คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 4...หาทาง
Chapter 4
เหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นในวันเดียว มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นปีๆ เวลาแห่งความเศร้ามักจะผ่านไปช้ากว่าความสุขซึ่งเป็นปกติโลกอยู่แล้วฉันเข้าใจดี ในขณะที่ทุกคนอยู่ในความเศร้ายังมีมนุษย์บนโลกอีกหนึ่งตัวที่ดูท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรกับใครเขาเลย
“ไม่เห็นต้องซีเรียสเลยเมอ้วนที่รัก ในเมื่อฉันย้ายมานี่ได้ฉันก็ย้ายกลับร่างตัวเองได้เหมือนกันแหละ โปรแกรมในร่างกายของฉันมันคงจะสับสนถึงได้สลับร่างไปมาอย่างนี้” แพทในร่างพี่ชายฉันพูดพลางเอาหัวหนุนแขนกระดิกเท้าไปมาบนเตียงพยาบาลดูมิวสิควีดีโออย่างสบายอารมณ์
“จะไม่เครียดหน่อยเลยเหรอ ยังไงซะร่างกายนายตอนนี้น่ะไม่ต่างอะไรกับผีตายซากเลยนะ หน้าตาที่ดูไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็ยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่” ได้ผลเกิดคาดประสาททำงานในร่างกายของพี่ชายฉันกระเด้งขึ้นจากเตียงทำสีหน้าตกใจสุดขีด
“ร่างกายอันสง่างามของฉันมีแผลงั้นเหรอ!”
“ฉกรรจ์”
“โอ้วมายก้อด มันอิมพอสสิเบิ้ลมากๆ ไม่จริ๊ง!”
“อิมพอสสิเบิ้ลแปลว่าอะไร?”
“อิม นี่คงอันเดียวกับ...อิ่ม อร่อย สบายท้อง พอสนี่แปลว่าหยุดมั้ง เห็นมันมีแปะไว้ตอนเล่นซีดีที่บ้านเวลาฉันจะหยุดฟังเพลงน่ะ ส่วนสิเบิ้ลนี่คงหมายถึงหลายๆที เบิ้ลแล้วเบิ้ลอีก”
“...”
“...”
โง่วววว ที่สุดตั้งแต่เจอมนุษย์ขึ้นมา หาไม่ได้อีกแล้วผู้ชายที่ไม่ทุกข์ร้อนต่อสิ่งรอบกายยกเว้นความหล่อของตัวเองและผู้ชายที่สอบภาษาอังกฤษไม่เคยจะผ่าน พูดไม่ได้แล้วกระแดะสปีคอิงลิช คนเครียดๆอยู่มันเลยยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่
“นอนไปเถอะ แล้วไทยคำอังกฤษคำมันทำให้ฉันแสลงหู แทนที่จะเอาเวลาไปห่วงหน้าตานายน่ะนะ หาทางกลับเข้าร่างเดิมให้พี่ชายฉันกลับมาเข้าร่างเดิมของเขาเถอะ ฉันทนรับสภาพไม่ได้จริงๆ พี่ชายผู้สง่าผ่าเผยของฉันกลายเป็นลิงในชั่วข้ามคืน”
“แหมเทิดทูนพี่ชายจริงๆนะ ฉันหึงนะเนี่ย!”
“อย่ามาพูดว่าหึงด้วยปากพี่ฉันนะ!”
“งับ”
พอขึ้นเสียงนิดหน่อยแพทก็ทำหน้าจ๋องๆ แพทมักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่ฉันทำหน้าเครียดหรือตวาดใส่ เพราะเขาเคยบอกกับฉันเอาไว้เหมือนกันว่า ถ้าฝ่ายหนึ่งแข็งมาเราต้องอ่อนตอบ และถ้าเขาแข็งขึ้นบ้างฉันควรจะเป็นฝ่ายอ่อนให้ แต่ตั้งแต่คบกันมาฉันแข็งใส่อย่างเดียวและแพทก็อ่อนให้ตลอดจนเป็นนิสัย ก็อย่างที่เห็นแหละคู่รักที่ประสาทที่สุดในโลก
“แล้วเมอ้วนคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี”
“ไม่รู้สิ”
“บอกพ่อกับแม่เมอ้วนดูดีไหม จะได้ช่วยหารือกันได้”
“คิดว่าพ่อแม่ฉันจะเชื่อเรื่องแบบนี้หรือไงกัน ขนาดฉันเองยังคิดว่านี่เป็นเรื่องโกหกอยู่เลย”
“งั้นควรทำไงดี”
“ทุกอย่างมันต้องมีทางแก้ วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้เราก็ต้องเล่นไสยศาสตร์นั่นแหละ” ฉันหลุบตาไปด้านบนอย่างใช้ความคิดตรึกตรองด้วยสมองซีกซ้ายและขวาพร้อมกัน “ไปให้พระปัดรังควานก่อน”
“เออใช่ๆ น่าจะโอเคนะ แล้ววัดไหนล่ะ”
“ไม่รู้อ่ะ เจอวัดก็วิ่งเข้าใส่เลย”
เพราะฉันเองก็ไม่ใช่คนที่เข้าวัดเข้าวาอะไรมากมาย มันก็คงจะเหมือนๆกันหมดแหละพระคงทำพิธีเป็นเหมือนๆกันหมดนั่นแหละมั้ง
“เอาวัดที่มีแม่ชีด้วยนะ ฮิฮิ”
“...”
