คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 : ประกวดร้องเพลง
5
ประกวดร้องเพลง
การมาโรงเรียนในวันนี้ความรู้สึกของฉันแตกต่างออกไป อาจจะเป็นเพราะว่า ‘ฉันมีแฟนแล้ว’ ก็คงจะเป็นได้...ฮิฮิ >O< รู้สึกตื่นเต้นเหลือเกิน แค่คิดว่าตัวเองได้มีประสบการณ์รักในวัยเรียนกับเขาก็ทำให้หัวใจพองโต ฉันไม่ต้องพึ่งพานิยายหวานแหววโลกสีชมพูแสนสวยในอินเตอร์เนทอีกต่อไปแล้ว คราวนี้จะถึงทีของฉันบ้างที่จะเติมเต็มจินตนาการความรักฉบับนักเรียน!
วืบ...
พี่ไอซ์เดินผ่านหน้าฉันไปราวกับฉันเป็นอากาศธาตุ ฉันอ้าปากจะเรียกทักทายตามประสาน้องสาวควรทำกับพี่สาวแต่เจ้าตัวไม่คุยกับฉันเลย นี่นางโกรธฉันมากเลยเหรอเนี่ย =__= แต่ช่างเถอะ! งอนอะไรไม่เข้าเรื่อง โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว
“พยัคฆ์ >O</”
ฉันเอ่ยทักทาย พยัคฆ์ที่นั่งหน้านิ่งเป็นเรื่องปกติของชีวิตยักคิ้วให้ฉัน
“วันนี้ดูอารมณ์ดีนะ”
“แน่นอนล่ะ”
“มีอะไรดีๆล่ะ”
“ฉันมีแฟนแล้ว”
“ห๊ะ O_o”
“ฉันบอกว่าฉันมีแฟนแล้ว! >O<”
ฉันหมุนตัวจนกระโปรงนักเรียนพลิ้วเป็นวงกลมตามตัวฉันไปด้วยราวกับเต้นลีลาศ
“ผู้ชายห่ามๆคนนั้นน่ะเหรอ”
“เขาชื่อพระเพลิงแต่ฉันจะเรียกเขาว่า ‘พระ’ เฉยๆ”
“เธอรักเขาเหรอ”
เพราะเป็นคนที่ขวานผ่าซากอยู่แล้วพยัคฆ์จึงไม่ลังเลที่จะถามออกมาตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม
“O_O รักเหรอ? เราเพิ่งคบกันเราจะรักกันได้ยังไง”
“แล้วเธอชอบเขาเหรอ”
“แน่นอนว่าฉันไม่ชอบเขาและเขาก็ไม่ชอบฉันด้วย แต่เราคบกันเป็นแฟนแล้ว >_O”
“นี่เธอบ้าหรือบ้าเนี่ย!” พยัคฆ์ลุกขึ้นตวาดใส่ฉัน เจ้าหญิงตัวน้อยๆที่ทำกระโปรงพลิ้วไหวไปมาอย่างฉันเลยได้แต่สะดุ้งเฮือกแล้วชะงัก
“ฉันมีตัวเลือกอื่นนอกจากบ้าหรือเปล่า =O= ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ”
“ฉันควรจะต้องโกรธสิ เธอคบกับผู้ชายคนหนึ่งที่ชีวิตไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ถามว่ารักมั้ยก็ไม่ได้รัก ถามว่าชอบมั้ยเธอก็ไม่ได้ชอบ!”
“คนจะเป็นแฟนกันมันต้องเรียนรู้กันก่อนจะรักไม่ใช่เหรอ”
“มันต้องเรียนรู้กันก่อนถึงจะเป็นแฟนกันได้!”
“ฉันเรียงลำดับผิดเหรอ? >O</ แต่ช่างมันเถอะ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนสำหรับฉันก็ค่าเท่ากันนั่นแหละ นายไม่ดีใจกับฉันเหรอที่ฉันมีแฟนแล้ว”
“ฉันจะไปดีใจได้ยังไงในเมื่อฉัน!!!”
“หือ?”
“ฉันไม่เห็นด้วย!”
