คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : 19 - ประชุม
25 May 500 AP 0404PM
ผู้ส่ง: เวอร์กัส
เนื้อหา: ประชุม 18.30 น. ที่ห้องประชุมในฐานทัพ
เขาลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ฟังเสียงข้อต่อบนร่างกายลั่นกร๊อบและรู้สึกคันยิบที่ขาข้างนั้น มันขาวซีด ไร้ร่องรอยใดๆจากการเจ็บตัว และรอยแผลอื่นๆที่ควรจะมี
แวบหนึ่ง นึกอยากระเบิดตนเองจนเหลือแต่หัวแล้วปล่อยร่างกายให้งอกขึ้นใหม่ด้วยยา แต่ตระหนักได้ว่าคงตายเสียตั้งแต่ตอนนั้น
ความคิดไร้สาระเกิดขึ้นได้เสมอ
ยานบินกลับมาแล้วพร้อมพวกทหารยามที่เตรียมกลับมาเข้าเวร พวกมันดูออกจะเหนื่อยล้า ทว่ายินดี
ศึกวันแรก เท่าที่อ่านผ่านๆในหน้าข้อมูล ดูเหมือนแทบทุกสมรภูมิเมโทรโปลิสจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ก็ควรเป็นแบบนั้น วิทยาการ วิทยาศาสตร์ ไม่ควรแพ้ให้ต่อการสวดภาวนา ความเชื่อไม่น่าเอาชนะความรู้ แม้มันจะเป็นความเชื่อที่สร้างปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติก็ตามที
และยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น -- เขาเดาะขวดแก้วบรรจุของเหลวสีทองที่คอ ถูปลายนิ้วที่ขวดอย่างไร้ความหมาย เนื้อแก้วเย็นชืดไม่ได้เปลี่ยนสีหรือมียักษ์ลอยออกมา ยัยเด็กนั่นคงหัวเราะยียวนหากรู้ -- รู้อะไร -- ในเมื่อแม้แต่เขายังไม่แน่ใจ
โกตส์บิดขี้เกียจ เก็บจอฉายภาพโฮโลแกรมที่กำลังแสดงการ์ตูนเรื่องสาวน้อยเวทมนตร์อะไรสักอย่างเข้าไปในกระเป๋าพร้อมกับเครื่องทำกาแฟ สบถด่าเวอร์กัสเรื่องนัดประชุมกระทันหันและไม่ยอมจ่ายเบี้ยเลี้ยงพิเศษสำหรับการต้องเจอกับพวกแฟนตาเซียแบบประจันหน้า
"จารชนนะ จารชน เข้าใจป่ะ สายลับไง บ้าป่ะวะ เอาสายลับมาเจอพวกสู้ซึ่งๆหน้า แม่งคิดมั้ยเนี่ย"
เรเว่นไม่ตอบ นอกจากการพยักหน้าเห็นด้วย นึกอยากใช้ยา -กล้าม- แล้วถอนเสารับสัญญาณพวกนั้นไปโยนใส่หน้าท่านควีน เขาเป็นหมอ ถึงจะเป็นหมอเถื่อนก็ตามที
เดินไปออกคำสั่งกับทหารที่ดูจะมียศสูงสุดแถวๆนั้นสำหรับยานบิน โดยไม่ลืมสำทับว่าต้องการรุ่นที่ดีที่สุด พร้อมเครื่องดื่มรับรองและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบวงจร แม้การเดินทางที่ว่าจะใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็ตาม
เขาตัดสินใจว่าจะผลาญงบส่วนตัวท่านควีนให้หนักกว่าที่เคย
ยานบินลงจอดที่สนามหญ้าของฐานทัพประจำหน่วย นึกสงสารเอเลี่ยนขึ้นมาเล็กน้อยสำหรับงานดูแลสนามที่น่าจะเพิ่มขึ้น ก่อนจะนึกได้ว่ามันคงไม่อยู่ดูแลฐานอีกแล้ว
เขาเดินเอื่อยไปตามทาง สลิปเปอร์จากยานบินไม่สบายเท้า และเสื้อกาวน์กับบรรยากาศของสถานที่ก็ดูจะหนักกว่าปกติ เหมือนอยู่ในอุโมงค์ที่มีเพียงคบไฟใกล้ดับบนผนัง โทนสีทึบทึมหม่นหมองชัดเจนจนน่าอึดอัด
ห้องประชุมยังไม่มีใคร นอกจากเขาและแพะที่เพิ่งถึง เก้าอี้สองตัวผุดจากพื้นขึ้นรับเมื่อเดินไปใกล้ แพะยกกาแฟแก้วใหม่ที่ไม่รู้ชงตั้งแต่เมื่อไหร่ขึ้นดื่ม
มือสองข้างสั่นจนการถือเข็มให้นิ่งเป็นเรื่องยาก ใช้เวลาสักพักกว่าจะดูดเอายาจากหลอดแก้วขึ้นมาได้ และตอนที่เขากำลังจะฉีดมันเข้าไป มิคังกับยัยเด็กรีน่าก็เดินเข้ามาในห้อง
เขาหลับตาและสัมผัสถึงมันที่คืบคลานเข้าไปในเส้นเลือด ความอุ่นร้อนและการเต้นระริก เสียงกระซิบและภาพที่ผ่านตา ไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะยาที่ทำให้ความมืดมนนั่นเจน หรือเพราะบรรยากาศเป็นเช่นนั้น
ประตูเลื่อนเปิดอีกครั้ง พร้อมกับโลกทั้งใบที่เลื่อนวูบ
“เฮ้ย!!!”
