คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : !!? ขา ?!!
2
พอพ้นจากบานประตูหมายเลข 777 ฉันก็โดนฟองคลื่นอัดเสียจนแทบหายใจไม่ออก เมื่อเหลียวมองไปรอบๆ ก็พบว่าประตูนับร้อยๆ พันๆ บานที่เห็นเมื่อกี้อันตธานหายไปจนหมด เหลือเพียงประตูบานที่ฉันเพิ่งออกมาเท่านั้น O_O
“พี่วิก!!!”
ฉันส่งเสียงตะโกนเรียกชื่อพี่วิกกี้ แต่มีเพียงเสียงของฉันเองที่สะท้อนกลับมา O-
“ยัยมิมิ!!!”
คราวนี้ลองเรียกยัยมิมิบ้าง บางทียัยมิมิอาจจะยังรอฉันอยู่ก็ได้ เพราะยังไงก็นัดกันไว้แล้วว่าจะมาเจอกันหลังบานประตู
“มิมิ เธออยู่ไหนน่ะ?”
ฉันลองเรียกดูอีกที แต่ก็มีเพียงเสียงฟองคลื่นรอบตัวที่ส่งเสียงดังฟู่ๆ >_<
นี่หมายความว่าฉันถูกทิ้งใช่ไหมเนี่ย ยัยพวกนั้นต้องขึ้นไปข้างบนกันก่อนแล้วแน่ๆ เลย ฉันเงยมองขึ้นไปก็พบว่ามีแสงสว่างพุ่งตรงมาจากข้างบนนั้น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เป้าหมายของพวกเราทั้งสามคนก็คงอยู่บนนั้นแหละ
...ดินแดนที่แสงสว่างส่องถึง...
เสียงคลื่นที่สาดกระทบกับหาดทรายคล้ายเสียงดนตรี ลมเย็นที่พัดมาต้องตัวทำให้ฉันรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก แต่ทุกอย่างรอบตัวที่สัมผัสได้เป็นอะไรที่มัน...ไม่ใช่โลกของฉัน
พอคิดได้แบบนั้นฉันก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันมาถึงบนนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน!!??!!
หลังจากได้สติฉันก็เหลียวมองไปรอบๆ ตรงหน้าเป็นทะเล หาดทราย ต้นมะพร้าว และมนุษย์อีกมากมายที่ไม่มีหางแบบฉัน จริงสิ!!! หาง!!!
“อยู่เฉยๆ ได้มั้ย!!!”
เสียงโวยวายของคนตรงหน้าทำให้ฉันเพิ่งรับรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่ตรงนี้ และเขากำลังยุ่งอยู่กับ...กับ...อ๊าก...นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!
“หางฉันหายไปไหน?”
“หาง? หางอะไร”
“ก็หางสีชมพูของฉันน่ะสิ!!!”
“หยุดเพ้อเจ้อได้ยัง? แล้วก็ช่วยอยู่เฉยๆ ด้วย ขาเธอเลือดออกเยอะแยะเลยเนี่ย”
เด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพูดพร้อมกับฉีกเสื้อลายดอกของเขามาพันไว้ที่หาง เอ๊ย~! ขา!!!
“ตกลงมันเรียกว่าขาใช่ไหม”
“อะไรของเธอ ยัยเบ๊อะ”
“-O-“
ยัยเบ๊อะ? ฉันคิดว่านี่คงเป็นคำชมของมนุษย์ล่ะมั้ง เบ๊อะคงเพี้ยนมาจากคำว่าเบ๊อะดิฟูลที่แปลว่าสวยแน่เลย
“ขอบคุณที่ชมว่าฉันสวยนะ พอดีหน้าฉันเหมือนแม่น่ะ”
“-_- ยัยประสาท”
ยัยประสาท? เขาคงคิดว่าบ้านฉันมาจากปราสาทแน่เลย เย่~
“ใช่ บ้านฉันรวยมาก ใหญ่เหมือนปราสาทเลย”
“เธอนี่ท่าจะบ้านะ”
“เรื่องอะไรนายมาหาว่าฉันบ้ายะ”
“บอกให้อยู่เฉยๆ ไงเล่า”
เขาพูดพร้อมกับดึงผ้าที่ผูกกับหาง เอ๊ย~ ขาของฉันแน่นเข้าไปอีก
“โอ๊ย~ นายจะฆ่าฉันหรือไง”
“เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่...พ่อแม่เธอไปไหนล่ะ”
เขาถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นทรายข้างตัวฉัน
ตอนนี้ฉันกำลังสงสัยว่าหางกลายสภาพเป็นขาได้ยังไง งงชะมัดเลยแฮะ แต่ก็ประหลาดดี จากหางอันเดียวกลายเป็นขาสองอันได้ ฉันลองเคลื่อนไหวขาของตัวเองด้วยความเห่อ (ก็ไม่เคยมีนี่นา >_<)
“โอ๊ย!”
