คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : 17 - หมาขี้แพ้
เขากางกรงเล็บ โจนเข้าหาแฟนตาเซียที่อยู่ในสายตา
แรงระเบิดหลายๆครั้งนั่นทำให้สติที่ขาดหายกลับคืน แต่มันยังไม่รู้และยังไม่ควรรู้
เรเว่นแยกเขี้ยวและเค้นเสียงคำรามใส่ให้เหมือนยามถูกควบคุมด้วยยา หญิงสาวตวัดสายตามองเขาอย่างระแวดระวัง ในมือเตรียมจุดระเบิดโจมตี เขาโดนไปสามครั้งแล้ว
โถมกายไปข้างหน้าให้เหมือนสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง หญิงสาวปาระเบิดใส่หน้าเขา ไม่มีครั้งที่สี่ เขาเบี่ยงกายหลบ และพุ่งเข้าชาร์จเต็มแรง
หล่อนหลบไม่ทัน ร่างนั้นกลิ้งกระเด็นออกไป เรเว่นเปล่งเสียงหัวเราะจากในลำคอ ฉวยเอาเศษซากปีกทองเหลืองที่อยู่บนพื้นขึ้นและฟาดมันใส่เป้าหมาย
หญิงสาวกลิ้งหลบ ทิ้งเศษดินที่ถูกฟาดจนกระจุยไว้เป็นของต่างหน้า
เวทมนตร์ลูกไฟถูกจุดและซัดใส่เขาเหมือนกระสุนจากปืนไฟในยุคเก่า ได้กลิ่นเนื้อไหม้แต่ไม่รู้สึกถึงสิ่งใด ยาจากคราเคนยังคงทำงานของมันได้ดี แผลพวกนี้จะฆ่าเขาทีหลัง เรเว่นรู้
ร่างของหญิงสาวพลิกไปอีกทาง ลูกไฟอีกลูกเล็งมาที่หน้า เขายกมือขึ้นป้องกัน แม่สาวมีปีก หล่อนทระนงตน หยิ่งผยอง และมองเขาด้วยสายตาของผู้เหนือกว่า มันคิดว่าเขายังโดนยาควบคุม
ไม่เป็นไร ปล่อยให้มันได้คิด แบบนั้นสิดี
ร่างนั้นไถลลอดผ่านหว่างขาเขาไป
"ไม่รู้สึก ใช่ว่าแท้จริงร่างกายจะไม่เจ็บปวด"
หอบเหนื่อย ทว่าคงไว้ซึ่งน้ำเสียงของนางพญา มันพูดถูก แต่ไม่จำเป็นต้องบ้าตอบคำถาม
เสียงประทุ ตามด้วยเสียงร้องของสายฟ้า มันฟาดใส่เขาจากด้านหลัง ทั่วร่างสั่นกระตุก ไม่แรงเท่าครั้งแรก พลังเวทหล่อนคงเหลือน้อยเต็มที
เขาเสือกซากปีกนั่นไปข้างหลัง หมายให้กระแทกใส่ท้อง สัมผัสถึงแรงปะทะ เรเว่นดึงซากขยะนั่น หมุนตัว และหวดลงไปด้วยมือข้างเดียว
สายลมปั่นป่วน ก่อขึ้นเป็นพายุแทนโล่ สะท้อนการโจมตี เศษหินและสายฟ้าหมุนวนอยู่ภายใน เรเว่นถอยหลังซ่อนตัวอยู่หลังม่านของพายุที่หญิงสาวเป็นผู้สร้าง พยายามเรียกสติกลับมาให้เต็มร้อย
บางทีแม่นั่นอาจพยายามรักษาตัวอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของพายุ หรืออาจก้าวไปทางเสารับสัญญาณ ไม่น่าเสี่ยงทั้งสองอย่าง ยาที่ให้ไปน่าจะทำหล่อนให้คิดอะไรไม่สะดวกไปอีกสักระยะ
แพะที่อยู่ห่างออกไปกำลังเล็มหญ้าอย่างไม่คิดจะสนใจตามที่ลั่นไว้
นาโนแมชชีนเหลืออีกครึ่งขวด เขาไม่คิดจะใช้มันอีก ร่างกายสั่นระริก ได้ยินเสียงเล็กๆในสมองกระซิบย้ำ จัดการมันสิ พวกคลั่งไสยศาสตร์น่ารังเกียจนั่น ทำลายมัน
มิรันด้ายืนอยู่ตรงนั้น ห่างออกไปเพียงร้อยเมตร ร่างกายซวนเซ ทว่ายังมีแรงเหลือพอจะใช้เวทมนตร์
