คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Lesson 5 : กดดัน
5
กดดัน
ครั้นจะให้คนอื่นคอยปกป้องเราตลอดก็คงจะไม่ได้ เพราะเทวะไม่ได้อยู่กับฉันตลอด 24 ชม. ดังนั้นตนเป็นที่พึ่งแห่งตน! ฉันนอนคิดทั้งคืนว่าจะตั้งรับกับการถูกเล่นงานจากอสูรยังไง แล้วมันก็ทำให้ฉันคิดขึ้นได้ว่า...รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะหนึ่งครั้ง ไม่สิ (>< )( ><) ร้อยครั้ง! เอาล่ะอย่างแรกฉันจำเป็นต้องรู้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับอสูรและคนที่อยู่รอบข้างของเขา รวมไปถึงลิ่วล้อต่างๆที่อาจจะมาเล่นงานฉันได้ตลอดเวลา แน่นอนว่าคนที่ช่วยเหลือฉันในครั้งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
“ฉันส่งทุกอย่างให้เธอทางอีเมล์แล้ว หลังจากที่เธอขอฉันก็นั่งพิมพ์ใส่เวิร์ดส่งให้เธอเลย”
โรสบอกมาทางโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น
“เธอช่างเป็นคนดีเหลือเกิน T^T”
“เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก็เพราะฉัน ฉันสมควรจะทำอะไรให้เธอบ้าง ถ้านี่จะตอบแทนเธอได้...ไม่สิ มันน้อยไปด้วยซ้ำ การที่เธอยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องมาเล่ในครั้งนั้น เป้าเลยพุ่งไปที่เธอแทนแต่ฉันกลับได้แค่ยืนดู ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย”
“เธอช่วยแล้ว ไม่ต้องรู้สึกเสียใจขนาดนั้น”
“แต่...”
“อีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้ฉันมั่นใจในระดับหนึ่งว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว อย่างน้อยๆก็มีเธอ”
“อื้อ!”
...และพี่น้องอีกสองคน
ตอนนี้ทั้งพี่ชายใหญ่และมาเล่ต่างก็กระตือรือร้นเรื่องของฉันกันมาก ถึงกับนั่งวางแผนกันสองคนว่าจะอารักขาฉันยังไงดีโดยที่ไม่ให้ความลับเปิดเผย จริงๆเรื่องความลับที่ว่าเราเป็นพี่น้องกันจะเปิดเผยก็ได้ แต่ฉันยังไม่อยากให้ใครรู้ ตอนนี้ฉันอยากเป็นคนที่อ่อนแอในสายตาทุกคน
โดยเฉพาะสายตาของเขา...เทวะ
กระดากอายจังที่กลายเป็นคนแบบนี้ T^T ต้องมาแสร้งทำเป็นว่าตัวเองน่าสงสารต้องการคนปกป้องเพียงเพราะอยากให้ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นมาอยู่ใกล้ ฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เราย่อมรู้ตัวเองดีว่าเราเป็นคนแบบไหน แม้จะแรดไปบ้างแต่เราก็เป็นสาวแกร่ง เริ่มหาข้อมูลฝ่ายตรงข้ามเพื่อปกป้องตัวเองแล้วนี่ไง อา...เอาล่ะ เปิดเมล์แล้วดาวน์โหลดมาไว้ในเครื่องก่อน อ๊ะ เปิดได้แล้ว ยาวเหมือนกันนะเนี่ย O_o
ข้อมูลของบุคคลสำคัญประจำโรงเรียน
นี่ชื่อหัวข้อเหรอ =__= อย่างกับอัตชีวประวัติของคนทั่วโลกอะไรแบบนั้นเลย ในข้อมูลประกอบไปด้วยรูปภาพของคนที่ฉันอยากรู้ไล่มาตั้งแต่ประธานนักเรียน หัวหน้าชมรมต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ได้สนใจนางจะใส่มาให้ฉันทำไมเนี่ยโรส ฉันเลื่อนลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นรูปที่ฉันต้องการดูซึ่งนั่นก็คือ...เทวะ
เทวะ – ลูกชายเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับสื่อวงการบันเทิงและถือหุ้นใหญ่เกี่ยวกับดาวเทียมในประเทศ เป็นลูกชายคนเดียว เก่งเรื่องต่อยตี ตอนแรกเข้าชมรมเทควันโดแต่อยู่ๆก็เปลี่ยนมาเล่นกีฬา X-Tream ที่เรียกกันว่า Free Runing เคยมีคนรักอยู่ในโรงเรียนเดียวกันแต่เสียชีวิตไปแล้ว
เสียชีวิต...
