คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Lesson 6: ฤทธิ์เดชอสูร
6
ฤทธิ์เดชอสูร
ไม่มีอาหารขาย เท่ากับนักเรียนที่นี่จะไม่มีอะไรกินกันในตอนกลางวัน!!!
ทุกสายตาจ้องมองฉันอย่างอาฆาต ความหิวก็ดี ความไม่เข้าใจในเหตุผลก็ดี หรือมองเห็นต้นเหตุมากกว่าคนที่ทำให้เกิดเรื่องก็ดี เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นผลดีกับฉันเลยแม้แต่น้อย แผนของอสูรมาแบบเนิบๆแต่ได้ผลดีชนิดที่ผิดคาด!
“เธอมันตัวซวย!”
ตุบ!
ยางลบก้อนเขื่องๆปาใส่หัวฉันจนเซไปอีกด้านด้วยความที่ไม่ได้ตั้งรับ โรสที่เห็นอย่างนั้นลุกขึ้นพรวดออกตัวปกป้องฉันทันที
“ใครทำแบบนี้กัน! พวกเธอไม่ได้กินคนเดียวซะเมื่อไหร่กัน เมเองก็ไม่ได้กิน!”
“เพื่อนเธอไม่ได้กินก็สมควรแล้ว แต่พวกเราไม่ได้กินมันไม่เกี่ยวข้องกัน ทำอะไรทำไมไม่รับเอาไว้เอง พวกเราที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรทำไมต้องมารับเคราะห์กรรมที่เธอทำด้วย”
และดูเหมือนการก่อม็อบจะไม่จบลงง่ายๆ พอมีคนหนึ่งปาของสิ่งหนึ่งมา ของอีกสิ่งหนึ่งที่มาจากอีกคนหนึ่งก็พุ่งตรงมาทางฉันและโรสทั้งคู่อย่างไม่สนใจเป้าหมายอีกต่อไป
“เลิกโวยวายกันซะที!”
เสียงประกาศกร้าวของเทวะทำให้ทุกคนหยุดทุกการกระทำและการเคลื่อนไหวราวกับเสียงของสวรรค์ที่สั่งลงมาได้ พนักงานพิซซ่ากว่า 10 คนหิ้วถาดกันคนละสิบกล่องแล้ววางลงบนโต๊ะอาหารจนกองสูงท่วมหัว
“ไม่ต้องโทษใครทั้งนั้น ในเมื่อวันนี้ไม่มีอาหารขาย ก็กินพิซซ่ากันไปก่อนแล้วกัน...ฉันเลี้ยง”
“O_O”
ทุกคนดูเหมือนจะลืมไปชั่วคราวว่าเพิ่งจะก่อม็อบ ต่างวิ่งกันมาที่ถาดพิซซ่าแล้วหยิบกันไปคนละชิ้นสองชิ้น นี่คนรวยอย่างนั้นเหรอ แย่งกันกินอย่างกับขอทาน =__=
“เธอเองก็ต้องกินเหมือนกัน”
“เทวะ...”
เจ้าตัวส่งยิ้มให้ฉันแล้วยื่นมือมาวางแหมะเอาไว้บนหัวเหมือนกำลังดูแลหมาตัวน้อย
“บอกแล้วไงว่าฉันจะปกป้องเธอเอง”
“แต่ค่าพิซซ่า...”
“ฉันรวย”
คำพูดง่ายๆแต่ได้ใจความว่า ‘รวย’ ทำให้ฉันหลุดหัวเราะออกมาพร้อมทั้งมองบรรยากาศรอบๆที่ผ่อนคลายขึ้น
“วันนี้นายเลี้ยงพิซซ่าได้ก็จริง แต่นายคงเลี้ยงไม่ได้ทุกวันหรอก อสูรเล่นงานพวกพ่อค้าแม่ค้าที่ขายกับข้าวซะไม่ต้องทำมาหากินแบบนี้”
“ใช่ ไม่มีใครกินพิซซ่าได้ทุกวันหรอก”
เทวะพูดเพียงเท่านั้นแล้วไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อไป จนกระทั่งผ่านไปอีกหนึ่งวันและวันนี้ก็ยังคงไม่มีอาหารมาขายตามเดิม แต่ทว่า...กลับมีหมูกระทะวางเรียงรายกันทุกโต๊ะพร้อมกับเครื่องเคียงมาย และแน่นอนว่า...