“...”
“แกอย่าอยู่เลย ย้าก!”
“ย้อเย่น!!”
ง้างมือขึ้นเหนือหัวก่อนจะฟาดป้าบเข้าที่กลางลำตัวของแพทจนร้องดังอั่กๆ อีตาบ้าเอ๊ย คนกำลังเครียดๆเป็นห่วงเรื่องของตัวเองแท้ๆยังจะทำเจ้าชู้ยักษ์อีก นรกมันจะกินกบาลหมดแล้ว!!
“พอแล้วๆเมอ้วน ฉันล้อเล่นเธอจะบ้าเหรอตีไม่บันยะบันยังเลย”
“เล่นให้มันถูกจังหวะจะโคนบ้างนะแพท มาอยู่ในร่างพี่ฉันก็น่าเกลียดจะตายอยู่แล้วอย่าทำสีหน้ามีตัณหาในร่างพี่ฉันได้ไหม”
“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว อย่ามองฉันเป็นพี่ชายเธอสิ ฉันคือแพท ผู้ชายที่หล่อลากไม่มีใครเทียมคนเดิม” แพทที่นอนๆอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วแล้วเอามือตบอกด้านซ้ายอย่างวางภูมิ “เข็มแข็ง แข็งแกร่ง บึกบึน บรื่นบรื๊น”
“พอเถอะ ลงไปนอนตามเดิมเถอะ ฉันทนมองพี่ฉันสภาพนี้ไม่ได้จริงๆ”
ฉันเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างรับไม่ได้ ให้ตายเถอะ พี่ชายที่สุดแสนจะแฮนซั่มบอยและสุภาพเรียบร้อยกลายเป็นลิงน้องหนุมานไปแล้ว อ๊างงงง
“แต่เธอต้องทนมองต่อไป และฉันก็จะทนอยู่ในสภาพนี้เช่นกัน อ้อ! และจะรักเธอด้วยสภาพนี้เช่นกัน นะจ๊ะเบบี๋”
แล้วฉันจะทำอะไรได้นอกจากทำใจ นอกจากเบื้องบนไม่ยุติธรรมแล้วยังทำเบื้องล่าง(เท้าฉัน)อยู่ไม่สุขอยากจะฟาดปากด้วยความหมั่นเขี้ยวไอ้ลิงนี่เป็นยิ่งนัก สะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างคิดหนัก จะให้อยู่ในร่างพี่ฉันอย่างนี้นานๆไม่ได้หรอก อะไรๆมันจะแย่มากไปกว่านี้ ต้องทำอะไรสักอย่าง...