อาจเป็นเพราะยา - มันไม่เคยหลอกลวงเขา - ความรู้สึกเจ็บปวดทั่วร่างจากการผงะหงายหลังลงกระแทกพื้นทำให้มึนงง
เสียงหัวเราะแผ่วที่คุ้นเคย -ปวดประสาท- และร่างนั้นย่อลงข้างกาย เส้นผมสีดำสนิททิ้งตัวลงเหมือนเงาที่คืบเข้าใกล้ สัมผัสอุ่นจากปลายนิ้วที่ข้างแก้มทำให้เขานิ่งงัน
หากเป็นเพราะฤทธิ์ยา...ก็คงหลอนประสาทรุนแรงเกินไป
น้ำเสียงล้อเลียนนั่นชัดเจน แบบที่ไม่มีใครทำได้
“ตายยังคะ?”
คาร์เดีย ซี. อาร์เรสท์
- ยัยเด็กผี -
“เอ็งสิตาย!” มันยังคงทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้อย่างที่เคยเป็น
ความรู้สึกของยาสดร้อนที่กำลังแล่นพล่านอย่างเริงร่านั่นทำให้ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นความจริง หรือเพียงภาพลวงตา
รอยยิ้มยียวนและสีหน้าที่ทำให้รู้สึกรำคาญ มาพร้อมน้ำเสียงที่แปลกกว่าเคย
“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะคะ”
ไม่กวนประสาทอย่างที่มักเกิดขึ้น
เรเว่นสะบัดหัวเล็กน้อย ยาเริ่มออกฤทธิ์...มองเห็นแสงแผ่วที่ปลายอุโมงค์
เขาควรจะด่ามันสักคำ ทวงการไว้อาลัยที่มอบให้กลับคืน
ทว่าน้ำเสียงของนั้นกลับทำให้เขาเพียงสบถในลำคอ ก่อนจะยันกายขึ้นนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม
ประตูเลื่อนเปิด และชายสองคนก้าวเข้ามา
“ผีหลอก!! หลบเร็ว!!”