ฉันยิ้มให้เขาแล้วเอาไหล่กระแทกเจ้าตัวให้อารมณ์ดีขึ้น
“นี่ ถึงฉันจะมีแฟนไปแล้วฉันก็จะไม่ลืมนายหรอกนะพยัคฆ์คงคาหิมาลัยของฉัน ตอนนี้ฉันรักนายมากกว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเสียอีก ใจร่มๆนะ ฉันก็แค่อยากรู้เท่านั้นเองว่าการเป็นแฟนกันนั้นมันคืออะไร นายดูฉันสิ! หน้าตาก็ธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น ความสามารถก็ไม่มี เพื่อนคนอื่นเขามีแฟนแล้วเอาไปเม้าท์กับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นทีคนนี้ที ฉันเห็นแล้วฉันก็อยากจะมีแล้วเอาไปอวดคนอื่นบ้าง -3-“
“สำหรับเธอการมีแฟนมันเอาไว้อวดคนอื่นหรือไง”
“แต่มันก็เป็นประสบการณ์วัยเรียนที่น่าจดจำแล้วเอาไว้บอกต่อรุ่นลูกรุ่นหลานไม่ใช่เหรอ ไม่เอาน่าอย่าซีเรียส นายเองก็ควรจะมีแฟนเหมือนกันนะ เราจะได้เอาไว้เม้าท์กัน”
“ถ้าไม่ใช่เธอ ฉันจะไม่มีแฟน”
“เอ๋? หมายความว่ายังไงเหรอ”
พยัคฆ์ลุกขึ้นแล้วเอามือเขกหัวฉันหนึ่งที แต่ว่ามันเจ็บสุดๆไปเลย TwT
“งั้นเธอก็โง่ต่อไป”
“=[]=”
จริงๆฉันไม่ใช่คนโง่หรอกนะ เพียงแต่ฉัน...แค่ไม่อยากคิดว่าสิ่งที่พี่ไอซ์เคยบอกเล่ามันเป็นเรื่องจริงก็แค่นั้น พระเพลิงที่นัดฉันมานั่งเล่นที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนของฉันเท่าไหร่ส่งน้ำอัดลมให้ฉันดูดหลังจากไปซื้อมาให้ เขาคงสังเกตเห็นว่าหน้าของฉันนั้นทุกข์ใจและคิดอะไรในใจแน่เลยถามขึ้น
“มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ เธอทำหน้าเป็นหมาหงอยมันช่างไม่น่ารักเอาซะเลย เพราะโดยปกติแล้วเธอก็ไม่ใช่คนน่ารัก”
“-__-++ ตอกย้ำเข้าไปสิ”
“ฉันเป็นพวกกระตุ้นต่อมอารมณ์คนเก่งน่ะ ว่าไง เธอมีอะไรในใจกันแน่”
“วันนี้เพื่อนสนิทของฉัน ที่ฉันพยายามปฎิเสธมาตลอดว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันมาสารภาพรักฉันในวันนี้”
“ไอ้ตัวใหญ่นั่นน่ะเหรอ”
“นายรู้ได้ยังไงกัน O_o”
“แค่เห็นก็รู้แล้ว ผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก แล้วยิ่งทำตัวเหมือนหมาหวงกระดูกตอนเจอหน้าฉันฉันก็เดาได้ในทันทีว่ามันคิดอะไรกับเธอเกินเพื่อนแล้ว นอกจากคนโง่และคนที่ทำหูหนวกตาบอดเท่านั้นแหละที่ไม่รู้”
จ้ะ...ฉันคือคนโง่และหูหนวกตาบอด ด่าขนาดนี้ก็ไปซื้อน้ำกรดตามเวชภัณฑ์มาสาดใส่หน้าฉันซะเลยสิ!
“แล้วเธอกลุ้มใจอะไร ไม่ชอบก็แค่บอกไปว่าไม่ชอบ เธอมีแฟนอยู่แล้วนั่นก็คือฉัน!”
“ฉันรู้สึกการเป็นแฟนของเรามันช่างแปลกประหลาด จริงๆเราควรจะทำความรู้จักกันก่อนแล้วค่อยเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ”
“เราก็รู้จักกันแล้วนี่ เธอจูบฉันด้วยซ้ำไป”
“แต่การรู้จักกันของเรามันไม่ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีแต่ประการใดเลยนะ นายไม่รู้สึกเลยเหรอว่าเราไม่มีอะไรที่แบบ...คอนเนคกัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายชอบกินอะไร ชอบดูหนังแบบไหน หรืออะไรบ้างที่นายจะทำให้ฉันใจเต้นจนต้องเก็บไปแอบนอนคิดนอนฝันคนเดียวว่า ‘ว้าว ฉันตื่นเต้นมากเลยพี่ชาย วันนี้เขายิ้มให้ฉันด้วย’ อะไรแบบนี้”
“ถ้าเธอต้องการแค่รอยยิ้มฉันจะยิ้มให้ดู ^O^”
“พริกติดฟัน -__-“
“เธอนี่ไม่น่ารักเอาซะเลย!”
