คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : 20 - อีนิกม่า
การสร้างขาข้างใหม่เป็นภาระให้ร่างกายมากเกินไป
เขาเดินกลับเข้าห้องพักส่วนตัว เพียงวันเดียวที่ไปเฝ้าเสารับสัญญาณบ้าบออะไรนั่น กลับให้ความรู้สึกยาวนานเหมือนศตวรรษ อาหารในกรงหนูตะเภายังเหลืออยู่นิดหน่อย และความรู้สึกอ่อนเพลียอย่างไม่น่าเชื่อก็เข้าครอบงำ
เพิ่งใช้ยาไปไม่ถึงชั่วโมง แต่กลับต้องทิ้งตัวลงบนเตียง ขาใหม่ให้ความรู้สึกหนักอึ้ง นึกอยากใช้ยาอีกสักเข็ม เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็น ความฝัน พวกนั้น
เขาเกลียดการนอน
ช่วงหยุดยาที่ผ่านมาเขาต้องนอนมากเกินไป...และมันทำให้เขารู้สึกไม่ดีนัก
เสียงกระซิบนั่นสามารถเลี่ยงได้หากยังตื่น...ต่างจากช่วงเวลาแห่งการหลับไหล เขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้
เตียงนุ่มชวนให้สบายตัว แม้ตรงข้ามกับความรู้สึก แสงไฟจากเพดานทำให้ปวดตา เขาหันหน้าหนีจากมัน ยาขวดประจำอยู่เพียงปลายนิ้ว เขาสัมผัสมัน อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกดี…
เสียงกรีดร้องเสียดแทงหู มันหลอกหลอนและสาปแช่ง
ถ้อยคำขับไล่ซ้ำซาก เขาทำได้เพียงวิ่งหนีจากมัน
ไอ้สวะไร้ค่า!
เขายังคงวิ่งไปข้างหน้า ความเหนื่อยล้าชวนให้ร้องไห้ เงาดำคืบคลานไล่หลัง กระซิบซ้ำๆ
ไม่มีใครต้องการแก! ไอ้เด็กเวร
กัดริมฝีปากจนห้อเลือด เสียงหัวใจเต้นรัวแรง นึกอยากตะโกนตอบโต้ ไม่จริง ไม่จริง ,ได้โปรด ทุกสิ่งจุกอยู่ภายในลำคอ
ไปตายซะ! ไอ้รกโลก!
เขายังคงวิ่ง - ร่างกายประท้วงให้หยุดก่อนจะขาดใจ - ความมืดมิดกลืนกินทุกสิ่งรอบด้าน เหนื่อยหอบทว่าไม่สามารถหยุดได้ ถ้อยสาปแช่งเหล่านั้นโถมเข้าเหมือนคลื่นสมุทรบ้าคลั่ง
แล้วโลกทั้งใบก็ถูกเหวี่ยงพร้อมเสียง ‘โครม’
“เชี่ยไรวะเนี่ย?”
เขาสบถลั่น กำไลข้อมือประจำหน่วยกำลังแจ้งเตือนดังเสียดหู
เพดานที่เห็นยังคงเป็นเพดานห้อง แต่ที่นอนกลับไม่ใช่เตียง และเอเลี่ยน -ไอ้เด็กผมขาว- กำลังยืนมองเขาอยู่
“มีภารกิจด่วน ให้เวลาเตรียมตัวห้านาที” มันรายงานด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
ภารกิจ ภารกิจ ภารกิจ คำสั้นๆแต่เฮงซวยนั่นทำให้เขาต้องสบถพึม ท่านควีนนั่นขยันส่งงานมาให้เหลือเกิน -- ไอ้แม่ทัพที่เพิ่งคืนชีพก็พอกัน
เสียงกรีดร้องของกำไลนั่นทำให้เขารำคาญ สะบัดข้อมืออ่านงานคร่าวๆแล้วปิดมันไป
‘26 May 500AP 0505AM
ผู้ส่ง: เวอกัส
เนื้อหา: ทำภารกิจร่วมกับเอเลี่ยน เดินทางไปร่วมทัพกับกองทหารทะลวงฟันและกองทหารราบ ป้องกันหน้าด่านจากกองทัพมอนสเตอร์ ถ่วงเวลาให้กองทัพสามารถสร้างกำแพงป้องกันเขตศูนย์เอาไว้ได้ทัน
ภารกิจนี้ด่วนมาก ยานบินจะมารับในอีกสิบนาที’
ร่วมทัพกับกองทหารทะลวงฟันและทหารราบ เขาเข่นเขี้ยวอีกครั้ง ท่านเจ้านายช่างเลือกใช้คนได้เหมาะกับงานอย่างไม่น่าเชื่อ
