ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Le present de la mer | ทะเล ฟ้าใส หัวใจ สองเรา

    ลำดับตอนที่ #4 : คำสาป!!!

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 49


    3

     

                    ...สิบปีผ่านไป...(ไวเหมือนโกหก)...

     

                    แมกซี่!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

                    เสียงแหลมที่ร้องเรียกหวีดดังเข้าไปดึงตัวฉันออกมาจากความฝัน

                    เฮือก!!!

                    ...ฝันถึงเรื่องนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย...

                    นี่แมกซ์ เธอจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนเนี่ย

                    ฉันลืมตาขึ้นแล้วมองไปทางต้นเสียงที่เริ่มจะบ่นมากขึ้นทุกที

                    อะไรของพี่ห๊ะ ทำไมชอบมากวนเวลาฉันกำลังฝันดีๆ อยู่เรื่อยเลย

                    พูดไปฉันก็หันไปค้อนพี่วิกกี้อย่างเคืองๆ ไม่ชอบเลยจริงๆ เวลาที่ใครเข้ามาขัดจังหวะฝัน โดยเฉพาะฝันถึงเรื่องเมื่อตอนนั้น

                    นี่อย่างบอกนะว่าไอ้ ฝันดีๆ ของเธอ คือการฝันถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนนั่นน่ะ

                    จะทำไมล่ะ

                    เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ ไม่รู้ว่าไอ้เด็กมนุษย์ผู้ชายนั่นมันไปติดตรึงหัวใจอะไรของเธอนักหนา เธอถึงฝันถึงเขาแทบจะทุกคืนแบบนี้ หรือว่าไอ้หมอนั่นมันขโมยหัวใจเธอไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

                    O_O บ้าจริง พี่พูดอย่างนี้ทุกครั้งที่รู้ว่าฉันฝันถึงเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อน แต่จะว่าไปมันก็จริงอย่างที่ว่า ไม่รู้ว่าทำไมเหตุการณ์ครั้งนั้นถึงทำให้ฉันลืมมันไม่ลงเสียที คิดทีไรก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของฉันได้ลอยล่องไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือนายคนนั้นจะขโมยหัวใจฉันไปอย่างที่พี่ว่าจริงๆ

                    ว่าแต่...พี่มีธุระอะไรหรือเปล่า ถึงมาปลุกฉันตั้งแต่เช้าขนาดนี้

                    เช้า...เหรอ นี่มันจะบ่ายแล้วย่ะแม่คุณ เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าวันนี้เราต้องไปทำอะไรกันบ้าง

                    อะไรเหรอ?

                    ฉันถามออกไปด้วยความไม่รู้จริงๆ บอกตามตรงว่าตอนนี้สติสตางค์ฉันยังอยู่ไม่ค่อยครบเท่าไร ตื่นนอนทีไรเป็นต้องเบลอแบบนี้ทุกทีเลย

                    วันนี้เราทั้งสามคนต้องไปวัดตัวเพื่อตัดชุดกันแล้วนะ เธอลืมไปได้ยังไงยะ ยัยอัลไซเมอร์ -_-“

                    วัดตัว? วัดทำไมอะ

                    นี่เธอ...งานเต้นรำจะมีขึ้นในอีกไม่ถึงสัปดาห์แล้วนะ เธอลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้ยังไงกันแมกซ์

                    งานเต้นรำ? งานเต้นรำเหรอ? เฮ้ย...ตายจริง สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดกำลังจะมาถึงเหรอเนี่ย อ๊าก...ทำไงดีเนี่ย

                    เฮ้แมกซ์ เธอไม่สบายรึเปล่า?