“วันนี้นายเลี้ยงหมูกระทะ”
“เพราะคนเราไม่สามารถกินพิซซ่าทุกวันได้ ฉันเลยเปลี่ยนเมนูบ้าง”
“ฉันหมายถึงว่าคนเราไม่สามารถเลี้ยงอาหารคนทั้งโรงเรียนได้ทุกวัน!”
“ฉันรวย”
“เราต้องจริงจังกับการคุยเรื่องนี้แล้วนะ เราแก้ปัญหากันที่ปลายเหตุ!”
“ใช่ ปลายเหตุ เพราะต้นเหตุมันไม่ได้อยู่ที่อาหารแต่มันอยู่ทีเธอ”
นี่ไม่ใช่เสียงของเทวะ แต่เป็นเสียงที่ทำให้คนทั้งโรงอาหารเงียบกริบเพราะหยุดทุกการเคลื่อนไหวเนื่องจากอยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออสูรเดินมายืนคร่อมหัวฉันกับเทวะที่นั่งกินหมูกระทะกันอย่างเอร็ดอร่อย
“อสูร!”
“แกนี่มันเก่งเรื่องใช้เงินแก้ปัญหาจริงๆเลยนะ” ไม่ว่าเปล่า อสูรนั่งลงข้างๆฉันแล้วเอามือเท้าคางมองเทวะผ่านเตาย่าง “แต่ก็นับว่ามีปัญญาดี”
“ฉันเก่งในการแก้ปัญหาพอๆกับที่แกสร้างปัญหานั่นแหละอสูร คงต้องเหนื่อยไปขู่พ่อค้าแม่ค้ามากเลยสินะ ถึงกับไม่มีใครมาขายกับข้าว”
“เรื่องข่มขู่น่ะมันงานถนัดของครอบครัวฉันอยู่แล้ว”
“แต่น่าเสียดายที่การข่มขู่ของแกมันทำอะไรฉันไม่ได้”
“ฉันรู้ว่าฉันขู่แกไม่ได้ ฉันเลยตัดสินใจขู่คนอื่นแทน”
ไม่ว่าเปล่า อสูรตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้เพื่อให้ทุกคนมองเห็นเขา แล้วประกาศเสียงดังฟังชัดราวกับออกมาจากลำโพงระบบดอลบี้ฯ
“ทุกคนฟัง ใครที่กินอาหารกลางวันที่เทวะเลี้ยงคนๆนั้นจะถือว่าเป็นศัตรูกับฉัน!”
“...”
ทุกคนต่างชะงักกับอาหารตรงหน้า รอยยิ้มของอสูรที่ดูเหมือนเด็กกำลังสนุกกับเกมตรงหน้าทำให้ฉันหมั่นไส้จนอยากจะถีบเขาตกจากม้านั่งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” ฉันลุกขึ้นยืนบ้างอย่างเหลืออด “จะมีเรื่องก็มีกับฉันคนเดียว ทำไมต้องข่มขู่คนอื่น กดดันชาวบ้านด้วย”
“มันเป็นวิธีของฉัน”
“นายมันขี้ขลาด ไม่กล้ามีเรื่องกับฉันตัวต่อตัว แต่ทำแบบนี้เพื่อให้คนอื่นกดดัน รังเกียจฉัน โดยที่ตัวเองได้แต่มองอยู่หลังฉาก”
“มันเป็นวิธีการที่โคตรฉลาด ฉันเกลียดเธอคนเดียวมันจะไปมีประโยชน์อะไร เธอเคยได้ยินมั้ยว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม เมื่อเธอไม่มีสังคม เธอก็อยู่ไม่ได้และเธอก็ไม่ใช่...มนุษย์!”
ฟิ้ววววว เพล้ง!!!
จานใบเขื่องลอยมาจากทิศที่อยู่ไม่ไกล อะไรกัน! มีผู้กล้าท้าทายอำนาจมืดอยู่ในโรงเรียนนี้ด้วยเหรอเนี่ย และเมื่อหันไปก็ตกใจหัวใจแทบหลุดเมื่อพบว่าผู้กล้าคนนั้นคือ...
