว!!!”
“เอาเถอะ ไม่ว่าเธอจะมาช้ากี่กระจึ๊ก ตอนนี้ก็ไม่มีเวลามาเถียงกันแล้วล่ะนะ รีบไปกันเถอะ”
ว่าแล้วเจ้าชายเฟย์สุดหล่อ(ของยัยมิมิ:คือว่าน้องสาวฉันปลื้มตาบ้านี่เอามากๆ ค่ะ)ก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่รอฉันเลย ตาบ้านี่ดุแถมยังใจร้ายอีกต่างหาก เฮ้อ...
“ว่าแต่นายจะบอกฉันได้หรือยังว่านายกำลังจะพาฉันไปที่ไหนน่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า!”
เจ้าชายเฟย์พาฉันหลบเลี่ยงผู้คนออกไปยังถนนเส้นที่ไม่ค่อยมีใครใช้ ช่างเปล่าเปลี่ยวและวังเวงเหลือเกิน หรือว่าตาบ้านี่จะพาฉันมาฆ่าหมกป่ากันเนี่ย -_-
“รีบตามมาเร็วๆ เข้า แถวนี้ยิ่งไม่ค่อยปลอดภัยเสียด้วย”
“ไม่ปลอดภัยแล้วนายพาฉันมาทำไมล่ะ”
“เลิกบ่นแล้วตามมาเร็วๆ”
เชอะ หาว่าฉันเป็นยายแก่ขี้บ่นอีกซิเนี่ย หลังจากตามตาเจ้าชายจอมโหดมาพักใหญ่ เราก็เลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็กๆ มองไปจนสุดจะเห็นซากเรือขนาดใหญ่นอนนิ่งอยู่
“ที่นี่น่ะเหรอ O_O”
ฉันเบิ่งตาโตด้วยความตกใจ
“ใช่ รีบเข้าไปเถอะ”
“-O- นายแน่ใจเหรอว่าที่แบบนี้จะมีใครอยู่น่ะ”
“อย่าพูดมากได้มะ ตามมาก็พอ”
ฉันตามตาเจ้าชายจอมเย็นชาเข้าไปในเรือลำนั้น รู้สึกเหมือนว่าส่วนนี้จะเป็นห้องโถงใหญ่ๆ นะ ทันใดนั้น คบเพลิงที่ถูกแขวนไว้ที่ผนังรอบๆ ห้องโถงก็สว่างขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน O_O
“ผีหลอก!!!”
ฉันแหกปากตะโกนอย่างไม่กลัวหลุดสวย เพราะว่าบรรยากาศวังเวงแบบนี้ แถมคบเพลิงถูกจุดแบบนี้มันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติชัดๆ
“ต้องเป็นผีของคนที่ตายในเรือลำนี้แน่ๆ เลยเฟย์ ฮือๆ”
“-O-“
พอฉันหันกลับมา ตรงหน้าก็มีผู้หญิงหน้าย่นกำลังจ้องฉันอยู่
“แว้ก!!! ผียายแก่อย่ามาหลอกมาหลอนฉันนะ ไปผุดไปเกิดเถอะ เดี๋ยวฉันจะสวดภาวนาไปให้”
“แมกซี่ นี่ไม่ใช่ผียายแก่นะ”
“อะ...อ่าวเหรอ ก็ฉันไม่รู้นี่นา หันหน้ามาเจอพอดีเลยตกใจ ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไร ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ”
ฉันขอโทษขอโพยยายแก่ผมขาวตรงหน้าแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ เธอมีแววตาที่น่าขนลุกจริงๆ เลยนะ หลังจากนั้นเธอก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ชวนขนหัวตั้งเป็นที่สุด
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เชิญท่านทั้งสองทางนี้”
ยายแก่นั่นนำทางเราสองคนไปยังห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งภายในเรือลำนั้น
“นี่นายกำลังพาฉันมาที่ไหนกันแน่เนี่ย”
ฉันกดเสียงให้เบาที่สุดเพื่อถามเฟย์เป็นการส่วนตัวโดยไม่ให้คนอื่นได้ยิน
“หยุดสงสัยแล้วเดินเข้ามา!!!”
