คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Lesson 7: ไซม่อน....ฟ้ามาโปรด
7
ไซม่อน..ฟ้ามาโปรด
ขาของฉันไปไวกว่าความคิดเสียอีกเมื่อรู้ว่าโรสอยู่บนดาดฟ้า แถมคนที่มาบอกข่าวคือคนที่ไม่เป็นมิตรที่สุด ฉันจึงเชื่อได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้โรสกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายและเลวร้ายแค่ไหน
แล้วทำไมโรงเรียนนี้มันต้องมี 7 ชั้นด้วยวะ แล้วไอ้คนพวกนั้นทำไมขยันลากคนไปทรมานถึงชั้น 7 แถมไม่มีลิฟท์อีกต่างหาก อยากจะกรี๊ด!
ผลัวะ!
ฉันถีบประตูดาดฟ้าด้วยกำลังขาทั้งหมดที่มีอย่างมาดเท่ ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับทุกสายตาที่จับจ้องมาทางฉัน โรสกำลังถูกมัดติดอยู่กับลูกกรงที่ใช้กั้นไม่ให้ตกดาดฟ้า โดยมีฟาโรห์และผองเพื่อนกำลังหัวเราะกันคิกคักอย่างชอบใจ
ที่นี่ไม่มีอสูร...
“เฮ้ย เพื่อนเธอมาแล้วนั่นน่ะ...ไฮ! ผู้หญิงของเทวะ >O<”
ฟาโรห์ที่ครึกครื้นตั้งแต่พบหน้าจนสถานการณ์ตอนนี้ก็ยังคงร่าเริงไม่เปลี่ยนโบกมือทักทายมาทางฉัน
“พวกนายทำบ้าอะไรกันอยู่ ปล่อยโรสเดี๋ยวนี้นะ...โรส เป็นยังไงบ้าง”
น้ำตาของโรสนองหน้า ฉันได้ยินแต่เสียงร้องไห้ของเธอเท่านั้น สภาพเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่กับกระดุมเม็ดบนที่ฉีกขาดทำให้เผยถึงผิวด้านในขาวๆยิ่งทำให้ฉันโกรธ คนพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่ เลวมาก!
“เกือบจะได้ทำแล้วล่ะ แต่เธอมาก่อน ^^”
“ฟาโรห์ นายมันเลวมาก”
“=[]= ดีใจจังเธอจำชื่อฉันได้ด้วย” เจ้าตัวยังคงทำหน้าระรื่นหลังจากที่ตัวเองทำเรื่องเลวร้ายอย่างนั้น “แต่ด่าเจ็บจังเลย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“ผู้ชายดีๆที่ไหนเขาจะรุมทำร้ายผู้หญิงด้วยการเปลื้องผ้าให้เหลือน้อยชิ้นอย่างนี้”
“นี่เธอคิดว่าฉันทำอะไรกันแน่” ฟาโรห์มองไปทางโรสหน่อยนึง “ถ้าหมายถึงเสื้อฉันอธิบายได้นะ ฉันไม่ได้ทำ...พอดียัยนี่ขัดขืน แล้วกระดุมเสื้อก็ขาดเอง...เอ๊ะ! ทำไมฉันจะต้องแก้ตัวกับเธอด้วย มาก็ดีแล้ว ฉันต้องการจะเล่นงานเธอมากกว่ายัยผู้หญิงคนนี้ เฮ้ย ไปจับตัวผู้หญิงของเทวะมา!”
“ครับ!”
เหล่าลูกน้องของฟาโรห์รับคำสั่งแล้ววิ่งปรู๊ดปร๊าดมาล้อมฉันเอาไว้เป็นวงกลม ใบหน้าของแต่ละคนดูสนุกสะใจที่ได้ล่า คนพวกนี้คิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่
“เธอทำให้อสูรขายหน้า วันนี้พวกเราจะชำระแค้นเอง...โอ๊ะ!”
พลั่ก!
คนพูดที่กำลังทำท่าจะเข้ามาขย้ำฉันถูกถีบกระเด็นล้มลงหงายหลังดังตึง และเมื่อมองไปถึงได้เห็นว่าเป็นมาเล่น้องชายตัวแสบของฉันนั่นเอง
“มาเล่!”