แล้วฉันก็ต้องร้องออกมาเพราะแผลที่ขาเจ็บแปลบขึ้นมานิดๆ ผ้าที่ผูกขาฉันเอาไว้ลายเดียวกับเสื้อของนายคนนี้เปี๊ยบเลยทีเดียว นี่เขาลงทุนฉีกเสื้อของเขาเพื่อห้ามเลือดให้ฉันเหรอเนี่ย น่าซาบซึ้งใจจริงๆ
“เสื้อนายหว่องไปเลยนะเนี่ย”
“หว่อง?”
“เออ...เสื้อนายหว่องไปเลย”
“อะไรคือหว่อง แหว่งต่างหาก -_-”
สงสัยอาณาจักรของฉันกับที่นี่จะใช้คำต่างกันเล็กน้อยล่ะมั้ง โอเค...ในเมื่ออยู่ที่นี่ แหว่งก็แหว่งวะ >_<
ว่าแต่...ฉันเพิ่งสังเกตนะเนี่ยว่าตาของเขาเป็นสีฟ้าราวกับน้ำทะเลลึก
“จ้องหน้าฉันทำไม?”
“-O-“
นี่ฉันเผลอจ้องตาของนายนี่นานไปเหรอเนี่ย >///< น่าอายชะมัด
ว่าแต่...ฉันมัวทำอะไรอยู่เนี่ย O- พี่วิกกี้กับยัยมิมิหายไปไหนนะ พอคิดได้ฉันก็ลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งออกไปยังทะเลเบื้องหน้า แผลที่ขาทำให้ฉันรู้สึกเจ็บแปลบๆ >_<
“พี่คะ!!!”
ฉันตะโกนออกไปอย่างไม่สนใจคนรอบข้างคนมองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ฉันต้องหาพี่วิกกี้กับยัยมิมิให้เจอก่อนเป็นอันดับแรก
“มิมิ เธออยู่ไหนน่ะ”
มีเพียงเสียงครืนๆ ของคลื่นที่กระทบชายฝั่งเท่านั้นที่สะท้อนกลับมา ทำไมยัยสองคนนั้นถึงหายไปได้นะ ทั้งที่น่าจะมาถึงก่อนฉันนี่นา ฉันตะโกนเรียกหาทั้งคู่พร้อมกับลากขาที่มีแผลไปตามชายหาด
“นี่...มันเย็นแล้วนะ กลับไปที่พักของเธอเถอะ บางทีคนที่เธอตามหาอาจจะกลับไปรออยู่ที่พักก็ได้”
เด็กผู้ชายที่ช่วยทำแผลให้ฉันเดินเข้ามาแนะ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ ในเมื่อฉันมาจากใต้ทะเลโน่น จะมีที่พักแบบมนุษย์คนอื่นๆ ได้ยังไง
“ไม่ใช่หรอก พวกเขาต้องอยู่แถวนี้แน่ ฉันมั่นใจ”
“ตอนนี้มันเริ่มค่ำแล้วนะ คนเริ่มทะยอยกลับที่พักกันหมดแล้ว เธอจะมาเดินหาอะไรตอนนี้ล่ะ”
ฟังคำพูดของเขาแล้วฉันก็เหลียวมองไปรอบๆ และฉันก็พบว่าผู้คนที่เคยเดินเกลื่อนหาด ตอนนี้ดูบางตาลงไปแล้วจริงๆ สีของท้องฟ้าก็เริ่มเข้มขึ้นแล้ว ฉันยังหาพวกเขาไม่เจอเลย ทำไงดีนะ
“ขาของเธอเลือดซึมออกมาอีกแล้ว อยู่เฉยๆ นะ”
เขาพูดก่อนจะฉีกเสื้อตัวเองออกมาเป็นผ้าอีกชิ้นพันแผลให้กับฉัน คราวนี้เขาบรรจงพันผ้าที่ขาของฉันอย่างเบาๆ
“นี่...ขึ้นมาสิ”
เขาย่อตัวลงข้างหน้าฉัน O-
“อะไรเหรอ”
“บอกให้ขึ้นมาไงเล่า ฉันจะพาเธอไปตามหาพวกเขาเอง”
“ให้ฉันขึ้นไป...??...”