ไม่ใช่เสียงเฟย์ค่ะ แต่เป็นเสียงของผู้หญิงที่ดังมาจากในห้องซึ่งยายแก่ผมขาวกำลังจะเปิดประตูเชิญพวกเราเข้าไป ฉันรู้สึกกลัวๆ ขึ้นมาเลยเกาะหลังเฟย์เดินตามหลังเขาเข้าไป
“เชิญเจ้าค่ะ ท่านวีนัสรออยู่แล้ว”
หญิงชราหน้าย่นคนนั้นผายมือเป็นการเชื้อเชิญเราทั้งสองเข้าไปในห้องอันเต็มไปด้วยกลิ่นหอมแบบแปลกๆ คล้ายเป็นควันจากเทียนหอมลอยล่องมา
ในห้องนั้นค่อนข้างมืด ฉันแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากลูกแก้วกลมๆ ที่ตั้งอยู่กลางห้อง
พรึ่บ~
อยู่ๆ คบเพลิงที่แขวนอยู่ที่ผนังทั้งสองด้านก็สว่างขึ้นพร้อมกันเหมือนตอนเดินเข้ามาในโถง ทำให้ฉันและเฟย์มองเห็นว่าในห้องนี้ยังมีอีกส่วนหนึ่งซึ่งถูกกันเอาไว้ด้วยม่านที่ทอด้วยลูกปัด ซึ่งส่วนที่อยู่หลังม่านนั้นฉันพอมองเห็นแค่เพียงรางๆ แต่ด้วยสายตาอันเฉียบคมของฉัน ตรงนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่ง ผมของเธอมีสีแดง ใบหน้าไม่ชัดเจนนัก แต่ฉันรู้สึกว่าเธอมีพลังอำนาจบางอย่างที่แรงกล้าเหลือเกิน
“ต้องการของสิ่งนั้นคืนสินะ”
ผู้หญิงผมแดงคนนั้นถามขึ้น เสียงของเธอก้องไปทั่วห้อง ฉันอดรู้สึกขนลุกซู่ไม่ได้แฮะ เธอรู้เรื่องได้ยังไงกัน O-
“ช...ใช่ค่ะ”
“ไม่ยากหรอก ของสิ่งนั้นยังถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี แต่มันอยู่ไกลเหลือเกิน”
“ค่ะ”
ฉันพอจะเดาออกว่ามันอยู่ไกลขนาดไหน
“เธอยังยืนยันที่จะไปเอามันอย่างนั้นหรือ?”
“ค่ะ ฉันจำเป็นต้องนำมันกลับมาให้ได้”
“เฮ้อ...เรื่องของโชคชะตามันเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะต้องมาถึง”
ผู้หญิงคนนั้นพูดราวกับบ่นกับตัวเอง
“แล้วตอนนี้ของสิ่งนั้นอยู่ที่ไหนคะ”
“ฉันเองคงจะบอกตำแหน่งที่แน่ชัดไม่ได้หรอกนะ แต่ว่าของสิ่งนั้นอยู่ในการดูแลรักษาของมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่ง”
“...”
“ผู้ชายผู้มีดวงตาสีฟ้า”
“เอ๊ะ! หรือว่า!!!”
ไม่รู้ว่าเพราะความจำฉันดีหรือว่าสมองฉันปราดเปรื่อง แต่ฉันนึกถึงเด็กผู้ชายที่เจอเมื่อสิบปีก่อนขึ้นมา ให้ตายสิ ต้องใช่เขาแน่ๆ
“อืม...อยู่ที่เขานั่นแหละ”
“เข้าใจแล้วค่ะ แต่ว่าโลกมนุษย์ช่างกว้างใหญ่ ฉันจะไปหาผู้ชายคนนั้นเจอได้ยังไงคะ แล้วอีกอย่าง เรื่องนี้ผ่านมาถึงสิบปี หน้าตาและรูปร่างของเขาก็คงจะเปลี่ยนไป”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เห็นกล่องที่วางอยู่ข้างหลังเธอไหม?”
“...”
ฉันหันกลับไปดูและพบว่ามีกล่องที่ทำจากโลหะทรงสี่เหลี่ยมสลักลวดลายโบราณวางอยู่ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกัน O- พอฉันทำท่าจะเปิดฝากล่อง ก็มีเสียงห้ามเอาไว้
“อย่าเพิ่งเปิดกล่องนั้น จนกว่า...”
“เอ๋?”
“เมื่อเธอถึงที่นั่น เธอจึงจะเปิดได้”
“ที่นั่นหมายถึง...?”
“เดี๋ยวเธอก็จะรู้เองนั่นแหละ”
เธอพูดด้วยเสียงอันเย็นเยียบราวน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ มันทำให้ฉันตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ขอโทษนะครับ แล้วจำเป็นเหรอครับ ที่เธอจะต้องขึ้นไปบนนั้น ให้ผมรับหน้าที่นี้แทนเธอไม่ได้หรือไง”
เจ้าชายเฟย์พูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่นานสองนาน
“ไม่ได้!!!”
“ทำไมล่ะครับ!!!”
“เพราะมันเป็นโชคชะตาน่ะสิ ถึงฉันจะเป็นผู้ที่สามารถล่วงรู้ความลับของโชคชะตา แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเปลี่ยนแปลงมันได้”
เสียงของท่านวีนัสดูจริงจังและน่าขนลุก แม้จะไม่เห็นหน้าของเธอ แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่ากำลังมองมาที่ฉัน ไม่ใช่สิ เธอกำลังมองชะตากรรมของฉันอยู่อย่างเงียบๆ
“ถ้าอย่างงั้นให้เฟย์ไปส่งฉันคงได้ใช่ไหมคะ?”