เสียงโหยหวนของแพะดังลั่นพร้อมกับการทิ้งตัวลงไปใต้โต๊ะประชุมและแก้วกาแฟหกเลอะไปทั่วโต๊ะ
ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าหากท่านควีนจะเดินเข้ามากับโครว แม่ทัพใหม่
“ผีที่ไหนจะหล่อสมาร์ทขนาดนี้”
ประโยคพรรค์นั้น หน้าตาแบบนั้น เท่าที่เขารู้จัก มีแค่คนเดียว…
และมันเป็นคนที่เขาไปยืนด่ามันที่หน้าหลุมศพ…
แม่ทัพปริภูมิ…
นึกไม่ออกว่าควรจะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า รู้สึกเหมือนการไว้อาลัยและการสูบบุหรี่นั้นไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
“แล้วเอเลี่ยนล่ะคะ...” รีน่า...ยัยเด็กหัวน้ำเงินโพล่งถามขึ้น น้ำเสียงของหล่อนเหมือนกำลังจะร้องไห้ นั่นทำให้เขาต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ และโต้กลับทันควัน
“ตายไปแล้วไม่ใช่เรอะ”
“ลุง!” เสียง ‘เผียะ’ ที่แขนพร้อมกับความรู้สึกเจ็บที่แล่นริ้วมากจากยัยเด็กผี แม่เด็กรีน่าเริ่มต้นร้องไห้โดยมีมิคังพยายามปลอบอยู่ข้าง
แล้วคำตอบ...จากคนที่ควรจะตายไปแล้ว...ก็ตามมา
“เอ้อ ตอนนี้เอเลี่ยนยังไม่ตายนะ ฉันไปช่วยไว้ทัน”
ปริภูมิ…
ประโยคนั้นของมันทำให้บรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ แล้วรีน่าก็หวีดร้องเสียงแหลม ให้เขารู้สึกว่าต้องการยาแก้เครียด...มากเป็นพิเศษ
เสียงกระแอมเล็กๆ จากท่านควีนทำให้ทุกอย่างที่กำลังจะโกลาหลกลับเป็นปกติ
“ว่าแต่ คุณปริภูมิจะบอกได้รึยังคะว่าทำไมคุณถึงยังมีชีวิตอยู่” ยัยเจ๊หัวทอง -มิคัง- โพล่งถามขึ้น
เป็นสิ่งที่ควรจะถามตั้งแต่ตอนที่ไอ้แม่ทัพนี่เดินเข้ามา ทว่าอีกฝ่ายยักไหล่
“เดี๋ยวฉันมาอธิบายอีกที เดี๋ยวไปปลุกเลี่ยนมันมาก่อน”
ใช้เวลาเพียงไม่นาน มันก็เดินเข้ามาพร้อมไอ้เด็กหัวขาวนั่น…
เอเลี่ยน...
“กลับมาแล้ว”
ยัยเจ๊หัวทองและยัยเด็กขี้แยนั่นพุ่งเข้าหาเอเลี่ยนอย่างรวดเร็ว กล่าวยินดีไม่ขาดปาก ท่านแม่ทัพส่งเสียงแซวเอเลี่ยนให้มันเสมองไปอีกทาง
เขาสะบัดหัวเล็กน้อย กวาดตามองไล่ตั้งแต่ยัยเด็กผีที่นั่งข้างๆ ไปยังไอ้เด็กหัวขาว และท่านแม่ทัพที่ยืนอยู่ด้านหน้านั่น...
“หน่วยพิเศษของเมโทรโปลิสเป็นคณะซอมบี้หรือไงวะ ทำไมตายแล้วฟื้นกันได้”
นึกอยากสบถอะไรเพิ่มอีกสักสองสามประโยค เขาต้องการช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัยให้ไอ้พวกนี้ทั้งสามคนคืนมา รู้สึกเหมือนเสียเวลาหลายชั่วโมงในชีวิตไปโดยไร้ประโยชน์สิ้นดี บางทีหากคนที่ตายไปเป็นเขา คงไม่มีการฟื้นคืนชีพกลับมาอย่างพวกนี้ แล้วเสียงแหลมๆก็แหว
“นี่ลุงว่าหนูเป็นซอมบี้เหรอ?” ดวงตาสีทองอาจเปลี่ยนเป็นสีเขียวปั้ดได้ เรเว่นไหวไหล่รับคำ และเอนกายไปด้านหลัง นึกอยากใช้ยาแก้เครียดสักเข็ม
โทนสีมืดหม่นที่เห็นอาจเป็นเพราะยายังไม่ออกฤทธิ์
“แล้ว…” รีน่าเป็นคนเริ่ม เมื่อทุกคนกลับไปนั่งที่ ”สรุปว่าคุณปริภูมิฟื้นกลับมาได้ยังไงเหรอคะ”
“ก็...ง่วงเลยไปนอนเล่นในโลงมา” ท่านแม่ทัพตอบด้วยท่าทางกวนประสาทในแบบของมัน แสร้งยกมือปิดปากหาว ก่อนจะเข้าเรื่อง “เอ้า เล่าก็เล่า ยาวหน่อยนะหนูๆ เอาหมอนมาเตรียมนอนได้เลย”