เรเว่นยันกายลุกขึ้น นึกได้ว่าควรให้อาหารหนูตะเภาเมื่อเวลาผ่านไปแล้วอีกหนึ่งวัน และสบถด่าท่านควีนกับแม่ทัพ --แน่นอนว่ามีเอเลี่ยน-- ที่เพิ่งจับเขาโยนลงจากเตียง
การถูกเหวี่ยงกระแทกพื้นไม่ใช่เรื่องสนุก
ในกระเป๋าเหล็กนั่นมีทุกอย่างที่ต้องการ เขาคว้ามันขึ้นกระชับในมือ ยกฝ่ามือถูเครา สัมผัสสากๆกระตุ้นให้สมองเดินขึ้นเล็กน้อย เริ่มหาทางแก้เผ็ดท่านควีนด้วยวิธีการอื่นๆที่นอกเหนือจากการผลาญงบ เอายาพิษผสมไปในยามัน เป็นทางเลือกที่เข้าท่า
เอเลี่ยนยังคงมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ นั่นชวนให้รู้สึกเหมือนกำลังเร่งให้เขารีบเตรียมตัวให้เสร็จเสียที
“เออ พร้อมแล้ว” เขาทอดถอนใจ เดินย่ำไปบนเศษกระดาษทดที่เกลื่อนพื้น ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรแล้ว นอกจากตอนที่นึกอยากหาอะไรทำแก้เหงามือ
ดวงตาสีฟ้ากวาดมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า มันยังคงรั้งรอ ให้เขาต้องขมวดคิ้ว "ยืนบื้อรออะไร ไปสิวะ"
ยานบินขนาดเล็กที่โดยสารมาไม่สบายตัวเท่าไหร่นัก เพิ่งสังเกตว่าฐานทัพถูกย้ายจากเขตหนึ่งไปยังเขตศูนย์ อาจเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย
การมีที่อยู่เป็นยานบินขนาดยักษ์เหมือนการผจญภัย
จากการตรวจข้อมูลคร่าวๆ ดูเหมือนเขตหนึ่งที่อยู่ติดกับเทือกเขาพัมกินซ์จะพังทั้งเขตแล้ว ด้วยฝีมือกองทัพสัตว์ประหลาด อีนิกม่า
ได้ยินชื่อนั้นแล้วเขาต้องชะงักไปชั่วขณะ สัตว์ประหลาดในนิทานเก่าแก่ มันกลืนกินและพัฒนา มันทำลายทุกสิ่งและไม่มีใครหยุดได้
เสียงการปะทะดังลั่นชัดเจน ภายนอกยานเต็มไปด้วยฝูงสัตว์ประหลาดปริมาณมหาศาลราวกับฝูงผึ้งพร้อมใจกันแตกรัง กลืนกินผืนฟ้ายามเช้าจนกลายเป็นสีม่วงทึมจากเกล็ดนั่น พร้อมเสียงเซ็งแซ่คล้ายการเสียดสีชวนให้ขนคอตั้งชัน เหมือนเห็นสัตว์เลื้อยคลานนับล้านที่บินได้
"บัดซบ"
มันมีหลากหลายสายพันธุ์และขนาด จุดร่วมเพียงหนึ่งเดียวของพวกมันคือเกล็ด ซากเมืองที่เห็นชวนให้เย็นวาบไปทั้งไขสันหลัง สงครามจากแฟนตาเซียทั้งวัน ยังสร้างความเสียหายได้ไม่ถึงเศษเสี้ยว - หรืออาจจะเสี้ยวหนึ่ง - ของกองทัพสัตว์ประหลาดพวกนี้
นี่มันบ้า
มนุษย์ธรรมดาจะสู้กับสัตว์ประหลาดทั้งฝูงหรือ? เขายังคิดไม่ออกสักนิด
ยานหักเลี้ยวกระทันหันจนเซ ตัวเกล็ดม่วงหน้าตาเหมือนมังกรพุ่งเข้าโจมตี - คำรามจนแสบหู - กระสุนจากยานไหนสักลำยิงโต้ - เห็นแสงสีฟ้าหรือขาว - เสียงระเบิด - เขาล้มลงบนเบาะนั่ง และมันคือการนั่งยานที่ ฉวัดเฉวียน ที่สุดในชีวิต
ยานบินลงจอดบนดาดฟ้าของตึกไหนสักแห่ง สภาพดีกว่าตึกอื่นๆที่เห็นตามทาง อย่างน้อยยังมีพื้นที่พอให้จอดยาน "ระบุให้หน่วยพิเศษลงตรงนี้นะครับ" ทหารบังคับยานกล่าวเช่นนั้น ก่อนเอเลี่ยนจะกระโดดลงไป
