คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เหตุเกิดที่สวนท้ายวัง
4
แอ๊ด~
ฉันแอบเปิดประตูเข้าไปในห้องหนังสือกลางดึกคืนหนึ่ง ใครมาเห็นเข้าคงนึกว่าผีหลอก ก็ร้อยวันพันปีฉันไม่เห็นจะเข้าห้องหนังสือซักทีนี่นา ถ้าไม่ใช่เพราะเข้ามาเล่นซ่อนแอบตอนเด็กๆ หรือหนีไม้เรียวของท่านแม่ ฉันก็ไม่มีทางเข้ามาในห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือน่าเบื่อๆ พวกนี้เด็ดขาด
แต่แล้ววันนี้มันก็ถึงความจำเป็นที่ฉันจะต้องมาหาข้อมูลอย่างเร่งด่วน เพราะปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคาใจต่อไปอีกไม่ได้ เหลือเวลาก่อนงานเต้นรำอีกไม่มาก ฉันต้องรีบจัดการเรื่องทุกอย่างให้เร็วที่สุด
ห้องหนังสือที่นี่มีชั้นวางหนังสือวางเป็นแถวๆ แต่ละแถวก็จะแบ่งตาหมวดหนังสือ ฉันยกตะเกียงขึ้นส่องป้ายที่แขวนอยู่ตามชั้นหนังสือแต่ละชั้น
“เวทย์มนตร์เหรอ ไม่ใช่อะ -_-“
ฉันอ่านป้ายตามชั้นหนังสือไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืดของห้องหนังสือมีเพียงแสงจากตะเกียงเท่านั้นที่นำทาง อากาศเย็นๆ ทำให้ฉันขนลุกแฮะ
แว่บ~
ฉันเห็นเงาของอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผ่านลำแสงของตะเกียงไป
“ใครน่ะ?”
พอหันไปมองรอบๆ ก็พบว่าทุกอย่างยังเงียบสงัด ให้ตายสิ ฉันไม่อยากคิดอะไรฟุ้งซ่านเลย
“อยู่ไหนน้า~”
ฉันเดินไล่ไปตามชั้นหนังสือทีละชั้นทีละชั้น แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ฉันเพียงคนเดียว ยังมีบางสิ่งซึ่งฉันอาจจะมองไม่เห็นซ่อนตัวอยู่ตามหลืบของความมืด
“ประวัติศาสตร์?”
เอ...น่าจะเป็นหมวดนี้แหละมั้ง ฉันเดินเข้าไปที่ชั้นหนังสือประวัติศาสตร์ แล้วยกตะเกียงขึ้นมาจ่อตามสันหนังสือไล่ไปทีละเล่ม จนกระทั่ง...
“คำสาปใต้ท้องสมุทร”
เห็นชื่อหนังสือน่าสนใจฉันเลยดึงมันออกมาเปิดอ่านดู
เป็นที่รู้กันว่าอาณาจักรใต้ท้องสมุทรเป็นความลับของโลกใบนี้ บรรพบุรุษของเราทั้งหลายได้รักษาความลับของอาณาจักรเราเอาไว้ยิ่งชีพ ทั้งนี้เพราะเกรงว่าหากความลับแห่งอาณาจักรถูกเปิดเผยออกไป อาณาจักรใต้ท้องสมุทรอาจมีอันต้องล่มสลายตามคำทำนายแห่งจักรวาล
อ่านคำนำไปย่อหน้าเดียวฉันก็รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก พลิกไปหน้าสารบาญเลยดีกว่า
“นี่ไง!!!”
พอพลิกมาฉันก็เหลือบไปเจอหัวข้อที่น่าสนใจพอดี
คำสาป ความลับ และความรักต้องห้าม
พอดูเลขหน้าแล้วฉันก็รีบพลิกไปอย่างรวดเร็ว ตื่นเต้นชะมัด อยากจะรู้จริงๆ ว่าจะออกลูกเป็นปลาหมึกอย่างที่ป้าเจนน่าเล่าให้ฟังหรือเปล่า เอาล่ะ...เจอแล้ว...
