ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้อมูลการเขียนนวนิยายสืบสวนสอบสวน

    ลำดับตอนที่ #3 : นิติเวชวิทยา

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 53



    นิติเวชวิทยา


    นิติเวชศาสตร์ คือ วิชาแพทย์สาขาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ซึ่งนำเอาวิชาแพทย์ทุกสาขาไปประยุกต์เพื่อประโยชน์แก่ขบวนการยุติธรรม ในปัจจุบันนี้ได้มีการวิวัฒนาการเจริญไปมากเช่นเดียวกันวิชาแพทย์สาขาอื่น ๆ และได้แยกออกเป็นวิชาย่อยหลายสาขาด้วยกัน คือ

    1. นิติพยาธิวิทยา (Forensic Pathology)

     เป็นวิชาที่ศึกษาถึงเรื่องการตายต่าง ๆ ที่ผิดธรรมชาติ รวมทั้งการตายโดยธรรมชาติแบบกระทันหันและไม่คาดคิด ซึ่งเป็นการตายที่ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุ เพื่อแยกว่าไม่ใช่เป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ การตายที่ผิดธรรมชาติในบางครั้งการชันสูตรพลิกศพอย่างเดียวก็ไม่สามารถบอกเหตุตายได้จำต้องทำการผ่าตัดหาเหตุตาย เช่น การตายจากยาบางชนิด เช่น กินยานอนหลับเกินขนาดต้องเอาของเหลวในกระเพาะอาหาร เลือด น้ำปัสสาวะไปตรวจหายาที่เกินขนาดทางพิษวิทยา เป็นต้น การตรวจหาเหตุตายอย่างละเอียดร่วมกับการไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ และการซักประวัติสามารถจะบอกพฤติการณ์ที่ตายได้ว่า การตายที่ผิดธรรมชาตินั้นเป็นการตายจากอุบัติเหตุ หรือทำอัตวินิบาตกรรม คือฆ่าตัวเองตายหรือถูกฆาตกรรมคือถูกผู้อื่นฆ่าได้ นอกจากนั้นยังสามารถช่วยพนักงานสอบสวนในเรื่องพิสูจน์ตัวบุคคลโดยตรวจศพและชิ้นส่วนของศพ ประมวลเวลาว่าศพที่ตรวจนั้นตายมานานแล้วเท่าไร โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงของศพภายหลังตาย


    2. พิษวิทยา (Toxicology)

    เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับยาพิษและสารพิษทั้งหลายไม่ว่าจะมาจากสารเคมี จากพืชและจากสัตว์ อาจแยกออกเป็นสาขาต่าง ๆ ดังนี้

    2.1 นิติพิษวิทยา (Forensic Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษในอวัยวะต่าง ๆ ของคนตาย รวมทั้งจากเลือด น้ำดี น้ำไขสันหลัง และน้ำปัสสาวะ ที่สงสัยว่าจะตายจากสารพิษ และที่ตายจากสารพิษ

    2.2 พิษวิทยาคลินิก (Clinical Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษในผู้ป่วยที่ถูกสารพิษว่ามีขนาดมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะเป็นสารพิษชนิดไหน เพื่อจะได้ให้ยาแก้พิษที่ถูกต้องรวมทั้งการรักษาที่ถูกต้อง

    2.3 พิษวิทยาอุตสาหกรรม (Industrial Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษในคนงานที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น โรงงานทำแบตเตอรี่ อาจมีอาการของพิษสารตะกั่ว โรงงานทำถ่านไฟฉาย อาจมีอาการของพิษสารแมงกานีส เป็นต้น

    2.4 พิษวิทยาสิ่งแวดล้อม (Environmental Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษจากสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น อากาศเป็นพิษจากมีแก๊สคาร์บอนมอนน๊อกไซด์ มาจากท่อไอเสียของรถยนต์ มลภาวะไม่ดีจากโรงงานปล่อยของเสียออกจากโรงงาน ไม่ว่าจากน้ำเสียหรือควันจากการเผาไหม้ ถ้าไม่มีการควบคุมโรงงานให้ดี อาจเกิดพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ใกล้โรงงาน

    2.5 พิษวิทยาผู้อุปโภค (Consumer Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษในอาหารต่าง ๆ เช่น นมจากแถวประเทศสแกนดิเนเวียมีสารกัมมันตภาพรังสี ที่มีในนมอาจมีปริมาณที่เป็นอันตรายได้ถ้าอุปโภคไปบ่อย ๆ การใช้กรดซัลฟูริคแทนน้ำส้มสายชู นอกจากนั้นยังมีสารพิษชนิดต่าง ๆ อาจปนมาโดยบังเอิญ หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ขายก็ได้