เขารู้สึกถึงเหงื่อที่ซึมชื้น เห็นสายตาของไอ้ทหารนั่นมองมาที่เหมือนหน่วยพิเศษเป็นยอดมนุษย์ นึกอยากบอกมันให้เลิกทำสายตาแบบนั้นเพราะมันชวนให้คลื่นไส้ เขาเป็นเพียงคนธรรมดา ,หยุดมองเสียที ,เลิกคาดหวังซะ
แล้วกระโดดตามไป
กลิ่นฝุ่นควันจากการระเบิดตลบในอากาศ เจือด้วยดินปืนและคาวเลือด บรรยากาศกำลังสั่นสะเทือน ความตระหนก ความหวาดกลัว เหล่านี้ทำให้รู้สึกอยากอาเจียน เขารู้สึกถึงการตึงเครียดที่ขมับ พลปืนจำนวนหนึ่งประจำอยู่ตามขอบตึกกำลังรัวยิงอีนิกม่า -สัตว์ประหลาดพวกนั้น- ความหลากหลายทางกายภาพของพวกมันชวนให้สยอง บางตัวมีปีก บางตัวเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน บางตัวสามารถพ่นไฟ กระทั่งตัวที่คล้ายมังกรผสมคราเค่น นั่นก็ทำให้เขาขยะแขยง
พวกมัน -อีนิกม่า- มันเป็นเผ่าเดียวกัน ผ่านการกินและพัฒนาตัวเองจากสิ่งที่กิน --น่าขนลุก
เขาสะบัดหน้า อย่างน้อยที่สุด เขาจะปลอดภัยหากพวกทหารนี่ยังคงปลอดภัย ตัดสินใจหามุมวางกระเป๋าเหล็กลง และเริ่มทำในสิ่งที่ควรทำ...เขาแค่ผสม
จากหางตา ปริภูมิบนแอร์บอร์ดกระโดดลงมาบนดาดฟ้า คุยกับเอเลี่ยน ชี้ไปยังตึกแถวนั้น ก่อนจะพร้อมใจกันยิงปืนในมือไปยังสิ่งก่อสร้าง
เสียงตูมดังสนั่นจนปวดหู ตึกถล่มร่วงลงมาเป็นกำแพงที่ปิดกั้นเส้นทางบนถนน ป้องกันทิศตะวันตกที่เป็นเส้นทางไปยังเขตอื่น
เสียงกัมปนาทอีกครั้ง ซากตึกปลิวว่อนเหมือนเศษฝุ่น เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับมัน แต่รู้สึกถึงความตึงเครียดในบรรยากาศ ปริภูมิกางบาเรียไว้แล้ว ซากพวกนั้นเพียงกระทบกับม่านนี่และกระเด็นกลับออกไป
ยาที่ต้องการเสร็จแล้ว เขามองหน้าเอเลี่ยน และถาม
"เอาไหม หยดเดียวเหมือนเกิดใหม่?"
"ไม่เป็นไรครับ" มันปฎิเสธทันควัน เขาหรี่ตามอง สภาพยังสมบูรณ์ คงไม่เดือดร้อนอะไร
ที่น่าสนใจคือพวกเจ็บตัว ยิ่งมากขึ้น คือความปลอดภัยที่น้อยลงของเขาเอง
แจกยาให้ทหารที่บาดเจ็บและมองการสมานตัว ได้ผลดีตามที่คิดไว้ ด้วยการใช้ยาฟื้นฟูผสมกับยาบำรุงกำลังเล็กน้อย พวกมันกลับมาพร้อมรบอย่างรวดเร็ว
ไม่ไกล -- ปริภูมิกำลังสั่งการด้วยเครื่องมือสื่อสารที่หลังหู ท่าทางเคร่งเครียด จอโฮโลแกรมจากกำไลข้อมือจำลองสภาพการณ์โดยรวม
“พลทหารทะลวงฟันหมู่ที่ 2 กับ 4 ล่วงหน้าไปได้เลย...ฮะ? อะไรนะ ถ้างั้นขอกำลังไปสมทบทหารราบกองที่ 4 ตรงถนน C2 ด้วย”
สิ้นประโยคนั้น จอโฮโลแกรมดับลง จักรยานยนต์สุญญากาศวิ่งมาจอดข้างๆ แล้วมันก็หันมาสั่ง
“ไอ้เลี่ยน ขึ้นมา ลุงด้วย”
เขาละสายตาจากพวกทหารบาดเจ็บไปแวบหนึ่ง เปรย
“ซ้อนสามผิดกฏจราจร”
และไม่ควรขับรถเล่นตอนที่มีตัวประหลาดวิ่งพล่านในเมือง เป็นเรื่องที่น่าจะรู้ได้โดยไม่ต้องให้ใครสอน
ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะไม่ได้ยิน มันยกบุหรี่ขึ้นจุด อัดควันเข้าไป เอเลี่ยนปีนขึ้นไปซ้อน เห็นดังนั้นจึงได้แต่ทอดถอนใจ และตะกายตัวเองขึ้นไป
“ไอ้เชี่ย!!!”