“เร็วๆ เข้า มันมืดแล้ว”
>///< แล้วฉันจะทำไงได้ล่ะคะ ก็ขึ้นสิ O-
ในที่สุดฉันก็ขึ้นมาอยู่บนหลังของเด็กผู้ชายตาสีน้ำเงินคนนี้ พอเห็นท้องฟ้าในตอนนี้แล้ว ฉันว่าดวงตาของเขาสีเหมือนท้องฟ้าตอนพลบค่ำมากกว่าน้ำทะเลลึกเสียอีก
“ตัวเธอนี่หนักเป็นบ้า”
“...??...”
“ดูชายหาดสิ ไม่มีคนแล้ว เธอจะเอาไงต่อเนี่ย”
“ไม่รู้สิ”
“แล้วเธอพักที่ไหน”
“ไม่รู้”
“พ่อแม่เธอล่ะ?”
“...”
“โอ๊ยยย...พอแล้ว ฉันไม่ช่วยเธอแล้ว”
อยู่ๆ เขาก็ปล่อยตัวฉันลงจากหลังโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิด
ตุบ!!!
เสียงก้นของฉันกระแทกกับพื้นทราย...
“-O-“
นี่เขากล้าปล่อยฉันลงมาทั้งอย่างงี้เลยเหรอเนี่ย ฉันตั้งคำถามพร้อมกับมองแผ่นหลังของเขาที่กำลังเดินจากไปโดยไม่ได้หันกลับมามองแม้แต่น้อย
คนบ้า...ไร้น้ำใจ!!!
ฉันมัวแต่ช็อกจนลืมความเจ็บที่หล่นลงมาเมื่อกี้ไปชั่วขณะ พอรู้สึกเจ็บฉันก็เริ่มร้องไห้ ไม่ใช่แค่ร้องเพราะเจ็บตัว แต่ฉันร้องเพราะฉันกลัว กลัวที่ที่ฉันไม่เคยอยู่ ที่ที่มีเพียงคำบอกเล่าแบบปากต่อปากจากคนในอาณาจักรใต้บาดาล นี่ฉันไม่น่าขึ้นมาที่นี่เพื่อหาเรื่องใส่ตัวเลย ฉันนี่มันบ้าแท้ๆ
“ฮือ...”
ในที่สุดก็ต้องมานั่งร้องไห้อยู้บนชายหาด ท้องฟ้าตอนนี้ช่างมืดมิดน่ากลัว พี่กับยัยมิมิก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วฉันจะทำยังไงดี
ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยเอาแต่นั่งร้องไห้ เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่...
“นี่...ยังไม่ไปไหนอีกเหรอ”
เสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน แต่ได้ยินแค่นั้นหัวใจฉันก็ชื้นขึ้นมาก ทำให้ฉันรีบหันกลับไปดู และพบว่าเจ้าของเสียงที่ดูห่วงใยนั้น ...เป็นเขา...
“คนแล้งน้ำใจ”
“แค่เดินมาถามดูเท่านั้นแหละว่าทำไมยังนั่งซื้อบื้ออยู่ตรงนี้ โอเค...งั้นฉันไปล่ะนะ บ๊ายบาย”
เขาพูดพร้อมโบกมือเตรียมจะเดินจากไปอีกครั้ง แต่ฉันรีบกระโดดเกาะขาของเขาเอาไว้
“อย่าไปนะ!!!”
