คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 8...ปัญหาของลิงน้อย
Chapter 8
แท็กซี่ตรงรี่เข้าโรงพยาบาลตามที่ฉันบอก ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกชื่อโรงพยาบาลอะไรเข้ามาในหัวก็บอกออกไป มาถึงที่นี่บุรุษพยาบาลก็พากันกุลีกุจอพาแพทขึ้นเตียงพยาบาลแล้วลากไปเข้าห้องฉุกเฉินในทันที ตอนนี้ใจฉันไม่ดีอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน เดินวนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างนั้นพลางกัดเล็บคิดอะไรต่างๆนาล่วงหน้าไปไกลแล้ว
“แพทจะเป็นอะไรมากไหม”
“ลิงอย่างมันไม่เป็นอะไรมากหรอก แกอย่าห่วงไปเลย” มีนาบอกอย่างให้กำลังใจ พลางกอดอกคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จังหวะที่คิดอะไรไม่เป็นเรื่องเป็นราวเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นขัดจังหวะอารมณ์ตื่นเต้น
“เม มายืนทำอะไรตรงนี้”
เสียงเรียกนี้ทำให้ฉันหันไปอย่างแปลกใจ
“พี่พาย”
“มีอะไรหรือเปล่าทำไมทำสีหน้าไม่ค่อยจะดีเลย”
นั่นสิ...ก็ว่าทำไมโรงพยาบาลนี้มันถึงแว่บเข้ามาในหัวฉันในตอนแรก ที่แท้ก็เป็นที่เดียวกับที่แพทมารักษาตัวนี่เอง
“แพท...เอ้ย พี่ชายเมเขาเจ็บหน้าอกน่ะค่ะเลยพามาที่นี่ฉุกเฉินไปหน่อย”
ยังไม่ทันจะได้อธิบายอะไรมากนางพยาบาลโผล่หน้าออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วถามหาญาติของผู้ป่วยที่เจ็บหน้าอก นั่นก็คือฉันเอง
“เป็นไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ เข้าไปหาได้แล้วค่ะ” นางพยาบาลในชุดขาวส่งยิ้มให้ฉันก่อนจะผลุบหัวเข้าไปในห้องตามเดิม ฉันเองดีใจจนเนื้อเต้นแทบระงับอาการไม่อยู่เพราะความโล่งอกแต่เมื่อนึกถึงพี่พายที่มายืนอยู่ด้วยกันข้างๆแล้วมันเหมือนกับจะแวบอะไรเข้ามาในหัว
“เข้าไปดูด้วยกันไหมคะพี่พาย”
“เอ๋? พี่เหรอ จะดีเหรอ” พี่พายเลิ่กคิ้วอย่างสงสัย ฉันพยักหน้ายิ้มๆ
“ดีที่สุดค่ะ พี่พายจะได้รู้จักพี่ชายของเมด้วยไง”
เราทั้งสามคนตรงเข้ามายังเตียงที่แพทนอนอยู่ ภาพที่เห็นคือแพทกำลังเอานิ้วมือจิ้มก้นนางพยาบาลอย่างสนุกสนาน พอหันมาเห็นหน้าฉันก็หน้าซีดตาเหลือกด้วยความตกใจ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะเมอ้วน ฉันแค่อยากรู้ว่านางพยาบาลคนนี้ใส่เสตย์มาหรือเปล่าเห็นหุ่นดีเกินไป”
ความทะลึ่งของแพทก็ยังคงเป็นแพทอยู่วันยังค่ำ นางพยาบาลทำคิ้วขมวดแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรเพราะคงเป็นหน้าที่ แต่ฉันเชื่อว่าทันทีที่จรลีจากที่ตรงนี้ไปคงสาปแช่งแพทไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ๆ เรื่องกะล่อนนี่ยกให้จริงๆ !