ก้นไม่ทันแตะเบาะ ไอ้แม่ทัพเฮงซวยก็บิดคันเร่ง ปล่อยรถวิ่งไปในอากาศจนเขาเผลอเห็นท้องฟ้าไปวูบหนึ่ง หัวใจเต้นกระหน่ำอยู่ในอก
บางทีเขาอาจตายเพราะปริภูมิมากกว่าเพราะไอ้พวกตัวประหลาดนั่น
สายลมแรงปะทะใบหน้า เขาได้กลิ่นคาวเลือดในอากาศ มาพร้อมกลิ่นพลาสม่าและดินปืน ฉุนกึกจนแสบไปถึงสมอง
เขาเห็นหายนะ เมืองกลายเป็นซากปรักหักพัง ซากศพ -ทั้งคนและอีนิกมา - สะเก็ดชิ้นส่วนที่ปลิวในอากาศบาดผิวจนเลือดซึม เตือนให้รู้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริง
เขาอยู่ท่ามกลางความพินาศย่อยยับของอาณาจักรแห่งเทคโนโลยี
เขากัดฟัน มอเตอร์ไซค์ลงจอดหลังซากยานพังๆ ถนนยับเยินเหมือนหนังสยองขวัญมนุษย์ต่างดาวบุกโลก แตกกระจายไม่มีชิ้นดี เลือดสีเข้มของอีนิกม่าสาดบนพื้นกลิ่นแสบประหลาด บางทีในนั้นอาจมีพิษ
ปริภูมิหันไปรับรายงานจากทหารนายหนึ่งที่วิ่งเข้ามาและเริ่มสั่งการ ก่อนจะหันมาหรี่ตามองเขาและเอเลี่ยนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ประตูมิติถูกเปิด ชิ้นส่วนเล็กๆมากมายพุ่งเข้ามาประกอบที่ร่างของเขาเหมือนในหนังหุ่นยนต์แปลงร่าง มันกลายเป็นชุดเกราะน้ำหนักเบา
“ลุงไปช่วยหน่วยพยาบาลพาคนเจ็บออกมา” มันจุดบุหรี่ และเขาทดลองขยับแขนขา “ไอ้เลี่ยน แกมากับฉัน”
สะดวกเหมือนไม่ได้ใส่เกราะ พูดคำนี้คงได้ สมกับที่เป็นฝีมือท่านแม่ทัพเฮงซวยที่เคารพ ดีกว่าสั่งให้ไปสู้
มองสองคนนั่นขึ้นมอเตอร์ไซค์พุ่งไปในอากาศอีกครั้ง เขาจึงกวาดตามองไปรอบๆ เรียกทหารยศร้อยตรีนายหนึ่งที่กำลังสั่งการอยู่แถวๆนั้นมารายงานสถานการณ์ -พร้อมเก็บตัวอย่างเลือดอีนิกม่าพวกนั้น- สัญลักษณ์หน่วยพิเศษเป็นรองแค่เวอร์กัสกับปริภูมิ มันดูแปลกใจที่ได้เจอบุคคลลึกลับที่แทบไม่มีปรากฏในฐานข้อมูล
“กลุ่มที่บาดเจ็บเล็กน้อยยังพร้อมสู้ครับ แต่ที่สาหัสกำลังส่งกลับไปรักษาที่เขตศูนย์” สีหน้าของมันเหน็ดเหนื่อย “เรากำลังพยายามลำเลียงผู้บาดเจ็บออกมาจากแนวหน้า”
“พวกยังไม่ตายช่างมัน” เขาปัดมืออย่างรำคาญ “ไอ้พวกใกล้ตายอยู่ไหน?”