“อย่างน้อยๆเธอก็ยังมีฉันอีกคนที่ไม่ได้เกลียด”
มาเล่!!!
ฉันไม่รู้ว่าหมอนี่มันบ้าบิ่นหรืออยากทำเท่อวดสาว น้องชายตัวแสบเดินอาดๆมาถึงโต๊ะฉันแล้วเงยหน้ามองอสูรที่ยืนอยู่บนเก้าอี้อย่างท้าทาย
“รุ่นน้อง เคยเจอบ่อยๆแต่เราไม่เคยคุยกันเลยนี่นะ นายกล้าดีมากที่ออกตัวแรงขนาดนี้”
“ฉันไม่ชอบวิธีการที่นายทำ คนอื่นเขาไม่ได้กินอาหารที่อยากจะกิน ร้านโปรดของฉันก็ไม่เปิดเพียงเพราะนายไปข่มขู่เขาไม่ให้มาขายเพื่อกดดันผู้หญิงเพียงคนเดียว สารเลว!”
“ปากร้ายด้วย”
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านายร้ายกาจได้สักแค่ไหน เห็นทำเป็นเก่งนักเก่งหนา ถ้าพ่อนายไม่ได้เป็นมาเฟีย อยากจะรู้นักว่าคนอย่างนายจะทำอะไรใครเขาได้”
“ว่าไงนะ..”
น้ำเสียงอสูรกดต่ำลงราวกับสัตว์ป่าคำราม น้องชายฉันเท่เหมือนกันนะเนี่ย O_o
“ไม่แปลกใจ ทำไมถูกทิ้ง”
“แก!!!”
พลั่ก!
อสูรใช้ขาอันแสนจะยาวราวขาเปรตถีบเข้าที่ยอดอกมาเล่จนล้มหงายผึ่งลงไปนอนกับพื้น ทุกคนในโรงอาหารต่างวิ่งมามุงดูเหตุการณ์กันเป็นจุดเดียวแล้วยืนถ่ายคลิปกันสนุกสนาน จะเอาไปลงยูทูปกันหรือไง มันสนุกนักเหรอเห็นคนตีกันเนี่ย
“แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์ฉัน ฉันเป็นรุ่นพี่นะเว้ย!”
“แกไม่ได้น่านับถือขนาดนั้น ไอ้ขี้แพ้”
มาเล่ตวัดขาแล้วเตะตัดแข้งจนอสูรล้มลง มันยิ่งกว่ามหากาพย์ไททันเพราะอสูรถูกรุ่นน้องทำให้ล้มลงได้ทั้งๆที่ใครๆต่างก็เรียกเขาว่าเป็นตำนานคนหนึ่ง
ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาทำอะไร ไม่เคยจะได้ฟังจนจบเสียที
อสูรลุกขึ้น คว้าเตาร้อนๆด้วยสองมืออย่างลืมไปว่ามันร้อนแรงแค่ไหนหวังจะทุ่ม แต่เจ้าตัวถูกเพื่อนสองคนที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีมาห้ามเอาไว้ก่อน
“ไอย์ ใจเย็นๆ นี่มันทำให้ตายได้เลยนะ”
“ฉันจะฆ่ามัน! แกไม่เห็นเหรอว่ามันทำให้ฉันล้ม!”
“ไม่ใช่แค่มาเล่หรอกที่ทำให้แกล้ม ฉันเองก็ด้วย!”
เทวะที่เงียบอยู่นาน พอสบโอกาสที่ทุกคนกำลังชุลมุนก็ยกขาของตัวเองแล้วยันเข้าที่หน้าอกของอสูรที่กำลังถือเตาไฟอย่างไม่ระวังจนเตานั่นตกลงทับขาเสียงดังกร๊อบ!
“อ๊ากกกกกกก”
เสียงร้องโหยหวนของอสูรที่ถูกเตาทับขาสร้างความตกตะลึงพึงเพริ่ดให้กับเหล่านักเรียนในที่นั้นเป็นอย่างดี เอเดนที่เห็นสภาพของอสูรร้องโหยหวนก็ลุกขึ้นแล้วกระชากคอเสื้อเทวะ
“แกทำเกินไปแล้วนะ”
“เจ็บแทนผัวอีกแล้วเหรอ”
“แก!!!”