                    “-O-^”

                    พี่คงสังเกตเห็นอาการเหงื่อตกของฉันเลยถามขึ้นอย่างนั้น จะไม่ได้เหงื่อตกได้ยังไงล่ะ ในเมื่องานเต้นรำครั้งนี้ มันก็คืองานจับคู่ดีๆ นี่เอง TTOTT

                    ฉันนะตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าชายจากเทรเซียจะมาร่วมงานหรือเปล่า ฉันภาวนาเช้าเย็นให้เขามาในงานนี้และสบตากับฉันเหมือนในนิทาน

                    ดูพี่สาวของฉันสิ เธอกำลังฝันหวานอยู่ทีเดียวเชียว ท่าจะบ้าแฮะ

                    พี่...ถ้าเกิดว่า...

                    หยุดสิ่งที่เธอกำลังคิด

                    พี่รู้แล้วเหรอว่าฉันจะพูดอะไรน่ะ

                    ฉันรู้แค่ว่าสิ่งที่เธอคิดอยู่ไม่เคยเป็นเรื่องที่น่าฟังเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าพูดเลยแมกซ์

                    พี่วิกกี้หลับหูหลับตาแทบจะเดินหนีฉันไป แต่ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิม

                    ฉันไม่อยากแต่งงาน!!!”

                    แมกซ์...มันเป็นไปไม่ได้

                    พี่พูดพร้อมกับหลับตาลงด้วยความระอา ฉันเข้าใจนะว่าพี่คิดยังไง แต่...เฮ้อ...ฉันต้องอธิบาย

                    มันต้องเป็นไปได้สิพี่ ฉันจะบอกให้นะ การรู้จักกันครั้งเดียวในงานเต้นรำน่ะ มันไม่มีทางเกิดความรักได้หรอก ถึงเจ้าชายแห่งเทรเซียจะเกิดมาปิ๊งปั๊งพี่ก็ตามทีเถอะ แต่ทุกวันนี้พี่ยังแทบจะไม่เคยคุยกับเขาเลย แบบนี้พี่คิดว่าพี่จะแต่งงานกับเขาเหรอ พี่จะยอมให้ท่านพ่อมัดมือชกพี่แบบนี้หรือไง

                    แต่มันเป็นประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษของอาณาจักรเราแล้วนะแมกซ์ เธอคิดว่าจะหลบเลี่ยงไปได้ง่ายๆ หรือไง และอีกอย่างนะ งานเต้นรำครั้งนี้ไม่ใช่แค่งานจับคู่เท่านั้น แต่ยังมีพิธีตรวจสอบความเป็นเชื้อกษัตริย์ในงานนี้ด้วย เธอก็รู้ว่ามันสำคัญ

                    เชื้อกษัตริย์?

                    ก็ไข่มุกสามสีไงล่ะ

                    ไข่มุกสามสี? O_O ฉันสะดุ้งเฮือกเหมือนคนทำความผิด รีบกุมไข่มุกเม็ดเขื่องที่ห้อยอยู่ที่คออย่างหวาดระแวง

                    อย่าบอกว่าพี่หมายถึงไข่มุกที่เราสามคนใส่อยู่นะ

                    ฉันลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดูเพราะไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างที่ฉันคิดหรือเปล่า

                    ใช่แล้วแมกซ์ มันคือไข่มุกที่เราทั้งสามคนห้อยอยู่ที่คอมาตั้งแต่เด็ก ไข่มุกทั้งสามสีเป็นของที่สำคัญมาก เพราะเห็นป้าเจนน่าเล่าให้ฟังว่ามันเป็นของสำคัญที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ซึ่งมันคือกุญแจสำคัญในการเปิดประตูกลที่ท่านปู่ได้สร้างเอาไว้เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ โดยท่านปู่ได้สั่งให้จอมเวทย์ผนึกมนตร์ตรึงประตูกลนี้เอาไว้ และตรัสเอาไว้ว่าจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อหลานสาวคนโตอายุครบยี่สิบในวันงานเต้นรำประเพณี