ทำไมฉันอ่านแล้วรู้สึกแย่อะไรอย่างนี้ ที่ดวงตาของเขาว่างเปล่าไม่มีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่านะ
ไอสูรย์ – ทายาทเพียงคนเดียวของมาเฟียชื่อดังเจ้าของบ่อนคาสิโน่ที่มาเก๊า ปอยเปต และถือหุ้น 30%ที่ลาสเวกัส เป็นผู้มีอิทธิพลในธรุกิจด้านมืด ถึงแม้ว่าจะถูกตรวจสอบเงินก็ไม่สามารถจับได้ว่าเงินที่ได้มานั้นมาจากไหน เป็นครอบครัวที่ทำธุรกิจใต้ดินเยอะเป็นอันดับหนึ่งของประเทศและถูกหมายหัวจากทางการมากที่สุด เคยมีคนรักอยู่โรงเรียนเดียวกันแต่เสียชีวิตไปแล้ว
เสียชีวิต!
อะไรกัน ทำไมประวัติสองคนนี้ถึงได้เหมือนกันราวกับ Copy แล้ว Paste ฉันกดโทรศัพท์หาโรสอีกครั้งหนึ่งเพื่อถามรายละเอียด ซึ่งดูเหมือนว่านางเองก็รอคอยให้ฉันถามไถ่อยู่แล้ว
[เธอเดาไม่ผิดหรอก แฟนของคนทั้งคู่ที่ฉันให้ข้อมูลไปคือคนเดียวกัน]
“เขาเลยไม่ถูกกันอย่างนั้นเหรอ”
[เรื่องมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ จริงๆแล้วในกลุ่มมีกันห้าคน ทั้งเทวะ ไอสูรย์ ฟาโรห์ เอเดน และเมจิ]
“อยู่กลุ่มเดียวกันด้วย O_O เอ๊ะ แต่ฉันไม่เห็นเคยได้ยินชื่อเมจิเลย”
[เมจิตายไปแล้ว...ก็คนที่บอกว่าเป็นแฟนกับเทวะและก็เป็นแฟนกับไอสูรย์ในเวลาเดียวกันนั้นแหละ]
“คบซ้อนอย่างนั้นเหรอ”
[จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ข้อนี้ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเมจิคบใครกันแน่ แต่ทุกคนมารู้เอาตอนที่เมจิตายเพราะรถคว่ำ]
“น่าสงสารจัง”
[คนที่ทำให้เมจิตายคือเทวะ...เขารอดเพียงคนเดียว ไอสูรย์เลยจับได้ว่าเมจิเองก็คบกับเทวะ ทั้งคู่เลยเลิกคบกันตั้งแต่วันนั้น แต่เธอเอ๊ยยยย วันที่สองคนนั้นแตกหักโรงเรียนอย่างกับสนามรบ ทุกคนโกลาหลกันหมด อาจารย์ยังห้ามให้สองคนนั้นเลิกสู้กันไม่ได้เลย]
“แล้วทำยังไง”
[ก็สู้กันจนทั้งสองฝ่ายต่างหมดแรงล้มกันไปเอง เลือดนี่นองเต็มพื้นเลย]
“เดี๋ยวก่อนนะ สองคนนั้นสู้กันเพราะผู้หญิงฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่เพื่อนๆคนที่เหลือทำไมไปอยู่ฝ่ายไอสูรย์กันหมดล่ะ”
[จากเรื่องราวแล้วดูเหมือนเทวะจะแอบคบกับเมจิ ทั้งๆที่รู้ว่าไอสูรย์คบอยู่ เพื่อนๆเลยไม่เห็นด้วยอะไรทำนองนี้ล่ะ คนนอกไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอก]
“อ...อืม”