“^^”
เทวะยิ้มให้เอเดนอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ฟาโรห์ที่เห็นท่าไม่ดีเลยมาห้ามมวยอีกยกด้วยการยืนแทรกกลาง
“เอเดน แกอย่าเพิ่งหาเรื่องได้มั้ย พาอสูรไปห้องพยาบาลก่อน เผลอๆต้องไปเข้าเฝือกด้วยนะเนี่ย...แกก็เหมือนกันเทวะ ทำไมเล่นทีเผลอแบบนี้วะ”
“หมั่นไส้ก็แค่นั้น เห็นมันทำตัววิเศษวิโสเหลือเกินฉันเลยอยากให้คนอื่นๆเห็นว่า...อสูรมันก็คนเหมือนเรานี่แหละ โดนเตาทับตีนก็ต้องแตกเป็นธรรมดา”
“แกนี่มันแสบจริงๆ ไม่คุยด้วยแล้วโว้ย...เอเดน แบกอสูรกัน”
เพื่อนซี้ทั้งสองของอสูรลากเพื่อนออกไป อสูรที่แม้จะเจ็บเจียนตายก็ยังไม่วายชูนิ้วกลางให้แล้วพูดทิ้งท้ายอย่างอาฆาต
“ฉันจะทำลายพวกแกทั้งสามคนด้วยทุกสิ่งที่ฉันมี”
เทวะยกนิ้วกลางให้อสูรกลับแล้วยักคิ้วให้
“แกไม่ได้มีมือมีตีนคนเดียว!”
ที่บ้าน...
หลังจากเกิดเรื่องราวในโรงเรียนวันนี้ ดูเหมือนว่ามาเล่จะกลายเป็นฮีโร่ในสายตาสาวๆเบิ้ลขึ้นไปอีกสิบเท่าราวกับเขาเป็นเฮอคิวลิสผู้พิชิต ถือดาบไล่ฟันสัตว์ประหลาดอย่างไม่กลัวตาย ในแฟนเพจโรงเรียนขณะนี้กำลังพูดถึงเรื่องของมาเล่กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งว่าเขาช่าง
เก่ง
บึกบึน
กล้าหาญ
ยอดชาย!
“วะฮ่าฮ่าฮ่า ^O^”
เสียงหัวเราะอันแสนจะน่าหมั่นไส้ของน้องชายฉันแลดูอุกอาจ น่าตบ และไม่ได้รู้สึกหวั่นอกหวั่นใจใดๆผิดกับพี่ไมโลที่เอาแต่ทำหน้าเครียด อันที่จริงวันนี้ที่แคนทีนพี่ไมโลเองก็เกือบจะเอาตัวเองเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้อยู่แล้วถ้าเทวะไม่ยกขาขึ้นถีบยอดอกอสูรจนเตาไฟทับใส่เท้าซะก่อน
“แกเลิกหัวเราะแบบนี้สักทีได้มั้ย ยิ่งแกหัวเราะดังเท่าไหร่ ฉันยิ่งเครียดเท่านั้น” พี่ชายใหญ่
“อะไรกันเฮีย คิดมากไปได้ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย อันที่จริงอสูรมันก็มีดีแค่ตำนานเท่านั้นแหละ เอาเข้าจริงๆไม่เห็นเป็นอะไรเลย โดนเตาทับตีนก็พิการได้เหมือนกัน ก๊ากกกกกกกรักกๆๆๆๆ ^O^”
“แกประมาทเกินไป ฉันไม่ไว้ใจเลย”
“คิดมากๆ” มาเล่โบกมือขึ้นปัดอากาศอย่างไม่ยี่หระ “อสูรมันก็มีแต่ชื่อเท่านั้นแหละ ส่วนตำนานนั่นก็เป็นเรื่องที่กล่าวขานกันเฉยๆ เราก็ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง”
“แต่เราเห็นผลงาน!”