“รีบไปช่วยโรส ทางนี้ฉันจัดการเอง”
ศิลปะป้องกันตัวที่พวกเราพี่น้องเคยเรียนกันมา (แม่ส่งไปเรียนเพราะบอกว่าลูกคนรวยจำเป็นต้องมีความสามารถพิเศษติดตัว) เป็นที่ประจักษ์กันก็วันนี้ มาเล่ที่ถุกล้อมจัดการพวกหมาหมู่ที่เข้ามาด้วยตัวคนเดียว ส่วนฉันที่เหลืออยู่จึงวิ่งเข้าไปหาโรสแล้วพยายามจะแกะเชือกที่ข้อมือนั่นให้เธอหลุดพ้นจากพันธนาการ
“เป็นยังไงบ้าง พวกนั้นทำอะไรเธออีกบ้าง”
“พวกมันถ่ายรูปชุดชั้นในฉันเอาไว้”
“หา O_o”
“ฉันจะฆ่ามัน!”
โรสที่หลุดจากการถูกมัดได้ก็มองซ้ายมองขวาหาอะไรสักอย่าง แล้วสิ่งที่นางได้ก็แลดูน่ากลัวเกินสำหรับคนที่มีความโกรธเต็มอัตราขนาดนี้ ประแจอันยาวที่ไม่รู้มาตกอะไรแถวนี้ถูกคว้าหมับเข้ากับมือ แล้วโรสก็พุ่งตรงไปทางฟาโรห์ก่อนจะง้างมือแล้วกรีดร้องดัง
“ตายซะเถอะ!”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าคิดจะทำร้ายใครเบื้องหลังกรุณาอย่าส่งเสียงนำ =__= ฟาโรห์หันมาเห็นเพราะได้ยินละกระมังถึงได้ตั้งตัวทันด้วยการจับข้อมือของโรสเอาไว้
“นี่เธอคิดจะใช้ไอ้นั่นฟาดฉันเลยเหรอ”
“เออ”
“ฉันอาจตายได้เลยนะ”
“แกต้องตาย”
กลายเป็นมวยคู่เด็ดอีกคู่หนึ่งไปเลยทีเดียว ระหว่างโรสที่เต็มไปด้วยพละกำลังแห่งความโกรธกับผู้ชายที่ทะเล้นตลอดเวลาแม้จะอยู่ในความเป็นความตายอย่างฟาโรห์ เจ้าตัวที่จะถูกทำร้ายหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นความพยายามที่จะฆ่าของโรสเป็นเรื่องตลก
“เธอสู้แรงฉันไม่ได้หรอกนะ กิ๊วๆ”
“มาดูกัน”
พลั่ก!
โรสเตะเข้ากลางหว่างขาในขณะที่ฟาโรห์ไม่ทันตั้งหลัก และดูเหมือนจะได้ผลชะงัดนักเพราะฟาโรห์ทิ้งตัวล้มลงไปกองกับพื้นแล้วเอามือกุมไข่ราวกับมันหายเข้าไปในลิ้นปี่ พอโรสรู้ตัวว่าตัวเองได้เปรียบจึงไม่ลังเลที่จะง้างประแจแล้วฟาดป้าบเข้าที่หน้าของฟาโรห์
ผลัวะ!
ฟาโรห์สิ้นฤทธิ์และนอนตายโดยสวัสดิภาพ แต่...โรสยังคงแค้นไม่หาย ยกเท้าขึ้นเตรียมจะกระทืบที่เป้าแต่ฉันทนไม่ได้เพราะกลัวว่าฟาโรห์ที่ตายไปแล้วจะตายซ้ำอีกเลยเข้าไปห้าม
“พอเถอะโรส หมอนั่นสลบไปแล้ว”
“ฉันไม่ได้ต้องการให้มันสลบ ฉันอยากให้มันตาย!”
“อ๊ากกกกก!”
เสียงของมาเล่เรียกความสนใจของเราสองคนจนต้องหันไปมอง ตอนนี้มาเล่กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถูกผู้ชาย 3 คนรุมกระทืบเข้าที่ชายโครง โรสที่ตอนนี้เลือดเข้าตาไม่สนหน้าอิฐหน้าพรหมถือประแจแล้วเดินเข้าไปฟาดที่ท้ายทอยหนึ่งในนั้นจนล้มลง พวกที่เหลือพอเห็นก็กรูกันเข้ามาล็อคตัวโรสแล้วกดลงกับพื้น ส่วนคนที่เหลือมองมาทางฉันอย่างโกรธแค้น
“ฤทธิ์เยอะเหลือเกิน พ่อจะทำให้จ๋อยเลย!”