ความรักระหว่างมนุษย์และชาวใต้ท้องสมุทรเป็นสิ่งต้องห้าม หากผู้ใดมีความรักกับมนุษย์ เมื่อถึงคราวในกำเนิดบุตร
พรึ่บ!!!!
อยู่ๆ ไฟจากตะเกียงก็ดับลงอย่างกะทันหัน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย O- และฉันก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองฉันจากความมืด
“ค...ใครน่ะ?”
ฉันละล่ำละลักถามออกไปในความมืดนั้น
“แมกซี่...แมกซี่...เธอกำลังต้องคำสาป...”
เสียงแผ่วเบาราวกระซิบของใครคนหนึ่งดังขึ้นในห้องนี้ มันเป็นเสียงผู้หญิง ไม่ผิดแน่!
“ใครน่ะ ออกมานะ”
ฟึ่บ!!!!
ฉันรู้สึกได้ว่ามีมือของใครบางคนยื่นออกมาจากความมืดคว้าหมับเข้าที่ไหล่ของฉัน และในวินาทีนั้นเองฉันก็จับมือนั้นบิดนิดหนึ่ง
“อะ...โอ๊ย!”
“เลิกเล่นบ้าๆ ซะทีมิมิ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเป็นเธอ จุดตะเกียงซะ!”
“พี่ก็ปล่อยฉันก่อนสิ”
พรึ่บ~!
แสงจากตะเกียงสว่างขึ้นอีกครั้ง ทำให้ฉันเห็นว่าคนที่มาหลอกหลอนฉันคือมิมินั่นเอง ยัยบ้านี่ชอบเล่นแบบนี้จนฉันชินเสียแล้ว
“เธอนี่ชอบเล่นอะไรบ้าๆ ไม่รู้จักโตเสียที”
“ก็ร้อยวันพันปีมิมิไม่เคยเห็นพี่เข้าห้องหนังสือ เลยลองตามเข้ามาดูไง”
“แค่นั้นใช่มะ”
“เปล่า มิมิรู้ว่าพี่กำลังมีเรื่องร้อนใจ”
ยัยนี่รู้ดีจริง -_- ฉันกำลังร้อนใจแบบสุดๆ เลยล่ะ
“-O-“
“หนึ่งคือพี่ไม่อยากแต่งงาน สองคือไข่มุกนั่น...”
ยัยมิมิมองมายังไข่มุกสีชมพูที่อยู่บนคอของฉัน
“เราออกไปคุยเรื่องนี้กันที่อื่นเหอะ”
ฉันเสนอความคิด เพราะว่าที่นี่มันดูไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ ฉันเลยลากแขนยัยมิมิไปยังห้องนอนของตัวเอง
“เอาล่ะ...เธอเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้นะมิมิ เพราะงั้นเธอต้องช่วยฉัน”
“-_-“
“มิมิ...ฉันจะทำยังไงดี TT^TT”
“เอามันมาดูซิ”
ฉันถอดสร้อยคอแล้วส่งให้มิมิ
“ว่าไง?”
“มีรอยร้าวด้วยอะ”
“ใช่ มีรอยร้าวด้วย”
“แต่รอยร้าวหรืออะไรมันก็ไม่สำคัญหรอก แต่ที่สำคัญน่ะ...”