[เธอเองก็ระวังตัวเอาไว้ให้ดีนะเมลานี ไอสูรย์เห็นช่องทางจะทำลายเทวะแล้วคงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ เวลาหมอนั่นโกรธ...น่ากลัวมาก! ฉันก็อยากจะอยู่เคียงข้างเธอแต่ไม่รู้จะทำยังไง]
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ”
[ขอโทษนะ T^T]
ถึงแม้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะไม่ได้ช่วยให้ฉันปลอดภัยสักเท่าไหร่แต่อย่างน้อยๆก็ยังได้รู้ความเป็นมาบ้างว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง งานนี้คงไม่ธรรมดาซะแล้ว ฉันคงจะถูกพวกอสูรตามล่าหรือแกล้งอย่างสาหัส เพราะฉันคือช่องทางเดียวที่จะทำให้อสูรระบายความแค้นได้
ฉันก็แค่ต้องเตรียมตัวตั้งรับให้ได้มากที่สุดก็เท่านั้น!
เช้าวันจันทร์...
การมาโรงเรียนในวันนี้ทำให้ฉันอิดโรยมาก เพราะตื่นเต้นตั้งแต่เมื่อคืนจนนอนไม่หลับ แม้แต่มาเล่เองยังต้องมาเคาะประตูที่ห้องนอนของฉันแล้วนั่งปรับทุกข์กันตามประสาพี่น้องด้วยความเป็นห่วง บนโลกใบนี้ไม่ค่อยมีอะไรที่ทำให้คนไม่สนใจโลกอย่างมาเล่เป็นกังวลได้หรอก ก็ดูจากผู้หญิงมากมายที่มันคบยังไม่เคยมีใครทำให้หมอนี่เป็นเดือดเป็นร้อนได้ (ไม่นับแนนนี่ที่มาทำให้ฉันกลายเป็นเหยื่อของอสูร) แต่เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นกับฉันทำให้มาเล่ถึงกับยกมือไหว้
‘เค้าขอโทษนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเค้าไปทักตัว ตัวคงไม่ต้องตกเป็นเป้ามากขนาดนี้’
แปลว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับฉันมันไม่ธรรมดาเลย...
ฉันเดินทางมาโรงเรียนแล้วก็เดินไปตามทางปกติ นี่ถ้ามีเสื้อเกราะกันกระสุนฉันคงใส่มันมาด้วยแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่พวกนั้นก็แค่อายุ 17 ปี อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน คงไม่ทำอะไรรุนแรงอย่างฆ่าแกงกันหรอก...มั้ง
ซ้ายไม่มี...
ขวาไม่มี...
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฟู่!!! (ถอนหายใจอย่างแรงเพราะกำลังจะขาดใจตาย =__=) แล้วไอ้ที่ขู่ๆกันว่าอสูรจะต้องทำให้ฉันเดือดร้อนนี่มันอะไรกัน ถ้าไม่มีการกลั่นแกล้งกันแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น!
“เม”
เสียงเรียกของโรสทำให้ฉันที่หงอยเหงาเศร้าสร้อยกลับมายิ้มอีกครั้งหนึ่ง แต่พอเงยหน้าไปเจอกับคนที่ฉันหวาดกลัว ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับนั่งอยู่ข้างๆเพื่อนฉันแล้วส่งยิ้มให้ รอยยิ้มของฉันก็หุบราวกับถูกสาป!
“ไฮ!”