นี่ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรใครเลยนะ มาโกรธฉันเรื่องอะไรเนี่ย ไม่ได้การ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าจึงพยายามจะหนีแต่ขาไอ้คนพวกนั้นมันยาวกว่าเลยคว้าเอวฉันแล้วอุ้มลอยเหนืออากาศ ฉันดีดดิ้นอย่างไม่ยอมแต่ก็ดูเหมือนว่าจะทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากกรีดร้อง
“จะหยุดร้องไหม”
“ไม่”
“ดี จะได้รู้ว่าฉันทำอะไรได้”
แล้วคนที่อุ้มฉันก็พุ่งตัวไปที่ผนังที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วโยนฉันอัดเข้ากับกำแพง
“อั่ก...”
ร่างฉันร่วงหล่นลงกับพื้นเหมือนใบไม้ อาการจุกและมึนงงเพราะหัวกระแทกพื้นทำให้ฉันตั้งตัวไม่ได้
“แกมันหน้า...ตัวเมีย”
“ฉันเลวได้มากกว่านี้อีก”
พลั่ก!
หมัดที่ปล่อยออกมาสุดพลังชกเข้าที่ขมับฉันอย่างไม่ปราณี ภาพสีดำมืดตัดเข้าในมโนภาพของฉันและ...ไม่รู้ตัวอีกเลย
“ฉันสั่งให้ตื่นก็ตื่นสิ ตื่น!!!”
ซ่า!!!
อะไรเปียกๆถูกสาดใส่หน้าทำให้ฉันสะดุ้งจากความฝันที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าฝันอะไรไป หนังตาอันหนักอึ้งจำเป็นต้องตื่นตัวเมื่อเห็นใครต่อใครยืนล้อมฉันเอาไว้ ให้ตายสิ ฉันถูกมัดติดกับลูกกรงแบบเดียวกับโรสเลย
“ขี้เซาชะมัด”
“อสูร O_O”
“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง เธอทำเรื่องเอาไว้แสบพอตัวเลยนะ”
อสูรที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำเอาฉันตาสว่างโร่! รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันร้ายอย่างแปลกประหลาด ทำไมนะ จะได้ลืมตากับเขาทั้งทีภาพแรกดันเป็นหน้าไอ้บ้านี่ได้
“ฉันนึกว่านายตายไปแล้วซะอีก”
“แค่เตาทับตีนฉันไม่ตายง่ายๆหรอก แต่เธอต่างหาก ที่กำลังจะตาย”
อสูรพูดจบก็ก้าวถอยหลังออกไป ไม้ค้ำในมือเขาถูกยกขึ้นสูงพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
“จะทำอะไร”
“ฉันจะตีเธอ”
“O_o”
“แต่ถ้าเธอขอร้องฉันจะไม่ตี”
“อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ ให้ขอร้องคนไม่แมนอย่างนายฉันตายดีกว่า”
ฟึ่บ!
เสียงแหวกอากาศจากไม้ค้ำทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ! ไม้ค้ำที่เพิ่งจะฟาดอากาศแล้วเฉียดหน้าฉันไปอย่างหวุดหวิดทำให้ฉันชะงักไปชั่วขณะ อสูรยิ้มเล็กน้อยแล้วยักคิ้วให้
“ไหนว่าไม่กลัว หน้าเธอไม่มีสีเลือดเลยนะ”
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ”
“เรื่องตีเธอน่ะ เมื่อไหร่ก็ทำได้ ฉันทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า...พามันมา!”
อสูรสั่งเหล่าเพื่อนๆของตัวเองอย่างรู้กันว่า ‘มัน’ คืออะไร มาเล่ที่ถูกซ้อมจนหมอบกระแตถูกลากมาหาฉัน โดยอสูรยังคงสั่งต่อไป
“รักกันมากใช่มั้ยเธอสองคนน่ะ”
“O_o”
“จับมันสองคนจูบกันแล้วถ่ายรูป!”
ความคิดพิสดารแบบนี้คิดออกมาได้ยังไงกัน มาเล่ถูกเหล่านักเรียนพวกนั้นพาตัวมาตรงหน้าแล้วกดหัวเข้าหาฉัน สภาพของมาเล่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะสู้ ส่วนฉันที่พยายามจะหันหน้าหนีก็ถูกอสูรจิกผมเอาไว้แล้วบังคับให้เอียงหน้ารับมุมกับริมฝีปากของมาเล่
ไม่ได้นะ มันผิดผี!!!
