คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Lesson 4 : บอดี้การ์ด
4
บอดี้การ์ด
ตำรวจทั้งสองนายหามฉันคนละข้างแล้วอุ้มขึ้นรถตู้คันสีดำ มันดูแปลกๆนะ ทำไมฉันถึงมาอยู่บนรถตู้ล่ะ เดี๋ยวนี้ตำรวจเขาไม่ให้คนร้ายขึ้นบนท้ายกระบะหรือรถเก๋งอัลติสอะไรแบบนั้นแล้วเหรอ O_O
“หนูไม่ได้ทำจริงๆนะคะ”
“พวกเรารู้”
“อ้าว”
“แต่พวกเราจะจับ”
“เอ๋?”
“ตอนเธอทำหน้าตกใจน่ารักจุงเบย อะไรกันนะที่ทำให้เทวะมันสนใจเธอได้น่ะ”
ตำรวจนายหนึ่งถอดหมวกออกแล้วหันมาเกาะเบาะรถเพื่อจ้องฉันที่นั่งด้านหลัง ใบหน้าเขายังดูวัยรุ่นเกินกว่าจะมาเป็นตำรวจได้ ทำสีผมด้วยนะเนี่ย O_o เดี๋ยวก่อน เทวะดังไปถึงสถานีตำรวจนครบาลเชียวเหรอ มันชักแปลกๆแล้วนะ
“ฟาฯ แกช่วยนั่งเงียบๆได้มั้ยฉันรำคาญ ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้” ตำรวจอีกนายหนึ่งโยนหมวกมาด้านหลังเกือบกระแทกฟาดเข้าที่หน้าฉันแล้วถ้าไม่หลบตามสัญชาติญาณ สายตาของเขามาตรงมาทางฉันผ่านกระจกมองหลัง น่ากลัวจัง T^T
“พวกคุณเป็นตำรวจหรือเปล่า”
“เปล่า >O<” ฟาฯ
“แล้วจับฉันมาทำไม”
“อยากทำความรู้จัก!”
“เอ๋?” ฉันยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก
“ฉันไม่ไปโรงเรียนแค่สองวัน อยู่ๆก็มีเรื่องให้น่าตื่นเต้นอย่าง ‘ผู้หญิงของเทวะปรากฎตัว’ นี่ถ้าไม่เห็นแฟนเก่าฉันแชร์มาในเฟสฯฉันไม่มีทางรู้ได้เลย แต่หน้าตาเธอดูธรรมดาต่ำกว่ามาตรฐานเทวะไปนะ”
จากความกลัวจะกลายเป็นความอยากระทืบให้หนังหน้าติดกับฝ่าเท้าฉันจังเลยเจ้าประคุณรุนช่อง บอกฉันเป็นนางเอกโง่ๆฉันไม่โกรธเท่าบอกฉันไม่สวยเลยนะฮึ่ม!
“ว่าแต่เธอไปทำความรู้จักกับเทวะยังไง ตอนไหน แล้วทำไมมาเรียนที่นี่ได้ เทวะชวนมาเหรอ แล้วได้กันหรือยัง โอ๊ยตื่นเต้นๆ”
นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน! ฉันอยากกลับบ้าน กรี๊ดดดดดด
“ฉันบอกให้แกเงียบไงฟาร์”
“ก็ฉันอยากรู้อ่ะ =[]=”
“เดี๋ยวก็ได้รู้แล้ว เดี๋ยวไอย์ก็ถามเอง นี่ไม่ใช่เรื่องของเรา”
“เรื่องของเทวะกับไอย์ฯมันก็เรื่องของเราเหมือนกันนะ อย่าทำเป็นไม่อยากรู้ไปหน่อยเลยเอเดน”
ผู้ชายที่ดูเหมือนรำคาญเต็มแก่นั่นชื่อเอเดนสินะ สองคนนี้เป็นใครกันแน่ แล้ว ‘ไอย์’ นี่เป็นใครอีก ตัวละครลับอย่างนั้นเหรอ แต่ถึงฉันจะมีคำถามมากมายแค่ไหน แน่นอนว่าฉันไม่ได้รับคำตอบอยู่แล้วเพราะเหมือนคนพวกนี้จะถูกตั้งโปรแกรมมว่า ‘ห้ามตอบ’ เพราะตลอดทางฉันเอาแต่ถามว่าจะพาไปไหน ไปทำอะไร คำตอบที่ได้รับคือ...