พระเพลิงรีบหยิบกระจกมาส่องดู แล้วก็ทำหน้าบูดใส่ฉันเพราะถูกหลอก แบร่!
“คนที่เราไม่ชอบ ต่อให้ยิ้มหรือทำอะไรมันก็ไม่ชอบ นายไม่คิดอย่างนั้นเหรอ...ขนาดนายยิ้มที่ผู้หญิงคนอื่นน่าจะละลายที่ได้เห็น แต่ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย นายเองก็คงรู้สึกเหมือนกัน ต่อให้ฉันทำตัวน่ารักหรือพูดไพเราะแค่ไหนมันก็ไม่ประทับใจนายอยู่ดี”
“มันก็ใช่”
“เราไม่ควรค่อยๆก้าวไปทีละขั้นแบบคู่อื่นเขาเหรอ”
“ฉันไม่เคยคบใครแล้วก้าวทีละขั้นมาก่อน เพราะพอถูกใจฉันก็จับปล้ำเลย”
“=[]=”
“ฉันไม่ปล้ำเธอแน่ๆ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น”
“แม้แต่ปล้ำฉันนายยังไม่อยากทำแล้วเราจะเป็นแฟนกันได้ยังไงวะ”
“ถึงจะได้ให้สร้างความทรงจำอยู่นี่ไง บางทีถ้าฉันได้ทำอะไรร่วมกับเธอ มันอาจจะทำให้ฉันผูกพันกับเธอ ถึงแม้จะความจำเสื่อมฉันก็ยังรักเธอไม่เสื่อมคลายอะไรทำนองนั้น”
“ทำไมจะต้องความจำเสื่อม เป็นโรคอื่นไม่ได้เหรอ =__= ฉันไม่เข้าใจอะไรสักอย่างแต่ว่าไงก็ว่ากัน ว่าแต่เราจะสร้างความทรงจำอะไรกันอีกนายลองว่ามาสิ เพราะเท่าที่ผ่านมาฉันยังไม่มีอะไรทำร่วมกับนายเลยนะ”
“เราจะไปประกวดร้องเพลง”
“ห๊ะ!!!” ฉันชะงักไปนิดหนึ่งแล้วชี้มาที่ตัวฉันและเขา “เรา?”
“ใช่ เราจะไปประกวดร้องเพลง ประกาศให้โลกรู้ว่าเรามีสุ้มเสียงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา”
“ฉันร้องเพลงไม่เป็น”
“เธอต้องร้องให้เป็น”
“ไม่!”
“ไม่งั้นเธอตาย -__-++”
“นายจะฆ่าฉันยังไงไม่ทราบ”
“ฉันประกาศบอกในเฟสบุ๊คว่าเธอท้องแล้วฉันพาไปทำแท้ง”
“ไอ้...ไอ้...”
“แบร่ๆ”พระเพลิงเต้นแร้งเต้นกาแล้วเดินจากไปพร้อมทั้งโบกมือลา “วันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วไว้เรามาร้องเพลงกันนะ แบร่ๆ >O<”
นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นเขาแลบลิ้นน่ะ...ถือว่าเป็นประสบการณ์หรือเปล่า? =__=
รู้สึกเหมือนฉันหรือเปล่าว่าการร้องเพลงกำลังวนเวียนอยู่ในชีวิตฉันแล้ว ณ ขณะนี้...เพราะแม้นฉันจะไม่ได้อยู่กับพี่ไอซ์ฉันยังสามารถถูกแฟนคนแรกบังคับให้ไปประกวดร้องเพลงได้เลย โดยเพลงที่เขาส่งชื่อมาให้ทางข้อความลับนั้นมีชื่อว่า ‘Impossible’
“เพลงของทอมครูซเหรอ”
“เธอมีอินเตอร์เนทเอาไว้เสิร์ชหาวิธีทำยังไงให้หูรูดไม่เสื่อมสมรรถภาพหรือไง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพลงประกอบมิชชั่นอิมพอสสิเบิลสักหน่อย”
“ทำไมนายไม่เอาเวลาพิมพ์ประชดฉันแล้วตอบให้มันตรงคำถามมันจะไม่เสียเวลามากเลยนะ”
ฉันกดตามลิงค์ที่เขาส่งให้ แล้วก็พบว่ามันเป็นเพลงที่ไพเราะดี แต่สิ่งหนึ่งที่พระเพลิงไม่รู้...คือฉันโง่ภาษาอังกฤษที่สุดในโลกกกกกก
“ร้องเพลงไทยไม่ได้เหรอ อย่างน้อยฉันยังฟังภาษาไทยรู้เรื่องนะ”
“นกแก้วมันยังเลียนเสียงคนได้โดยที่ไม่รู้ความหมาย เธอแค่ไปหัดร้องมันจะตายหรือไง”
“เคยมีใครบอกมั้ยว่านายปากจัด =__=”
พอพิมพ์จบพี่ไอซ์ก็วิ่งปึงปังเข้ามาในห้อง ฉันได้แต่กระพริบตาปริบๆแล้วถูกตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงโหดร้ายว่า...