ในหัวโล่งว่างไปชั่วขณะ เขาวิ่งเข้าไปด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี ทิ้งซากปีกที่เกะกะต้านลมออกจากมือ ฉวยเอาก้อนหินใหญ่แถวนั้นขึ้น เล็งที่หน้าของคู่ต่อสู้และขว้างมันออกไป หล่อนสร้างเกราะเวทมนตร์อ่อนบางขึ้นป้องกันส่วนบน
จังหวะเดียวกัน เขาทิ้งร่างลงบนพื้น ดินชุ่มน้ำทำให้ลื่นไถล ส่งร่างเข้าไป ถีบเข้าที่ขาข้างที่เป็นไม้ของหล่อนสุดแรง เสียงเป๊าะเบาๆ ชี้ให้เห็นว่ามันหัก
หญิงสาวล้มลง ตกใจชั่วขณะ สร้างลูกไฟขึ้น ช่วงเวลาเดียวกับที่เรเว่นซัดเศษหินและดินในมืออีกข้างเข้าที่ใบหน้าของเธอ
ลูกไฟในของหล่อนวูบดับพร้อมๆกับยกมือขึ้นป้องกันดวงตา เขาจับข้อมือนั่นและกระชาก เหวี่ยงหญิงสาวปลิวออกไปจากระยะของเสารับสัญญาณ ให้เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้
หนี้พันล้านหลอกหลอนอยู่ในหัว ไม่แน่ใจว่าแค่เครื่องเจนเนอร์เรตบาเรียพัง จะโดนปรับด้วยหรือไม่ แต่หากปล่อยให้หล่อนทำลายข้าวของไปมากกว่านี้ ตัวเขาจะยิ่งซวยหนัก
“วิธีขี้ขลาด!” หญิงสาวประนามลั่น นั่งหอบหายใจอยู่บนพื้นที่ไกลออกไปอีกเล็กน้อย การลุกขึ้นทรงตัวด้วยขาข้างเดียวนั้นคงลำบาก หรืออาจเพราะฤทธิ์ยานั่นทำให้เธอไม่มีสติมากพอจะลุกขึ้นหรือใช้เวทมนตร์ได้อีก
เรเว่นหัวเราะ ท่าทางหล่อนจะ รู้ แล้ว แต่เขายังไม่คิดจะเฉลย
ผู้ล่าที่ดี...คือผู้ล่าที่อยู่เหนือเหยื่อ
และเขา...เป็นผู้ล่า
บางสิ่งในหัวกำลังเต้นเร่าอย่างยินดี พวกมันมีความสุขกับความรุนแรงที่กำลังจะเกิด สัญชาติญาณดิบบอกให้เขาทำลายหล่อน ให้มันพังทลาย บดขยี้มัน กระทืบให้จมดิน ส่วนลึกในความคิดเริงร่ากับความรุนแรง ฉลองให้กับการทำลายมัน...แฟนตาเซีย
ก็แค่บี้หัวมันให้เละเหมือนตอนขยี้มด...
เรเว่นสะบัดหัว ไล่ความคิดเหล่านั้น ร่างของหญิงสาวนั่งอย่างอ่อนแรง สายตาว่างเปล่าเลื่อนลอยแสดงให้เห็นว่าเธอถูกยาของเขาครอบงำ
ยาครึ่งเข็มมากเกินไปสำหรับคนที่ไม่เคยลองมาก่อน นึกขอบคุณที่ใช้ตัวเองเป็นมาตรฐานอยู่ในใจ
เขาก้าวเข้าประชิด ยืนค้ำหัวมัน สัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้าเบาบางที่แล่นอยู่รอบตัวหญิงสาว
สู้จนสุดตัว
สปิริตของพวกหยิ่งยโส กระทั่งตอนที่ไม่ไหวก็ยังพยายามเพื่อไม่ให้พ่ายแพ้
"พยายามเหลือเกินนะเอ็ง" เขาหัวเราะในลำคอ เลือกประโยคที่คิดว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจมันที่สุด "ค่าจ้างแพงสิท่า"
กล้ามเนื้อบนใบหน้าหญิงสาวตึงขึ้น "อย่าเอาฉันไปรวมกับคนอย่างคุณ"
เรเว่นเลิกคิ้ว น้ำเสียงมันฟ้องชัดว่าใกล้ไม่ไหวเต็มที "ฉันเป็นแฟนตาเซีย ฉันทำเพื่อประเทศของฉัน"
น่าขำ...