ความเงียบ
จนกระทั่งรถจอดที่บ้านใครคนหนึ่ง ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวตกแต่งอย่างดีด้วยสไตล์เซน ที่ให้ความร่มรื่นแต่ก็เงียบสงบในคราวเดียวกัน ถึงแม้จะอยากชื่นชมความงามของบ้านแต่ฉันกลับเป็นห่วงคนที่บ้านที่รอการกลับไปของฉันมากกว่า โทรศัพท์ฉันก็ถูกยึดไป ถ้าโทรหาไม่ติดอย่างนี้พ่อกับแม่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ T_T
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านของฟาโรห์ รึก็คือเค้าเอง เย้ >O<”
“คุณหนูทำไมแต่งตัวแบบนี้คะ แล้วพาใครมาด้วยอีกแล้วคะเนี่ย ไม่ซ้ำหน้าเลย =__=”
คนรับใช้อายุอานามค่อนไปเกือบ 50 วิ่งมาต้อนรับขับสู่คุณหนูของนางแล้วมองอย่างแปลกใจ แต่สายตาตอนแพนมาทางฉันให้ความรู้สึกดูถูกจนฉันแลดูต่ำต้อยด้อยคุณค่าตามมาตรฐานสากลโลกไปเลย
“เพื่อนใหม่ เดี๋ยวจะปาร์ตี้กัน นมไม่ต้องเข้ามานะ แล้วอย่าบอกป๊าล่ะ”
“เอาอีกแล้วนะคะ”
“จุ๊ๆ สัญญาว่าวันนี้วันสุดท้าย เสาร์อาทิตย์บ้านจะเงียบสงบ ไม่มีเสียงอันเป็นมลพิษ สัญญา”
ฟาโรห์เดินนำเข้าไปในบ้าน ฉันที่ทำท่าจะเฟสหนีก็ถูกเอเดนคว้าคอเสื้อเอาไว้แล้วลากให้ไปด้วยกัน ห้องที่เขาพามาเหมือนเป็นห้องโฮมเธียร์เตอร์ที่สร้างเมื่อเอนเตอร์เทนโดยเฉพาะ แอร์เย็นฉ่ำในห้องไม่ได้ช่วยให้ฉันคลายร้อนในใจลงไปได้เลย ที่นี่มีผู้หญิงอีกสามคนที่นั่งคุยกันนุ้งนิ้งอยู่ตรงเคาท์เตอร์กำลังผสมแอลกอฮอล์ลกันอย่างสนุกสนาน พอสาวๆเห็นฉันก็เกิดอาการทำหน้าเบะใส่
เป็นอะไรยะ อมขี้ไว้รึไง?
แน่นอนฉันไม่ได้พูด =__=
“นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวก็มากันครบแล้ว” ฟาโรห์ต้อนรับขับสู้ฉันด้วยการเอาน้ำเปล่ามาให้ดื่ม “ทำตัวตามสบายให้เหมือนอยู่บ้านเลยนะ”
“ฉันจะทำตัวตามสบายได้ยังไงกันในเมื่อพวกนายพาฉันมาที่ไหนก็ไม่รู้ พวกนายเป็นใครฉันยังไม่รู้เลย!”
“อนาคตเราจะเป็นเพื่อน จริงมั้ยเอเดน”
“ไม่จริง ฉันไม่เป็นเพื่อนกับคนแปลกหน้า -__-“
“ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับพวกนายสักหน่อย T^T” ฉันพูดเสียงสั่น “ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ถ้าพ่อแม่ฉันรู้เข้าพวกนายเดือดร้อนแน่!”
“พ่อแม่เธอเป็นใครล่ะ ใหญ่โตมากเลยเหรอ”
เสียงของผู้มาเยือนคนใหม่เรียกความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง ผู้ชายคนเดียวกับที่วิ่งเอากระเป๋ามายัดใส่มือฉันเดินย่างสามขุมเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาพร้อมทั้งยืดแขนยืดขา
“อ๊า...เมื่อยชะมัด ข้างนอกร้อนจริงๆ เธอว่าอย่างนั้นมั้ย?”