สาวเท้ายาวๆไปตามทางที่ถูกนำ อีนิกม่าตัวเล็กๆสองตัวพุ่งเข้ามา พลทหารแถวนั้นช่วยยิงต้านเอาไว้ กระสุนพลาสม่ามาพร้อมกลิ่นเผาไหม้แสบจมูก
ชุดเกราะทำให้ไม่สามารถหยิบยาจากเสื้อคลุมได้ นั่นเป็นเรื่องน่ารำคาญใจ “ป้องกันไว้” หันไปสั่งร้อยตรีนายนั้น ทิ้งตัวลงกับพื้นและเปิดกระเป๋า “สามสิบวิ”
ดึงเอาหลอดยาด้านในขึ้นมอง เขาต้องการทหารที่แข็งแรงพอจะรับมือกับสัตว์ประหลาดปริมาณมหาศาลพวกนั้น - เสียงอาละวาดของอีนิกม่าดังสนั่น- ทหารที่ว่องไวพอจะหลบหลีก และรักษาบาดแผลก่อนจะทันเจ็บ
หัวใจเต้นรัวในอก ดังลั่นอยู่ในหู และรู้สึกถึงรอยยิ้มกำลังผุดขึ้นบนริมฝีปาก -ตื่นเต้น- ไม่ใช่สิ่งที่น่ารู้สึก ความท้าทายที่ไม่ค่อยได้สัมผัส การทดลองที่โหยหา ความกดดันจากบรรยากาศ มันกำลังกระตุ้นให้เขาบ้า
หลอดยาในมือถูกผสมตามลำดับที่ควรเป็น ปริมาณไม่ต้องมาก แต่ให้ผลดีและเห็นผลไว -ฉีดเข้าไปที่เส้นเลือด- ควรเป็นแบบนั้น กระตุ้นไปที่สมอง เพิ่มกำลังเข้าไปที่กล้ามเนื้อ -เสียงคำรามลั่นเหนือศีรษะมาพร้อมเสียงปะทุของกระสุนพลาสม่า- เสริมสร้างการทำงานของเซลล์ -ซากอะไรบางอย่างกระจายอยู่ข้างบนหัว เศษเลือดกระจายลงสู่พื้น--ยกแขนขึ้นปกป้องยาไว้- เขาต้องการทหารที่เหมือนปีศาจ
หลอดยาในมือพร้อมแล้ว เข็มฉีดยาอัตโนมัติรับยาพวกนั้นเข้าไป เขาโยนเข็มให้ทหารใกล้ๆที่รับไว้อย่างไม่เข้าใจ
เรเว่นสูดลมหายใจเข้าลึก ปิดกระเป๋า ยืดตัวขึ้นตรง บางครั้งภาพลักษณ์ก็จำเป็น
“ที่เส้นเลือดใหญ่” อธิบายสั้น กำจัดความหวาดกลัวออกไปจากสีหน้า หันไปสั่งให้ร้อยตรีเปิดระบบสื่อสารไปยังกองร้อยที่ทำหน้าที่ลำเลียงทหารบาดเจ็บ ปรับน้ำเสียงให้เหมือนไอ้หมอนั่น คนที่เป็นสุดยอดแม่ทัพปีศาจ...ปริภูมิ “เราชนะพวกคลั่งไสยศาสตร์แฟนตาเซีย เพราะงั้นเราจะไม่มีทางแพ้พวกสัตว์มีเกล็ดไร้สมองนี่”
ปักเข็มในมือเข้าที่คอ คนละชนิดกับพวกทหารนั่น เขายังไม่อยากลงไปสู้ด้วยตัวเอง ถ้าเป็นไปได้คงหาทางเลี่ยงไปก่อน
“มียาของข้า แล้วพวกเอ็งจะเป็นสุดยอดกองทัพเท่าที่ประวัติศาสตร์เมโทรโปลิสเคยมีมา” มองพวกมัน เขาปลุกใจไม่เก่ง
“อย่าตายเพราะสัตว์เลื้อยคลาน ไอ้หนู”
พลทหารรับยาเข้าเส้นเลือด อย่างที่คิด ไม่ถึงนาที บาดแผลบนร่างกายหายไป และท่าทางมีเรี่ยวแรง สีหน้าพวกมันดีขึ้น บ้าดีเดือด ใช้คำนี้อาจจะพอได้
“สั่งลูกจ๊อกเอายานี่ไปให้พวกแนวหน้า ข้าทำไว้มากพอจะใช้สักสามหรือสี่กองร้อย” เขาเดินเร็วๆไปตามทาง โยนเข็มไปให้ร้อยตรีที่สาวเท้าตามมาติดๆโดยไม่ต้องสั่ง มันอ้าปากจะท้วงเรื่องปริมาณ “เออ ไม่พอ ข้ารู้ ต้องมีพื้นที่กับเวลาให้ข้าสักสิบนาทีถึงจะพอทั้งกองพัน” โยนยาอีกชุดไปให้มัน หลังจากมันส่งยาล็อตแรกให้พลทหารและสั่งการ “นี่ให้พวกใกล้ตาย เราต้องการทหารที่ใช้การได้”
“ยังมีพลทหารที่อาการสาหัสบางส่วนติดอยู่ที่แนวหน้าครับ” ชายหนุ่มรายงาน “ทางเรากำลังพยายามช่วยกลับมา”
เรเว่นกัดฟัน ยกฝ่ามือถูเครา ติดอยู่แนวหน้า ตัดสินใจได้ทันทีว่าเกลียดวลีนี้นี้ “ไปไหนก็ไป”
เดาะเข็มฉีดยาในมือ “เฮ้ย!” สะดุ้งสุดตัวเมื่อร้อยตรีถีบเขาจนกระเด็น เสียงตูม กระแทกหู ไอ้ตัวเกล็ดม่วงตัวหนึ่งแยกเขี้ยวเข้าโจมตี