“แกทำอะไรอยู่”
“ฟังเพลง”
“ฉันชอบเพลงนี้”
“ฉันดีใจกับพี่ด้วยที่พี่มีเพลงในดวงใจแล้ว”
ว่าแต่นางจะมาบอกฉันทำไม =__= แล้วไหนบอกว่าจะไม่คุยกับฉันเป็นเวลาสามเดือนไม่ใช่เรอะ?
“ฉันคิดว่าฉันจะร้องเพลงนี้ประกวด”
“หา?”
“และแกจะต้องไปเป็นเพื่อนฉันตามสัญญาที่ให้ยืมโน๊ตบุ๊ค ฉันจะมาบอกกับแกแค่นี้...เตรียมตัวให้พร้อม”
“แล้วฉันต้องไปวันไหน”
“วันเสาร์ บัยส์!”
พอพี่ไอซ์ออกไปฉันก็หันกลับมาพิมพ์ที่แป้นเพื่อถามวันเวลาที่ฉันจะต้องไปร้องเพลงกับพระเพลิง ซึ่งเจ้าตัวตอบตรงกันเด๊ะเลยว่า
“วันเสาร์ หัดร้องล่ะ ออกเสียงให้ถูกด้วย บัยส์!”
แล้วทำไมวันนี้ทุกคนต้องพร้อมใจกันบังคับและเอ่ยลาฉันเหมือนกันไปหมด ‘บัยส์’ เป็นคำบอกลาแบบใหม่ที่ให้อารมณ์ศิลปินรึไง
ฉันปริ๊นท์เนื้อเพลงแล้วเอาไปฝึกร้องที่โรงเรียน ดนตรีของมันติดหูฉันบ้างแล้วแต่ให้จับเป็นคำๆหรือนั่งสะกดแต่ละคำมันช่างยากเหลือเกิน TT^TT กระดาษในมือฉันถูกแย่งชิงไปต่อหน้า และก็พบว่าเป็นพยัคฆ์ที่กำลังยืนค้ำหัวฉันอยู่
อั้ยย่ะ! ฉันลืมเรื่องเขาไปซะสนิทเลยนะเนี่ย O_o ทำยังไงดี ฉันจะสู้หน้าเขาได้มั้ยนะ TT^TT
“เดี๋ยวนี้หัดร้องเพลงฝรั่งแล้วเหรอ”
“ฉันมีจุดมุ่งหมายนิดหน่อย...” ฉันพยายามบังคับลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับปกติเพื่อที่จะได้ต้องตื่นเต้นมาก “ฉันจะไปประกวดร้องเพลง”
“เธอเนี่ยนะ!”
“ทำไมต้องเสียงดังด้วย -__-^^”
“พูดภาษาไทยยังไม่ค่อยจะคล่องเลย กล้าดียังไงจะไปสมัครร้องเพลงแถมเป็นเพลงฝรั่ง”
“ฉันก็แค่ไม่ต้องการให้ชีวิตอยู่กับที่ก็เท่านั้นเอง นายไม่สนับสนุนฉันก็อย่าซ้ำเติมจะได้มั้ย ไม่คุยด้วยแล่ว!”
ฉันลุกขึ้นแล้วเดินกระทืบเท้าปึงๆหนีพยัคฆ์ แต่ถูกเขาคว้าแขนเอาไว้ได้เสียก่อน
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเธอกำลังทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนเพื่อหลบหน้าฉัน”
“อะไร ฉันไปกลบเกลื่อนอะไร ไม่มี๊!!!”
“วันนี้เธอไม่สบตาฉันด้วยซ้ำ”
“วันนี้ฉันเจ็บตาเพราะไข้กาหลังแอ่นต่างหาก”
“ไอ้โรคที่เธอว่ามันหายไปจากโลกใบนี้ตั้งนานแล้ว”
“มันเกิดขึ้นใหม่จากฉันไง ปล่อยนะ!”