“เอ๋? ฉันเหรอ”
“ใช่สิ ถามเธอนั่นแหละ ร้อนมั้ย”
“ก็...ร้อน แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสักหน่อย” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วขึ้นเสียงอย่างโมโห “นายทำแบบนั้นทำไม วิ่งราวกระเป๋าสตางค์ป้าคนนั้นแล้วมายัดใส่มือฉัน แล้วยังบอกให้เพื่อนๆทุกคนชี้หน้าว่าฉันเป็นคนทำอีก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอไม่คิดว่ามันสนุกเหรอ”
“สนุกกับผีอะไรกัน แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไม คนไม่เคยรู้จักกันไม่ควรทำแบบนี้นะ”
“แต่ทำไมดูเหมือนเธอรู้จักฉันเลยล่ะ O_O”
“เอ๋?”
“เธอเดาออกใช่มั้ยว่าฉันเป็นใคร” เขายืนขึ้น ความสูงของเขาทำให้ฉันต้องเงยหน้ามอง ใบหน้าคมเข้มค่อนไปทางตะวันตก ทุกอย่างบนใบหน้าของเขางดงามอย่างไม่มีที่ติ โดยเฉพาะดวงตาสีดำขลับที่ยิ่งมองเข้าไปข้างในก็ยิ่งรู้สึกว่ามันลึกลับ
“อสูร”
“ใช่เลย!” เขาดีดนิ้วอย่างชอบอกชอบใจ “แอบคิดเหมือนกันว่าเธอจะไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องของฉันมันจะไปเข้าหูเธอเร็วกว่าที่คิด ยินดีที่ได้รู้จัก”
อสูรยื่นมือมาให้จับแต่ฉันปัดออก เสียงผิวปากหวือจากฟาโรห์ทำให้อสูรหัวเราะหึๆ
“ไม่จับก็ไม่จับ อะไรก็ดียกเว้นมารยาท “
“นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ปล่อยฉันไปเสียที ป่านนี้พ่อแม่เป็นห่วงฉันแย่แล้ว”
“ก็แค่อยากทำความรู้จักกับเธอสักหน่อย เห็นแนนนี่บอกกับฉันว่าเธอเพิ่งมีเรื่องด้วยกันมา ได้ข่าวว่าเป็นนักเรียนใหม่ด้วย เธอนี่ห้าวมากๆ มาเรียนได้ไม่กี่วัน เธอสร้างเรื่องให้เป็นที่เลื่องลือในโรงเรียนเลยนะ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรทั้งนั้น แนนนี่มาหาเรื่องฉันเพราะฉันมีเรื่องกับมาเล่ ส่วนเทวะ ฉันเพิ่งเคยเจอกับเขา เพิ่งจะได้คุยกัน”
“แล้วมันก็แบกเธอไปห้องพยาบาลเนี่ยนะ ไม่หรอก พวกเธอต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่”
“ไม่มีจริงๆ ฉันเพิ่งจะได้คุยกับเขาวันนี้เอง! ทำยังไงถึงจะเชื่อ”
“เต้นสิ”
“ห๊ะ?”
“ถ้าเธอเต้นให้ดู ฉันจะเชื่อ เอาไอวิลเซอไวเว่อนะ”
“ไม่!”
“ฉันเชื่อว่าเธอจะเต้น”
“ฉันไม่รู้จักเพลงไอวิวเซอไวเว่อ...เป็นหญิงลีได้มั้ย?”
“=__= ทึ่ง”
แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากทำอกกระเพื่อมแล้วพยายามร้องแต่ท่อนฮุค ‘ท่านกำลังเข้าสู้บริการรับฝากหัวใจ’ อย่างไม่มีกำหนดว่าเพลงจะจบเมื่อไหร่เพราะฉันร้องได้แค่นี้ ที่เด็ดกว่านั้นสาวๆที่มาอยู่ก่อนหน้าฉันสามคนนั่นมายืนเต้นเป็นหางเครื่องด้านหลัง ตอนนี้ฉันไม่ต่างอะไรกับเด็กนั่งดริ๊งค์ที่ทำตามใจแขก TT^TT นี่ฉันลูกสาวท่านรัฐมนตรีเชียวนะ มาทำอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้
“เธอเต้นสวยจนฉันตกใจเลยนะเนี่ย”
อสูรลุกขึ้นแล้วมาเต้นข้างๆในท่าหญิงลี ศรีจุมพล อย่างสนุกสนาน เขาดูเป็นมิตรมากกว่าศัตรู แต่ฉันกลับรู้สึกกลัวเขาเกินกว่าจะเป็นมิตรด้วยได้ ใช่สิ ถ้าไม่กลัวป่านนี้ฉันหยุดเต้นวิ่งหนีกลับบ้านไปแล้ว TT^TT
“ฉันจะกลับบ้านได้รึยัง”
“เดี๋ยวไปส่ง”
“นายจะรั้งฉันเอาไว้ทำไมเนี่ย”
“ขอพิสูจน์อะไรหน่อย”
“พิสูจน์อะไร”
“ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงของเทวะ”
“ฉันไม่ใช่จริงๆ”
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้อสูรหยุดเต้นแล้วพยักเพยิดหน้าไปที่ประตู
“มาดูกันว่าใครมา”
“ทำไมฉันต้องดูด้วย ฉันจะไปรู้จักใครที่มาได้ยังไงกัน”
“ถ้าไม่ใช่คนที่ฉันคิด ฉันจะปล่อยเธอกลับบ้าน แต่ถ้าใช่...ฮิๆ”
เขาเดินไปเปิดประตูช้าๆ ทันทีที่บิดลูกบิดประตู รอยยิ้มบนหน้าเขาก็ฉายชัดมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าใครที่มาปรากฏตัว แม้แต่ฉันก็งงว่าทำไมเขามาที่นี่ได้...เทวะ!