    2.6 พิษวิทยาอวกาศหรือการสงคราม (Aviations & Chemical Warfare Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษที่ใช้ในสงคราม เช่น ฝนเหลือง ที่อาจทำอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ และพืชพันธุ์ได้ที่เคยมีข่าวแถบชายแดนไทย-เขมรซึ่งเคยมีจรวดตกมาบริเวณชายแดนไทย เอาไปตรวจสอบพบว่ามีแก๊สพิษฟอร์ลีนและไซยาไนด์

    3. นิติเวชคลินิก (Clinical Jurisprudence or Clinical Forensic Medicine)

    หมายถึง การตรวจผู้ป่วยที่แพทย์ตรวจแล้วต้องให้ความเห็นแก่พนักงานสอบสวนโดยอาศัยจากอาการและการตรวจร่างกาย และสิ่งตรวจพบ วัตถุพยานต่าง ๆ เช่น ผู้ป่วยถูกข่มขืนกระทำชำเรา ผู้ป่วยได้รับอันตรายเกิดบาดแผลชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจากอุบัติเหตุ ทำตัวเอง หรือถูกทำร้ายจากบุคคลอื่น ผู้ป่วยถูกสารพิษชนิดต่าง ๆ ถูกสารทางกายภาพ เช่น ความร้อน ไฟฟ้า เป็นต้น ได้รับอันตรายจากกลุ่มพวกขาดอากาศ เช่น จมน้ำ แขวนคอ เป็นต้น รวมทั้งบุคคลต่าง ๆ ที่พนักงานสอบสวนส่งมาให้แพทย์ทำการตรวจได้ เช่น คนถูกวางยาสลบชนิดต่าง ๆ โสเภณี หญิงถูกข่มขืนกระทำชำเรา ตรวจอายุบุคคลว่าอายุเท่าไร เป็นต้น

    นอกจากนั้น ผู้ป่วยที่อาจได้รับค่าชดเชยจากกรมแรงงาน แพทย์ก็จะต้องตรวจผู้ป่วยและให้ความเห็นแก่กรมแรงงานว่าการที่ผู้ป่วยได้รับอันตรายบาดเจ็บ ต้องพิการสูญเสียอวัยวะคิด เป็นกี่เปอร์เซนต์เพื่อจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้บาดเจ็บ

    การตรวจผู้ป่วยคดีชนิดต่าง ๆ นี้ การที่แพทย์ให้ความเห็นแก่พนักงานสอบสวนในทางคดีอาญาอาจนำไปใช้ในคดีแพ่งเกี่ยวกับฟ้องร้องในเรื่องละเมิดได้อีกด้วย

    การทำพินัยกรรมของผู้ป่วยอาจจะต้องให้แพทย์เป็นพยานเพื่อรับรองว่าขณะทำพินัยกรรมผู้ป่วยมีสติสัมปชัญญะดี ไม่หมดสติ หรือสติฟั่นเฟือน หรือวิกลจริต

    4. นิติซีโรวิทยา (Forensic Serology)

    เป็นวิชาที่ตรวจเลือดและน้ำเหลืองในส่วนที่เกี่ยวกับแอนติเจนและแอนติบอดี้ (Antigen and Antibody) และดีเอ็นเอ


    5. วัตถุพยานทางชีววิทยา (Biological trace evidence)

    เป็นการตรวจวัตถุพยานทางชีววิทยา เช่น เลือด น้ำลาย ขน เส้นผม ตัวอสุจิ และน้ำอสุจิ เป็นต้น เป็นการตรวจยืนยันว่าเป็นของใครในที่เกิดเหตุ และที่พบในร่างกายของผู้เสียหาย

    6. แอลกอฮอล์กับเวชศาสตร์การจราจร (Alcohol and Traffic Medicine)

    เป็นการตรวจหาความเมาโดยการวิเคราะห์หาปริมาณแอกอฮอล์ในเลือดในคนขับยวดยานชนิดต่าง ๆ และที่ตายจากอุบัติเหตุการจราจร รวมทั้งโรคชนิดต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุการจราจรได้ เช่น โรคลมชัก โรคหลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบและอุดตัน เป็นต้น

     

    7. นิติจิตเวชศาสตร์ (Forensic Psychiatry)

    เป็นแขนงหนึ่งของสาขาวิชาจิตเวชศาสตร์ (Psychiatry) เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่องทางจิตและโรคทางจิต เช่น มีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน มีประโยชน์มากในกระบวนการยุติธรรมทั้งในคดีอาญาและในคดีแพ่ง