ไอสูรย์ หรือที่เพื่อนๆเรียกกันติดปากแบบคำสมาธิว่า ‘อสูร’ ยกมือขึ้นแล้วยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลากับผมที่เซตด้วยน้ำมันเรียบแปล้แลดูเหมือนเขาเป็นเด็กเรียบร้อยมากกว่าจะเป็นตำนานที่เพื่อนต่างกล่าวขานกันอย่างน่าสะพรึ่ง! โรสที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้กำลังสื่อสารกับฉันว่าอย่าอยู่ในรัศมีนี้จะดีกว่า แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ฉันมาอยู่แล้วนี่!
“อะไรกัน เมื่อกี๊เธอยังยิ้มอยู่เลย นั่งสิ”
“ฉันจะนั่งได้ยังไง”
“ทำไมล่ะ”
“นายนั่งที่ของฉันอยู่”
“โอ๊ะจริงด้วย” อสูรทำหน้าตกใจเล็กน้อย “งั้นเธอจะนั่งตักฉันมั้ยล่ะ”
นี่เป็นคำเชื้อเชิญประเภทไหนกัน ต้องการจะหยั่งเชิงว่าฉันจะกล้าท้าทายเขาหรือเปล่าอะไรแบบนั้นน่ะเหรอ เหล่าเพื่อนๆในห้องที่จ้องมองการสนทนาของเราทั้งคู่นั่งซุบซิบนินทาอย่างเปิดเผยว่ากำลังคุยเรื่องของเราอยู่ หนึ่งในนั้นถึงกับเสนอหน้าแบกเก้าอี้มาให้ฉันด้วยความหวังดีพร้อมพูดทั้งรอยยิ้ม
“นั่งสิ ฉันลากมาให้แล้ว”
ร้อยวันพันปีไม่เคยจะคุยกัน แต่วันนี้กลับมาหวังดีประสงค์ร้าย อยากจะเห็นฉันตายไวๆสินะ เพื่อนนิสัยดีทุกคน!!!
“นี่เธอจะไม่นั่งเหรอ เพื่อนอุตส่าห์หวังดีลากมาให้ หรือกลัว?”
“ฉันไม่ได้กลัว!”
“งั้นดีเลย นั่งๆเราจะได้คุยกัน”
ทุกคำที่เขาพูดออกมามันเจือไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสนุก แต่มันเป็นรอยยิ้มที่กดดัน เพราะฉันหวั่นใจเหลือเกินเนื่องจากไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรอยู่ เวลาอย่างนี้เทวะไปไหนนะ เขาบอกจะปกป้องฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงปล่อยให้ฉันมาต่อสู้กับหมอนี่อยู่คนเดียว!
ฉันนั่งลงตรงข้ามกับอสูร ยืดตัวตรง หายใจเข้าปอดแล้วปล่อยออกมาเบาๆ (ปล่อยลมหายใจนะไม่ใช่ตด -__-) พอตั้งสติได้ก็ปล่อยคำถามออกไปทันที
“นายต้องการอะไร”
“ต้องการเป็นแฟนเธอ”
“ห๊ะ!”
“ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”
“นายมาที่นี่เพื่อจะมาพูดเล่นหรือไง”
“ฉันไม่ได้พูดเล่น คนอย่างฉันไม่เคยล้อเล่น” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นต่ำลงอย่างต้องการสื่อว่าเขาพูดจริงแน่นอน อันที่จริง..ฉันชอบตอนเขากะล่อนมากกว่านะ แบบนี้บรรยากาศไม่ดีเลย T^T
“แล้วอยู่ดีๆมาขอฉันเป็นแฟนเนี่ยนะ จะให้ฉันคิดว่ามันเป็นความจริงได้ยังไง!”