“แกมาทีเดียว ทุกอย่างกระจ่างใจมลเลยเพื่อน”
พลั่ก!
ขายาวๆของเทวะถีบเข้าที่ยอดอกของอสูรจนเจ้าตัวโตนั่นหงายหลังผึ่งกองนอนกับพื้น แต่ถึงแม้จะนอนอย่างนั้นใบหน้ากลับมีรอยยิ้มที่สุดแสนจะร่าเริง
“แกมารออยู่ที่นี่กี่ชั่วโมงแล้วล่ะ...เทวะ ถึงได้อดรนทนไม่ไหวบุกเข้ามาในนี้”
“ในดวงตา!”
“เอ๋?”
“กลับ!” เขาก้าวขาข้ามร่างของอสูรที่นอนอยู่อย่างไม่สนใจแล้วมาลากฉันกลับไปด้วยกัน ฉันแอบคิดว่าอสูรจะแอบลอบทำร้ายด้านหลัง แต่เขากลับแค่มองมาทางฉันแล้วโบกมือให้พร้อมรอยยิ้ม
“ไว้เจอกันนะ...ในดวงตา >_O”
ช่างเป็นรอยยิ้ม...ที่น่ากลัว
เหตุการณ์วันนี้มันช่างเยอะแยะไปหมดจำไม่ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างภายในวันเดียว แต่ที่แน่ๆเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นในขณะนี้ถ้ามีใครมาเห็นจะต้องถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าแฟนเพจโรงเรียนเป็นแน่แท้ เพราะเทวะกำลังเดินไปส่งฉันที่บ้าน
อ่านไม่ผิดหรอก ‘เดิน’ ไปส่งแถมชวนฉันขึ้นรถเมล์กลับอีกต่างหาก และนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้ขึ้นรถเมล์จริงๆ ไม่ใช่ในละคร ไม่ใช่มองออกมาจากรถที่ไปส่งฉันที่โรงเรียนทุกเช้า >O<
“เธอดูตื่นเต้นนะ -__-“
“นี่เป็นการขึ้นรถเมล์ครั้งแรกของฉันเลย”
“ถึงเธอจะถูกเลี้ยงมาอย่างดีแค่ไหน การขึ้นรถเมล์ก็ควรจะเป็นประสบการณ์หนึ่งที่เธอต้องได้ลิ้มลอง”
“นายก็รวยไม่ใช่เหรอ O_o”
“ใช่ ฉันรวย ฉันเลยอยากสัมผัสชีวิตธรรมดาของคนที่รีบขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียน ยืนเบียดกับมนุษย์เงินเดือนเพื่อไปทำงานอะไรแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่พ่อแม่เราจะไม่ยอมปล่อยให้เรามาเจออะไรแบบนี้...อะไรอีกล่ะ -__-;;”
“ถ้าเกิดมีคนถ่ายรูปเราสองคนนั่งรถอยู่ด้วยกันล่ะก็ จะยิ่งไปกันใหญ่เลยนะ”
ฉันเขยิบตูดไปนั่งเบาะด้านขวาสุดในขณะที่เทวะนั่งอยู่ซ้ายสุด ก็รู้หรอกนะว่าเสียมารยาท แต่ฉันว่ามารยาทไม่สำคัญเท่าความปลอดภัยแน่ๆ
“ต่อให้ไม่มีรูป คนก็จินตนาการไปใหญ่โตแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน”
“นายก็ควรจะแก้ข่าวสิ”
“เธอคิดว่าถ้าฉันพูดจะมีคนเชื่อเหรอ แค่วันนี้ฉันไปช่วยเธอที่บ้านของฟาโรห์ ก็ยิ่งทำให้ไอย์คิดไปต่างๆนาๆแล้วว่าเธอมีความสำคัญกับฉัน”
“ทำไมเขาต้องคิดอย่างนั้น”
“เพราะมันจ้องจะทำลายล้างฉันทุกอย่าง”