-คิเมร่าตัวเท่าหมา- ฟังน่าขัน แต่ไอ้ตัวไซส์เท่าลาบราดอร์แต่มีสามหัว -สิงโต แพะ มังกร- หางเหมือนงู ควรจะเรียกมันแบบนั้น
กลิ่นกำมะถันจากปากทำให้ขนลุก ร้อยตรีสาดกระสุนใส่มันทันที เขาคลานถอยหลังโดยอัตโนมัติ มันกับพลทหารอีกสี่หรือห้านายบังเขาไว้จนมิด พวกมันกำลังปกป้องเขาด้วยชีวิต ข้อเท็จจริงนั้นทำให้รู้สึกโล่งใจได้บ้าง แม้มีเกราะของปริภูมิแต่ก็ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตเขาได้ กระชับกระเป๋ายาให้แน่นขึ้น เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบไหลลงตามขมับ -ไม่สนุก- ไล่สายตามองตามท่อนแขน ควรทำความเข้าใจระบบทั้งหมดภายในเวลาหนึ่งนาที อย่างน้อยที่สุดต้องรู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง อดสบถคำหยาบอีกสองหรือสามประโยคไม่ได้
ระบบคอมพิวเตอร์ฉายจอโฮโลแกรมขนาดเล็กขึ้นที่ระดับสายตา รายงานสภาพชุดเกราะ สถานการณ์โดยรวมและบริเวณที่มีผู้บาดเจ็บ เขายันตัวขึ้นและทดลองขยับนิ้ว ดูเหมือนจะมีปืนพลาสม่า พอใช้ได้ เขาคิดถึงเรลกัน และเพิ่งสังเกตว่ามีอยู่ที่ต้นขา
เสียงคำรามจากเหนือหัวอีกครั้ง เขาเงยหน้ามองมันอย่างรวดเร็วพอๆกับเหล่าพลทหารที่สาดกระสุนขึ้นบนนั้น คิเมร่าตัวนั้นยังไม่ตาย แม้จะสาหัส ความอึดของมันคือเรื่องน่ากลัว -แต่ไม่เท่าคราเค่น- อย่างน้อยมันยังไม่สามารถฟื้นตัวได้
ยกมือขึ้นและเล็งขึ้นไปด้านบน เหมือนกริฟฟิน ตัวเป็นสิงโตหัวเป็นอินทรีย์ ไอ้ตัวไร้สมองที่เอาแต่ร้องแกว๊กหาหนอนกิน จอโฮโลแกรมรายงานการล็อคเป้า เขาสั่งยิง
กระสุนพลาสม่าพุ่งใส่นกหน้าโง่นั่นอย่างรวดเร็ว แรงจนแขนชา เรเว่นเข่นเขี้ยว ท่านแม่ทัพคงใช้แรงตัวเองเป็นเกณฑ์ในการสร้าง ไคมีร่าพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เขาพุ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อขาร้อนฉ่า ยาที่ใช้ไปทำงานได้ดี เวลาอย่างนี้ต้องการแค่หนีให้ไว รักษาให้ทันก็พอ สู้เป็นหน้าที่ของพวกทหารไป
เสียงแผละ เหมือนเหยียบอะไรหนืดๆ เขาสะดุ้งอีกครั้ง คราวนี้เหมือนสไลม์ ก้อนเยลลี่สีม่วงมีเกล็ดและเขี้ยว เขากระทืบมันซ้ำโดยไม่ต้องคิด กลิ้งตัวหลบไคมีร่าไปอีกทิศ พลทหารนายหนึ่งพุ่งเข้ากระแทกไคมีร่า บ้าบิ่น อธิบายได้ง่ายที่สุดด้วยคำนี้ พวกมันปกป้องเขาโดยไม่คิดถึงชีวิตตนเอง ร้อยตรีวิ่งเข้ากระชากตัวเขาออกจากบริเวณนั้นและส่งทหารนายหนึ่งเข้าไปแทน
“ขอโทษท่านจริงๆครับ” ท่าทางของมันเคร่งเครียด ยานลำหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล รอบด้านเต็มไปด้วยทหาร “ผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก”
ดี เรเว่นพยักหน้ารับ รู้สึกโล่งอก “ภาวะสงคราม อะไรก็เกิดขึ้นได้” เขารับเช่นนั้น แม้ในใจจะขลาดกลัว
เขาไม่เคยฆ่าใคร…
เขาต้องการมุมที่สามารถผสมยาได้ การวิ่งช่วยใครต่อใครไม่ใช่เรื่องถนัด ยังไม่ได้ช่วยใครด้วยซ้ำ
จอแสดงข้อมูลผู้บาดเจ็บที่ต้องผ่านมายังเส้นทางนี้เพื่อนำไปรักษา ถือว่าเป็นมุมสะดวกสำหรับทั้งพวกมันและตัวเขาเอง
“สั่งทหารป้องกันตรงนี้สักห้านาที เอาพวกใกล้ตายให้ถึงมือข้าที่นี่ภายในสองนาที” เขาหันไปบอกมัน “พยายามยิงสกัดพวกด้านบน อย่าให้มันระเบิดบนหัวข้า พอได้ไหม ร้อยตรี?”