“มันต้องเป็นความจริงได้สิ เธอยังเป็นแฟนกับเทวะได้ง่ายๆเลย” อสูรกลับมายิ้มแล้วทำทีเล่นทีจริงอีกครั้ง “เทวะมันมีดีอะไรเหรอที่เธอจะไปคบ หน้าตามันก็งั้นๆ ชอบกระโดดเป็นลิงเป็นค่าง”
“แต่เขาปกป้องฉัน”
“มันจะปกป้องเธอได้สักเท่าไหร่เชียว ต้องฉันสิ มีเพื่อนเป็นร้อย แค่รู้ว่าเธออยู่ในอันตรายฉันก็สั่งให้เพื่อนๆของฉันไปตายแทนเธอได้แล้ว”
“ฉันรู้ว่านายมันเป็นมาเฟีย แต่ฉันไม่ใช่พวกประเภทหลงรักกับคนเลว”
“เธอพูดอย่างกับเทวะมันเป็นคนดี”
“เขาดีกว่านายก็แล้วกัน”
“แปลว่าเธอจะปฎิเสธสิ่งที่ฉันเสนอไปสินะ”
“ใครตกลงก็บ้าแล้ว!”
อสูรจ้องตากับฉันราวกับต้องการจะกดดันให้ฉันพูดออกมาว่า ‘ฉันสำนึกผิดแล้ว อภัยให้เถอะ’ แต่แน่นอนว่าการกดดันนั้นใช้ไม่ได้ผลกับฉัน!
ไม่ใช่อะไรหรอก มันกดดันจนฉันพูดอะไรไม่ออกเลย TT^TT
“ฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันง่ายหรอก” อสูรลุกขึ้นพร้อมทั้งเดินอ้อมมายังด้านหลังฉันที่นั่งตัวแข็งอยู่ “ถ้าเธอตอบตกลงง่ายๆก็คงไม่สนุก อย่างน้อยๆนี่ก็เป็นการพิสูจน์ว่าเธอกับเทวะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ฉันกับเขาเราไม่!!!...”
อสูรเอื้อมมือมาปิดปากฉันแล้วเอานิ้วชี้แตะปากตัวเองแล้วส่งเสียง ‘จุ๊ๆ’ ราวกับจิ้งจกหน้าหล่อ
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น คนที่ปฎิเสธฉันคือศัตรู” อสูรเดินไปนอกห้องเรียนแล้วส่งเสียงดังเหมือนต้องการให้ใครหลายๆคนได้ยิน “ผู้หญิงของเทวะเป็นศัตรูยิ่งกว่า และใครเป็นเพื่อนของผู้หญิงคนนี้”
“...”
“คือศัตรูของฉัน”
จากนั้นเขาก็เดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเราไปทั่วทั้งห้องเรียน มีเพียงโรสเท่านั้นที่กล้าส่งเสียงคุยกับฉัน
“เม”
“...”
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ฉันสั่นไปหมดทั้งตัว เขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง อายุไล่เลี่ยกันกับฉันแต่ทำไมถึงได้กดดันคนได้เก่งขนาดนี้ แม้แต่เพื่อนในห้องเองยังนั่งกันเงียบไม่กล้าทำท่ากระซิบอย่างแสดงออกแบบเมื่อกี๊นี้เลย
ไม่...เขาแค่มาเพื่อขู่เท่านั้น
เขาไม่กล้าทำอะไรจริงๆหรอก!!!
และก็เป็นอย่างที่ฉันคิด วันนี้ผ่านไปด้วยดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น! มันก็แค่คำขู่เท่านั้น เชอะ! ถ้าเขามีปัญญาทำอะไรจริงๆฉันคงไม่ลอยหน้าลอยตามานั่งกินข้าวกับที่บ้านแบบนี้ร๊อกกกกก
“เค้าว่ามันผิดปกติ มันนิ่งเกินไป”
มาเล่ออกความเห็น ส่วนพี่ชายใหญ่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“จริง ถ้าอสูรประกาศตัวขนาดนี้แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พี่ว่ามันไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่”
“แต่พี่ก็เห็นแล้วนี่คะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย บางทีเขาอาจจะเก่งแต่ปากก็ได้ หรือไม่ก็คงจะกลัวเทวะจัดการ”
“อสูรไม่มีกลัวเทวะหรอก หมอนั่นยิ่งทำให้เทวะเจ็บปวดเท่าไหร่ยิ่งสะใจ แล้วยิ่งคิดว่าเธอเองเป็นผู้หญิงของเทวะด้วยแล้ว ไม่น่าจะปล่อยไปง่ายๆ”
“พวกพี่ระแวงเกินไปค่ะ ฉันว่าไม่มีอะไรหรอก” ฉันลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะตบพุงตัวเองฟ้องว่าอิ่มแล้ว “ขึ้นไปนอนก่อนนะคะ”
“ถ้าเค้าเป็นตัวจะไม่ทำท่าสบายใจขนาดนั้น”
“เค้าแค่มีความกล้ามากเท่านั้นเอง และเค้าเชื่อว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!!”