“แล้วทำไมต้องมาทำกับฉันด้วย”
“เพราะทำกับฉันแล้วไม่สะใจพอ เลยคิดจะทำกับคนที่ฉันรัก...มันเจ็บกว่า”
“=[]= เรา...เราควรอธิบายนี่นา”
“ก็บอกแล้วไงว่าหมอนั่นไม่ฟังคำอธิบาย ไอย์ตั้งใจจะเล่นงานฉันมานานแล้ว และเธอคือช่องทางให้มันทำ จริงๆฉันไม่ต้องสนใจเธอก็ได้นะเนี่ย แค่ปล่อยให้เธอถูกไอย์เล่นงานไป ส่วนฉันก็แค่อยู่ดูเหตุการณ์ก็พอ ไม่ควรต้องมาเปลืองตัวช่วยเหลือเธอแบบนี้”
“แล้วทำไมต้องช่วยฉันด้วยล่ะ”
“ดวงตาเธอล่ะมั้ง”
“เอ๋?”
“มันสวยดี ^^”
ตึกตึก...
ตึกตึก...ตึกตึก ตึกตึกตึกตึกตึกตึกๆๆๆๆๆๆๆ กรี๊ด เต้นแรงเกินไปแล้วนะหัวใจ หัดมีมารยาทกับเจ้าของร่างกายบ้างสิ! แม้ว่าเสียงเครื่องยนต์บนรถเมล์จะดังฉันก็ยังคงกลัวว่าเทวะจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันเต้นเร็ว ฉันเลยเมินหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วควบคุมลมหายใจเข้าออกของตัวเอง ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ทุกทีที่อยู่ใกล้หรือนึกถึงเลย ฉันโมโหตัวเองแล้วนะ
เทวะพาฉันนั่งรถเมล์เสร็จก็เดินมาส่งที่บ้านด้วยการนำทางของฉัน ช่างน่าแปลก เขานั่งรถเมล์เก่งมาก! รู้ได้ยังไงว่าต้องลงตรงไหนอะไรยังไง ฉันก็ได้แต่อาศัยว่าซอยนี้คุ้น ทางนี้เหมือนเคยเห็นเท่านั้น (ต้องเข้าใจนะ นั่งรถกับเดินเท้า วิสัยทัศน์มันไม่เหมือนกัน ฉันเบลอๆ =__=)
“บ้านหลังนี้แหละ”
“ใหญ่โตดี รวยเหมือนกันนะเรา”
“น...นายกลับไปเถอะ ยังไงก็ขอบใจนะ”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน ฉันคงต้องเป็นบอดี้การ์ดจำเป็นให้เธอไปสักพัก เหนื่อยหน่อยนะนักเรียนใหม่ แม่คนตาสวย”
“=[]=”
เขาส่งยิ้ม แล้วออกตัววิ่งไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่ามองตามแทบไม่ทัน ภาพที่ตรึงตาฉันที่สุดคือเขากระโดดขึ้นไปบนกระโปรงรถที่จอดริมถนนแล้วตีลังกาลงมาบนพื้นเหมือนกับว่ามันง่ายมาก กินข้าวยังแลดูยากกว่าอะไรเช่นนั้นเลย (>< )( ><) ไม่ เลิกสนใจดีกว่า ฉันควรจะเข้าบ้านและรีบติดต่อไปหาโรสให้เร็วที่สุด เพื่อ...
“คุณหนู!!!”
เสียงของยามที่เฝ้าหน้าประตูบ้านตะโกนออกมาพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออกอัติโนมัติ ไม่ถึงนาที พ่อ แม่ และพี่น้องฉันทั้งหมดกรูกันเข้ามาเหมือนหมาไนเจอกวางน้อย เอ๊ะ ฉันเปรียบถูกต้องมั้ยเนี่ย -*-
“เม!!! หายไปไหนมาลูก”
“ค...คือ...”