    8. การตรวจฟันทางนิติเวชศาสตร์ (Forensic Odontology)

    เป็นวิชาหนึ่งของวิชาทันตแพทย์ในเรื่องของการตรวจฟัน เช่น ตรวจเรื่องอายุ การตรวจเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลโดยเปรียบเทียบกับการบันทึกของฟันขณะที่มีชีวิตอยู่ กับลักษณะฟันของคนตาย โดยเฉพาะในรายเน่ามาก ๆ หรือศพที่พบในกองเพลิง หรือเครื่องบินตกแล้วมีเพลิงลุกไหม้


    9. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ (Law related to Medicine)

    ได้แก่ พระราชบัญญัติการประกอบวิชาชีพเวชกรรม พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พระราชบัญญัติการพยาบาลและผดุงครรภ์ พระราชบัญญัติยา เป็นต้น

     

    วิชานิติเวชศาสตร์ (Forensic Medicine) เป็นวิชาแพทย์สาขาหนึ่งของการแพทย์และเป็นส่วนหนึ่งของนิติวิทยาศาสตร์ (Forensic Science) ซึ่งหมายความว่าเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทุกสาขานำมาประยุกต์ให้เป็นประโยชน์กับกฎหมาย โดยเฉพาะในการสืบสวนสอบสวนของตำรวจในคดีความต่าง ๆ เรียกวิชาการพิสูจน์หลักฐาน (Criminalistics) เป็นกองหนึ่งของกรมตำรวจ เรียกว่า กองพิสูจน์หลักฐาน ได้แก่

    1. การตรวจสถานที่เกิดเหตุและการถ่ายรูป (Crime Scene Investigation and Forensic Photography) เพื่อประกอบคดีหาหลักฐานต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในคดี

    2. การตรวจลายนิ้วมือ (Finger Prints) เพื่อพิสูจน์ตัวบุคคล รวมทั้งลายนิ้วมือที่สงสัยในสถานที่เกิดเหตุเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับลายนิ้วมือ ที่มีในแฟ้มประวัติของกรมตำรวจเพื่อตรวจสอบ

    3. การตรวจเอกสาร (Questioned Documents) เป็นการตรวจลักษณะและสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะการตรวจธนบัตรปลอม เป็นต้น

    4. การตรวจอาวุธปืน กระสุนปืน และวัตถุระเบิด (Firearms & Ballistics) เป็นการตรวจอาวุธปืนเพื่อพิสูจน์ปืนของกลางในคดีฆาตกรรมต่าง ๆ

    5. การตรวจทางเคมี (Forensic Chemical) เป็นการตรวจสารเคมี เช่น การตรวจวัตถุที่ใช้ในการวางเพลิง การตรวจสถานที่เกิดเหตุที่มีแก๊สคาร์บอนมอนน๊อกไซด์ เป็นต้น

    6. การตรวจทางฟิสิกส์ (Forensic Physics) เป็นการตรวจทางฟิสิกส์ เช่น การตรวจสถานที่เกิดเหตุไฟไหม้จากไฟฟ้าช็อต การตรวจไฟเบอร์ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะจากสิ่งทอ เป็นต้น

     

    ในประเทศไทยก็มีนิติวิทยาศาสตร์สมาคมแห่งประเทศไทย (The Forensic Science Association of Thailand) ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2504 ด้วยความเห็นชอบของคณะบุคคลที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับนิติเวชศาสตร์ ได้แก่ แพทย์นิติเวชแห่งโรงพยาบาลศิริราช นักวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ กองวิเคราะห์ยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กลุ่มแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ ทุกท่านมีความเห็นพ้องต้องกันที่จะรวมกลุ่มกันก่อตั้ง เป็นสมาคมเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมการศึกษา การวินิจฉัยในทางวิทยาศาสตร์ทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและเผยแพร่และโฆษณาความรู้อันจะเป็นประโยชน์ ต่อประชาชนในด้านวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับกฎหมาย ทางสมาคมฯ มีการประชุมวิชาการและอบรมในวิชานิติวิทยาศาสตร์ประจำทุกปี มีการออกวารสารนิติวิทยาศาสตร์ปีละ 2 เล่ม เพื่อเผยแพร่วิชาความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์ให้เป็นที่รู้จักและนำประโยชน์มาใช้แก่ขบวนการยุติธรรม

     

      
    ภาพจากเว็บไซต์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ : http://www.ifm.go.th/newIFM2010/about/about_structure.php

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×