                    นี่พี่พูดเรื่องอะไรกัน? ฉันงงไปหมด

                    เอาเถอะ สิ่งสำคัญก็คือ วันงานเต้นรำคือวันที่จะเปิดประตูกลที่ท่านปู่ได้สร้างขึ้น โดยใช้ไข่มุกสามสีที่เราแต่ละคนห้อยอยู่นี่แหละแก้มนตร์ที่จอมเวทย์ผนึกเอาไว้ ไม่มีใครรู้ว่าหลังประตูบานนั้นมีอะไร แต่คาดเอาไว้ว่าท่านปู่ได้ทิ้งสมบัติจำนวนมหาศาลเพื่อมอบให้กับพวกเราก่อนไปแต่งงาน

                    สมบัติงั้นเหรอ O_O”

                    ฉันตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น

                    ฉันคิดว่างั้นนะ เพราะว่าการเปิดประตูกลครั้งนี้เป็นการตรวจสอบเชื้อกษัตริย์โดยใช้ไข่มุกของพวกเรานี่แหละ ถ้าเป็นไข่มุกของจริงที่ตกทอดมาก็จะทำให้ประตูเปิดออกได้ เพราะฉะนั้นท่านพ่อเลยกำชับนักหนาให้เรารักษาไข่มุกของตัวเองยิ่งชีพไงล่ะ

                    ฟังเรื่องที่พี่วิกกี้เล่ามาถึงตรงนี้ฉันก็เริ่มเหงื่อตก ทำไงดีฟะเนี่ย หวังว่านี่คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ พี่ต้องหลอกฉันอีกแน่ๆ เลย

                    พี่กุเรื่องขึ้นมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย

                    ก็เธอเคยสนใจที่ไหนล่ะแมกซ์

                    “-_-“

                    รีบลุกจากเตียงแล้วไปขัดตัวซะ จะได้ไปวัดตัวกันซักที ชักช้าอืดอาดไม่ทันกินกันพอดี

                    พี่ออกไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วจะตามไป

                    พอพี่วิกออกจากห้องไปฉันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จับไข่มุกที่ห้อยอยู่ที่คอด้วยความว้าวุ่น ฉันจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีนะ

                    ก๊อก ก๊อก~

                    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ฮู่~

                    ใครน่ะ

                    ป้าเองค่ะคุณหนู

                    ป้าเจนน่าเหรอ เข้ามาสิคะ

                    ป้าเจนน่าเป็นเหมือนแม่นมที่คอยดูแลเราสามคนมาตั้งแต่เด็กๆ พอป้าเจนน่าเข้ามาในห้องฉันก็รีบเข้าไปซักเรื่องที่พี่วิกกี้เล่าให้ฟังทันที ยัยนั่นต้องโกหกฉันแน่ๆ

                    ที่พี่เล่ามาเป็นเรื่องจริงเหรอคะป้า

                    จริงค่ะคุณหนู

                    “-O-“

                    คุณหนูไม่เห็นต้องหนักใจนี่คะ ทำตัวให้สบายๆ เดี๋ยวงานนี้ก็จะผ่านไปด้วยดีเองค่ะ

                    แต่ว่า...

                    ...

                    ป้าเจนน่าเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องนั้นดีไหม ไม่...ไม่ดีแน่ ฉันเลยบอกไปว่า

                    แต่ฉันไม่อยากแต่งงานนี่นา เลื่อนการจับคู่ไปก่อนไม่ได้หรือไงคะ

                    ไม่ได้หรอกค่ะ งานนี้เป็นงานใหญ่มาก พระราชาได้ส่งบัตรเชิญไปเชิญเจ้าชายเมืองอื่นๆ มาร่วมงานแล้ว ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ค่ะ

                    ป้าเจนน่าพูดน้ำเสียงจริงจัง >_<

                    ถ้าเกิดฉันจะบอกว่าฉันมีคนรักแล้วล่ะคะ

                    “O_O”