มันไม่กล่าวคำใด เพียงพยักหน้ารับและสั่งการอย่างรวดเร็ว
กำแพงมนุษย์ เคลื่อนเข้าป้องกัน พร้อมกับกระเป๋ายาที่กางออก จอโฮโลแกรมแสดงข้อมูลทหารบาดเจ็บที่เพิ่มขึ้น เขาต้องรักษาก่อนมันจะตาย คนน้อยยิ่งอันตราย เลือดคราเค่นคงได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ “ไอ้พวกแขนขาขาดอย่าเพิ่งอุดปากแผล” เขาสั่งตรงไปยังหน่วยพยาบาลบางส่วนที่ลำเลียงผู้บาดเจ็บเข้ามา วิธีการที่ต้องใช้อยู่ในหัว เสียงคำรามจากที่ไกลๆ เขาอยู่บริเวณแนวหน้าของสมรภูมิ คงปลอดภัยอีกไม่นานนัก เรื่องนั้นทำให้มือสั่นระริก ทว่ายังต้องกัดฟันผสมมันต่อ นึกอยากใช้ยาแก้เครียด ทว่าเวลาอันจำกัดทำให้ไม่สามารถยกเข็มขึ้นปัก - หรือกระทั่งยกขึ้นดื่มได้
สภาพของพวกมันเหมือนหนังสยองขวัญเกรดบี บางรายบาดแผลใหญ่พอๆกับหัวตัวเอง บางรายแขนขาด บ้างขาขาด ลมหายใจรวยรินและเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดทำให้เขาต้องสะบัดหัว เห็นเพียงสีแดงฉานที่ย้อมร่างของพวกมันเองจนเหมือนก้อนเนื้อตามร้านอาหารสด กลิ่นคาวนั้นชวนให้อาเจียน เขาหลับตาลง นวดขมับเรียกสติตนเอง ตอนเขาขาขาดคงไม่ต่างจากพวกมัน เตือนตัวเองเช่นนั้น และแสดงตัวอย่างการใช้ยาให้ทหารพยาบาลดูอย่างรวดเร็ว
“เข้าเส้นเลือดใหญ่ ตรงไหนขาดฉีดตรงนั้น” แทงเข็มบรรจุยาสีดำลงบนต้นแขนของนายทหารที่แขนซ้ายขาดหายไป เหมือนโดนอะไรสักอย่างกระชาก เสียงโอดโอยนั้นทำให้เขาต้องกัดฟัน “เจ็บหน่อย แต่หายสนิท” บาดแผลเริ่มสมานตัว และอะไรบางอย่างก็ผุดออกมา แขนกำลังงอกขึ้นใหม่ เขาเพิ่งได้เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรก มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดไว้
“ถ้าแผลปิดไปแล้ว มันจะไม่งอก ยิ่งเร็วยิ่งดี” ส่งเข็มนับร้อยเล่มไปให้พวกมันจัดการ และดูหน้าจอรายงานผลที่ยังคงมีผู้บาดเจ็บจากการต่อสู้ ผสมยากระตุ้นเข้าไปอีกนิดเพื่อความพร้อม
ส่งยาอีกชุดไปให้ทหารพยาบาลสำหรับพวกไม่สาหัสนัก และพวกที่ยังต้องลุยต่อ มือที่สั่นเริ่มหายแล้ว มีเพียงอาการตึงเครียดบนขมับที่ชวนให้ปวดไปทั้งกระบอกตา
เสียงระเบิดดังลั่นอีกครั้ง และอีกครั้ง พื้นดินสั่นสะเทือนจนยาในมือเกือบกระฉอกออกไป
“เฮ้ย! ไปหลบหลังยานตรงนั้น” เสียงตะคอกสั่งการของแม่ทัพปริภูมิแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง เขาปิดกระเป๋าในมือ และไล่พวกทหารบาดเจ็บออกไปจากพื้นที่ทันที พวกที่อาการสาหัสเหลือไม่กี่ราย เขาส่งยาที่จำเป็นทั้งหมดให้ร้อยร้อยตรีนำไปกระจายต่อ เหมือนปริภูมิจะเพิ่งเห็นเขา