“อืม รีบไปซะ ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป”
“ฉันต้องไปที่ประตูบานที่ 777 อีกใช่ไหมคะ? แล้วถ้าไปถึงข้างบนนั้น เราจะรู้ได้ไงว่าต้องไปที่ไหน โลกมนุษย์ก็ตั้งกว้าง”
ฉันถามด้วยความฉงนใจสุดๆ
“เมื่อขึ้นไปถึงบนนั้นให้เปิดฝากล่องขึ้น”
“-O-“
ฉันกำลังจินตนาการว่าการเปิดกล่องจะทำให้ฉันไปถึงที่ฉันควรจะไปได้ยังไง หรือว่าเปิดมาจะมีหนุ่มหล่อกระโดดออกมานำทางฉัน >///< อ๊าย...คิดแล้วเขินชะมัด
“รีบไปกันเถอะ”
พอคิดถึงหนุ่มหล่อที่จะกระโดดออกมาจากกล่องแล้วฉันก็เร่งเจ้าชายเฟย์ให้ไปส่งฉัน เราทั้งสองกล่าวคำขอบคุณท่านวีนัสแล้วทำท่าจะหันหลังเดินออกไป แต่...
“นี่...เดี๋ยวก่อน”
เสียงของท่านวีนัสไล่หลังเรามา ฉันหยุดกึกแล้วหันกลับไปมองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“คะ?”
“ผู้ชายคนนั้น...เอ่อ...คนที่ดวงตาสีฟ้านั่น”
“เอ๋?”
“ถ้าเป็นไปได้ อย่าพยายามอยู่ใกล้เขา เมื่อได้สิ่งที่เธอต้องการแล้วรีบกลับลงมาทันที เข้าใจไหม?”
“อ๋อ...ค่ะ”
ฉันรับคำอย่างงงๆ แล้วก็เดินจากมา...
“แมกซี่...ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้เถอะ”
เจ้าชายเฟย์พูดขึ้นขณะที่เราวนเวียนอยู่หน้าประตูบานที่ 777
“พอเลยเฟย์ เมื่อกี้ก็รู้แล้วนี่ว่าเรื่องนี้ฉันต้องทำด้วยตัวเอง อีกอย่างนายก็อยู่ในช่วงฝึกเพื่อที่จะเป็นเจ้าชายแห่งท้องสมุทรไม่ใช่เหรอ ตำแหน่งนี้ฉันเห็นว่านายก็เหมาะสมที่สุดแล้ว อย่าขาดฝึกเลยนะ เชื่อฉันสิ เรื่องแค่นี้ฉันทำเองได้ สบายมากๆ ^O^”
“แมกซ์...”
เขาทำหน้าเศร้า
“อย่าทำหน้าแบบนี้ได้มั้ยเล่า นายรีบกลับไปฝึกได้แล้ว อีกไม่นานฉันก็ต้องกลับมา หวังว่าตอนนั้นนายคงจะสวมชุดเท่ๆ มารับฉันนะ”
“แมกซ์...”
เขาดึงฉันเข้าไปกอดเอาไว้แน่น อ๊าก จะฆ่าฉันหรือไงตาบ้านี่
“ดูแลตัวเองด้วยนะ ฉันจะรอเธอ”
“อื้อ รู้แล้วน่า นายก็เหมือนกัน ฝากดูแลพี่วิกกี้กับยัยมิมิด้วยล่ะ อธิบายให้สองคนนั้นฟัง พวกเธอจะเข้าใจดี ส่วนเรื่องที่ฉันจะหายตัวไปก็บอกว่าฉันไปพักร้อนที่บ้านคุณยายซักพักก็แล้วกัน”
“ตกลง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้”
“แมกซ์...ฉัน...”
เจ้าชายเฟย์อ้ำอึ้งเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“อะไรเหรอ?”
“เอ่อ...ฉันจะบอกว่า รีบกลับมานะ”
“อื้อ...ฉันจะรีบกลับมา ไม่ต้องห่วงนะ นายก็ฝึกหนักๆ เข้าล่ะ ว่าที่เจ้าชายแห่งท้องสมุทร ^O^”
ฉันฉีกยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกที่ทรมานเหลือเกิน นี่ฉันจะต้องจากที่นี่ไปนานเท่าไรกันนะ เอาล่ะ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคร่ำครวญอะไรทั้งสิ้น ฉันต้องรีบขึ้นไปบนนั้นเพื่อสะสางทุกอย่างให้เสร็จสิ้น
เมื่อแสงสีขาวชโลมไปทั่วร่างกาย ฉันก็สะบัดหางแล้วเคลื่อนตัวไปตามกระแสคลื่น
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า การเดินทางครั้งนี้ ฉันไปตามหาของสำคัญ หรือว่าหัวใจของตัวเองที่ทำหายไปเมื่อสิบปีก่อนกันแน่...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ขอโทษอีกครั้งที่มาอัพช้า TTOTT ไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับ
ตอนนี้ป่วยขนาดหนัก (พระเจ้าลงโทษแน่ๆ เลย) ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค๊าบ...
ปล.ตอนต่อไปเข้าเนื้อเรื่องหลักแล้วนะ ดีใจเหลือหลาย ฮริ้ววว...
ความคิดเห็น