“-_-”
เขาทำหน้าประหลาดๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้ฉัน จากนั้นจึงนั่งลงข้างๆ
“ข...ขอบคุณนะ”
ฉันไม่รู้จะเอ่ยอะไรนอกจากคำนี้จริงๆ >_<
“นี่เธอไม่มีที่พักจริงๆ เหรอ”
“ก็ไม่มีน่ะสิ”
“แล้วพ่อแม่ล่ะ ไม่มีจริงๆ เหรอ”
“มีสิ!!! ไม่งั้นฉันจะเกิดมาได้ยังไงล่ะ”
“อย่ามากวนประสาท”
“ฉันพูดเรื่องจริงนี่นา”
ระหว่างที่เราสองคนชวนกันคุยนู่นคุยนี่อยู่ ท้องฟ้าที่ค่อนข้างมืดก็มีแสงแปลบปลาบ
เปรี้ยง!!!!!!!!!
“ว้าย~!!!!”
โดยไม่รู้ตัวฉันกระโดดเข้าไปเกาะตัวของเขาเอาไว้เสียแน่น
“...”
“นี่มันเสียงอะไรกันน่ะ ดังมากเลย เราจะตายรึเปล่า”
“ฟ้าผ่าน่ะ สงสัยฝนจะตกแน่เลย”
“ฝนจะตกเหรอ?”
สักพักก็มีเสียงครืนๆ เปรี้ยงๆ ดังมาอีกหลายหน ก่อนที่น้ำหยดเล็กๆ จะหล่นลงบนปลายจมูกฉัน
“ฝนตกแล้ว ไปกันเถอะ”
“ไปไหน?”
“หาที่หลบไง หรือว่าเธออยากเปียกล่ะ”
และไม่นาน ฝนก็เริ่มลงเม็ดมากขึ้น
เปาะแปะ เปาะแปะ~
เขาจูงมือฉันเดินไป แต่ในขณะนั้นเอง ฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่ขา มัน...เกิดอะไรขึ้น? ฉันเริ่มเดินไม่ค่อยสะดวก
เมื่อก้มลงมอง...ก็พบว่าเม็ดฝนที่ตกกระทบขาของฉัน บริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นเกล็ดสีชมพูวาวราวเม็ดทับทิม O_O
พระเจ้า!!! ขาของฉันกำลังจะกลับไปเป็นอย่างเดิมแล้ว >O<
และเขาจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เขาต้องไม่รู้ว่าที่จริงแล้วฉันไม่ใช่มนุษย์ปกติแบบเขา เหตุนั้นฉันเลยสะบัดมือออกจากมือของเขา จากนั้นก็หันหลังแล้ววิ่งอย่างทุกลักทุเล (สภาพที่ขากำลังจะเปลี่ยนสภาพไปเป็นหาง) ตรงไปยังทะเลเบื้องหน้า
“เฮ้...เธอ!!!”
เขาตะโกนตามหลังฉันมา แต่ว่าฉันจะต้องวิ่งให้เร็วที่สุด ก่อนที่เขาขาของฉันจะหายไป และก่อนที่เขาจะเห็นมัน ได้แต่หวังว่าเม็ดฝนคงจะช่วยพรางตาของเขาเอาไว้
ใครก็ได้ช่วยฉันที...ความลับของอาณาจักรเราจะต้องไม่ถูกเปิดเผยเพราะฉันในตอนนี้ มันต้องไม่ใช่เพราะฉัน TTOTT
ฉันรีบวิ่งตรงไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า และกระโจนลงไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ฉันได้ทำของสำคัญบางอย่างหล่นหายไปในตอนนั้นเอง...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ขอโทษนะครับ...ที่มาอัพช้าหน่อย พอดีว่าหลายวันมานี้มัวแต่วุ่นๆ อะครับ
ยังไงก็มาอัพให้แล้วน้า...หายงอน หายงอน~
บรรยายแนวแฟนตาซีไม่ออกเลยอะครับ อาจจะทำให้เสียอารมณ์ไปบ้าง ยังไงก็ช่วยชี้แนะด้วยนะค๊าบ
ความคิดเห็น