“เฮ้ ยัยพี่ถึกนี่ก็มาด้วยแฮะ” แพทมองไปทางพี่พายด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความดีใจ แต่ลืมตัวไปนิดว่าตัวเองพูดอยู่ในร่างพี่ชายฉัน
“เอ่อ พี่ชายเมเขาป่วยๆน่ะค่ะ อย่าถือสานะคะ ถึกในความหมายของพี่โมหมายถึงว่าน่ารักนะค่ะ แหะๆ”
“อ๋อ ถ้าความหมายเป็นแบบนี้จริงๆใครจะไปเคืองได้ล่ะ โฮะๆ”
พี่พายหัวเราะสดใสตามสไตล์เหมือนคนไม่เคยทุกข์ไม่เคยร้อนมาก่อน ท่าทางการหัวเราะแบบนี้คงจะเป็นกันทั้งบ้าน สดใสดีแท้
“นั่นสิโฮะๆ ยักษาสลาตันโฮะๆ” แพทหัวเราะบ้างฉันถึงกับถลึงตาเรียกชื่อแพทลอดไรฟัน
“นั่นสินะลิงลมขย่มโลก โฮะๆ” พี่พายพูดออกมาแล้วหัวเราะโฮะๆอย่างที่ฉันไม่เข้าใจในเสียงหัวเราะนั่นว่าเคียดแค้นหรือสนุกสนาน
และก็ตระหนักได้ในทันทีว่าสองคนนี้ กินกันไม่ลงจริงๆ -_-
พี่พายขอตัวขึ้นไปดูแพท(ร่าง)ก่อนโดยที่ฉันเดินไปส่งที่หน้าห้อง พอแพทเห็นหน้าฉันก็ทำสีหน้าเจ็บปวดเหลือเกินเพราะความที่กลัวฉันจะวีนใส่ แต่ในตอนนี้ฉันสงสารเขามากกว่าจะไปอาละวาดใส่ได้เลยได้แต่พูดน้ำเสียงนุ่มนวลให้คนป่วยรู้สึกดีมีกำลังใจ(ฉันดูเป็นคนดีมะ?)
“เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าแพท”
“จะไม่เจ็บ ถ้าได้จูบสักที”
“ไปกินขี้ซะไป๊! เลิกเล่นสักสิบนาทีหน่อยไม่ได้เหรอไงกัน” ฉันบอกน้ำเสียงเขม่นเข่นเขี้ยวเล็กน้อย มีนาที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดแทรกแสดงความคิดเห็นขึ้นมา
“ฉันว่า แพทมันมาแต่ตัวจริงๆ ร่างกายยังคงเป็นของพี่ชายแกเหมือนเดิมว่ะเม”
“อืม ฉันก็ว่าอย่างนั้น เป็นไงล่ะไอ้ลิง วิ่งเล่นมากแทบลากเลือดเลยเห็นไหม” ฉันบอกไปทางแพทแพทได้แต่ยิ้มแยกเขี้ยวยักไหล่
“แต่มันก็สนุกดีนะ...เออนี่เมอ้วน การที่พี่พายมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ได้แปลว่าร่างกายฉันอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม”
“อือ”
“ฉันอยากไปเห็นตัวเองน่ะ พาไปหน่อยสิ”
หันไปมองหน้ากับมีนานิดหน่อยเหมือนชั่งใจ ก่อนจะหันไปทางแพทอีกครั้ง
“อย่าทำเรื่องให้ป่วนล่ะ”
“ครับผม!”
หลังจากนอนได้สักพักหมอก็ให้กลับบ้านได้ โดยกำชับอย่างจริงจังเรื่องการออกกำลังกายของแพทและเตือนให้ทานยาตรงต่อเวลาทุกครั้ง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต้องรูดบัตรของมีนา(บัตรเครดิตของแม่)ไปก่อนเพราะฉันมันก็ยังคงเป็นเด็กที่ยังไม่มีรายได้ ฮือๆๆ เศร้า
“นา ฉันสัญญาว่าทันทีที่เงินค่าขนมประจำเดือนออกฉันจะรีบรุดเอาไปให้แกอย่างเร่งด่วน นี่มันฉุกเฉินจริงๆฉันมีเงินติดกระเป๋าอยู่สามร้อย”
“เข้าใจแหละว่าแกจน โฮะๆ”
มันเป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันจนน่ากอด และก็เป็นเพื่อนที่ปากเลวจนน่าตบ
“แพท” หันไปทางตัวเจ้าปัญหาอีกรอบอย่างอ่อนใจ “สัญญานะว่าจะไม่ทำเรื่องยุ่งยากอีก ต้องกำชับไว้ก่อนอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้พี่พายรู้ เราจะไปดูนายที่นอนอยู่บนเตียงพะงาบๆนั่นในฐานะที่นายเป็นพี่ชายฉัน โอเคไหม?”