                    ป้าเจนช็อกตาค้างกับสิ่งที่ฉันพูดออกมา

                    ค่ะ...ฉันมีคนรักแล้ว

                    เจ้าชายเมืองไหนกันคะ พระราชาได้เชิญมาร่วมในงานนี้หรือเปล่า

                    ฉันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดต่อ

                    ท่านพ่อไม่ได้เชิญค่ะ เพราะเขาไม่ใช่เจ้าชาย

                    ไม่ใช่เจ้าชาย? O_O”

                    ค่ะ เขาไม่ใช่เจ้าชาย แต่เป็นมุษย์ผู้ชายค่ะ

                    ว้าย...นี่คุณหนูพูดอะไรออกมาคะ

                    ป้าเจนน่าเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนกลัวว่าใครจะมาได้ยิน

                    ทำไมเหรอคะ เป็นมนุษย์ผู้ชายไม่ได้เหรอคะ

                    คุณหนูอย่าพูดจาเหลวไหลสิคะ มนุษย์ผู้ชายอะไรกัน

                    ล้อเล่นค่ะป้า ฮิๆ ว่าแต่พวกเราแต่งงานกับมนุษย์ไม่ได้เหรอคะ?

                    ฉันถามทีเล่นทีจริง แต่ว่าป้าเจนน่ากลับทำหน้าเครียดแล้วเริ่มเล่า

                    เดิมทีเคยมีชาวอาณาจักรเราไปแต่งงานกับมนุษย์เหมือนกันค่ะ แต่เป็นเพราะเธอไม่รู้เรื่องนั้น จึงได้พลาดไป

                    แววตาของป้าเจนน่าดูหม่นอย่างบอกไม่ถูก

                    เรื่องอะไรกันคะ

                    มันเป็นเรื่องคำสาปที่มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้วค่ะ เป็นความรักต้องห้ามที่ทุกคนต่างหวาดกลัว

                    คำสาปเหรอคะ แล้วเขาสาปว่าอะไรกัน

                    ป้าเจนน่ามองหน้าฉันแปลกๆ แล้วก็เอ่ยขึ้น

                    หากผู้ใดมีความรักกับมนุษย์ เมื่อถึงคราวให้กำเนิดบุตร บุตรของมันผู้นั้นจักต้อง...

                    ต้องอะไรคะ?

                    ต้องเป็น...ปลาหมึก...

                    ปลาหมึก O_O”

                    ฉันตะลึงไปสามวินาที ก่อนจะ...ฮ่าๆๆ ปลาหมึก ฮ่าๆๆ นี่มันนิทานหลอกเด็กชัดๆ ฉันหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง น้ำหูน้ำตาไหลด้วยความขำ

                    ปลาหมึกเหรอคะป้า ฮ่าๆๆ

                    ไม่ตลกเลยนะคะคุณหนู น่าตีจริงๆ เลย

                    ไม่ขำได้ไงคะป้า ออกลูกเป็นปลาหมึก ใครเป็นคนสาปคะ อยากเห็นหน้าคนสาปจัง ฮ่าๆๆ

                    -_- ป้าเจนน่าทำหน้าเหนื่อยใจ พอฉันสงบสติอารมณ์เรื่องคำสาปขำๆ ได้แล้วก็ชวนป้าเจนน่าไปขัดผิว เหมือนจะดูสบายอกสบายใจ แต่ที่จริงแล้วฉันรู้สึกวิตกอย่างบอกไม่ถูก -_-

                    ทั้งเรื่องนั้น...แล้วก็เรื่องนั้น...

     

    (โปรดติดตามตอนต่อไป)

     

    ตอนนี้ถ้าอ่านแล้วงงก็ขออภัยนะครับ เรื่องกำลังจะเข้าสู่เนื้อเรื่องหลักแล้วครับ อีกนิดๆ

    บกพร่องตรงไหนก็ช่วยชี้แนะกันด้วยนะคร๊าบบ...ขอบคุณมากๆ เลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×