โกสต์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคว้าเอาหมอน ผ้าห่ม และผ้าปิดตาจากไหนไม่รู้ และล้มตัวลงนอนทันที
“หลังฉันตายไปแล้ว หน่วยแพทย์ที่เอาร่างของฉันไปชันสูตรรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล เพราะหาสาเหตุอะไรไม่ได้เลย จึงตัดสินใจจะเก็บศพของฉันไปทำการทดลองก่อน แน่นอนว่าเป็นการปฏิบัติอย่างลับๆ”
โกสต์เริ่มส่งเสียงกรน
“ก่อนฉันจะถูกนำเข้าพิธีเผาชำระวิญญาณ เขาสลับศพของฉันกับร่างเทียมที่ก็อปปี้เอาไว้ ตรวจสอบไปประมาณสองวันถึงพบว่าร่างของฉันยังไม่ตาย เพียงแต่มันมีเวทอะไรบางอย่างไหลเวียนอยู่ ทำให้ร่างกายหยุดทำงานทุกส่วนพร้อมๆ กันเท่านั้น” ปริภูมิพักหายใจ
เรเว่นมองเพดาน ยาบางชนิดสามารถทำให้เกิดอาการเช่นนั้นได้ แต่ระยะเวลาการออกฤทธิ์ไม่นานเท่า และถูกตรวจพบได้ง่ายกว่าเวทมนตร์
บางทีเขาควรจะลองหาวิธีทำให้ยาที่ว่านั่นตรวจสอบได้ยากขึ้น แต่ระยะเวลาการแสดงผลที่มากเกินไปอาจทำให้ตายจริง
“พอรู้สาเหตุแล้ว เขาเลยเอา ‘ผลึกอูริออส’ ที่สลายเวทได้มาสร้างเป็นกล่อง และเอาร่างของฉันใส่ลงไปนอน ปรากฏว่ามันสามารถสลายเวทที่หยุดการทำงานของร่างกายฉันได้”
“เท่ากับว่า ถ้าเขาไม่สลับศพของเซนเซย์ก่อน เซนเซย์ก็จะถูกเผาทั้งเป็นงั้นเหรอคะ” คาร์เดียถามแทรกขึ้น น้ำเสียงนั้นติดจะเนือยๆกว่าที่เคยได้ยิน
บางทีเขาอาจคิดไปเอง
ไม่รู้ว่าจะสนใจเจ้าหล่อนไปเพื่ออะไร เมื่อคิดดังนั้นจึงตัดสินใจเหม่อมองเพดานแทน
“ตามหลักแล้ว ฉันก็ตายไปแล้วนั่นแหละ วิญญาณหลุดออกมาจากร่างแบบนั้นแล้วนี่นะ เพียงแต่ใครจะไปคิดว่ามันเป็นฝีมือของเวทมนตร์ แล้วผลึกอูริออสนั่นดันสามารถสลายมันทิ้งได้ ถือว่าโชคดีที่มีคนสะกิดใจ”
‘ผลึกอูริออส’ สลายเวทมนตร์ คุณสมบัติน่าสน แต่คงทำยาไม่ได้
“ราคาคงสูงลิ่วเสียยิ่งกว่าเพชร” ยกฝ่ามือขึ้นถูหนวดเคราที่เริ่มขึ้นรำไร และประเมินสิ่งนั้นในมือของคาร์เดีย ในตลาดมืดคงเป็นที่ต้องการอยู่ไม่น้อย ให้คนถือถลึงตาจ้องตอบด้วยท่าทางไม่พอใจนัก บางทีอาจกำลังด่าเขาอยู่ในใจ
“ก็แสดงว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่วันก่อนแล้วน่ะสิคะ" มิตังจี้ถาม"ทำไมถึงปิดบังไม่บอกใคร”
“ถ้าบอกเวอกัส เชสเซอร์ก็คงรู้ทันว่าฉันยังไม่ตาย ป่านนี้คงยังจับมันไม่ได้” แม่ทัพยักไหล่ “เอ้อ สรุปผลสงครามวันนี้หน่อยดิเวอกัส”
เสียงกระแอมไอเล็กน้อย ผสานกับเสียงกรนที่ดังขึ้นเป็นจังหวะของโกสต์ ท่าทางช่วงอาทิตย์ที่หายไป ท่านควีนจะอัดยาหนักพอดู เรเว่นคิดถึงปริมาณทั้งหมดที่มันสั่ง มากพอจะฆ่าตัวตายได้สักสามรอบ
“เตาปฏิกรณ์ที่เอเลี่ยนไปป้องกันไว้ ทำให้ฉันสามารถใช้วาร์ปจับตัว ‘เชสเซอร์’ ไว้ได้ ทัพหลักของแฟนตาเซียจึงต้องถอนกำลังถอยกลับไปก่อน”
เชสเซอร์...ปีศาจแห่งแฟนตาเซีย
หากทางเขามีท่านควีนเป็นจอมพลสูงสุด ฝั่งนั้นที่มีตำแหน่งทัดเทียมกันก็คือเชสเซอร์ที่ อยู่ในตำแหน่งสภาสูงมาหลายร้อยปี
แม้จะพูดว่าสภาสูง แต่พวกมนุษย์มีวันตาย ต่างจากหมอนั่น
มันไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอะไรสักอย่างที่ออกจะเหนือจินตนาการ ว่ากันว่าเป็นปีศาจที่ไม่มีวันตาย และสามารถใช้เวทมนตร์บันดาลได้ทุกสิ่ง...