แพทพยักหน้ารับทราบอย่างแข็งขันแล้วรีบเกาะไหล่ฉันทำเป็นรถไฟปู๊นๆเหมือนจะเร่งให้ไปเร็วๆ ฉันนำแพทจนขึ้นมายังห้องที่ร่างกายของเขารักษาตัวอยู่ เคาะประตูห้องสองสามทีอย่างมีมารยาทแล้วเดินเข้ามา เห็นพี่พายและแม่ของแพทกำลังนั่งคุยโน่นคุยนี่ไปเรื่อยเปื่อย สองคนนั้นพอเห็นพวกเราที่ยกโขยงกันมาเยี่ยมก็ยิ้มรับอย่างดีใจที่มีแขกมาเยี่ยมมาหา
“พี่นึกว่าจะกลับไปกันซะแล้ว แล้วพี่ชายเมลุกขึ้นจากเตียงได้แล้วเหรอ”
“ค่ะ หมอว่าค่อยยังชั่วแล้ว”
ฉันไม่ได้อธิบายอะไรมาก มองไปยังร่างของแพทที่ตอนนี้ดูสภาพแล้วดีกว่าเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนมากเลยทีเดียว แม่ของแพทที่เคยดูสมบูรณ์ตัวใหญ่หน้าอิ่มเอิบ ปัจจุบันกลับผอมโซหน้าซูบเซียว ใต้ตาทั้งสองข้างเป็นรอยคล้ำฟ้องลักษณะของคนที่ไม่ได้นอนหรือนอนน้อยอย่างเห็นได้ชัด
“แม่”
เสียงของแพทในร่างพี่ชายฉันครางออกมาเบาๆฉันได้แต่เอื้อมมือไปแตะเบาๆเป็นการเตือน แพทเม้มปากแน่นก่อนจะยิ้มอย่างร่าเริง
“เป็นแม่ของแพทใช่ไหมครับ หน้าเหมือนกันเลย”
“ดีจ้ะ เป็นเพื่อนแพทสินะ เราไม่เคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม” แม่พูดพร้อมทั้งยิ้มบางๆอย่างอิดโรยเต็มที
“ตรงกันข้าม...เราเจอกันจนลืมไปแล้วว่าเราเคยแยกจากกันล่าสุดเมื่อไหร่”
“เอ๋?”
แพทไม่พูดอะไรต่อ เสตามองไปยังร่างผู้ชายอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงมีเพียงช่วงท้องที่กระเพื่อมตามจังหวะการหายใจ แพทเดินเข้าไปใกล้จากสายตาฉันอ่านไม่ออกว่าแพทกำลังคิดอะไรอยู่
“คงกำลังนอนหลับสบาย” แม่พูดขึ้นทำให้แพทผละสายตาไปยังแม่ที่ตนเรียกได้ไม่เต็มปากนัก
“แล้วก็คงฝันดีมากด้วย ดีมากซะจนไม่คิดตื่น” พี่พายพูดแทรกขึ้นมาบ้าง ในขณะที่พูดก็ยังคงความแข็งแกร่งที่เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ฉันเชื่อว่าอย่างนั้น...จริงๆ
“เขาคงตื่นแต่แค่พูดไม่ได้มากกว่า”
เกิดเป็นความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง มีแค่เพียงเสียงของเครื่องที่ปล่อยออกซิเจนเบาๆกับเสียงเครื่องอีซีจีที่ยังดังเป็นระยะๆ
เราทั้งหมดนั่งคุยกันเรื่องจิปาถะไปเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะ ท่าทางว่าแพทกับพี่พายจะคุยกันถูกคอชอบกลอยู่ ไม่ใช่อะไรหรอกแค่รู้สึกแปลกใจ ตอนที่แพทอยู่ร่างเดิมฉันยังจำได้ว่าสองคนนี้เห็นหน้ากันทีไรไม่ใครก็ใครต้องหัวเสียกันไปข้าง จะมาเห็นว่ารักกันจริงๆก็ตอนที่เจ็บไข้ได้ป่วยอย่างนี้แหละ และทั้งสองคนนั้นคงคิดถึงกันน่าดู
จะว่าไปพอเห็นพี่น้องสองคนนั้นคุยกันมันก็ทำให้ฉันนึกถึงพี่ชายแท้ๆที่ฉันคาดการณ์เอาเองว่าน่าจะย้ายมาอยู่ในร่างของแพท เสตามองไปยังร่างที่นอนนิ่งอย่างนั้นแล้วเดินเข้าไปมองใกล้ๆอย่างนึกสงสัย
“พี่โม...นี่เมนะ เมมาหา”
“...”
“พี่อยู่ในร่างของแพทใช่ไหม? แล้วทำไมพี่ไม่ตื่น”
“...”