ฉันกลับมาที่ห้องนอนแล้วปิดประตูเพราะไม่ต้องการให้ใครมาพูดจาให้ตัวฉันรู้สึกกลัวอีก อสูรก็แค่นั้นแหละ คนอื่นกลัวกันไปเอง ก็เห็นๆอยู่ว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และฉันก็เชื่อว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดไป เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็อย่างที่โรสบอกไว้นั่นแหละ เด็กโรงเรียนนี้ต่างก็ไม่กลัวกันและกันเพราะต่างคนต่างก็มีดี ฉันเองก็เชื่อว่าตัวเองมีดี เพียงแต่ฉันยังใหม่มากและอาจจะยังปรับตัวไม่ได้ก็เท่านั้น
เลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วทำทุกวันของฉันให้ดีเถอะ
ตรู๊ด....
เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น ซึ่งโทรศัพท์เครือ่งนี้เป็นเบอร์ที่ยิงตรงมายังห้องของฉันเพื่อเอาไว้เล่นอินเตอร์เนทโดยเฉพาะ ดังนั้นฉันจึงรู้ทันทีว่าใครที่โทรมาหา
[ไฮ]
“หายไปนานเลยนะ J!!!”
[ขอโทษที ช่วงนี้ยุ่งๆกับการเปิดเรียนน่ะ เธอล่ะเป็นยังไงบ้าง ต่อให้ฉันไม่โทรหาเธอก็ควรจะโทรมาหน่อยนะ ทำไมต้องมีแต่ฉันคนเดียวที่โทรด้วย]
“ผู้หญิงไม่ควรโทรหาผู้ชายก่อน อีกอย่าง...ช่วงนี้มีเรื่องนิดหน่อย”
[เรื่องอะไรเหรอ]
“มันเกี่ยวกับที่โรงเรียนน่ะ ถ้าเล่าไปแล้วนายสืบหาฉันเจอก็แย่สิ”
[งั้นเล่าแค่ความทุกข์ใจของเธอก็ได้ อะไรที่ทำให้เธอเป็นกังวล]
“ก่อนหน้านี้ฉันกังวล แต่พอได้ยินเสียงนายฉันก็หายแล้ว”
[ปากหวาน จำเอาไว้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ ดังนั้นถ้ามีอะไรไม่ดีขอแค่บอก ฉันจะช่วยเธอทันที]
“ขอบใจนะ”
ฉันยังต้องมีอะไรให้กลัวอีก ในเมื่อคนรอบข้างของฉันต่างก็พร้อมจะปกป้องคุ้มครอง แม้แต่เจเองที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตายังคิดจะปกป้องฉัน หึ...อสูร นอกจากเห่าแล้วนายทำอะไรฉันไม่ได้เลย
ก๊ากกกกกก กั่กๆๆๆๆ
วันต่อมา...
ฉันยังคงไปเรียนหนังสืออย่างทุกวัน และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันเชื่อว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนๆทุกคนยังปฎิบัติกับฉันเหมือนเดิมนั่นก็คือ...เมินใส่ =__= ทำไมคนที่นี่ถึงได้เย่อหยิ่งนักนะ
ฟึ่บ!!!