ปล่อยให้แพทนอนอยู่ในห้องเช่นเดิมเพราะพอจะโทรศัพท์ก็คอยถามนู่นถามนี่ว่าโทรหาใคร โทรไปไหน อะไรยังไงจนปวดเศียรเวียนศีรษะไปหมด หลังจากเอามือฟาดป้าบเข้าที่ท้ายทอยนอนสลบไปแล้ว(จริงๆแค่ขู่ แล้วแพททำท่าจ๋องๆยอมนอนแต่โดยดี) ก็ออกมานอกห้องหยิบโทรศัพท์โทรหาอีกคนที่รู้ใจในทันที
“มีนา...นี่ฉันเอง”
“ไฮ้! เมเป็นจังไสบ้าง! ฮิ้ว ว่าแต่วันเกิดทำไมทิ้งฉันรออยู่ที่ร้านคนเดียววะ! คนก็มองฉันเข้าไปสิ ไม่เลี้ยงก็น่าจะโทรบอกกัน แต่ช่างเถอะฉันอารมณ์ดีแล้วเพิ่งได้เสื้อบรู๊ซลีสีเหลืองๆมาที่บ้านเลยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แหมนะ สมัยนี้ทำเสื้อผ้าคล้ายบรู๊ซลีที่รักฉันมากๆ”
ฉันลืมบอกไป...ว่าบ้านของยัยเพื่อนซี้ฉันคนนี้บ้าหนังจีนทั้งบ้าน และคนในดวงใจของมีนาบรู๊ซลี เวลาพูดทีก็ต้องมีไฮ้! เหอะๆ
“เกิดแอคซิเดนนิดหน่อย”
“ทำไมล่ะ”
ฉันถอนหายใจอีกหลายเฮือกใหญ่แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกไป มีนาทำท่าตกใจใหญ่โตที่รู้ว่าพี่ฉันหัวใจวายและแพทถูกรถชนยังไม่ฟื้น นี่ถ้ามันรู้ว่าสลับร่างกันมันคงช็อคลงไปนอนแดดิ้นอยู่ที่พื้นไปแล้วแหละ
“น่าเห็นใจแกจังเลยเม...แล้วฉันพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม”
“อืม...”
ฉันลากเสียงยาวอย่างใช้ความคิดว่าควรจะถามดีไหม แต่พอมาลองนึกถึงเรื่องพรที่มีนาเคยพูดเอาไว้ในวันเกิดแล้ว มันน่าจะเกี่ยวข้องกัน ความลี้ลับที่เราไม่รู้...ลองเสี่ยงดูไม่เสียหายมั้ง
“เรื่องพรข้อเดียวที่ติดตัวมา เอ่อ...ที่แกเคยเล่าให้ฟังน่ะไปได้ยินมาจากไหน?”
“พรข้อเดียว?...อ๋อ ที่ว่าคนเราเกิดมาแล้วพกพรหนึ่งข้อเพื่อมาขอใช่ไหม”
“อื้ม ใช่”
“จำไม่ได้ว่าได้ยินมาจากไหนเหมือนกัน แต่ฉันเคยขอล่ะ”
“ขออะไร”
“ขอให้ได้แผ่นดีวีดีรวมฮิตบรู๊ซลีไว้ในบ้านครบเซ็ทในวันเกิดของตัวเอง พ่อฉันก็ซื้อมาให้เลย”
นี่น่ะเหรอพร...นี่ฉันถามผิดคนรึเปล่าวะเนี่ย! ขมวดคิ้วอย่างหนักใจกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด ไม่แน่ใจว่า...ปรึกษามันแล้วจะได้ผลไหม เงียบไปอึดใจใหญ่มีนาก็ถามขึ้นมาบ้าง
“เงียบทำไมวะ แล้วนี่ทำไมอยู่ดีๆถึงถาม”
“หือ? อ๋อ เปล่าหรอกไม่มีอะไร ก็แค่ถามดูเผื่อฉันอยากจะขอพรให้พี่ฉันหายบ้าง เอ้อ นา...ถามอะไรอีกอย่างสิ”
“ว่าไง”
“เชื่อเรื่องการสลับร่างไหม”
“ไม่เชื่อ”
เหอๆ นั่นสินะ ถามโง่ๆ ใครถามฉันแบบนี้ก็ต้องตอบแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ
“อือ...ช่างเถอะ”
“แต่เรื่องวิญญาณที่สิงอยู่ในร่างคน แบบเข้าทรงนี่ฉันว่ามันมีความเป็นจริงสูงอยู่เหมือนกันนะ ฉันดูในทีวีอ่ะ”
“เอ๋?” เริ่มเกิดอาการสนใจในสิ่งที่เพื่อนพูด กำโทรศัพท์แน่นด้วยความตื่นเต้น
“อื้ม ที่ว่าร่างทรงมีเทพมาสิงในร่างคนแล้วพูดคุยให้หวยน่ะ บางทีก็ไล่ผีให้ด้วยนะเว้ย!”
“ไล่ผี! จริงเหรอ แล้วเขาไล่ลิงให้ด้วยรึเปล่าอ่ะ”
“ลิง?”
“เอ่อ เอาเป็นว่ามันไล่ได้ใช่ไหม ที่ไหน แกรู้จักที่ไหนบอกหน่อยซิ!”