“ตื่นขึ้นมาช่วยเมคิดหน่อยสิว่าควรจะทำยังไงดี อย่ามัวแต่นิ่งเงียบแบบนี้สิ”
สัมผัสหนักๆแตะมายังบ่า หันหน้าไปมองก็เป็นแม่ของแพทที่มองมาทางฉันอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรใช่ไหมเมอ้วน”
“คะ?...อ๋อค่ะแม่ ไม่เป็นอะไร”
“แม่เชื่อว่าแพทได้ยิน แต่เขายังคงสนุกอยู่ในฝัน มาเยี่ยมมาหาเขาบ่อยๆสิเดี๋ยวเขาก็เบื่อเกมในฝันลุกขึ้นมาอ้อนเมอ้วนบ่อยๆเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“ค่ะแม่”
ฉันยิ้มให้แม่น้อยๆอย่างไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี หันไปสบตานิ่งกับแพทที่นั่งคุยอยู่กับพี่พายอย่างนั้นแล้วก็หลบตาไป ไม่รู้จะทำยังไงดี ปัญหาโลกแตกแบบนี้...
ฉันแบกมันไว้คนเดี๋ยวไม่ไหวหรอก
กลับกันมาถึงบ้านโดนแม่เทศนาซะยกใหญ่เพราะจับได้ว่าแพทหรือที่พ่อกับแม่เข้าใจว่าเป็นพี่โมแอบหนีไปเที่ยวกับฉัน และนั่นก็หมายถึงว่าฉันต้องโดนหักค่าขนมอีกครึ่งหนึ่ง โฮ TOT...อะไรกันอ่ะ เมื่อวานก็โดนหักไปครึ่งหนึ่ง มาวันนี้ก็โดนหักครึ่งหนึ่งของส่วนเมื่อวานอีก อาทิตย์หน้าต้องกินแกลบแทนข้าวแน่ๆ แม่ใจร้ายที่สุด ฮือ...
เดินเข้ามาในห้องตั้งใจจะมาฉะแพทให้หน้าหงายเนื่องจากอาการพาลที่เป็นลักษณะนิสัยประจำตัวแต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นแพทนั่งคู่เข่าอยู่บนเตียงเปิดแต่เพียงโคมไฟหัวนอนสีส้มๆทำให้ห้องดูสลัวๆ อาการเศร้าของแพทบวกกับสีไฟอย่างนั้นชวนให้คนที่มองรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก เดินตรงเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ
“เป็นอะไรตัวเอง”
“คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”
ปกติแพทต้องทำหน้าทะเล้นแป้นแล้นใส่แล้วแต่ในตอนนี้เขายังคงทำท่าเซื่องซึมบ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรในใจ
“เรื่องแม่กับพี่พายใช่ไหม”
“อืม เห็นแม่วันนี้แล้วสงสาร” แพทบอกพร้อมทั้งถอนหายใจเฮือกใหญ่เหยียดขาขนานกับเตียง “ไม่รู้ว่าฉันเป็นหนึ่งเดียวในหลายร้อยล้านคนบนโลกหรือเปล่าที่ได้ยืนมองร่างกายตัวเองหลับอยู่บนเตียงพร้อมทั้งเครื่องช่วยหายใจ ตลกดี หึๆ”
“แพท...”
“แม่ท่าทางอิดโรยมากเลยล่ะเมอ้วน” แพทขยับตัวดึงตัวฉันให้เข้าไปนอนข้างๆกันก่อนจะเอาหัวพิงไหล่พลางพูดต่อ “ตอนนี้ที่บ้านก็เหลือผู้หญิงแค่สองคน มีแม่แล้วก็พี่พาย แม่ต้องลางานมาดูแลฉันไหนจะยังค่ารักษาพยาบาลอีก เธอรู้ไหมตอนฉันเห็นหน้าแม่ทำท่าปริ่มจะร้องไห้ฉันจะร้องไห้ตามเลยนะ”
“...” เป็นฝ่ายเอาหัวพิงกับหัวแพทบ้างแล้วฟังเขาพูดต่อ
“จะลำบากแค่ไหนกันนะ บ้านที่ไม่มีผู้ชายอยู่ด้วยเลย หัวหน้าครอบครัวก็ล้มหายตายจากไปแล้ว ยังจะลูกชายอีกคนที่ล้มป่วยจะตื่นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“...”