"เอ็งรู้อะไรไหม ยัยด้วน" เขาย่อตัวลง มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น มันฉายแววของคนที่กำลังโดนยาควบคุม แสยะยิ้ม กระซิบเบา "คนกลัวแพ้...สู้คนกลัวตายไม่ได้"
เขาจะหลอกหลอนมัน
สีหน้านั้นพยายามต่อต้าน ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ รู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่กำลังละลายหายไป ร่างกายเขากำลังคืนสู่สภาพเดิม “ถ้าเอ็งยังสู้เหมือนหมาจนตรอกไม่ได้...เอ็งก็ชนะคนโสโครกอย่างข้าไม่ได้”
ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบเอายาอีกเข็ม จ่อคอของหญิงสาวที่ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน มองดูยาที่ลดลง และสีหน้าหวาดหวั่นนั่น
“ต่ำช้าสิ้นดี” น้ำเสียงหล่อนแหบพร่า เป็นไปได้ว่าอาจอยากด่าเขามากกว่านี้ แต่คิดคำอื่นไม่ออกอีกแล้ว
อะไรคือต่ำช้า? เขาไม่รับรู้ ร่างกายของหญิงสาวกำลังสั่น ดวงตาเลื่อนลอยแดงก่ำ
เรเว่นไม่เคยฆ่า และไม่คิดจะฆ่า เขาไม่ใช่ฆาตกร...เป็นไม่ได้แม้แต่วีรบุรุษสงคราม
หมาขี้แพ้ก็คือหมาขี้แพ้
“ไม่มีใครเข้าใจฉัน...” น้ำเสียงนั่นเหมือนเพ้อ “เกิดมาผิดที่ผิดทาง ซ้ำยังพิการ ถูกรังเกียจไม่ใช่เรื่องสนุก”
บางทียาของเขาอาจจะทำงานดีเกินไป...หล่อนตกไปอยู่ในห้วงความคิดตัวเองสมบูรณ์แบบ
“ไม่มีใครยอมรับฉัน...แค่เพราะเลือดเมโทรโพลิสนี่...ฉันทำได้หลายอย่างกว่าที่เขาคิดไว้เสียด้วยซ้ำ ฉันน่ะ…”
ชายหนุ่มถอยออกห่าง รู้สึกเหมือนประสาทจะกิน เจ้าหล่อนกำลังเริ่มพร่ำเพ้อถึงชาติกำเนิด ชีวิตอันแสนรันทดน่าสงสาร ลุงจอมเวทที่ถูกฆ่า ปีกทองเหลือง พลังน้อย และบ้าบอคอแตก กินเวลาเกือบสิบนาทีแล้วยังไม่จบ
น้ำตากำลังจะไหล...ไม่ใช่เพราะความสงสาร
รำคาญจนพูดไม่ออก
แพะเดินเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขานวดขมับ หันไปมองมัน เห็นว่าทุ่งหญ้าที่เคยมีกลับกลายเป็นดินเตียนโล่งสีน้ำตาล เหลือแค่บริเวณที่เขาอยู่ที่ยังพอมีหญ้าหลงเหลืออยู่บ้าง
ในปากมันยังเคี้ยวหญ้าหยับๆ อาจเป็นคำสุดท้าย หญิงสาวยังคงพร่ำพรรณาถึงชีวิตแสนเศร้า ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเรื่องของพี่ป้าข้างบ้านหรือลุงของคนที่อยู่ถนนฝั่งตรงข้าม เรเว่นแน่ใจว่าแพะกำลังทำหน้าเบื่อหน่ายไม่ก็รำคาญในแบบของแพะ
เขามองหน้ามัน หัวแพะผงกลงเล็กน้อย เหมือนเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง ก่อนที่เขาจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อกาวน์ หยิบเอายาอีกเข็มขึ้นมา
และปักคอแพะ
ไม่ต้องรอถึงสิบนาที...อาจจะแค่สาม… ร่างกายของสัตว์ต่างจากมนุษย์
ร่างกายแพะขยายใหญ่ขึ้น กล้ามเนื้อที่ปูดโปน เห็นเขี้ยว...
เพิ่งรู้ว่าแพะก็มีเขี้ยวได้...
“ตัวใหญ่ดีนี่” เขาทัก แต่มันไม่ตอบอะไร
ร่างนั้นเดินไปยังมิรันด้าที่ยังคงพร่ำเพ้อ เสียงหล่อนสั่นเครือ ดูเหมือนจะเงียบไปเมื่อเงายักษ์พาดทับ หล่อนเงยหน้ามองสัตว์ประหลาดตัวที่สอง กำลังตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง
แล้วแพะก็ถาม…
“มึงจบยัง?”
และก่อนจะได้คำตอบ เรเว่นก็เห็นแพะยักษ์ขวิดหญิงสาวด้วยพละกำลังน่าสะพรึง กระเด็นกลับไปยังทิศของประเทศที่จากมา
“ขวิดมันไปไหนวะ?” เขาฉีดยาแก้เครียดเข้าไปในเส้นเลือด
“ไม่รู้ดิ” แพะยักษ์ยักไหล่
“คงไปฟื้นฟื้นแถวๆชายแดนแฟนตาเซียล่ะมั้ง”
ความคิดเห็น