คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วันเกิดของพล (ต่อ)
ผมหันหลังไปดูก็เห็นบุรุษไปรษณีย์กำลังวิ่งมาหาผม ในมือถือจดหมายฉบับหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ถามผมว่า"คุณชื่อตะวันใช่ไหมครับ" ผมก็ตอบกลับไปว่า"ใช่ครับ ผมชื่อตะวัน" บุรุษไปรษณีย์คนนั้นก็ยื่นจดหมายฉบับนั้นมาให้ผม แล้วเขาก็เดินกลับที่รถมอเตอร์ไซด์ของเขา แล้วขี่จากไปอย่างรวดเร็ว ผมหยิบจดหมายขึ้นมาดูใกล้ๆ ก็พบว่าจดหมายนี้พลเป็นคนส่งมา ผมไม่ได้สนใจกับจดหมายสักเท่าไร เพราะผมคิดว่าข้อความในจดหมายมันน่าจะเป็นเรื่องของงานวันเกิด แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมพลไม่โทรมาบอก ส่งจดหมายมาทำไม ผมตัดสินใจไม่เปิดจดหมายนั้นออกอ่าน เพราะยั้งไงผมก็ต้องเจอพลคืนนี้อยู่แล้ว ผมวิ่งออกไปที่หน้าปากซอยเพื่อที่จะเรียกแท็กซี่ไปสนามบิน เมื่อผมถึงหน้าปากซอยก็เห็นแท็กซี่กำลังแล่นมาพอดี ผมโบกมือเรียกแท็กซี่คันนั้น ไม่นานแท็กซี่คันนั้นก็มาจอดที่ตรงหน้าผม ผมเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งทันทีและบอกกับคนขับแท็กซี่ว่า"ไปสนามบินครับ" จากบ้านผมไปถึงสนามบินใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
เมื่อผมมาถึงสนามบินผมรีบวิ่งไปซื้อตั้วเครื่องบินทันที ผมกลัวว่าเครื่องมันจะเต็มแล้วทำให้ผมไปงานวันเกิดของพลไม่ได้ ผมจองรอบที่เร็วที่สุด ซึ่งเครื่องจะออกบ่ายโมงครึ่ง ผมดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็พูดว่า"ยังไม่บ่ายโมงเลยหาอะไรกินก่อนดีกว่า" ผมเดินเข้าไปที่ร้านขายอาหารตามสั่งแถวๆ นั้น สั่งข้าวผัดปูมากินหนึ่งจาน เมื่อกินเสร็จก็ใกล้เวลาที่เครื่องจะออกพอดี ผมเลยเดินไปขึ้นเครื่อง ซึ่งผมนั่งแถวที่ 5 ริมหน้าต่างด้านซ้าย
เมื่อเครื่องออกไปได้ซักพัก ผมเลยคิดที่จะหยิบจดหมายในกระเป้าเสื้อคลุมด้านข้างของผมขึ้นมาดู แต่ปรากฎว่าจดหมายฉบับได้หายไปแล้ว มันอาจจะตกตอนที่ผมวิ่งออกมาจากซอยหรือจะตกในรถแท็กซี่ก็ได้อีกเหมือนกัน ผมไม่ค่อยสนใจอะไรกับมันมากสักเท่าไร ไม่นานผมก็เผอหลับไปอีกครั้ง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ถึงกรุงเทพแล้ว ผมคิดที่จะไปบ้านของพลเลย แต่ก็นึกได้ว่าเราไปงานวันเกิดควรจะมีของขวัญไปให้เขา ผมเลยดูเวลาอีกครั้งปรากฏว่ายังไม่ 5 โมงเย็นเลย ยังมีเวลาอีกเยอะ ผมจึงไปที่ห้างแห่งหนึ่งเพื่อหาของขวัญให้พล ทุกปีผมจะให้ลูกฟุตบอลแก่พล แต่ปีนี้ผมจะให้เสื้อทีมฟุตบอลแทนซึ่งพลเขาชอบทีมแมนยูมาก เมื่อผมซื้อของขวัญและของกินต่างๆ เสร็จก็เกือบๆ หกโมงครึ่งแล้ว ผมจึงเรียกแท็กซี่ไปที่บ้านของพล
ผมมาถึงที่บ้านของพลก็ประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง บ้านของพลใหญ่มาก พ่อแม่ของพลเป็นนักธุรกิจชื่อดัง ลานหน้าบ้านของพลตกแต่งด้วยลูกโป่งและดอกไม้หลากสีดูสวยงามมาก ผมตะโกนเรียกพลที่หน้าบ้าน แต่ไม่มีใครออกมารับผมเลย ผมเลยลองเปิดประตูปรากฎว่าประตูไม่ได้ล็อก ผมได้ยินเสียงทีวีดังมาจากข้างใน ผมเลยเดินไปข้างในบ้าน และผมก็เห็นภาพที่ไม่อยากเห็น เป็นร่างของพลกับโอปอนอนตายอยู่บนโซฟา ร่างกายของทั้งสองไหม้เกียม เหมือนถูกไฟไหม้ แต่ในห้องนั้นไม่มีอะไรไหม้เลยนอกจากร่างของทั้งสองคน ผมตกใจมากและทำอะไรไม่ถูก ไม่นานก็มีคนเข้ามา เธอคือ ขวัญ
ขวัญเป็นเพื่อนของผมคนหนึ่งเราเคยเป็นแฟนกันมาก่อน และไม่นานผมก็รู้จักกับปอฝ้าย เธอเป็นผู้หญิงเงียบๆ และน่าสงสาร เพราะพ่อของเธอตายตั้งแต่เธอยังเล็กๆ และตอนนี้แม่ของเธอยังมาป่วยเป็นโรคมะเร็งอีก ต่อมาความสงสารก็เป็นความรัก ผมจึงตัดสินใจหนี้ปัญหารักสามเศร้านี้ไปอยู่ที่บ้านของแม่ที่เชียงใหม่
เมื่อขวัญเห็นศพของทั้งสองคน เธอก็ร้อง กรี๊ด! เสียงดังมากจนบ้านข้างๆ ต้องออกมาดู จนทำให้บ้านของพลแคบไปเลย มีเจ้าของบ้านข้างๆ คนหนึ่งมาล็อกตัวของผมไว้ เหมือนผมเป็นผู้ร้าย หลังจากนั้นก็มีคนโทรไปแจ้งตำรวจ ไม่นานเพื่อนสนิทของผมก็มาอีก 2 คน คือ ปอฝ้าย กับ ศักดิ์ ผมไม่ทันได้พูดอะไรกับทั้งสองคน ซักพักก็มีเสียง วี่โว่....... วี่โว่......... มันเป็นเสียงกริ่งของรถพยาบาลและในที่สุดตำรวจก็มาถึง
มีเพลงให้ฟัง (คลิ๊กด้านล่าง)
"http://media.hunsa.com/we_mediastation/frame/frame.asp?id=6115"></iframe>
ความคิดเห็น