“แล้วมันทรมานมากเลยนะที่ได้แต่มองแม่ทำหน้าเศร้าๆเวลามองร่างกายฉันโดยที่ฉันปลอบแม่ไม่ได้เลย นี่มันเป็นเรื่องโกหกหรือเปล่าเมอ้วน ฉันตื่นขึ้นมาแล้วก็มาอยู่ในร่างใครก็ไม่รู้ อยากจะเรียกแม่เหลือเกินแต่ก็ทำไม่ได้”
ไม่รู้จะปลอบแพทยังไงเลยเอื้อมมือแพทที่วางไว้ที่หน้าขามาจับเล่นแล้วประสานมือไว้แน่นเหมือนจะเป็นการบอกกลายๆว่าฉันไม่ทิ้งเขาไปแน่ๆ แพทยิ้มๆยกมือขึ้นมองมือเราที่จับกันอยู่แล้วยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ
“ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะรู้สึกคิดถึงยัยถึกนั่นเวลาไม่เจอหน้า เท่าที่จำได้ฉันทะเลาะกับยัยนั่นมาตลอดตั้งแต่อวตารขึ้นมาบนโลกเลยนะ คิดไม่ถึงเหมือนกันว่ายัยพี่พายจะเป็นผู้หญิงอีกคนที่อยู่ข้างๆตอนฉันย่ำแย่”
“แปลว่ามีผู้หญิงหลายคนเลยสิที่ได้อยู่ข้างๆตอนกำลังย่ำแย่น่ะ”
แอบแหย่นิดๆเมื่อเห็นว่าแพททำท่าซึมเกินไปผิดวิสัยคนขี้เล่น แพทหันมายิ้มให้เล็กน้อยและมันทำให้ฉันตกใจ เมื่อใบหน้าพี่ชายฉันเปลี่ยนเป็นหน้าแพท
“แพท!”
“หือ? ตะโกนทำไม นี่อย่าเข้าใจผิดฉันไม่ได้หมายความว่ามีผู้หญิงมากมายอย่างที่เมอ้วนเข้าใจเลยสักนิดนะ”
แล้วแพทก็เปลี่ยนกลับมาเป็นหน้าพี่ชายฉันอีกครั้ง ฉันย่นคิ้วอย่างแปลกใจ แพทเอานิ้วชี้มาจิ้มที่หว่างคิ้วแล้วดันขึ้นพร้อมทั้งทำปากจู๋
“อะไรกันนี่หึงเหรอ”
“หา...ป...เปล่าหรอก” พร้อมทั้งลอบถอนหายใจ นี่ฉันคิดมากขนาดมองหน้าแพทซ้อนขึ้นมาเชียวเหรอเนี่ย
“ผู้หญิงที่ฉันหมายถึงก็มี แม่ แล้วก็ยัยพี่พายร่างยักษ์นั่นต่างหาก คิดมากไปได้”
“อ๋อ”
“ที่สำคัญยังมีเมอ้วนอีกคนที่อยู่ข้างๆฉันตลอดเลย”
เป็นคำพูดที่ไม่แฝงความขี้เล่นอีกต่อไป มีเพียงรอยยิ้มที่จริงใจและสายตาที่จ้องมาบ่งบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เขาคิดจากใจจริงเล่นเอาคนที่ถูกจ้องตาอย่างนั้นถึงกับเขินสะเทิ้นอายอยากจะว่ายน้ำหายไปอย่างจระเข้(ทำไมต้องจระเข้)
“แหวะ อย่ามาทำซึ้งไม่เหมาะกับนายเลย แล้วอย่ามองด้วยสายตาแบบนี้ในร่างพี่ชายฉันนะ ขนลุก บรื๋อ”
ฉันทำท่าขนลุกให้ดูเป็นการแก้เขิน แพทยิ้มแยกเขี้ยวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“ถ้างั้น...”
แพทพูดค้างไว้แค่นั้นก่อนจะเกิดความมืดขึ้นอย่างรวดเร็ว หน้าเซไปตามแรงผลักเสียงฟอดใหญ่ดังขึ้นข้างแก้มก่อนที่ไฟสีส้มจะสว่างขึ้นอีกครั้ง
“แฮ่ๆ เป็นไงปิดไฟก็ไม่ขนลุกแล้ว”
หน้าฉันร้อนขึ้นลามไปถึงหัวด้วยความอาย ลุกขึ้นพรวดหยิบหมอนข้างใกล้ๆฟาดๆอย่างไม่ยั้งมือแล้วตวาดแว้ดๆ
“ห้ามเข้าใกล้ฉันเกิดสิบเมตร! อีก”
จากนั้นก็ถลาออกนอกห้องไปในทันที พร้อมทั้งรอยยิ้มที่มันหุบไม่ค่อยจะลง
ฉันมันเป็นคนยังไงนะ
To be continue...
ALoHa! มาอัพอีกแร้ว อารายกาน เรื่องนี้ยังไม่บ้าอีกเหรอเนี่ย -_-;; ถ้าเปรียบเทียบกับไวท์วาเลนไทน์แล้วอันนี้ดูเฮฮากว่าแยะเลยนะ หรือเพราะไม่มีอีโมติค่อนหว่า...เอิ๊กๆ ลองๆอ่านไปแร้วกันเนาะ คริๆๆๆๆ
ความคิดเห็น