ยัยน้องสาวเว้นจังหวะหายใจ
“มันเป็นของปลอม”
-_- นี่คือใบหน้าของเราสองคนค่ะ
ถ้าจำไม่ผิด ฉันเคยเล่าให้พวกคุณฟังแล้วใช่ไหมคะ ว่าฉันทำของสำคัญหล่นหายไปตอนที่ขึ้นไปบนโลกมนุษย์น่ะ ตอนนั้นแหละค่ะที่ไข่มุกสีชมพูของฉันหายไป ฉันเลยปรึกษายัยมิมิว่าทำไงดี สรุปแล้วเราก็เลยแอบไปซื้อไข่มุกที่ร้านเครื่องประดับ เพราะไม่คิดว่าไข่มุกที่ท่านพ่อมอบให้จะมีเวทย์ผนึกเอาไว้
“มิมิ เธอต้องช่วยพี่นะ”
“ให้มิมิช่วยยังไง เรื่องมันก็นานมาแล้ว มิมิกลัวท่านพ่อ”
ยัยมิมิพูดถึงท่านพ่อแล้วก็ทำท่าจะร้องไห้ ยัยบ้านี่ขี้ขลาดตั้งแต่เด็กจนโตเลยจริงๆ
“เอาง่ายๆ เลยนะ มันสามารถใช้เปิดประตูกลบ้าบออะไรนั่นได้หรือเปล่า ถ้ามันใช้ได้เราก็ไม่จำเป็นจะต้องมากังวลอะไรทั้งสิ้น”
“นั่นสิ มิมิก็ว่าอย่างงั้น”
“งั้นเราไปลองกันดีมั้ย”
“สวนท้ายวังน่ะเหรอ ไม่เอาอะ ถ้าใครเห็น มิมิต้องถูกจับไปลงโทษแน่ๆ เลย ฮือ”
ยัยนี่ทำท่าจะร้องไห้อีกแล้ว บ้าชะมัด ฉันจะหลอกล่อยังไงดีเนี่ย
“ไม่เป็นไรหรอกมิมิ ถ้าเกิดมีใครเห็น พี่จะรับผิดแทนมิมิเอง”
“ไม่เอาอะ มิมิไม่ไปด้วยหรอก มิมิกลัว”
“มิมิ!!! อย่าทำให้พี่โกรธนะ ไปด้วยกันเดี๋ยวนี้ โทษฐานที่เธอรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก”
“ม่ายยยยยยยยยยยยย...”
ว่าแล้วยัยมิมิก็วิ่งหายไปจากห้องฉันทันที บ้าจริง แล้วฉันจะทำยังไงล่ะทีนี้ TT^TT
คืนนั้น...
ด้วยความที่ยัยมิมิหักหลังฉันได้ลงคอ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ฉันเลยแอบย่องออกมากลางดึกสงัดอีกครั้งเพียงลำพัง โดยแอบเข้าไปในห้องของพี่วิกกี้และมิมิเพื่อเอาไข่มุกของทั้งสองคนไปพิสูจน์ประตูบ้าบอนั่นให้รู้กันไป
“หยุดนะ! เจ้าหัวขโมย!!”
“O_O”
ฉันสะดุ้งเฮือกขณะกำลังจะเดินออกจากห้องของพี่วิกกี้ แย่จริงสงสัยฉันจะเสียงดังเกินไปสินะ
“เจ้าบังอาจขโมยหัวใจของข้าไป เจ้าจะรับผิดชอบเช่นไร”
“-_-“
ฉันว่ามันแปลกๆ นะ พอหันกลับไปดูก็พบว่าพี่วิกกี้หลับตาเดินไปเดินมารอบเตียง เหอะ ยัยพี่บ้านี่ละเมออีกแล้วสินะ -_-
เอาล่ะ ฉันไม่มีเวลามาก ต้องจัดการพิสูจน์เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
และแล้วฉันก็มาถึงสวนท้ายวัง สถานที่ซึ่งประดับประดาไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ และที่นี่ก็ยังห้ามคนทั่วไปเข้าออกอีกด้วย ตั้งแต่เล็กจนโตฉันก็มาแถวนี้ออกบ่อยนะ แต่ก็ว่ามันจะมีอะไรพิเศษไปกว่าสวยต้นไม้ดอกไม้ธรรมดาๆ แต่วันนี้ฉันพอจะรู้แล้วว่าลึกเข้าไปในสวนท้ายวังมีประตูลึกลับบานหนึ่งซ่อนอยู่ และมันคือประตูเจ้าปัญหาที่ฉันอยากจะลบมันออกจากอาณาจักรเสียตอนนี้เลย ถ้าเป็นไปได้อะนะ
ที่หน้าทางเข้าสวนท้ายวังมีผู้ชายท่าทางขึงขังสองคนเฝ้าอยู่ ฉันแอบมองสองคนนั้นอย่างระมัดระวังอยู่หลังหินก้อนใหญ่ ทำยังไงดีนะ ถ้าพวกนั้นยังเฝ้าอยู่ตรงนี้ฉันคงไม่มีทางเข้าไปได้ แล้วทันใดนั้นฉันก็ปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นมาในสมอง
โครม!!!