สมกับที่อยู่แฟนตาเซีย
"สมรภูมิทางน้ำ เพราะคาร์เดียป้องกันเสาส่งสัญญาณที่ท่าเรือสวิตช์เอาไว้ได้ จึงสามารถบัญชาการยานบินบนชั้นบรรยากาศให้ยิงถล่มกองเรือของแฟนตาเซียจนต้องถอยทัพกลับไปเช่นกัน แต่เสียดายที่มิคังไปขวางการสร้างบาเรียที่ท่าเรือฝั่งแฟนตาเซียไม่ทัน เราเลยใช้โอกาสนั้นบุกพวกมันต่อไม่ได้”
“เสารับสัญญาณวาร์ปที่เรเว่นกับโกสต์ป้องกันไว้ทำให้การส่งเสบียงไม่ขาดตอน และนำกำลังไปหนุนกองทัพของโครวได้ทันเวลา รีน่าถูกเปลี่ยนภารกิจกะทันหันให้ไปเป็นกำลังหนุนในกองทัพนั้นแทน”
ท่านควีนไอจนตัวโยน
“พอสรุปผลจากสมรภูมิทั้งหมด ตอนนี้เมโทรโปลิสกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ”
แล้วปริภูมิก็หัวเราะ “ทำงานกันดีเกินคาดแฮะ แบบนี้ต้องมีปาร์ตี้แล้วล่ะ”
“งานเลี้ยงต้อนรับคุณปริภูมิกลับมา และฉลองที่ทุกคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย” เสียงรีน่าเหมือนสาวน้อยช่างฝัน
เขายืดกายเล็กน้อย ทุกอย่างดูดีเกินไป ประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกเขาว่าเรื่องดีๆอย่างการปาร์ตี้ในช่วงสงครามเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
อย่างน้อย...ครั้งล่าสุด หลังปาร์ตี้ก็มีคนตาย
ถึงตอนนี้มันจะกลับมายืนค้ำหัวเป็นเจ้านายเขาอีกรอบก็ตามที
“ไปพักผ่อนกันให้เต็มที่ก่อน” ท่านควีนขัดขึ้น เสียงเรียบ “ยังมีภารกิจอื่นๆ รออยู่”
อย่างที่คาด...เรื่องดีๆไม่น่าเกิดขึ้นในช่วงสงคราม...
เขาหันไปมองยัยเด็กผีอีกครั้ง หล่อนกำลังจ้องโต๊ะราวกับพยายามจะหลอมรวมเข้าไปในนั้น
หรือบางทีอาจจะมี?
ยืนยันกับตัวเองว่าควรทวงเวลาที่เสียไปในการไว้อาลัยคืนมา และตัดสินใจว่าควรจะคิดค่ายาของท่านควีนหงส์หยกในราคาของเจ้านายบังเกิดเกล้า
ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมๆกับที่โกสต์ผุดลุกขึ้นจากที่นอนของมัน แหกปากลั่นห้อง
“ฟัคไลฟ์ ไอควิท!”
มันวิ่งออกจากห้องประชุมไปด้วยความเร็วระดับแพะ ให้เขามองตามไป
บางทีเขาควรจะทำแบบนั้นบ้าง
“ไอ้เชี่ยแพะ” ปริภูมิสบถไล่หลัง ไม่แน่ใจว่ามันชูนิ้วกลางตามด้วยหรือไม่ มิคังก็เข้ามาถามถึงเรื่องภารกิจของเขา
ยัยด้วนมีปีก แฟนตาเซีย เวทมนตร์ และโดนแพะขวิด
สัญญาณไฟสีแดงจากสายรัดข้อมือของท่านแม่ทัพกับจอมพลหงส์หยกแสบตา
“แสงสีม่วงส่องขึ้นมาอีกแล้ว” ปริภูมิเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น แล้วเวอร์กัสก็ปิดการประชุมทันที
“วันนี้แยกย้ายได้ พวกฉันขอตัวก่อน”
ความคิดเห็น