“เพราะฉันบอกชอบเธอใช่มั้ยเลยทำให้เธออึดอัดแบบนี้”
ฉันรู้สึกเหมือนถูกสะกดให้ยืนอยู่กับที่ ทำไมฉันจะต้องมาเถียงกับเพื่อนสนิทผู้ชายเพียงคนเดียวในชีวิตฉันเรื่องที่เขาคิดกับฉันเป็นอื่นแบบนี้ด้วย ไม่ดีเลย ฉันไม่ชอบใจเอาซะเลย!!!
“ใช่ ฉันอึดอัด ตอนนี้ฉันไม่พร้อมจะคุยอะไรกับแกทั้งนั้น ดังนั้นฉันขอร้องให้ฉันได้อยู่กับตัวเองและสงบจิตสงบใจ พร้อมเมื่อไหร่ฉันจะไปคุยกับแกเอง ได้มั้ย? ห๊ะ!”
“แล้วแต่เธอ”
พยัคฆ์เดินหนีแล้วทิ้งให้ฉันยืนกระทืบเท้าอยู่คนเดียว เอ้า! แล้วเพลงนี่เอาไงเนี่ย โว้ย ไม่ร้งไม่ร้องมันแล้ว!
ด้วยความที่เครียดจัด พอเลิกเรียนฉันเลยหนีมาเดินห้างคนเดียวโดยที่หูของตัวเองยังคงฟังเพลง impossible อะไรนั่นมาตลอดทาง การได้เจอแอร์เย็นๆและมองผู้คนเดินไปเดินมานี่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกหัวสมองปลอดโปร่งดีเหมือนกันนะ เป็นการตอกย้ำตัวเองว่าฉันไม่ได้อยู่โลกนี้คนเดียว
โอ๊ะโอ...
ปลอดโปร่งไม่ว่า ดูเหมือนฉันจะบังเอิญเจอคนคุ้นเคยเข้าให้แล้วแฮะ O-o นั่นมันผู้หญิงคนที่พระเพลิงเคยเอาแต่จ้องมองไม่ใช่เหรอ แต่ไม่ได้มากับผู้ชายหน้าตาดีคนเก่า เจ้าหล่อนมากับกลุ่มเพื่อนขนาดใหญ่และดูสินค้าอย่างตื่นเต้น
อยากจะเข้าไปสอดดดด จังเลย!
“นี่ก็สวยนะลูกหมี ฉันว่ามันเขียนลื่นด้วย แถมยังเป็นรูปหมีลิละคุมะ”
เพื่อนของเด็กผู้หญิงที่ชื่อ ‘ลูกหมี’ ต่างพากันแนะนำโน่นนั่นนี่ ว่าแต่หูเจ้าหล่อนเป็นอะไรหว่า ทำไมต้องยัดอะไรลงไปในนั้นด้วย บลูทูธ? อา...แต่น่ารักจริงๆนั่นแหละ ตอนยิ้มนี่ตาเป็นสระอิเลย ผิวก็ดี เทียบกับหนังหน้าฉันแล้วคนละโยชน์...แว้ก!!!
“มาด้อมๆมองๆอะไรไอ้หนูน้อย”
ผู้ชายตัวใหญ่ใส่หมวกไหมพรมเคี้ยวหมากฝรั่งใช้มือคีบปกคอเสื้อด้านหลังฉันเหมือนอุ้มลกหมา หน้าตาเกลี้ยงเกลานั่นทำให้ฉันได้อ้าปากค้างเพราะตกตะลึงกับความหล่อ นี่หล่อจริงๆนะเนี่ย
“ทำอะไรน่ะพี่เสือ...พี่มาอยู่นี่ได้ยังไง แอบตามฉันมาอีกแล้วเหรอ .V.”
“ใครบอกแอบตาม ฉันแค่เดินเล่นไปมาในห้าง”
“แล้วนั่นพี่ทำอะไรน่ะ เขาเป็นเด็กผู้หญิงนะ”
“ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย ยัยนี่มาด้อมๆมองๆเธอตลอดเลย”
“เอ๋?”
ลูกหมีมองฉันแล้วเอียงคอมองอย่างสงสัย ฉันเลยโบกมือเซย์ไฮอย่างเป็นมิตรสุดๆ
“เฮลโล่ลูกหมี ฉันชื่อน้ำ...เป็นแฟนกับพระเพลิงจ้า ^O^”
“O_O”
ความคิดเห็น