อยู่ๆไฟในห้องเรียนก็ดับสนิท แอร์ที่เคยให้ความเย็นชุ่มฉ่ำก็พลันไม่ทำงานไปด้วย ทุกคนมองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาที่มาว่าทำไมไฟดับแต่แน่ล่ะ ว่าไม่มีคำตอบ
“อยู่ๆไฟดับได้ไงเนี่ย”
หนึ่งในเพื่อนๆตะโกนขึ้น จากนั้นไม่นาน เพื่อนในห้องที่ออกไปเพื่อจะแจ้งเรื่องไฟดับรีบวิ่งกลับมาพร้อมกับรายงาน
“ห้องเราดับอยู่ห้องเดียว”
เพื่อนๆทุกคนหันมามองฉันเป็นตาเดียวเหมือนกับว่าที่ไฟดับนี่เป็นความผิดของฉันอะไรอย่างนั้น โรสเองที่พอจะอ่านสายตาขของเพื่อนๆได้รีบตะโกนเถียงแทนฉัน
“นี่พวกนายคิดว่าการที่ไฟดับเป็นความผิดของเมลานีเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่ยัยนี่จะเป็นใคร บางทีอสูรอาจจะทำก็ได้”
“ไม่มีหลักฐานอย่ามากล่าวหากันนะ และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คนที่พวกนายต้องประณามคืออสูร ไม่ใช่เมลานี”
พอเถียงไม่ได้ ทุกคนก็ออกไปนั่งรับลมเย็นๆข้างนอกรออาจารย์มาเพื่อแจ้งเรื่องไฟ ส่วนโรสรีบตบบ่าฉันอย่างให้กำลังใจ
“ไม่ต้องกังวลนะ ก็แค่ไฟดับ มันไม่เกี่ยวกับเธอหรอก”
“อืม ^^”
แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่จบเพียงเท่านั้น พอพักเที่ยงเราทั้งหมดต้องไปแคนทีนเพื่อพักกลางวัน นี่ต่างหากคือของจริง เพราะร้านอาหารทั้งหมดถูกปิดเรียบ ไม่มีใครในที่นี้ได้กินเลยแม้แต่คนเดียว
“บ้าไปแล้ว โรงอาหารไม่มีข้าวขายได้ยังไงกัน!”
เด็กรุ่นเดียวกันกับฉัน คนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างโมโหหิว แต่ทว่า...ผู้หญิงนางหนึ่งในชุดเชียร์ลีดเดอร์ ตัวแสบแห่งโรงเรียนนี้เดินผ่านไปหน้าตาเฉยพร้อมกับอาหารข้าวกล่องที่นำมาเองจากบ้านแล้วกินเปิดพิสดารให้ทุกคนเห็น
“โรงเรียนนี้แย่เนอะ ไม่มีข้าวขาย โชคดีที่ฉันไหวตัวทันเลยมีข้าวกิน”
แนนนี่ทำเป็นพูดเสียงดังให้ทุกคนในโรงอาหารได้ยิน รุ่นพี่นางหนึ่งที่เพิ่งจะได้พักกลางวันเดินมายังโต๊ะของเจ้าหล่อนแล้วถามอย่างสงสัย
“ทำไมอยู่ๆเธอก็แบกข้าวมากินเอง เธอรู้ได้ยังไง”
“รู้สิ อสูรบอก”
“เอ๋?”
และทุกคนในโรงอาหารก็หันมาทางฉันอย่างพร้อมเพรียง หนึ่งในนั้นชี้มาที่ฉันแล้วพูดอย่างอาฆาต
“เพราะยัยเด็กใหม่ ผู้หญิงของเทวะทำให้พวกเราทั้งหมดไม่ได้กินข้าว!”
ท...ทำไมล่ะ ทำไมหวยมาออกที่ฉัน
อสูร...หมอนั่นกำลังทำให้สังคมในโรงเรียนนี้รังเกียจและบีบฉันให้ตายอย่างนั้นสินะ!!! O_o
ความคิดเห็น