“กล้องพร้อม...ถ่าย!”
พอจบคำสั่ง ปากฉันกับมาเล่ก็ประกบกันราวกับผายปอด เสียงแชะจากโทรศัพท์มือถือดังไล่ตามมาจากฝีมือของใครหลายๆคน อัปยศที่สุด ไอ้คนเลวเอ๊ย!
“เลิกทำเรื่องบ้าๆซะที ฉันทนกับพวกแกไม่ไหวอีกแล้ว”
เสียงของใครคนหนึ่งทำให้อสูรชะงักแล้วหันไปมอง เหล่าแก๊งเดอะบอยโดยมีพี่ชายฉันเป็นสมาชิกในนั้นยืนจังก้าอย่างน่าเกรงขาม
“รุ่นพี่...มายุ่งเรื่องนี้ทำไม”
“แกสร้างเรื่องมากเกินไปแล้วไอยสูร”
ไซม่อน หัวโจกลูกครึ่งที่เคยได้ยินมาว่าแสบสุดๆยืนเอามือล้วงกระเป๋าเคี้ยวหมากฝรั่งพูดอย่างท้าทาย ฉันมองไปทางพี่ชายตัวเองอย่างรู้สึกตื้นตันและอบอุ่นหัวใจยิ่งนักที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ T^T
“มันไม่ใช่เรื่องที่รุ่นพี่ต้องมายุ่ง”
“ฉันไม่ยุ่งไม่ได้ แกทำให้ฉันไม่มีข้าวกินมาหลายวันแล้ว” ไซม่อนเดินตรงมาทางฉันแล้วมองสลับกับมาเล่ที่ถูกควบคุมตัวเอาไว้อยู่ “พวกแกคิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่ เป็นมาเฟียหรือไง?”
“แล้วรุ่นพี่คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่หรือไง”
“ใช่ ฉันเป็นฮีโร่ที่ทนสันดานแกไม่ไหวอีกแล้ว...เฮ้ย ไอ้พวกลิ่วล้อนั่นน่ะ ปล่อยมาเล่กับเมลานีได้แล้ว”
ไซม่อนสั่งพร้อมทั้งเรียกชื่อฉันกับมาเล่ราวกับรู้จักมานาน ผองเพื่อนที่ควบคุมตัวเราทั้งสองต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้ว่าควรจะเชื่อฟังคำสั่งใครดี
“ฉันบอกให้ปล่อย อยากตายหรือไงวะ!”
สิ้นเสียงตะโกน ทุกคนยอมเชื่อฟังแต่โดยดี อสูรมองลิ่วล้อของตัวเองอย่างโกรธจัดแล้วขว้างไม้ไปยังเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ
“นี่พวกแกเชื่อคนอื่นมากกว่าฉันอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แกคนเดียวที่มีอิทธิพลอสูร” ไซม่อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วหยิบหมากฝรั่งมาป้ายแก้มหล่อๆอย่างกวนตีน “อย่าสร้างเรื่องสร้างราวอีกต่อไปเลย ต่างคนต่างเดินเถอะ”
“รุ่นพี่มายุ่งกับเรื่องของพวกเราก่อน จะต่างคนต่างเดินได้ยังไง”
“แกจะเอาอย่างนี้เหรอ”
อสูรผลักอกไซม่อนอย่างไม่กลัวตาย ริ้วรอยความโกรธเริ่มปรากฏอยู่บนหน้ารุ่นพี่หัวโจกอย่างน่ากลัวพอถูกหยามอย่างนั้น
“ฉันให้โอกาสแกแล้วนะไอ้เป๋!”
“ถ้าฉันกลัวก็ไม่ใช่อสูรเหมือนกัน”
“ดี!”
ไซม่อนผิวปาก เหล่าบรรดารุ่นพี่ท่เป็นพวกเดียวกันเขาก็โผล่ขึ้นมาพรึ่บพรั่บเต็มดาดฟ้า อสูรมองไปรอบๆอย่างหวั่นๆเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไซม่อนที่เห็นท่าทางแบบนั้นเลยพูดปนหัวเราะขึ้นมา
“แกเห็นใช่มั้ยว่าไม่ใช่แกคนเดียวที่มีพวก คราวนี้ถึงตาแกบ้างแล้ว”
“...”
“ที่จะถูกล่า!”
ความคิดเห็น