“อ้าว ไอ้ลุง” มันแหกปากเรียก “ลุง เอ็งไม่ต้องไปละ มานี่”
“ฝากด้วย” สั่งสั้น ร้อยตรีวันทยาหัตถ์รับอย่างแข็งขันและวิ่งเหยาะจากไปหากลุ่มผู้บาดเจ็บ
ก้าวไปหาท่านแม่ทัพ สภาพรอบด้านดูไม่ปลอดภัยนัก สัญชาติญาณและความกลัวคือการเตือนภัย และตอนนี้เขากำลังรู้สึกกลัว แผ่นดินไหวเมื่อครู่ไม่เหมือนเพราะระเบิด อาจเป็นอย่างอื่น ไม่กล้าคิดว่าคืออะไร
พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง ถนนแตกร้าวเป็นสองเสี่ยง เขาตวัดกอดกระเป๋าเหล็กคู่ใจ เริ่มสาวเท้าวิ่งไปตามทาง หลบจากซากการสั่นสะเทือน
พื้นดินลอยออกจากตัว ใจหล่นวูบไปชั่วขณะ ก่อนจะสบถเมื่อพบว่าไอ้เด็กหัวขาวนั่นยกเขาพาดบ่า -เหมือนตุ๊กตา- ไม่ใช่อีนิกม่า ชุดเกราะของมันถูกติดเครื่องมืออะไรสักอย่างไว้ทำให้สามารถลอยในอากาศได้ -ปริภูมิเช่นกัน-
ข้างล่างนั่น ปริภูมิพยายามเคลียร์ทหารออกจากพื้นที่ เขามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น อีนิกม่านับพันกระจายตัวจากรอยแยกของพื้นดินเหมือนมดแตกรัง บางส่วนร่วงลงไปในนั้น เสียงเสียดสีดังแสบหูชวนให้รู้สึกขนลุกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน
ความนิ่งงันขึ้นชั่วขณะเหมือนคลื่นลมสงบก่อนพายุโหม บรรยากาศสั่นสะเทือน งูยักษ์พุ่งทะยานจากรอยแยก หัวเหมือนสว่านที่ติดเกราะ ไร้ซึ่งดวงตา มีเพียงเหงือกข้างหัว -เขาหายใจไม่ออก- ใหญ่โตจนอีนิกม่าขนาดสิบเมตรดูเล็กจ้อย เหมือนแมวกับแมมมอธ
เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าอย่างอึดอัด เหมือนอากาศที่เคยเข้าปอดจะน้อยกว่าที่เคย หรืออาจเป็นเพราะเขาเองที่ขี้ขลาดเกินไป ขลาดเกินกว่าจะทำอะไรได้เอง
เอเลี่ยนขยับกาย -เรเว่นหยุดหายใจไปชั่วขณะ- ลิ้นสองแฉกพุ่งเข้ากระหวัด ปากอ้ากว้างเห็นเขี้ยวแหลมนับพัน -ร้อนเหมือนโดนเผาทั้งเป็น- เสียงกรีดร้องติดในลำคอ -แขนข้างหนึ่งของเอเลี่ยนกลายเป็นดาบพลาสม่า- ตัดลิ้นนั่นจนขาดสะบั้น
มันคำรามเกรี้ยวกราด ลิ้นนั้นคืนสภาพได้ไวพอๆกับคราเค่น ปริภูมิโฉบเข้าใกล้และโยนอะไรสักอย่างให้ไอ้เด็กหัวขาว - รู้สึกถึงโลกที่หมุนคว้าง - ปริภูมิรับตัวเขาไว้ได้ทันท่วงที
“โยนเป็นลูกบอลเลยนะ ไอ้เด็กเวร!” เขาสบถด่ามัน นึกอยากชูนิ้วกลางใส่ อย่างน้อยสติก็กลับมา
ไอ้เด็กนั่นไม่ได้ฟังเขา ปริภูมิตะโกนบอกมันพร้อมๆกับที่พาเขาบินห่างออกไป
“ขอหนึ่งนาที เล่นงูกินหางไปก่อนนะ!”
-------
ติดตามเหตุการณ์เดียวกันจากเอเลี่ยนได้ที่นี่ค่ะ
ความคิดเห็น