เสียงดังมาจากด้านหนึ่งของสวน ทำให้ทหารหน้าเข้มทั้งสองคนรี่ไปดูแทบจะไม่ทัน และโอกาสนั้นเองฉันก็ตรงดิ่งไปเข้าไปในสวนทันทีโดยไม่ต้องรีรอสิ่งใดอีก
ฉันเคลื่อนตัวไปตามทางอย่างระมัดระวัง และในที่สุดฉันก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูหินบานหนึ่ง มันเป็นประตูที่สลักลวดลายแปลกๆ เอาไว้ แต่บนประตูบานนั้นมีอยู่ส่วนหนึ่งซึ่งสลักไว้เป็นแท่นเว้าลงไป และฉันเดาว่าไอ้ช่องเว้าๆ สามช่องนั้นเป็นช่องสำหรับใส่ไข่มุกสามสีนั่นเอง
ไม่รอช้า ฉันรีบหยิบไข่มุกสามสีออกจากถุงผ้าทันที ฉันว่าไข่มุกสีเขียวของพี่วิกกี้ลงไป เมื่อผิวของไข่มุกสัมผัสกับประตูหินแสงสีเขียวก็สว่างวาบ จากนั้นก็ตามด้วยสีฟ้าของยัยมิมิ ก็ปรากฏว่ามีแสงสีฟ้าสว่างออกมาจากตัวไข่มุก อ๊า~ ท่าทางจะสำเร็จแฮะ
แต่ว่า...ปัญหามันอยู่ที่ไข่มุกสีชมพูของฉันนี่สิ เอาเถอะ เป็นไงเป็นกัน ฉันบรรจงวางไข่มุกเม็ดนั้นลงในช่องเว้าที่เหลืออยู่ และแล้ว...
ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
แสงสีแดงวูบวาบ ไข่มุกทั้งสามกระเด็นออกมาจากประตูบานนั้นจนหมด ด้วยความตกใจฉันจึงทำอะไรไม่ถูก นี่หมายความว่าไข่มุกของฉันใช้ไม่ได้สินะ บ้าจริง ทำไงดีล่ะเนี่ย ทหารต่อพากันแห่มาที่นี่แน่ๆ เลย
และวินาทีนั้นเอง...
“เธอถูกจับแล้ว!!!”
มือของใครบางคนวางลงที่ไหล่ของฉันเบาๆ ทว่ามั่นคง
พอฉันหันไปก็พบกับชายผู้มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วเข้มของเขาขมวดเข้าหากันเหมือนเช่นทุกทีที่เจอฉันทำอะไรแผลงๆ และคราวนี้ก็เช่นกัน
“เฟย์!!!”
“เธอก่อเรื่องอีกแล้วนะ”
เขาดุฉันอย่างเคย เฮ้อ เจอหมอนี่ทีไรโดนดุทุกที แต่การเจอเขาตอนนี้เป็นอันรู้ได้เลยว่าเรื่องคราวนี้ต้องผ่านไปด้วยดีแน่ ^O^
“ยืนยิ้มอะไรอยู่เล่า รีบไปเถอะ ก่อนที่พวกทหารจะแห่กันมาจับเธอกันหมด”
“จริงสิ ไปกันเถอะ”
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ขอโทษที่มาอัพช้านะครับ พอดีเจอมรสุมชีวิตเล็กน้อย ฮ่าๆๆ
ยังไงก็อ่านกันให้สนุกนะคร๊าบบบ...
ใครอ่านแล้วไม่เม้นโกรธ หุหุ
ความคิดเห็น