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“ตัวยังไม่ตายจริงๆด้วย T^T”
เอาล่ะ...ความวุ่นวายของจริงเข้ามาแล้ว
หลังจากอธิบายกับพ่อแม่ไปว่าเป็นการเข้าใจผิดเล็กน้อย ไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่คิด แค่เพื่อนล้อกันเล่น แม้ท่านจะไม่ค่อยเชื่อแต่พอเห็นฉันยืนยันอย่างนั้นก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้เพราะฉันทำท่าอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยากนอน ฉันจำเป็นต้องโกหกสิ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นฉันถูกจับออกกลางคันจะเป็นยังไง จริงมั้ย?
“ถ้าเรื่องมันมาถึงขนาดนี้ยังไงเราก็ต้องลาออก การลาออกคือความปลอดภัยทีเธอควรได้รับ เม!”
พี่ชายใหญ่ของฉันเดินตรงมาหาที่ห้องพร้อมกับมาเล่ หมอนี่เองก็ทำหน้าเครียดไม่แพ้กัน
“มันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ไม่รุนแรงเหรอ! เธอถูกมันพาตัวไปเลยนะเม”
“ทำไมพวกพี่ถึงรู้ละคะว่าคนที่พาเมไปเป็นพวกของอสูร ไม่ใช่ตำรวจจริงๆ”
“วันนี้พวกเราพากันไปสถานีตำรวจเพื่อจะไปช่วยตัว แต่พอไปถึงตำรวจบอกไม่ได้จับเธอมา พี่ไมโลเลยโทรไปเล่าให้พ่อฟัง พ่อเลยติดต่อทุกสถานีที่อยู่ในกรุงเทพก็ไม่เจอตัว เลยเดากันได้ไม่ยากว่าคนที่ทำอะไรแผลงๆแบบนี้ได้มีเพียงอสูรเท่านั้น ตัวไม่ใช่คนแรกที่ถูกเล่นงานอะไรแบบนี้”มาเล่
“แล้วนี่ทำไมเราถึงกลับมาได้ ไม่สิ กลับมาได้ยังไงดีกว่า”
“เอ่อ...”
“ว่าไง”
“เทวะช่วยมา”
“หา!!!”
เรื่องมันชักจะบานปลายไปกันใหญ่ ซักไซ้ไล่เรียงกันไปมาฉันเลยเล่าความเป็นมาทั้งหมดให้ฟัง ตั้งแต่มีเรื่องกับมาเล่วันนี้ แล้วแนนนี่แฟนคลับมาต่อว่าพร้อมทั้งเล่นงาน ภาพที่เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องที่อสูรจับฉันไปทำอะไรบ้าง
“ฉันจะไปจัดการกับแนนนี่ บอกไปเลยว่าตัวเป็นพี่สาวเค้า หมั่นไส้ยัยนี่มานานแล้วจะอะไรกับเค้านักหนา” มาเล่
“ถ้าอย่างนั้นความลับก็แตกน่ะสิ”
“ก็ให้มันแตกไป พวกพี่จะปกป้องเธอเอง”
“ไม่ต้องค่ะ!!!”
“ทำไมล่ะ?”
“ค...คือ...”
พอได้ยินคำว่าปกป้องฉันก็รู้สึกต่อต้านขึ้นมาทันทีอย่างไม่ทราบสาเหตุ หัวของฉันคิดถึงแต่เรื่องของเทวะ เขาคนนั้นบอกจะปกป้องฉันแล้ว
“คืออะไร”
“ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง ห้ามทำอะไรทั้งนั้น ให้มันเป็นไปอย่างนี้”
“แต่...” มาเล่จะค้านแต่ฉันโบกมือห้ามไว้
“ไม่ต้อง! เค้าอยากอยู่โรงเรียนนี้โดยไม่ต้องมีใครคุ้มครองปกป้อง ก็อย่างที่พี่ชายใหญ่เคยบอกไง ฉันต้องเติบโตไปในโลกกว้าง ถ้าแค่โรงเรียนฉันยังผ่านไปไม่ได้ ฉันก็ผ่านโลกนี้ไปไม่ได้เหมือนกัน”
พี่น้องทั้งสองคนของฉันจนใจที่จะพูด หรือพยายามจะพูดแต่ฉันก็ไม่รับฟัง
กลัวก็กลัวนะ แต่ฉันเชื่อว่าจะไม่มีใครทำอะไรฉันได้...มีคนบอกจะปกป้องฉันแล้วนี่
เทวะ...เขาคนนั้น!
ความคิดเห็น