“เดี๋ยวค่ะทั้งสองคนเลย อย่าพูดเหมือนกับว่าเมเป็นคนนอก ใครก็ได้บอกทีว่าอสูรเคยทำอะไรมา เมไม่เคยได้ยินชัดๆสักครั้ง”
พี่ไมโลทำหน้าลำบากใจ มาเล่ที่ตอนนี้กระหยิ่มยิ้มเยาะและย่ามใจเลยพูดออกมาสั้นๆแต่ใจความชัดเจน
“ระเบิดโรงเรียน”
“ห๊า!!!”
“แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว อีกอย่างตัวจะกลัวอะไร นอกจากจะมีเค้าที่คอยปกป้องตัวแล้ว ยังมีเทวะที่พร้อมจะไฝว์เพื่อตัวตลอด ดูสิ อาหารกลางวันของพวกเราเทวะออกตังค์อยู่คนเดียว หมอนั่นต้องชอบตัวแน่เลย”
“บ้า!”
“ทำเป็นเขิน ทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเองออกจะดีอกดีใจ คิกๆ”
“ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”
ฉันลุกขึ้นจากการนั่งสนทนาสุมหัวกันระหว่างพี่น้อง อยู่ๆหนังตาซ้ายของฉันก็กระตุกพรึ่บพรั่บ ใจไม่ดีเลยแฮะ...แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง?
วันต่อมา...
ถ้าคนเราจะเชื่ออะไรสักอย่าง ให้เชื่อในสัญชาตญาณตัวเองเอาไว้ก่อน แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันกังวลมาตลอดทั้งคืน เพราะวันนี้พอฉันตรงมายังห้องเรียน เพื่อนๆในห้องต่างก็ลากโต๊ะไปนั่งกันคนละมุมและมีเพียงโต๊ะฉันเท่านั้นที่อยู่กลางห้องราวกับถูกบูชายัน
“อ...อะไรกันน่ะ”
ปั่ก!
กลิ่นเหม็นเน่าราวกับสัตว์ตายซากถูกปาใส่หน้าฉัน ของแข็งที่พอกระแทกแล้วกลายเป็นของเหลวค่อยๆไหลย้อยจากเส้นผมหยดมาถึงหน้า ไข่เน่าที่ไม่ได้มาแค่เพียงฟองเดียวแต่ตอนนี้แห่กันมาเป็นสิบยี่สิบฟองกำลังส่งตรงมาจากมือของเพื่อนๆ
“ออกไปจากโรงเรียนนี้ซะ!”
เพื่อนในห้องคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ฉันมองไปทางต้นเสียงอย่างไม่เข้าใจ
“พวกเธอทำแบบนี้ทำไม”
“ตอนนี้พ่อแม่พวกเราถูกคนของอสูรกักตัวไว้ในบ้าน”
“เอ๋?”
“อสูรบอกว่าถ้าเธอไม่ยอมลาออกจากโรงเรียน พ่อแม่ของพวกเราจะเป็นอันตราย!!!”
บ้าจริง! หมอนั่นมาลงกับฉันไม่ได้ก็เริ่มลงกับเพื่อนในห้องเรียนฉันแล้วเหรอเนี่ย ไม่ได้การ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง แต่...ฉันจะทำอะไรดี
“อื้อหือ กลิ่นเหม็นอะไรอย่างนี้...ว้าย เธอดูดีนะเนี่ย O_o” แนนนี่ เพื่อนต่างห้องที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันตั้งแต่ตอนแรกโผล่เข้ามาราวกับว่าพื้นที่ในห้องนี้เป็นของนาง “ได้นั่งซะกลางห้องเลย เด่นซะ!”
“...”
“จุ๊ๆ ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ วันนี้ฉันมาอย่างเป็นมิตรนะ”
“มิตรบ้ามิตรบออะไรกัน”
“เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าวันนี้ขาดอะไรไป?”
“ขาด?”
ฉันมองไปรอบๆแล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าในบรรดาเพื่อนทั้งหมด ในห้องนี้...ไม่มีโรส!!!
“นั่นไง เธอทำหน้านึกออกแล้ว”
“โรสอยู่ที่ไหน”
“อยู่บนดาดฟ้า”
“เธอทำอะไรกับเพื่อนฉันน่ะ”
“ฉันไม่ได้ทำ”
“...”
“แต่คนอื่นทำ!”
ความคิดเห็น