“สนใจไปทำไม ใครผีเข้าวะ”
“เหอะน่าๆ ที่ไหนๆ”
ฉัน ถามอย่ากระตือรือร้น ปลายสายเงียบไปนิดหน่อยก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนไปไหนไกลๆสักพักก็กลับมาคุยต่อ
“ถามหม่าม้าแล้ว เห็นบอกว่าอยู่แถวๆชานเมืองน่ะ ที่พอรู้จักเดี๋ยวเอาไว้จะบอกแกแล้วกันว่าที่ไหน แต่แกจะเอาไปทำไมวะ บอกทีดิ ถ้าไม่บอกไม่ให้นะเว้ย”
ฉันควรจะเล่าไหมนะ...แต่คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมั้งลองแยบๆดูคงไม่เสียหายอะไร ถอนหายใจอีกเฮือกพูดไปประโยคเดียวแต่ได้ใจความ
“แพทมาอยู่ในร่างพี่ฉัน”
“...”
“ฮัลโหล”
“โอ้โนโน่...โอ้มายกอด!!... แกพูดอะไรน่ะ”
ถ้าพูดกันถึงความเว่อร์ในมนุษยชาติแล้วไม่มีเลย...ไม่มีใครเกินเพื่อนฉันคนนี้ มีนา เหอะๆ
“จริงๆ คนนึงหัวใจวาย คนนึงถูกรถชน ฟื้นมาอีกทีลิงวิ่งเข้ามาในร่างคน แล้วก็ตื่นมาโอ้โลมฉันจนขนลุก พี่ชายผู้เงียบขรึมของฉันปัจจุบันนี้จะวิ่งมาปล้ำฉันอยู่แล้ว!! นิสัยแบบนี้มันมีอยู่คนเดียว! แพทในร่างพี่ฉัน” พูดปริ่มจะขาดใจแต่ดูท่าว่าปลายสายจะยังตะลึงตึงๆ
“เป็นไปได้ยังไงวะ”
“ไม่รู้ เพราะพรที่แกเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่า ฉันร้องขอพรไปว่าให้คนที่ฉันรักรอด เพราะแต่ละคนอาการสาหัส แล้วนี่...ก็รอด รอดจริงๆรอดมาอยู่ในร่างของใครก็ไม่รู้อีกคน แกว่าฉันควรจะทำยังไงดี”
มีนาเงียบเสียงไปบ้างเหมือนกำลังใช้ความคิด มีเสียงจิจ๊ะจากปลายสายไม่ใช่รำคาญแต่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเพื่อนฉันคนนี้คือถ้าคิดอะไรอยู่จะดูดนิ้วโป้งแล้วจะมีเสียงจิ๊จ๊ะๆตลอด และนี่ก็คงจะดูดนิ้วโป้งอยู่...เหอๆ คนรอบข้างฉันนี่แปลกทุกคนเลยเนอะ
“มันต้องมีทางออก ต้องมีทางกลับเข้าร่างเดิมเว้ย! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฉันอยากเห็นแพทก่อนว่ะ เรื่องนี้ประหลาดเกินที่จะเชื่อ...และสารภาพ ฉันยังไม่เชื่อ”
“อือ”
“และถ้ามันเป็นเรื่องจริง แล้วแย่ขนาดนั้นฉันจะพาแกไปหาหมอผีนั่นเอง ไล่ให้ผีไอ้แพทกระเจิงไปเลย!”มีนาพูดเสียงเฉียบขาด ฉันพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะชะงักกึก ย่นคิ้วเข้าหากัน
“แพทใช่ไม่ใช่ผีว้อย!”
“บังเอิญฉันไม่เคยมองมันเป็นคนเลยว่ะ ไปล่ะ ไปนอนเอาเท้าก่ายหน้าผากคิดแทนแกก่อน ไปล่ะไฮ้ย่ะ!”
[กริ๊ก]
มีนาวางเสียงโทรศัพท์จากไป ทิ้งให้ฉันที่ถือหูโทรศัพท์ค้างๆด้วยความขัดเคืองในใจ ถึงแม้ฉันจะเรียกแพทว่าไอ้ลิงๆและอารมณ์เสียที่เขาทำท่ากวนๆบ่อยๆ แต่ยังไงซะฉันก็ยังรักเขาอยู่นะ ยัยเพื่อนบ้า
ทำเอาสปิริตแฟนพุ่งปรี๊ดเลย!
ความคิดเห็น